Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
พันธะร้ายลวงรัก ( เมนิลา & รามิล )

พันธะร้ายลวงรัก ( เมนิลา & รามิล )

Inyun

5.0
ความคิดเห็น
113
ชม
7
บท

"ภากร" พี่ชายของ"เมนิลา" โกงเงินบริษัทของ รามิล จนเสียหายมหาศาล แถมยังสร้างตราบาปให้กับ "ไลลา" น้องสาวของ "รามิล" เจ้าของและประธานบริษัทรถหรู ความแค้นจึงเกิดขึ้น เมื่อเขาเจอเมนิลาที่กลับมาจากเปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ รามิล จึงเอาตัวเธอเป็นตัวประกันเพื่อให้พี่ชายของเธอหาเงินมาชดใช้ แต่ด้วยความรักพี่ชายและครอบครัว เมนิลา จึงยอมไปเป็นตัวประกัน 3 เดือน เพื่อให้พี่ชายหาเงินมาใช้หนี้ทุกบาททุกสตางค์ เธอจึงต้องชดใช้ทุกอย่างแทนพี่ชายของตัวเอง รามิล ประธานบริษัทรถนำเข้าหรู อายุ 32 ปี เขาคือ ผู้ชายที่หล่อ เย็นชา แถมปากร้าย เมนิลา อายุ 23 ปี เธอเป็นสาวสวย นักเรียนนอก เชื่อมันในตัวเองสูง และไม่เคยยอมใคร

บทที่ 1 เมนิลา & รามิล 1 - กลับเมืองไทย

เมนิลา & รามิล 1 - กลับเมืองไทย

สนามบินเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน หลังจากสถานการณ์เกี่ยวกับโรคระบาดดีขึ้น ผู้คนก็เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยว เมนิลาและเพื่อนสนิทอีกสองคนเดินทางมาที่ร้านกาแฟเพื่อหาอะไรดื่ม เนื่องจากทั้งสามเพิ่งลงเครื่องมาและรู้สึกง่วงนอนเป็นอย่างมาก จึงต้องหาตัวช่วยที่จะคลายความง่วงได้

“แกเอาอะไร”

มีนาเอ่ยถามเมนิลาและมินตราก่อนที่ทั้งสองจะตอบพร้อมเพรียงกัน

“อเมริกาโน่ ขอเข้มๆ”

ทั้งสองแทบประสานเสียง วินาทีนี้คงไม่มีอะไรที่จะช่วยให้พวกเธอกระปรี้กระเปร่าได้มากเท่ากาแฟเข้มๆ อีกแล้ว ทั้งสามนั่งคุยกันระหว่างรอคนขับรถมารับ มินตราและมีนาดื่มเพียงกาแฟ ในขณะที่เมนิลานั้นเพิ่มครัวซองค์หนึ่งชิ้นเพื่อรองท้อง

“ฉันง่วงมาก สงสัยอยู่อังกฤษนานเลยไม่ชินกับเวลา”

มินตราเอ่ยขึ้น เธอถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษตัวแต่อายุเพียงสิบสองปี โดยไปอาศัยอยู่กับญาติที่เปิดร้านอาหารอยู่ในเมืองเล็กๆ แถวภากรออก แต่หลังจากเรียนจบไฮสคูลเธอก็เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในลอนดอน

ส่วนมีนานั้นเกิดและเติบโตที่อังกฤษ แต่เพราะมีครอบครัวอยู่ที่ไทยจึงตัดสินใจตามเพื่อนทั้งสองกลับมาด้วย

“ที่นี่คือบ้านเกิดพ่อและแม่ แต่ฉันไม่ชินเลยอะ”

มีนาว่าอย่างนั้นก่อนที่เธอจะดูดกาแฟจนหมดแก้ว หญิงสาวถอนหายใจยาวก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แม้ว่าจะพออ่านภาษาไทยได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจทุกคำ เธอจึงขอร้องให้เพื่อนทั้งสองช่วยแปล

“ฉันไม่เข้าใจ แปลหน่อย”

“ย่าเธอส่งข้อความมาว่าจะส่งคนมารับ”

มีนาพยักหน้าก่อนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นและบอกลาเพื่อนๆ เพื่อลงไปรอที่จุดนัดพบ ในขณะที่เมษานั้นก็ขอตัวไปช็อปปิ้ง

“ไปด้วยกันไหม”

ตอนแรกเมนิลาจะไปด้วยแต่เสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวกดรับสายก่อนที่เธอจะเอ่ยขอโทษเพื่อนสนิทเนื่องจากรถขับรถที่บ้านมารอรับแล้ว เธอจึงไม่สามารถไปกับอีกฝ่ายได้

“ขอโทษนะแก คนที่บ้านมารอแล้ว”

“ไม่เป็นไร แกรีบกลับเถอะ ถึงแล้วโทรมาด้วยล่ะ”

มีนาเอ่ยบอกเพื่อนสาวก่อนที่ทั้งสองจะโบกมือลากัน เมนิลาเดินลงมาชั้นล่างก่อนที่เธอจะมองหารถคันหรูของที่บ้านซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก

“สวัสดีครับคุณหนู”

ชายวัยกลางคนเอ่ยทักทายก่อนที่เขาจะยกกระเป๋าไปเก็บหลังรถ ตลอดเส้นทางกลับบ้านหญิงสาวรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าในเวลาไม่กี่ปี ประเทศไทยจะเจริญขึ้นมาก ถนนหนทางก็ดีขึ้นทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด

“คุณหนูจะแวะที่ไหนไหมครับ”

“ไม่ดีกว่า กลับบ้านเลยละกัน”

หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนเอนกายพิงเบาะ ชีวิตของเธอช่างสุขสบาย มีคนขับรถให้นั่งไม่ต้องไปยืนโบกแท็กซี่ ไม่ต้องยกของเอง หญิงสาวยังคงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวยมากนัก พ่อกับแม่เป็นเพียงพนักงานเงินเดือน มีเงินพอกินพอใช้ไม่ลำบากขัดสน

แต่หลังจากที่พี่ชายอย่างภากรเรียนจบ เขาก็เข้าทำงานที่บริษัทนำเข้ารถหรูแห่งหนึ่ง และหลังจากนั้นไม่กี่ปี ฐานะครอบครัวก็ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ก่อนที่เขาจะลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองและประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้

นึกถึงพี่ชายแล้วใบหน้าสวยก็มีรอยยิ้ม แม้ภากรจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เขาก็เป็นลูกชายที่รักพ่อแม่และรักน้องสาวเป็นอย่างมาก

พี่ชายของเธอทำงานอย่างหนักเพื่อคุณภาพชีวิตดีให้เธอ หลังจากที่เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง เขาก็ย้ายเธอไปเรียนนานาชาติเพื่อเตรียมเรื่องภาษา ก่อนที่จะส่งเธอไปเรียนอังกฤษ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เธอได้รับการศึกษาคุณภาพระดับสากล

“พี่ภากรไม่รู้ใช่ไหมว่านิลากลับมา”

หญิงสาวเอ่ยถามคนขับรถก่อนที่เขาจะส่ายหน้า เขาออกมาเงียบๆ โดยบอกกับแม่บ้านว่าจะเอารถไปตรวจเช็กสภาพ โชคดีที่ทุกคนนั้นเชื่อสนิทใจและไม่ได้ซักไซ้อะไร

“ดีแล้ว นิลาตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ เลยไม่อยากให้ใครรู้”

เมนิลาว่าอย่างนั้นก่อนที่เธอจะเอนกายพิงเบาะอีกครั้ง รถหรูเลี้ยวเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่สิ่งที่สะดุดตาหญิงสาวที่สุดคือแลมโบกินีสามคันที่จอดเรียงรายอยู่หน้าบ้าน

“รถใครน่ะ”

หญิงสาวเอ่ยถามคนขับรถซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าและได้แต่ส่ายหน้าด้วยความงุนงงเช่นกัน เมนิลาก้าวลงจากรถก่อนที่เธอจะตรงเข้าไปในบ้าน เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวใจคอไม่ดี เมื่อก้าวเข้ามาก็พบว่ามีชายชุดดำยืนล้อมภากรอยู่ เห็นพี่ชายถูกซ้อมจนน่วมหยิงสาวก็รีบถลาเข้าไปหาทันที

“พี่ภากร!”

ชายหนุ่มเห็นน้องสาวโผล่มาก็ตกใจ กลัวว่าเธอจะได้รับอันตรายจึงพยายามไล่หญิงสาวออกไปจากที่นี่

“นิลา ออกไปก่อน”

เขาเอ่ยก่อนจะพยายามดันน้องสาวออกไป แต่เมนิลาไม่สามารถทิ้งพี่ชายไปได้ เธอกอดเขาเอาไว้ก่อนจะร้องไห้ออกมา

เมนิลากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นใครบางคนกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาพลางจ้องมองมาทางนี้ หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว

“แกเป็นใคร! มาทำร้ายพี่ฉันทำไม”

หญิงสาวตวาดถามด้วยความไม่พอใจ ภากรกลัวน้องสาวจะถูกทำร้ายจึงพยายามตะเกียกตะกายไปหาเธอ แต่กลับถูกถีบจนหงายหลัง เมนิลาที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองพี่ชายก่อนที่เธอจะตวัดสายตามองผู้มาเยือนอย่างไม่พอใจ

“นิลา พี่ขอร้อง ออกไปก่อน”

เห็นสายตาที่รามิลมองน้องสาวเขาก็รู้สึกไม่สบายใจและพยายามไล่อีกฝ่ายให้ออกไปจากสถานการณ์นี้ แต่เมนิลายืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างพี่ชาย เธอจะไม่ยอมให้ภากรถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรแจ้งตำรวจแต่รามิลกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

“น้องสาวแกกำลังจะแจ้งตำรวจ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะลากคอใครเข้าคุก ระหว่างฉันกับแก”

คำพูดนั้นทำให้เมนิลาชะงักก่อนที่เธอจะหันมองพี่ชาย

“นี่มันเรื่องอะไรกันพี่ภากร”

หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชาย เธออยากรู้ว่าต้นสายปลายเหตุคืออะไรทำไมจู่ ๆ คนพวกนี้ถึงได้บุกมาทำร้ายเขา แต่ภากรไม่ต้องการให้น้องสาวนั้นรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น เขาจึงเงียบไม่ยอมปริปากอะไร

เมนิลาร้อนใจพยายามคาดคั้นพี่ชาย แต่สุดท้ายกลับถูกเขาตวาดจนเธอนั้นสะดุ้งโหยง

“อย่าถามมากได้ไหมนิลา!”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ Inyun

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ