ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร

ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร

เมธิษา

5.0
ความคิดเห็น
115
ชม
11
บท

ในความยุติธรรมย่อมมีอธรรม มีนรกย่อมมีสวรรค์ ดินแดนสวรรค์มีเทพเซียน นรกอเวจีย่อมมีจอมมาร นางผู้ละทิ้งทางโลกหนึ่งในเทพเซียนผู้สูงศักดิ์ต้องจำใจเป็นจอมนางเคียงคู่จักรพรรคดิ์จอมมารและเขาผู้กระหายในไอเลือด

บทที่ 1 ฉุด

ในโลกนี้ล้วนมีขาวล้วนมีดำ เขาทั้งสองผู้หนึ่งเปรียบเสมือนหยิน ผู้หนึ่งเปรียบเสมือนหยาง หลายปีมานี้สวรรค์เจ็ดชั้นฟ้าและดินแดนใต้พื้นพิภพหรืออีกอย่างที่มนุษย์เรียกกันว่า'นรกอเวจี' ต่างสงบสุขไร้ความขุ่นเคืองใจ จึงเป็นที่น่าเบื่อหน่ายแก่จอมมารอย่างหวังเยี่ยนจวินเป็นอย่างมาก แม้ว่าช่วงแปดแสนปีก่อนหน้านี้จะมีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดอย่างหนักมากก็เถอะ

ท้องฟ้าแปรผัน สรรพสิ่งผันแปร คนที่เคยอยู่เคียงข้างกันลาจากไปจากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นหลายคน...

“หลิงหลิวเหว่ยที่สวรรค์ชั้นฟ้ามีเรื่องอะไรน่าสนใจหรือไม่ ข้าเหงาอยากหาอะไรสนุก ๆ ทำเสียหน่อย” จอมมารหนุ่มอายุราวแปดแสนปีอ้าปากหาววอดวอดโดยมีหลิงหลิวเหว่ยผู้สงสารชั้นดีที่แต่ก่อนเคยเป็นเซี่ยเซียน ปรนนิบัติรับใช้

แน่นอนว่าจอมมารไม่ได้ถามความยินยอมจากเขาแต่กลับชิงตัวมาไว้แดนโลกันตร์ไป ๆ มา ๆ หลิงหลิวเหว่ยกลับชอบที่นี่เสียอย่างนั้น

จอมมารอย่างเขาปราถนาสิ่งไหน ย่อมต้องเอาสิ่งนั้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีการใด

ในมือของหวังเยี่ยนยังคงถือคันฉ่องสีทองอร่ามประดับด้วยเม็ดทับทิมแดงลูกโตชื่นชมความงามของตนเอง

“เรียนท่านจอมมาร ข้าฟังมาว่าเม่ยเม่ย ของเทียนจวิน เสด็จลงมาจากหุบเขาสิ้นชีวาแล้ว เขาลือกันทั่วทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนเทียวว่ามีรูปโฉมงดงามดั่งภาพวาด งามล่มสวรรค์ล่มนรกแต่นางรักสันโดษ ละทิ้งทางโลก จนบัดนี้นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายแสนปีที่นางเสด็จลงมาจากหุบเขาสิ้นชีวา…” หลิงหลิวเหว่ยกระซิบบอกผู้เป็นนาย

“เดี๋ยว ๆ หยุดก่อน ข้าสงสัยจริงทั่วทั้งสี่ทะเลเเปดดินแดนนี้ยังมีคนที่งดงามกว่าข้าอีกหรือ? น่ามหัศจรรย์ใจ” จอมมารหนุ่มทำหน้าประหลาดใจ

ข้าไม่คิดเลยว่าในโลกนี้ยังมีคนที่มีใบหน้างดงามกว่าข้า เช่นนั้นนรลักษณ์ของนางจะเป็นเช่นใด?

หลิงหลิวเหว่ยได้แต่แอบถอดถอนหายใจเบาเบา

แต่ไหนไรมาท่านจอมมารผู้นี้แสนจะหลงตัวเองเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขากล่าวผิดไปหมดเสียทุกอย่าง เหตุเพราะมีทั้งเทพเซียนชายเอยหญิงเอยและเทพเผ่าอื่น ๆ ต่างหลงใหลในรูปลักษณ์ของหวังเยี่ยนทั้งสิ้น ฉะนั้นการที่จอมมารท่านนี้จะหลงใหลในรูปลักษณ์ตนเองจึงมิใช่เรื่องผิดแปลกอะไร คนเราโดนเยินยอนานวันเข้าก็เป็นเช่นนี้

“งามมากทีเดียวฝ่าบาท เขายังลือกันอีกนะว่าแม้อยู่ห่างจากนางหลายร้อยลี้แต่กลิ่นกายมวลบุปผาหอมละมุนอบอวลเหลือเกิน...”

นอกจากความงามแล้วกลิ่นกายยังมีกลิ่นหอมงามทั้งรูปรส จอมมารหนุ่มฟังคุณสมบัติที่ว่าแล้วแสนพอใจ

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ค่อยนิยมชมชอบในการเสพนารีเสียเท่าไหร่ นารีล้วนวุ่นวาย มีมากยิ่งปัญหามากตัวอย่างมีให้เห็นเฉกเช่นวังสวรรค์

กาลก่อนแยกตัวมาปกครองแดนโลกันตร์เห็นเทียนจวินไล่จับเหล่าธิดาเซียนสนมบ่อยครั้งเข้าจนสะอิดสะเอียนเหลือทน นับตั้งแต่เขาสูญเสียคู่หมั้นไปในครั้งอดีตก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสตรีนางใดอีก บางทีมันอาจถึงเวลาที่เขาจะหาใครสักคนมาเคียงคู่เบื้องบัลลังก์

“ดี! ไปฉุดมาให้ข้าที” จอมมารหนุ่มออกคำสั่งแก่หลิงหลิวเหว่ย

“เกรงว่าคงมิได้ฝ่าบาท แม่นางผู้นั้นเป็นเทพเซียนชั้นสูงกระหม่อมคงมิอาจต่อกรนางได้ ฝ่าบาทต้องกระทำการนี้เองเท่านั้น” หวังเยี่ยนจ้องเขม็งกับท่าทีลนลานนั้น ร่างแกร่งลุกขึ้นจากตั่งเตียงทองอร่ามตะโกนออกมาเสียงเหี้ยม

“พวกเจ้านี่เลี้ยงเสียข้าวสุกเสียจริง ถ้าข้าจับนางได้เมื่อไหร่แล้วคุณสมบัติไม่ตรงกับที่เจ้าบอกเตรียมตัวโดนเฉือนปากทิ้งได้เลย” หลิงหลิวเหว่ยหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

ข่าวลือนะ ข่าวลือจะทำให้ข้าซวยแล้วสินี่!

พูดจบหวังเยี่ยนก็เรียกกระบี่โลหิตสนองจันทร์ออกมา บางทีอาจไม่ต้องลงมือให้มากความเพียงแค่นางเห็นใบหน้าเขามิแน่อาจจะเดินตามเขามาแต่โดยดีก็เป็นได้

หากกล่าวถึงหุบเขาสิ้นชีวา...

แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะอยู่ได้ หากจิตไม่แน่วแน่ ไม่หยั่งถึง ไม่ล้ำลึก หมกมุ่น จักมิสามารถออกจากหุบเขาแห่งนั้นได้เลย เว้นแต่เขาผู้ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วนเพราะชีวิตแสนทุกข์ยากลำบากในอดีต ทุกวันนี้จึงกลายเป็นผู้กระหายกลิ่นอายโลหิต กระหายถึงขั้นน้ำทุกหยาดหยดต้องดื่มเป็นเลือด กระทั่งน้ำที่ใช้อาบด้วยก็เช่นกัน

บางครั้งเขาก็อยากเสพสมความสวยงามมากกว่าความโสมมเช่นนี้ ทว่าเรื่องค่อนแค้นในอดีตหลายปีผ่านไปยังมิจางลงเซียนหญิงท่านนั้นกับเฟิงหวังเหล่ยจะมีอุปนิสัยคล้ายกันมากน้อยเพียงใดต้องสัมผัสด้วยตนเองจึงจะตัดสินได้

กาลหนึ่งหวังเยี่ยนเคยสนิทสนมกับเฟิงหวังเหล่ยแต่กลับมิเคยได้ประสบพบเจอกับน้องสาวเขาแม้แต่ครั้งเดียว เคยได้ยินมาว่าหลังจากนางสำเร็จขั้นเป็นซ่างเซียน จนบรรลุสู่ขั้นซ่างเสิน นั้นมีกิริยาที่เงียบขรึมและเคร่งครัดในวิถีเซียนอย่างถ่องแท้ มีความเรียบง่ายแต่ยาก พิธีรีตองมากแต่ก้าวล้ำ ครั้งนี้คงได้เจอะเจอกับตาว่าเป็นดั่งคำเล่าลือจริงหรือไม่..

หวังเยี่ยนควบอาชาปีศาจอย่างห้าวหาญออกจากเมืองไป ดวงตาคู่คมแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ฉุดสตรีทั้งทีต้องให้เกียรตินางจะทำตัวเหมือนโจรป่าถ่อย ๆ มิได้ เป็นถึงราชามารจะยอมขายหน้าได้อย่างไร?

“หอม” กลิ่นหอมลอยคละคลุ้งทั่วอาณาบริเวณ เขาได้กลิ่นบุปผาหลากชนิดมากเสียจนไม่สามารถแยกได้เลยว่าเป็นกลิ่นของบุปผาชนิดใด แม้อากาศภายนอกจะให้ความรู้สึกแห้งชื้นทั้งยังมีหมอกควันปกคลุมแต่นั่นก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เขาเดินทางมาถึงหุบเขาสิ้นชีวาแล้ว

เมื่อมองไปไกลสุดลิบตาปรากฏภาพเรือนร่างงามระหงษ์ของหญิงสาวในชุดขาว บนใบหน้าไม่เห็นนรลักษณ์ใด นางสวมผ้าแพรบางผูกปิดตาอำพรางใบหน้าไว้ และอีกครึ่งเสี่ยวก็ถูกปกปิดมิดชิดด้วยผ้าแพรขาวด้วยเช่นกัน ไม่เห็นแม้แต่ริมฝีปาก แลดูเหมือนนางกำลังใช้จมูกในการดมกลิ่นของสมุนไพร มือเรียวสวยก็จับใบต้นตังกุยอย่างถนอมกำลัง นางคงฝึกวิชาเซียนวิชาใดวิชาหนึ่งอยู่กระมัง

“แม่นางมีอะไรข้าช่วยหรือไม่” จอมมารหนุ่มตรงดิ่งเข้าหานางผู้นั้นในทันที

กลิ่นหอมเช่นนี้มาจากตัวนางจริง หรือนางจะเป็นคนที่เขาตามหา?

ไหนใครว่านางเป็นเทพเซียนชั้นสูง ทว่าคนตรงหน้ากลับเป็นเพียงแค่คนตาบอดที่มีรูปร่างทรวดทรงองค์เอวมีเนื้อมีหนัง งดงามดว่าใครที่เคยพบแม้ไม่เห็นดวงตาไม่เห็นริมฝีปาก แต่ท่วงท่าสงวนกิริยา อ่อนช้อย ถี่ถ้วน นี้ช่างน่าดึงดูดใจยิ่งกว่า

“ท่านเป็นใคร มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด” สตรีเซียนสัมผัสได้ถึงพลังต่างขั้วจึงชักกระบี่ประจำตัวขึ้นมา

ตรงด้ามสลักอักษรว่า 'เฟิงจางจิ้ง' หวังเยี่ยนจึงคาดเดาว่าคงเป็นชื่อของนาง จากที่เทียนจวินมีนามว่า 'เฟิงหวังเหล่ย' ไม่ผิดต้องเป็นนางแน่

“ข้ามีนามว่าหวังเยี่ยน เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?” เขาก้าวขาเข้าไปใกล้นางหนึ่งก้าว นางถอยหลบอีกหนึ่งก้าว เพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าประสาทสัมผัสของนางดีเลิศเพียงใด แม้ว่านางจะไม่ยอมปลดผ้าแพรขาวที่ปิดดวงตาลงก็ตาม

“ไม่” วาจาสงบเยือกเย็นแฝงไปด้วยความระวังตัว แสดงออกอย่างนิ่งเฉยไม่เผยถึงความกลัวหรือหวั่นวิตกใด ๆ

ช่างเป็นหญิงสาวที่น่าสนใจ น่าครอบครอง เขาชอบสตรีที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวและเยือกเย็นเช่นนี้ ในเมื่อตั้งใจมาฉุดก็ต้องฉุด!

“จุดประสงค์ของข้าก็คือ...”

นางกัดริมฝีปากแน่น แต่ทว่า..เพียงแวบเดียวดั่งใจนึกกระบี่ในมือก็ถูกปลดลงอย่างง่ายดาย นางสัมผัสได้ถึงลำแขนล่ำสันแข็งแรงและแผงอกแกร่ง กับร่างกายแสนบอบบางที่กำลังลอยหวืออยู่กลางอากาศ

“ท่าน!!”

ใช่! นางอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว!

วิชาเซียนของนางใช่จะต่ำต้อยด้อยค่าเพียงแต่นางกำลังฝึกรับประสาทสัมผัสให้แม่นยำมากขึ้น นางประมาทเกินไป ชายผู้นี้เป็นใครกันนะ กล้าแม้กระทั่งบุกเข้ามาในที่ของนาง

เขาค่อยค่อยก้มลงกระซิบข้างหูเซียนสาวซึ่งไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าแพรสองผืนกำลังทำหน้าแบบใด จะโกรธหรือนึกตำหนิเขาอยู่

“ฉุดเจ้า เทียนจวินมีเทียนโฮ่ว ข้าก็ต้องมีจักรพรรดินีของข้าบ้างสิจริงไหม”

“บังอาจ!!!” หวังเยี่ยนเหยียดยิ้มร้ายกาจก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากสวยซึมซับความหอมกลิ่นกรุ่นบุปผา หอมราวกับดอกหลันฮวา

'หลงใหลในรูปโฉม' อาจจะจริงอย่างที่เขาว่ากันว่า 'โฉมงามชวนให้ลุ่มหลง กลิ่นยวนเย้าชวนให้สุขสม' สมกับที่เขาว่ากันไว้จริง ๆ

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

สามีเป็นถึงเศรษฐีพันล้าน

Davin Howson
5.0

ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"

เจ้านายคนไหน ใครรู้บอกที

เจ้านายคนไหน ใครรู้บอกที

Lloyd Perold
4.9

"เขาลือกันว่าคู่หมั้นของคุณฮั่วเป็นคนบ้านนอก ไม่มีการศึกษาและแถมยังหน้าตาขี้เหร่ซะอีก"เมื่อซูฉิงปรากฏตัวอยู่ ในงานเลี้ยง ทุกคนในงานล้วนตกตะลึงไปหมด! "พระเจ้า ขี้เหร่ซะทีไหน!" "ได้ข่าวว่าราชาภาพยนตร์เป็นน้องของเธอด้วย" "พ่อของเธอเป็นมหาเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับแรกของโลกเลยนะ" "leo นักออกแบบหญิงที่ลึกลับคนนั้นก็คือเธอ!" เมื่อตัวจริงของเธอค่อย ๆ ถูกเปิดเผย ทุกคนพากันตกตะลึงไปหมด แต่แล้วก็เป็นเป็นไง ฮั่วหยุนเฉิงไม่ได้รักเธอสักหน่อย ในวันเดียวกัน ฮั่วซื่อ กรุ๊ปก็โพสต์ข้อความหนึ่งในทวิตเตอร์ว่า"เราสองคนรักกันมาก และกำลังเตรียมจะแต่งงาน" คนภายนอก:"......!!!"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ