Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
คลั่งรักเมียครึ่งคืน

คลั่งรักเมียครึ่งคืน

B.J.

5.0
ความคิดเห็น
4.1K
ชม
28
บท

นิยามความรักของเขาคือ "เธอต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น"

บทที่ 1 1

จิรภัทรกรอกเหล้าเข้าปากขณะจับตามองน้องสาวเพื่อนที่เขาหมายตามานานหลายปี

เขาเฝ้าตามจีบเธอมานานตั้งแต่แตกเนื้อสาว แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือความว่างเปล่า รังรองใจแข็งมาก และเธอก็ทำท่าเหมือนกับว่าจะโปรยเสน่ห์ไปทั่ว ให้ผู้ชายมารุมล้อม

เพื่อนสนิทของเขากับเจ้าสาวขึ้นไปพูดกับแขกบนเวที จิรภัทรจึงเดินเข้าไปหาน้องสาวเพื่อนในทันทีที่ได้โอกาส

แค่รังรองเห็นเขาก็ทำหน้าเบื่อหน่าย จิรภัทรหน้าตึง แล้วความรู้สึกว่าตัวเองโดนวางยาก็ทำให้เขาต้องดึงเธอออกมาจากงาน

เขาไม่ได้คิดที่จะล่วงเกินเธอเลย แต่เพราะทุกอย่างมันเป็นสถานการณ์บังคับ

จิรภัทรอยากได้รังรองแบบที่เธอเต็มใจ ไม่ใช่รวบหัวรวบหางเธอแบบนี้ แต่เขาก็ทานทนต่อฤทธิ์ยาไม่ไหว

รังรองร้องไห้ในความใจร้ายของเขา แต่ก็สู้แรงชายไม่ได้ เธอตื่นมาอีกครั้งจึงรีบหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ ในขณะที่เขากำลังหลับอยู่

พี่ชายโทร. มาหา เธอก็กลับถึงบ้านพอดี เรื่องราวของพี่ชายยังไม่ทันเรียบร้อย เธอก็ต้องมาปวดหัวกับเรื่องของตัวเองอีก

รังรองบีบขมับตัวเองเบา ๆ มองโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่หยุดเพราะมีสายเรียกเข้าจากจิรภัทร และข้อความจากเขาอีกเป็นร้อยข้อความ

รังรองเก็บตัวเงียบไม่ออกไปไหน เธอพยายามช่วยให้พี่ชายได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกเป็นครอบครัวสุขสันต์ เพื่อชดเชยในสิ่งที่มารดาทำไม่ดีเอาไว้ในอดีต

ในที่สุดครอบครัวของพี่ชายก็กลับมาอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง หลังจากที่พี่ชายเลิกรากับเมียแต่งที่ไม่ได้รัก และเขี่ยหล่อนออกไปจากชีวิตได้เป็นผลสำเร็จ

“แกเป็นอะไรรึเปล่าไม่เห็นออกจากบ้านเลย” เริงฤทธิ์เอ่ยถามน้องสาวที่กำลังนั่งจิบเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอยู่ในสวนหลังบ้าน

“เริงไม่ออกจากบ้านแล้วทำให้พี่ฤทธิ์ขวางหูขวางตาเหรอคะ”

“แกนี่มัน” เริงฤทธิ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้าของน้องสาว

“แล้วพี่ไม่ออกไปไหนเหรอคะ”

“กำลังจะออกไปข้างนอก ฉันจะมาบอกแกว่ามีคนมาหา”

“ใครกันเหรอคะ”

“มาโน่นแล้ว คุยกันเอาเองนะ เขาบอกว่าแกโกรธเขาเลยมาง้อ” เริงฤทธิ์พูดจบก็ลุกขึ้น ทำให้รังรองหันไปมองตามสายตาพี่ชาย

“พี่ฤทธิ์อย่าเพิ่งไป” ดูเหมือนว่าประโยคของเธอจะไม่เป็นผล เริงฤทธิ์เปิดโอกาสให้เพื่อนของเขาเหมือนเคย

“มีอะไรก็คุยกัน อย่างอนให้มาก เดี๋ยวขายไม่ออก” เริงฤทธิ์โยกศีรษะน้องสาวไปมาจนผมยุ่ง ทำให้รังรองต้องค้อนพี่ชายเสียวงใหญ่

“เดี๋ยวก่อนครับน้องเริง คุยกับพี่ก่อน” จิรภัทรรีบเข้ามาดักหน้าของเธอเอาไว้ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้า พร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้หญิงสาว

“พี่จอมทำอะไรคะนี่” รังรองตกใจ แต่ก็เข้าใจได้

จิรภัทรมักทำแบบนี้ เขาเคยขอเธอเป็นแฟน เคยขอความรัก เคยตามจีบ แล้วก็ชอบเอาดอกไม้มาคุกเข่าตรงหน้าเธอแบบนี้ แต่เธอไม่เคยรับไมตรีจากเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอยังไม่อยากมีครอบครัวตอนนี้ เธอยังอยากใช้ชีวิตโสดไปอีกหลายปี

เธอรู้จักกับจิรภัทรตั้งแต่เด็ก นับถือเขาเป็นพี่ชาย แต่ไม่คิดว่าเขาจะคิดกับเธอมากว่าน้องสาวเช่นนี้

“พี่ขอโทษ คืนนั้นพี่โดนวางยา” เขาไม่รู้ว่าใคร เพราะรับเครื่องดื่มมาจากผู้หญิงหลายคน ตอนดื่มก็เอาแต่มองรังรอง เลยไม่ได้สนใจว่าใครยื่นเครื่องดื่มอะไรให้บ้าง

แค่เห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น เขาก็แทบคลั่ง เขาตามจีบเธอมานานหลายปี เธอยังไม่ยอมใจอ่อนกับเขาอีก

“พี่จอมจะพูดกับเริงเท่านี้ใช่ไหมคะ เอาเป็นว่าเริงรับรู้และเข้าใจ ว่าพี่จอมโดนวางยาค่ะ” รังรองทำท่าจะเดินหนี แต่เขาก็รีบวิ่งมาดักหน้าเธอเอาไว้

“พี่รักเริง แต่งงานกับพี่นะ”

“เริงเคยบอกพี่จอมไปแล้วว่าเริงยังไม่อยากมีครอบครัว เริงยังไม่อยากรับผิดชอบชีวิตใคร”

“ถ้ามีลูกพี่เลี้ยงให้เอง” ประโยคของเขาทำให้รังรองกะพริบตาปริบ ๆ

“พี่จอมไม่หาคนอื่นที่เขาพร้อมจะเป็นแม่ของลูกให้พี่ล่ะคะ”

“หยุดไล่พี่ให้ไปหาคนอื่นสักที ถ้าชาตินี้พี่ไม่ได้แต่งงานกับเริง พี่ก็จะไม่มีเมียอีกเด็ดขาด”

“งั้นก็แล้วแต่พี่จอมเถอะค่ะ”

“แต่เธอเสียตัวให้พี่แล้วนะ”

“การที่ผู้หญิงเสียตัว หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นหรือคะ ถ้าผู้หญิงคนนั้นโดนข่มขืนล่ะคะ ก็ต้องยอมรับผู้ชายคนนั้นมาเป็นผัวหรือคะ” รังรองเอ่ยถาม ก่อนจะเดินหนี แต่จิรภัทรไม่ยินยอม

“ที่โยกโย้ไม่อยากแต่งงานกับพี่เพราะอยากให้ผู้ชายมารุมจีบทีละหลาย ๆ คนอย่างนั้นใช่ไหม” เขาจำประโยคของขวัญภิรมย์ เพื่อนของเธอเมื่อหลายวันก่อนได้ดี รังรองชอบเล่นตัวเพื่อหลอกล่อให้ผู้ชายคนอื่นมารุมจีบ และเขาก็เห็นว่ามีผู้ชายมารุมจีบเธอตั้งหลายคน

ตอนเรียนอยู่ต่างประเทศก็มีลูกท่านฑูต ลูกนักธุรกิจนักการเมือง และฝรั่งตาน้ำข้าวรุมจีบเธอมากมาย เรียกว่าเธอเป็นสาวฮอตก็ย่อมได้ แต่หนุ่ม ๆ พวกนั้นก็ต้องกินแห้ว ขนาดเซอร์ไพร้ส์เอาแหวนเพชรไปขอแต่งงาน เธอยังปฏิเสธจนเป็นที่โจษจันกันไปทั่วว่าเธอใจแข็งมาก และพยายามทำให้ตัวเองยิ่งเป็นที่หมายปองของผู้ชายมากขึ้น

“ถ้าพี่จอมคิดแบบนั้น เริงก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ” เธอบิดแขนออกจากข้อมือของเขา

“พี่ตามจีบเริงมาตั้งเก้าปี เก้าเดือน เก้าวันแล้วนะ ใจอ่อนกับพี่เสียทีเถิด” จิรภัทรเอ่ยขึ้น ทำให้รังรองต้องกะพริบตา มองหน้าเขาอย่างเหลือเชื่อ

“พี่จอมนับด้วยเหรอคะ” เธอไม่คิดว่าเขาจะนับวันเวลาที่จีบเธอด้วย จำได้ว่าเขาจีบเธอตั้งแต่อายุสิบห้าย่างสิบหก ตามจีบ ตามหึง ตามหวง วันวาเลนไทน์ก็เอาดอกไม้กับช็อกโกแลตมาให้ทุกปี ทุกเทศกาลไม่ว่าวันปีใหม่ วันเกิดเขาก็ไม่เคยลืมที่จะมอบของขวัญให้เธอ

แต่ตอนนั้นเธอยังเด็ก ยังอยากทำอะไรอีกหลายอย่าง จึงไม่ได้รับรักเขา และคิดว่าในอนาคตเขาก็คงเจอผู้หญิงที่ดีกว่า

“นับสิ พี่ตามจีบเธอครั้งแรกตอนอยู่ม.สี่เทอมหนึ่ง” เขาบอกวันเวลาจีบ จนรังรองต้องอึ้งอีกรอบ

“เริงขอโทษพี่จริง ๆ นะคะ” รังรองรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องมาเสียเวลากับเธอแบบนี้

“เริงขอโทษพี่ทำไมครับ”

“ขอโทษที่เริงทำให้พี่เสียเวลากับเริงขนาดนี้น่ะค่ะ คือเริงยังไม่พร้อมมีครอบครัว เริงอายุยังน้อย เริงมีความฝันที่อยากทำอีกตั้งหลายอย่าง”

“แต่งงานแล้วทำตามฝันได้นะเริง พี่ไม่กีดกัน พี่จะให้อิสระเริง”

“ขอเริงคิดก่อนได้ไหมคะ” รังรองยังไม่ตบปากรับคำ เพราะจิรภัทรไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น เขาขี้หึงมาก และมีเรื่องผู้หญิงรายล้อมรอบกายเขาไม่เว้นแต่ละวัน เขาต้องเคลียร์ตัวเองก่อน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.

ข้อมูลเพิ่มเติม
หวานใจเฮียเจ้า

หวานใจเฮียเจ้า

โรแมนติก

5.0

โปรย หวานใจเฮียเจ้า ปิ่นเพชรยืนมองประตูห้องน้ำอย่างลังเล เขากำลังอาบน้ำเช่นนี้ เธอควรจะเข้าไปดูแลเขาไหมนะ เขาไม่เคยเรียกร้อง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ถ้าเขาจะทำอะไรก็ควรทำสักที เธอมาอยู่กับเขาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ตัดสินใจได้ดังนั้น ปิ่นเพชรก็ทะลึ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำของเขาในทันที เจ้าทัพตกใจเมื่อจู่ ๆ เธอก็โผเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ในขณะที่เขาเองก็กำลังเปลือยเปล่าอยู่ “มีอะไร” เขาเอ่ยถามเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ ไม่คิดว่าเธอจะโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ “คือปิ่นจะมาช่วยอาบน้ำให้คุณน่ะค่ะ” คนบอกว่าจะมาช่วยอาบน้ำกอดเขาเอาไว้แน่น ไม่กล้าผละออกห่างหรือเงยหน้ามองเขาเพราะอาย “จะมาช่วยอาบน้ำให้ผม แต่กอดผมเอาไว้ซะแน่นแบบนี้จะอาบได้ยังไงกันครรับ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางกลั้นยิ้มเอาไว้ “ก็คุณโป๊อยู่” “มาช่วยผมอาบน้ำก็ต้องรู้สิครับว่าผมโป๊” “เอ่อ...” เธออึกอัก เขาจึงค่อย ๆ ดันเธอออกห่าง ก่อนจะมองหน้าเธอไม่วาง เจ้าทัพทาบริมฝีปากลงไปหาริมฝีปากน้อยสั่นระริกของเธอ เธอเกร็งตัวหลับตาแน่น จิกมือเข้าที่บ่าของเขา ท่าทีของเธอบอกว่ากำลังหวาดกลัว และไม่พร้อม ทำให้เขาต้องละริมฝีปากออกห่าง เมื่อเขาจูบลงไปแต่เธอกลับปิดปากแน่น “คุณไม่ต้องฝืนใจตัวเองหรอกนะ ผมไม่บังคับคุณจนกว่าคุณจะเต็มใจ” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงักและอึ้งไป

หวานใจเฮียเจตน์

หวานใจเฮียเจตน์

โรแมนติก

5.0

“เดี๋ยวพลอยไปเอาเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วกันค่ะ” เขาทำท่าจะตามมา เธอเลยรีบปรามเอาไว้ “พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพลอยดีกว่า ยืนรอตรงนี้มันหนาว” “ไม่ได้ค่ะ” “กลัวพี่เหรอ” “กลัวค่ะ” เธอตอบตามตรง จะไปอวดดีว่าไม่กลัวเขา เดี๋ยวก็เจอดีเข้าหรอก “พี่ไม่ทำอะไรหรอก ถ้าพลอยไม่ยอม” “แน่ใช่ไหม” เธอพูดอย่างไม่ไว้ใจ “แน่ครับ” เขาเอานิ้วไปเกี่ยวไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะฉีกยิ้มให้เธออย่างบริสุทธิ์ใจ “พลอยไม่ไว้ใจพี่เจตน์หรอกค่ะ พี่น่ะเสือผู้หญิง รออยู่นี่แหละค่ะ พลอยจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้” เธอรีบตัดบท ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ พลอยไพลินเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดให้เขา พอหันมาก็ต้องสะดุ้ง “อุ๊ย! พี่เจตน์เข้ามาตอนไหนคะ พลอยบอกว่าให้รออยู่ข้างนอกไง” “ห้องน้องพลอยเรียบร้อยจังเลยครับ หอมด้วย” เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากห้องนอนของเธอ “ชุดพี่เจตน์ค่ะ” เธอยื่นให้เขา เขาก็รับมาถือเอาไว้ “ชุดน้องพลอยหอมจังเลยครับ” เจตน์ยกขึ้นมาดม ก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ “เวลาพี่เจตน์จีบผู้หญิงก็ใช้มุขนี้เหรอคะ” “พี่ไม่เคยจีบผู้หญิง” “จะบอกว่าผู้หญิงวิ่งเข้าหาพี่เองเหรอคะ” “น้องพลอยเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” “...” เธอเงียบไม่ได้ตอบโต้ “หึงพี่เหรอ” เขาเดินเข้าหา ก่อนจะใช้มือดันไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ใครจะไปหึงพี่กันล่ะคะ” “น้องพลอยก็เปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนชุดพร้อมพี่ไหม” “อุ๊ย! อย่ามาลามกกับพลอยนะคะ” เธอยกขึ้นกอดอกเมื่อเขาหลุบสายตามองต่ำลง “ยังไม่ตอบเลยว่าหึงพี่เหรอ” เขาขยับเข้าไปใกล้ พลางกระซิบถามตรงริมหู ลมหายใจร้อนแรงของเขาเป่ารดอยู่ตรงพวงแก้มหอมกรุ่น “ไม่ได้หึงค่ะ” เธอตอบเขาออกไป ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด การใกล้ชิดกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายแบบเขา ทำให้เธอใจสั่น พยายามจะอยู่ให้ไกลจากเขา เพราะรู้ว่าหัวใจตัวเองคงทานทนไม่ไหว แต่ก็เผลอเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่ร่ำไป “อย่าค่ะ” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะก้มลงมาประทับริมฝีปากกับกลีบปากหวานฉ่ำของเธอ

ยังคงรักกันอยู่ไหม

ยังคงรักกันอยู่ไหม

โรแมนติก

5.0

โปรย ยังคงรักกันอยู่ไหม ความรักที่หวานชื่นจบลงเพราะความหลอกลวง หัวใจเจ็บปวดชอกช้ำเจียนตายเมื่อวันที่เขาเลือกอีกคน เธอกลับรักเขาหมดใจ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ทำไมถึงชอบเซ้าซี้ รู้ไหมว่ามันน่ารำคาญ” “พี่ปราบ” พลอยฟ้าสะอึกอึ้ง เพราะปราบไม่เคยพูดจาแบบนี้กับเธอ “พลอยขอโทษค่ะ” “พี่ไปละ อย่าทำตัวน่าเบื่อน่ารำคาญแบบนี้ได้ไหม” “ที่รีบไปเพราะจะรีบไปกินข้าวเช้ากับผู้หญิงในรูปคนนั้นใช่ไหมคะ” พลอยฟ้าเอ่ยถามทั้งน้ำตา “นี่อย่างี่เง่าได้ไหม” ปราบเท้าสะเอวมองคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา “พี่ปราบเคยรักพลอยจริงไหมคะ” “ไม่เอาน่าพลอย” ปราบแพ้น้ำตาผู้หญิง เขาจึงเข้าโอบกอดเธอเอาไว้ “พี่ปราบตอบมาสิคะ” “ถ้าไม่รักพี่จะแต่งงานเหรอคะ แต่พลอยอย่าร้องไห้แบบนี้ได้ไหม พี่รู้สึกแย่” “ขอโทษค่ะที่พลอยทำให้พี่ต้องอึดอัดใจ” ************************************************* ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้” พลอยฟ้าเอ่ยถามเสียงสั่น ทำไมผู้ชายที่เธอรักถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ “พี่ก็คิดว่าจะเลี้ยงดูเธอให้ดี ในฐานะเมียอีกคน เธอก็ไม่น่าไปอาละวาดในงานแบบนั้นเลย” “พลอยอาละวาดตรงไหนคะ พลอยถามดี ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พี่ต่างหากที่ไม่ชัดเจน รักพี่เสียดายน้องอยู่ได้” “พี่เปล่า” ปราบปฏิเสธ เพราะเขาไม่ได้ทำแบบนั้นเลย พยายามให้เธอกลับไปก่อนก็แค่นั้นเอง “คนเลวแบบพี่กล้าปฏิเสธหน้าด้าน ๆ” พลอยฟ้าฉุดอารมณ์ไม่อยู่ “นี่จะมากไปแล้วนะ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอที่มาด่าว่าพี่เลว” ปราบบีบแขนของเธอจนจบ ก่อนที่จะเขย่าจนร่างแรง ๆ “โอ๊ย! พลอยเจ็บนะพี่ปราบ” “อย่ามาปากดีกับฉันอีก” ปราบผลักร่างของพลอยฟ้าออกห่างด้วยความโมโห “ทำไมพี่เลวแบบนี้” “ก็เธอยั่วโมโหพี่ก่อน ผู้หญิงจืดชืดแบบเธอได้พี่เป็นผัวก็ดีแค่ไหนแล้ว” “พี่คิดแค่นี้จริงน่ะเหรอ คิดแค่นี้จริง ๆ ใช่ไหม” พลอยฟ้าเอ่ยถามทั้งน้ำตา รู้สึกหนักอึ้งไปหมดทั้งอก “หยุดร้องไห้ได้แล้ว” “พี่ปราบเลือกเธอใช่ไหม” “ใคร” “แก้วอัปสร” พลอยฟ้าเอ่ยถามเป็นครั้งสุดท้าย “ต้องการคำตอบแบบไหนล่ะ” เขายังเล่นลิ้น ไม่ชอบให้ใครคาดคั้น ด้วยว่าหล่อเลือกได้ ผู้หญิงคนไหนก็อยากได้เขาด้วยกันทั้งนั้น “ถ้าพี่เลือกเธอพลอยจะไปค่ะ จะไม่มาให้เห็นหน้าอีก พลอยจะยอมหย่าให้พี่ดีๆ แบบไม่เรียกร้องอะไร” พลอยฟ้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “นี่กล้าท้าเลิกกับผัวเชียวหรือพลอยฟ้า คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถ้าหลุดจากพี่ไปจะมีผู้ชายหน้าโง่คนไหนมาเอาผู้หญิงเชย ๆ แบบเธออีก” “นี่คือสิ่งที่พี่คิดมาตลอดเลยใช่ไหมคะ” เขาเคยทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงที่รัก มีคุณค่าประดุจดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ของเขา แต่นี่คือเนื้อแท้ก้นบึ้งหัวใจที่เขาคิดอย่างนั้นเหรอ “รู้ไหมว่าตอนนี้เธอน่ารำคาญมาก ถ้าพี่จะเลือกใครก็เป็นสิทธิ์ของพี่ พี่เป็นฝ่ายเลือก เธอเป็นฝ่ายถูกเลือกก็ต้องรอ” “งั้นพลอยไม่รอแล้วค่ะ เราหย่ากันให้เรียบร้อย พลอยคืนอิสรภาพให้พี่ตอนนี้เลย ใบหย่าพลอยจะจัดการส่งไปให้นะคะ” เธอเอ่ยกับเขาเสียงสั่นแต่มุ่งมั่น “เธอเลือกเองนะพลอยฟ้า พี่ให้โอกาสเธอแล้ว เธออยากเป็นแม่หม้ายผัวทิ้งก็ตามใจ” “ค่ะ” พลอยฟ้ารับคำอย่างหนักแน่น หมุนกายพร้อมเดินออกมาจากชีวิตของเขา ม่านน้ำตารินไหล แต่เธอไม่คิดที่จะหันกลับไปมองผู้ชายที่เป็นรักแรกอีก ผู้ชายที่ใจร้ายที่สุด

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

โรแมนติก

5.0

"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด “ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้” ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ