Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร

ปราการรักจักรพรรดิจอมมาร

เมธิษา

5.0
ความคิดเห็น
114
ชม
11
บท

ในความยุติธรรมย่อมมีอธรรม มีนรกย่อมมีสวรรค์ ดินแดนสวรรค์มีเทพเซียน นรกอเวจีย่อมมีจอมมาร นางผู้ละทิ้งทางโลกหนึ่งในเทพเซียนผู้สูงศักดิ์ต้องจำใจเป็นจอมนางเคียงคู่จักรพรรคดิ์จอมมารและเขาผู้กระหายในไอเลือด

บทที่ 1 ฉุด

ในโลกนี้ล้วนมีขาวล้วนมีดำ เขาทั้งสองผู้หนึ่งเปรียบเสมือนหยิน ผู้หนึ่งเปรียบเสมือนหยาง หลายปีมานี้สวรรค์เจ็ดชั้นฟ้าและดินแดนใต้พื้นพิภพหรืออีกอย่างที่มนุษย์เรียกกันว่า'นรกอเวจี' ต่างสงบสุขไร้ความขุ่นเคืองใจ จึงเป็นที่น่าเบื่อหน่ายแก่จอมมารอย่างหวังเยี่ยนจวินเป็นอย่างมาก แม้ว่าช่วงแปดแสนปีก่อนหน้านี้จะมีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดอย่างหนักมากก็เถอะ

ท้องฟ้าแปรผัน สรรพสิ่งผันแปร คนที่เคยอยู่เคียงข้างกันลาจากไปจากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นหลายคน...

“หลิงหลิวเหว่ยที่สวรรค์ชั้นฟ้ามีเรื่องอะไรน่าสนใจหรือไม่ ข้าเหงาอยากหาอะไรสนุก ๆ ทำเสียหน่อย” จอมมารหนุ่มอายุราวแปดแสนปีอ้าปากหาววอดวอดโดยมีหลิงหลิวเหว่ยผู้สงสารชั้นดีที่แต่ก่อนเคยเป็นเซี่ยเซียน ปรนนิบัติรับใช้

แน่นอนว่าจอมมารไม่ได้ถามความยินยอมจากเขาแต่กลับชิงตัวมาไว้แดนโลกันตร์ไป ๆ มา ๆ หลิงหลิวเหว่ยกลับชอบที่นี่เสียอย่างนั้น

จอมมารอย่างเขาปราถนาสิ่งไหน ย่อมต้องเอาสิ่งนั้นมาให้ได้ ไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีการใด

ในมือของหวังเยี่ยนยังคงถือคันฉ่องสีทองอร่ามประดับด้วยเม็ดทับทิมแดงลูกโตชื่นชมความงามของตนเอง

“เรียนท่านจอมมาร ข้าฟังมาว่าเม่ยเม่ย ของเทียนจวิน เสด็จลงมาจากหุบเขาสิ้นชีวาแล้ว เขาลือกันทั่วทั้งสี่ทะเลแปดดินแดนเทียวว่ามีรูปโฉมงดงามดั่งภาพวาด งามล่มสวรรค์ล่มนรกแต่นางรักสันโดษ ละทิ้งทางโลก จนบัดนี้นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายแสนปีที่นางเสด็จลงมาจากหุบเขาสิ้นชีวา…” หลิงหลิวเหว่ยกระซิบบอกผู้เป็นนาย

“เดี๋ยว ๆ หยุดก่อน ข้าสงสัยจริงทั่วทั้งสี่ทะเลเเปดดินแดนนี้ยังมีคนที่งดงามกว่าข้าอีกหรือ? น่ามหัศจรรย์ใจ” จอมมารหนุ่มทำหน้าประหลาดใจ

ข้าไม่คิดเลยว่าในโลกนี้ยังมีคนที่มีใบหน้างดงามกว่าข้า เช่นนั้นนรลักษณ์ของนางจะเป็นเช่นใด?

หลิงหลิวเหว่ยได้แต่แอบถอดถอนหายใจเบาเบา

แต่ไหนไรมาท่านจอมมารผู้นี้แสนจะหลงตัวเองเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขากล่าวผิดไปหมดเสียทุกอย่าง เหตุเพราะมีทั้งเทพเซียนชายเอยหญิงเอยและเทพเผ่าอื่น ๆ ต่างหลงใหลในรูปลักษณ์ของหวังเยี่ยนทั้งสิ้น ฉะนั้นการที่จอมมารท่านนี้จะหลงใหลในรูปลักษณ์ตนเองจึงมิใช่เรื่องผิดแปลกอะไร คนเราโดนเยินยอนานวันเข้าก็เป็นเช่นนี้

“งามมากทีเดียวฝ่าบาท เขายังลือกันอีกนะว่าแม้อยู่ห่างจากนางหลายร้อยลี้แต่กลิ่นกายมวลบุปผาหอมละมุนอบอวลเหลือเกิน...”

นอกจากความงามแล้วกลิ่นกายยังมีกลิ่นหอมงามทั้งรูปรส จอมมารหนุ่มฟังคุณสมบัติที่ว่าแล้วแสนพอใจ

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ค่อยนิยมชมชอบในการเสพนารีเสียเท่าไหร่ นารีล้วนวุ่นวาย มีมากยิ่งปัญหามากตัวอย่างมีให้เห็นเฉกเช่นวังสวรรค์

กาลก่อนแยกตัวมาปกครองแดนโลกันตร์เห็นเทียนจวินไล่จับเหล่าธิดาเซียนสนมบ่อยครั้งเข้าจนสะอิดสะเอียนเหลือทน นับตั้งแต่เขาสูญเสียคู่หมั้นไปในครั้งอดีตก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสตรีนางใดอีก บางทีมันอาจถึงเวลาที่เขาจะหาใครสักคนมาเคียงคู่เบื้องบัลลังก์

“ดี! ไปฉุดมาให้ข้าที” จอมมารหนุ่มออกคำสั่งแก่หลิงหลิวเหว่ย

“เกรงว่าคงมิได้ฝ่าบาท แม่นางผู้นั้นเป็นเทพเซียนชั้นสูงกระหม่อมคงมิอาจต่อกรนางได้ ฝ่าบาทต้องกระทำการนี้เองเท่านั้น” หวังเยี่ยนจ้องเขม็งกับท่าทีลนลานนั้น ร่างแกร่งลุกขึ้นจากตั่งเตียงทองอร่ามตะโกนออกมาเสียงเหี้ยม

“พวกเจ้านี่เลี้ยงเสียข้าวสุกเสียจริง ถ้าข้าจับนางได้เมื่อไหร่แล้วคุณสมบัติไม่ตรงกับที่เจ้าบอกเตรียมตัวโดนเฉือนปากทิ้งได้เลย” หลิงหลิวเหว่ยหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

ข่าวลือนะ ข่าวลือจะทำให้ข้าซวยแล้วสินี่!

พูดจบหวังเยี่ยนก็เรียกกระบี่โลหิตสนองจันทร์ออกมา บางทีอาจไม่ต้องลงมือให้มากความเพียงแค่นางเห็นใบหน้าเขามิแน่อาจจะเดินตามเขามาแต่โดยดีก็เป็นได้

หากกล่าวถึงหุบเขาสิ้นชีวา...

แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะอยู่ได้ หากจิตไม่แน่วแน่ ไม่หยั่งถึง ไม่ล้ำลึก หมกมุ่น จักมิสามารถออกจากหุบเขาแห่งนั้นได้เลย เว้นแต่เขาผู้ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วนเพราะชีวิตแสนทุกข์ยากลำบากในอดีต ทุกวันนี้จึงกลายเป็นผู้กระหายกลิ่นอายโลหิต กระหายถึงขั้นน้ำทุกหยาดหยดต้องดื่มเป็นเลือด กระทั่งน้ำที่ใช้อาบด้วยก็เช่นกัน

บางครั้งเขาก็อยากเสพสมความสวยงามมากกว่าความโสมมเช่นนี้ ทว่าเรื่องค่อนแค้นในอดีตหลายปีผ่านไปยังมิจางลงเซียนหญิงท่านนั้นกับเฟิงหวังเหล่ยจะมีอุปนิสัยคล้ายกันมากน้อยเพียงใดต้องสัมผัสด้วยตนเองจึงจะตัดสินได้

กาลหนึ่งหวังเยี่ยนเคยสนิทสนมกับเฟิงหวังเหล่ยแต่กลับมิเคยได้ประสบพบเจอกับน้องสาวเขาแม้แต่ครั้งเดียว เคยได้ยินมาว่าหลังจากนางสำเร็จขั้นเป็นซ่างเซียน จนบรรลุสู่ขั้นซ่างเสิน นั้นมีกิริยาที่เงียบขรึมและเคร่งครัดในวิถีเซียนอย่างถ่องแท้ มีความเรียบง่ายแต่ยาก พิธีรีตองมากแต่ก้าวล้ำ ครั้งนี้คงได้เจอะเจอกับตาว่าเป็นดั่งคำเล่าลือจริงหรือไม่..

หวังเยี่ยนควบอาชาปีศาจอย่างห้าวหาญออกจากเมืองไป ดวงตาคู่คมแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ฉุดสตรีทั้งทีต้องให้เกียรตินางจะทำตัวเหมือนโจรป่าถ่อย ๆ มิได้ เป็นถึงราชามารจะยอมขายหน้าได้อย่างไร?

“หอม” กลิ่นหอมลอยคละคลุ้งทั่วอาณาบริเวณ เขาได้กลิ่นบุปผาหลากชนิดมากเสียจนไม่สามารถแยกได้เลยว่าเป็นกลิ่นของบุปผาชนิดใด แม้อากาศภายนอกจะให้ความรู้สึกแห้งชื้นทั้งยังมีหมอกควันปกคลุมแต่นั่นก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เขาเดินทางมาถึงหุบเขาสิ้นชีวาแล้ว

เมื่อมองไปไกลสุดลิบตาปรากฏภาพเรือนร่างงามระหงษ์ของหญิงสาวในชุดขาว บนใบหน้าไม่เห็นนรลักษณ์ใด นางสวมผ้าแพรบางผูกปิดตาอำพรางใบหน้าไว้ และอีกครึ่งเสี่ยวก็ถูกปกปิดมิดชิดด้วยผ้าแพรขาวด้วยเช่นกัน ไม่เห็นแม้แต่ริมฝีปาก แลดูเหมือนนางกำลังใช้จมูกในการดมกลิ่นของสมุนไพร มือเรียวสวยก็จับใบต้นตังกุยอย่างถนอมกำลัง นางคงฝึกวิชาเซียนวิชาใดวิชาหนึ่งอยู่กระมัง

“แม่นางมีอะไรข้าช่วยหรือไม่” จอมมารหนุ่มตรงดิ่งเข้าหานางผู้นั้นในทันที

กลิ่นหอมเช่นนี้มาจากตัวนางจริง หรือนางจะเป็นคนที่เขาตามหา?

ไหนใครว่านางเป็นเทพเซียนชั้นสูง ทว่าคนตรงหน้ากลับเป็นเพียงแค่คนตาบอดที่มีรูปร่างทรวดทรงองค์เอวมีเนื้อมีหนัง งดงามดว่าใครที่เคยพบแม้ไม่เห็นดวงตาไม่เห็นริมฝีปาก แต่ท่วงท่าสงวนกิริยา อ่อนช้อย ถี่ถ้วน นี้ช่างน่าดึงดูดใจยิ่งกว่า

“ท่านเป็นใคร มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด” สตรีเซียนสัมผัสได้ถึงพลังต่างขั้วจึงชักกระบี่ประจำตัวขึ้นมา

ตรงด้ามสลักอักษรว่า 'เฟิงจางจิ้ง' หวังเยี่ยนจึงคาดเดาว่าคงเป็นชื่อของนาง จากที่เทียนจวินมีนามว่า 'เฟิงหวังเหล่ย' ไม่ผิดต้องเป็นนางแน่

“ข้ามีนามว่าหวังเยี่ยน เจ้าเคยได้ยินหรือไม่?” เขาก้าวขาเข้าไปใกล้นางหนึ่งก้าว นางถอยหลบอีกหนึ่งก้าว เพียงเท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าประสาทสัมผัสของนางดีเลิศเพียงใด แม้ว่านางจะไม่ยอมปลดผ้าแพรขาวที่ปิดดวงตาลงก็ตาม

“ไม่” วาจาสงบเยือกเย็นแฝงไปด้วยความระวังตัว แสดงออกอย่างนิ่งเฉยไม่เผยถึงความกลัวหรือหวั่นวิตกใด ๆ

ช่างเป็นหญิงสาวที่น่าสนใจ น่าครอบครอง เขาชอบสตรีที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวและเยือกเย็นเช่นนี้ ในเมื่อตั้งใจมาฉุดก็ต้องฉุด!

“จุดประสงค์ของข้าก็คือ...”

นางกัดริมฝีปากแน่น แต่ทว่า..เพียงแวบเดียวดั่งใจนึกกระบี่ในมือก็ถูกปลดลงอย่างง่ายดาย นางสัมผัสได้ถึงลำแขนล่ำสันแข็งแรงและแผงอกแกร่ง กับร่างกายแสนบอบบางที่กำลังลอยหวืออยู่กลางอากาศ

“ท่าน!!”

ใช่! นางอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว!

วิชาเซียนของนางใช่จะต่ำต้อยด้อยค่าเพียงแต่นางกำลังฝึกรับประสาทสัมผัสให้แม่นยำมากขึ้น นางประมาทเกินไป ชายผู้นี้เป็นใครกันนะ กล้าแม้กระทั่งบุกเข้ามาในที่ของนาง

เขาค่อยค่อยก้มลงกระซิบข้างหูเซียนสาวซึ่งไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าแพรสองผืนกำลังทำหน้าแบบใด จะโกรธหรือนึกตำหนิเขาอยู่

“ฉุดเจ้า เทียนจวินมีเทียนโฮ่ว ข้าก็ต้องมีจักรพรรดินีของข้าบ้างสิจริงไหม”

“บังอาจ!!!” หวังเยี่ยนเหยียดยิ้มร้ายกาจก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากสวยซึมซับความหอมกลิ่นกรุ่นบุปผา หอมราวกับดอกหลันฮวา

'หลงใหลในรูปโฉม' อาจจะจริงอย่างที่เขาว่ากันว่า 'โฉมงามชวนให้ลุ่มหลง กลิ่นยวนเย้าชวนให้สุขสม' สมกับที่เขาว่ากันไว้จริง ๆ

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

Odey Jagoe
5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

Critter
5.0

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

ก็เด็กมันยั่ว Naughty boy

ก็เด็กมันยั่ว Naughty boy

Xmaniac
5.0

" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ