Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
อย่าฝากปลาย่างไว้กับแมว

อย่าฝากปลาย่างไว้กับแมว

K-RITA

5.0
ความคิดเห็น
6.3K
ชม
30
บท

พ่อกับแม่ต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศเกือบสัปดาห์ จึงได้ฝากฝัง 'นิชา' ลูกสาวสุดที่รักไว้กับ 'สมยศ' เพื่อนสนิทที่ 'เคย' เอ็นดูนิชาในเหมือนลูกหลานแท้ ๆ ส่วนสถานะใหม่ที่เขากำลังจะมอบให้เธอ ก็คือ...

บทที่ 1 1

“น้องแนนจำทางได้ใช่ไหมลูก พ่อกับแม่ไม่ได้ไปด้วยเป็นห่วงหนูจัง”

“โธ่ แม่คะ แนนไปบ้านคุณลุงตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนะแค่นี้จิ๊บ ๆ ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบมารดาขณะที่สายตายังคงโฟกัสกับการขับรถบนถนนใหญ่

“จิ๊บ ๆ ก็จิ๊บ ๆ พ่อกับแม่ฝากคิดถึงคุณลุงด้วยนะลูก”

“ค่ะแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะเดี๋ยวถึงแล้วแนนจะโทรบอก” พูดจบเธอก็วางสายโทรศัพท์เพื่อที่จะมีสมาธิกับการขับรถได้เต็มที่

รถคันสวยมุ่งหน้าไปยังบ้านของลุงยศคนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายที่ทำงานของคุณพ่ออย่างคุ้นเคยถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาสักพักตั้งแต่เธอเข้ามหาวิทยาลัย แต่ด้วยเพราะเป็นเส้นทางที่เธอขับผ่านบ่อย ๆ เลยทำให้จำได้อัตโนมัติว่าต้องขับไปยังไง

วันนี้ที่เธอต้องไปบ้านลุงยศเนื่องจากคุณพ่อกับคุณแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศถึงสามวันพวกท่านจึงกลัวว่าเธอที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวจะอันตรายเกินไป เลยฝากเธอไว้กับลุงยศซึ่งเป็นหัวหน้าที่สนิทกันของคุณพ่อให้ช่วยดูแล

ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มกว้างเมื่อเธอมองเห็นบ้านปูนสองชั้นขนาดกลางที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ

เธอบีบแตรรถสองสามครั้งไม่นานชายวัยสามสิบกว่า ๆ ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็วิ่งออกมาเปิดประตูให้

“สวัสดีค่ะลุงยศ” แนนยกมือไหว้เจ้าของบ้านหลังจากที่ลงจากรถแล้ว

ลุงยศที่อยู่ในชุดกางเกงผ้าแพรขายาวสีเข้ม เสื้อยืดคอกลมสีขาวให้ความรู้สึกราวกับผู้ใหญ่ใจดี ทำให้เธอที่ไม่ได้เจอกับลุงยศนานรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“สวัสดีจ้ะหนูแนน” สมยศยกมือรับไหว้เด็กสาวรุ่นลูกอย่างยิ้มแย้ม สายตากวาดมองหญิงสาวที่เขาไม่ได้เจอเกือบสามปีตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า กระโปรงนักศึกษาที่สั้นแค่คืบ กับเสื้อรัดรูปตามสมัยนิยมทำเอาคนที่แอบมองกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

เด็กที่ใส่ชุดนักเรียนคอซองวันนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงหญิงสาวสุดเซ็กซี่ตรงหน้าเขานี้เท่านั้น

ไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าจะเป็นคนเดียวกัน

“หนูขอรบกวนสักสองสามวันนะคะ”

เสียงหวานที่ลอยเข้ามาในโสตประสาท ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ คนกันเองทั้งนั้นอีกอย่างเราเป็นสาวเป็นแส้อยู่บ้านคนเดียวมันอันตราย” สมยศบอกอย่างใจดีทั้งสายตายังไม่ละจากหน้าอกคู่งามที่เด่นนูนออกมาเกินหน้าเกินตา จนเขากลัวว่ากระดุมเม็ดนั้นจะรั้งเอาไว้ไม่ไหว

“แล้วนี่เราเอาอะไรมาบ้างล่ะ มา ๆ เดียวลุงขนช่วย”

“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูมีกระเป๋าเดินทางแค่ใบเดียวเองสบายมาก” แนนปฏิเสธคนที่กำลังจะเข้ามาช่วยอย่างเกรงใจ ขณะที่ดึงกระเป๋าออกจากกระโปรงรถ

“ว้าย!”

เพราะน้ำหนักของกระเป๋าหนักกว่าที่คิดไว้ทำให้เธอรับน้ำหนักของมันไม่ไหว บวกกับรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดที่ใส่อยู่จึงทำให้เธอเสียหลักล้มไปนอนก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น

“หนูแนน!” สมยศที่เห็นหญิงสาวร้องเสียงหลง ก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยอย่างตื่นตกใจ

“เดินไหวไหม” เขาถามพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นยืน โดยเอาแขนข้างหนึ่งมาพาดคอของเขา ขณะที่สมยศก็ใช้มือประคองเอวเล็กเอาไว้ไม่ให้ล้ม

“ไหวค่ะ อ๊ะ!” แนนร้องขึ้นเมื่อยืนเต็มความสูงรู้สึกว่าขาของเธอเจ็บกว่าที่คิดจนหญิงสาวทรงตัวเองไว้ไม่อยู่ ยังดีที่มีลุงยศคอยประคองเธอเอาไว้ไม่อย่างนั้นคงต้องร่วงลงไปนอนกับพื้นอีกสักหน

แต่ว่า

“ระวังหน่อย”

เสียงเตือนเบา ๆ ดังอยู่ข้างหูไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่เท่ากับตอนที่รู้ว่ามือของลุงยศตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เอวของเธอแต่เป็น…หน้าอก

ลุงยศกำลังจับหน้าอกของเธอ

นิชาหน้าแดงซ่านอย่างเขินอายเพราะตั้งแต่โตขึ้นมานอกจากแฟนหนุ่มของเธอที่เลิกกันไปแล้วคนอื่นก็ไม่เคยมีโอกาสได้จับ แต่เธอคิดว่าครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุเพราะลุงยศหวังดีช่วยไม่ให้เธอล้มดังนั้นเธอจึงไม่ควรโกรธคุณลุง

ถ้าจะบอกอีกคนว่ากำลังจับหน้าอกเธออยู่ก็รู้สึกกระดากปากดังนั้นแนนจึงได้ปล่อยให้เลยตามเลย

ทางฝั่งสมยศเมื่อรู้ว่าสาวเจ้าไม่เอาเรื่องอะไรที่เขาเผลอกอบกุมหน้าอกคู่งามไว้เต็มมือ ก็ยิ่งได้ใจ เขาพาลูกสาวของลูกน้องคนสนิทเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้า ๆ แกล้งเดินเซบ้าง จะล้มบ้างเพื่อที่จะได้ถือโอกาสบีบขย้ำภูเขาไฟลูกโตที่แน่นทะลักจนล้นมือเขาตอนนี้

กว่าจะเดินเข้ามาในบ้านได้นิชาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่หลุดเสียงครางออกมา เพราะทุกครั้งที่คุณลุกออกแรงบีบขย้ำหน้าอกของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจความรู้สึกดีแปลก ๆ ก็วิ่งเข้ามาเกาะกุมจิตใจอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

โดยเฉพาะตรงใจกลางความสาวที่เริ่มเปียกชื้นขึ้นมาเพียงแค่ถูกสัมผัสหน้าอก

อยากจะตีตัวเองให้ตาย

“นั่งก่อน ๆ เดี๋ยวลุงไปเอาน้ำมาให้”

ร่างของเธอถูกว่างลงที่โซฟาตัวยาวก่อนที่ลุงยศจะรีบผละออกไปยกน้ำมาให้ นิชามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปเรื่อย ๆ อย่างรู้สึกเสียดาย

อยากให้จับมากกว่านี้

ขย้ำแรงมากกว่านี้

นิชายกมือขึ้นสัมผัสหน้าอกตัวเองตำแหน่งเดียวกับอีกคนที่เพิ่งเดินห่างออกเคยสัมผัส มันรู้สึกดีกว่าทุกครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอรีบลดมือลงไว้ที่หน้าขาดังเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมกับสลัดความคิดแปลก ๆ ของหัวเองให้ออกไปจากหัว

นี่แกโสดมานานจนเพ้อเลยหรือไง... หญิงสาวบ่นกับตัวเองในใจ

มันคงเป็นเพราะเธอโสดทำให้ห่างหายจากเรื่องพวกนี้ไปสักพักทำให้เวลาโดนแตะนิด ๆ หน่อย ๆ อารมณ์ที่เลยขึ้นง่ายกว่าปกติ

ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้นแหละ

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ต้องมนต์บุปผา

ต้องมนต์บุปผา

โรแมนติก

5.0

หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

โรแมนติก

5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

มหาเศรษฐี

4.9

เมื่อองค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ถูกวางยาปลุกกำหนัดในคืนวันอภิเษกสมรส... จิรัชยาเป็นเพียงลูกของนางบำเรอของอัครมหาเสนาบดีประจำมหานครฟาดิลาห์ หน้าที่ของลูกนอกสมรสอย่างหล่อนก็คือคอยรับใช้ ฮันนา ว่าที่องค์สุลตาน่า ความทุกข์แสนสาหัสเดียวในใจของหล่อนก็คือการแอบหลงรักจ้าวผู้ครองแคว้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วความฝันของหล่อนก็เป็นจริง เมื่อหล่อนได้นอนอยู่ใต้ร่างขององค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ แต่คืนนั้นมันเป็นคืนแต่งงานของเขากับฮันนา...! “ยังไม่รีบไสหัวลงไปจากเตียงอีกหรือ!” กายสาวบอบช้ำยังไม่ทันได้ขยับลงจากแท่นบรรทมก็ถูกเขาผลักไสแรงๆ จนกลิ้งตกลงมากองกับพื้นห้องไม่ต่างจากเศษขยะสกปรก น้ำตาแห่งความปวดร้าวไหลพรากออกมาราวกับสายฝน “หม่อมฉัน... ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉัน...” จิรัชยาพยายามจะอธิบาย แต่เสียงเกรี้ยวกราดขององค์สุลต่านแผดดังก้องขึ้นเสียก่อน หล่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “เธอกล้ามากนะที่วางยาฉัน!” “หม่อมฉัน... ไม่รู้เรื่องนะเพคะ หม่อมฉัน... ไม่ได้ทำ...” หล่อนสะอื้นได้อย่างน่าเวทนา แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาจากชายผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย “ถ้าเธอไม่ได้ทำ งั้นก็คงเป็นแม่ของเธอสินะที่ทำ จิรัชยา!”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ