Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
10K
ชม
40
บท

เพราะเคยเสียลูกสาวไปแล้วคนหนึ่งเขาจึงไม่อยากจะเสียหลานสาวไปอีกคน มาเฟียหนุ่มจึงต้องจับตามองคุณหมอราวกับเธอเป็นตัวประกัน แต่พอได้อยู่ใกล้ หัวใจของมาเฟียกลับกลายมาเป็นตัวประกันเสียเอง

บทที่ 1 ผมจะฟ้องทุกคน

สัญญาณไฟเหนือประตูห้องผ่าตัดยังเปิดอยู่แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสามแต่ทุกคนด้านหลังประตูก็ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ป่วยและลูกน้อยในครรภ์รอดชีวิต

หลังเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกแหกโค้งชนกับรถเก๋งเมื่อสองชั่วโมงก่อนคารินาก็ถูกส่งมายังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าหญิงสาวมีอาการที่น่าเป็นห่วงเพราะถูกหน้าท้องถูกสายเข็มขัดนิรภัยกระชากอย่างแรงจนทำให้ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง

ทางโรงพยาบาลจึงต้องตามหมอเฉพาะทางเพื่อมาทำการเด็กออกก่อนแม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดคลอดเพราะพิจารณาแล้วว่าอัตราการรอดชีวิตจะมากกว่าปล่อยให้อยู่ในท้องมารดา

อรรถวุฒิผู้เป็นสามีรีบเซ็นชื่อให้ความยินยอมให้รับการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าถ้าหากตนเองตัดสินใจช้าเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจจะต้องเสียคนรักทั้งสองคนไปอย่างไม่มีวันกลับ

หลังจากทำแผลตามร่างกายของตนเองแล้วเขาก็รีบตามมาที่หน้าห้องผ่าตัดซึ่งตอนนี้พี่ชายของภรรยามารออยู่ก่อนแล้ว

“พี่นิค ผมขอโทษนะครับ”

“ไม่ใช่ความผิดขอบนายหรอก รถบรรทุกนั่นต่างหากที่ขับมาเร็ว” ก่อนมาโรงพยาบาลชายหนุ่มที่ที่โรงพักมาแล้วจึงได้รู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอะไร

“อือ นายไม่เป็นไรมากใช่ไหม แล้วหมอว่ายังไงบ้าง”

“ผมมีแผลแค่นิดหน่อยครับ แต่เคทกับลูกนี่สิ ลูกผมยังตัวเล็กนิดเดียวเองนะพี่ ยังไม่ครบกำหนดคลอดด้วยซ้ำ แต่หมอก็ยืนยันว่าจะต้องรีบผ่าเอาเด็กออก”

อรรถวุฒิรู้สึกบีบหัวใจอย่างหนักเพราะห่วงทั้งลูกและภรรยา เขากับคารินานับวันที่จะได้เจอลูกสาวตัวน้อยแต่ไม่คิดว่าเวลานั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้

ทั้งสองคนเดินวนอยู่หน้าห้องผ่าตัดจนกระทั่งประตูห้องเปิดออกออกอีกครั้ง

“ลูก” อรรถวุฒิมองเด็กทารกที่ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดซึ่งมีลำตัวมีแดงจัดลำตัวเหี่ยวย่นอีกทั้งยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจทำให้เขามองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

ทั้งสองคนเดินตามไปอย่างอัตโนมัติจนกระทั้งเด็กถูกเข็นเข้าไปในห้อง NICU ซึ่งเป็นห้องกระจกที่มองเห็นว่าด้านในนั้นมีทารกอีกหลายคนที่นอนอยู่ในตู้อบ

หลังจากหมอและพยาบาลช่วยกันนำร่างเล็กๆ เขาไปในตู้อบและจัดการต่อเครื่องช่วยหานใจและสายน้ำเกลือจนเรียบร้อยแล้วคุณหมอก็เดินออกมานอกห้อง

“ก่อนผ่าตัดพวกคุณบอกว่าลูกผมจะปลอดภัย”

“ค่ะ ตอนนี้น้องก็ถือว่าอยู่ในขั้นที่ปลอดภัย”

“ถ้าปลอดภัยทำไมเขาจะต้องเข้าไปอยู่ในตู้นั่นล่ะ”

“คุณพ่อใจเย็นๆ นะคะน้องคลอดก่อนกำหนดทำให้น้ำหนักตัวน้อยอีกทั้งปอดก็ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็ม”

“แต่พวกคุณก็ยังยืนยันจะผ่าตัด”

“เราต้องรีบผ่าตัดเพราะน้องเริ่มดิ้นน้อยลงและรกเริ่มลอกตัวถ้าปล่อยไว้จะเป็นอันตรายทั้งเด็กและแม่นะคะ ที่เราให้น้องนอนในตู้อบก็เพื่อรักษาอุณหภูมิ เราจะรอจนกระทั่งน้องน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและหายใจเองได้ดีก็จะกลับบ้านได้ค่ะ”

“นานแค่ไหนครับ”

“เท่าที่หมอประเมินก็ไม่น่าจะเกินสองเดือนค่ะ”

“แล้วถ้าหลานผมไม่ดีขึ้นหรือต้องอยู่ในนั้นตลอดใครจะรับผิดชอบ”

“ฉันรับผิดชอบเองค่ะ” เสียงที่พูดดังมาจากด้านหลังทำให้คนถามหันกลับไปมอง

หญิงสาวใบหน้ารูปไข่ดวงตากลมโตที่เดินเข้ามานั้นทำให้มาเฟียหนุ่มชื่อนิโคไลรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกเธอสะกด

“คุณเป็นใคร”

“ฉันชื่อพัณณ์ชิตาเป็นคนผ่าตัดค่ะ”

“พูดผิดหรือเปล่าคุณ เด็กอย่างคุณจะมาผ่าตัดได้ยังไง”

“แต่ฉันก็ผ่าตัดไปแล้วนี่คะ”

“เมียผมเป็นยังไงบ้างครับ”

“เธอปลอดภัยค่ะ คุณไปรอเธอที่ห้องพักได้เลยไม่เกินหนึ่งชั่วโมงพยาบาลจะไปส่งที่นั่น”

“ขอบคุณครับหมอ”

“เป็นไรค่ะ ฉันทำตามหน้าที่”

“แล้วคุณล่ะคะ ไม่ตามไปด้วยเหรอ” หมอพัณณ์ชิตาถามเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมเดินออกไป

“คุณใช่ไหมที่เป็นคนตัดสินใจผ่าตัดน้องสาวผม”

“ใช่ค่ะ”

“คุณผ่าตัดทั้งที่หลานของผมตัวเล็กนิดเดียวถ้าหลานสาวผมเป็นอะไรไปผมจะฟ้องพวกคุณทุกคน”

“ฉันผ่าตัดตามข้อบ่งชี้ คุณอยากจะฟ้องก็ฟ้องไปสิคะ” คุณหมอสาวกล่าวอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปยังห้องด้านในที่มีเด็กตัวน้อยนอนอยู่ในตู้อบ

“พี่อัยย์คะ เด็กเป็นยังไงบ้าง”

“น้ำหนักตัว 1200 กรัมเอง ปอดก็ยังทำงานได้ไม่เต็มที่เลยคงต้องอยู่ในตู้อบอีกยาว แต่พั้นช์ไม่ต้องห่วงนะ เคสแบบนี้พี่เจอมาเยอะแล้ว”

“ชอบคุณนะคะพี่อัยย์ และก็ขอโทษด้วยที่โทรตามกลางดึก”

“ไม่เป็นไร จริงๆ แล้วพี่ต้องขอโทษพั้นช์มากกว่าคืนนี้เวรหมอชาน์แท้ๆ แต่เจ้าตัวดันไม่สบายเลยทำให้พั้นช์ต้องมาเจอเคสที่ตัดสินใจยากแบบนี้ แล้วดูท่าผู้ชายคนนั้นจะเอาเรื่องมากกว่าสามีเขาอีกนะ”

“ถ้าเขาไม่บอกว่าเด็กเป็นหลานพั้นช์ก็คงคิดว่าเขาเป็นพ่อของลูก คนอะไรก็ไม่รู้หน้าดุชะมัด”

“นั่นสิคะ เสียดายหน้าหล่อๆ ถ้าเขายิ้มอีกนิดนี่คงดูดีกว่านี้เยอะเลย” หมอไอรดาออกความเห็น

“ไม่รู้ว่าจะเครียดอะไรกัน”

“เขาก็คงไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ละมั้ง”

“เหมือนเขาไม่ค่อยไว้ใจเราเลยนะคะ พี่อัยย์คิดเหมือนพั้นช์ไหม”

“ก็คงอย่างนั้น แต่เราทำหน้าที่ของเราเต็มที่แล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้ยัยหนูตัวเล็กแข็งแรงไวๆ”

“พั้นช์ก็หวังอย่างนั้น แล้วพี่อัยย์จะกลับบ้านเลยไหมคะ”

“ไม่จ้ะ พี่ว่าจะอยู่ยาวเลยเดี๋ยวให้หมอชาน์เอาชุดมาให้เปลี่ยนแล้วพั้นช์ล่ะ”

“พั้นช์ก็ว่าจะไปตรวจคนไข้อีกรอบแล้วค่อยกลับไปอาบน้ำพรุ่งนี้พั้นช์ไม่มีตรวจ OPD ค่ะ”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ จินต์พิชา

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ