Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
1.3K
ชม
13
บท

“ชื่ออะไร ?” “วารินค่ะ” เธอตอบแต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม “อยากมีเงินใช้มั้ย ?” ถ้าผมถูกใจใคร ผมก็จะไม่ลังเลที่จะชักจูงผู้หญิงพวกนั้นด้วยเงิน อย่างที่ผมกำลังยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงตรงหน้า “…คะ ?” ท่าทางซื้อบื้อของเธอดูจะไม่เข้าใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ กับผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะใช้มือโอบเอวเธอเอาไว้แบบหลวมๆ “คะ คุณทิสเหนือคะ” เธอดูจะตกใจมากพอสมควร รีบผลักผมให้ออกห่าง แต่ผมยังคงโอบเอวเธอไว้อยู่ “เรียกฉันว่า คุณเหนือ” “ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…” ผมก้มหน้าลงสูดกลิ่นความหอมตรงซอกคอของเธอ โตขนาดนี้แล้วยังใช้แป้งเด็ก น่าตลกสิ้นดี! “ระ ริน แค่มาฝึกงานค่ะ ไม่ได้ต้องการแบบที่คุณเหนือว่า” เธอปฏิเสธอย่างไม่ใยดีข้อเสนอของผม “เธอไม่สนใจ ?” “มะ ไม่ค่ะ รินขอตัวก่อนนะคะ” เธอดันมือผมที่โอบเอวเธออยู่ออก จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธผมซะด้วยสิ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากได้เธอมาอยู่ในกำมือ อวดเก่งดีนัก!

บทที่ 1 INTRO | ข้อเสนอ

Talk ทิศเหนือ

ก๊อกๆ เสียงเคาะห้องทำงานดังขึ้น ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่

“เข้ามา”

สิ้นสุดเสียงของผมประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา เผยให้เห็นร่างอรชรของผู้หญิงในชุดนักศึกษา เดินถือแฟ้มเอกสารตรงมายังโต๊ะทำงานของผม

“เอกสารที่คุณทิศเหนือต้องเซ็นวันนี้ค่ะ พอดีพี่เอมติดธุระเลยฝากให้ฉันเอามาให้”

“เป็นนักศึกษาฝึกงานคนใหม่สินะ” ผมถามผู้หญิงตรงหน้า สายตาโฟกัสหน้าอกสองเต้าของเธอที่มันแน่นซะจนเม็ดกระดุมจะกระเด็นออกจากกัน ท่าทางซื้อบื้อของเธอมันช่างขัดกับเสื้อที่ใส่อยู่ซะจริงๆ

“…ค่ะ”

“ชื่ออะไร ?”

“วารินค่ะ” เธอตอบแต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม

“อยากมีเงินใช้มั้ย ?” ถ้าผมถูกใจใคร ผมก็จะไม่ลังเลที่จะชักจูงผู้หญิงพวกนั้นด้วยเงิน อย่างที่ผมกำลังยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงตรงหน้า

“…คะ ?” ท่าทางซื้อบื้อของเธอดูจะไม่เข้าใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ กับผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะใช้มือโอบเอวเธอเอาไว้แบบหลวมๆ

“คะ คุณทิสเหนือคะ” เธอดูจะตกใจมากพอสมควร รีบผลักผมให้ออกห่าง แต่ผมยังคงโอบเอวเธอไว้อยู่

“เรียกฉันว่า คุณเหนือ”

“ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…” ผมก้มหน้าลงสูดกลิ่นความหอมตรงซอกคอของเธอ โตขนาดนี้แล้วยังใช้แป้งเด็ก น่าตลกสิ้นดี!

“ระ ริน แค่มาฝึกงานค่ะ ไม่ได้ต้องการแบบที่คุณเหนือว่า” เธอปฏิเสธอย่างไม่ใยดีข้อเสนอของผม

“เธอไม่สนใจ ?”

“มะ ไม่ค่ะ รินขอตัวก่อนนะคะ” เธอดันมือผมที่โอบเอวเธออยู่ออก จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที

ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธผมซะด้วยสิ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากได้เธอมาอยู่ในกำมือ อวดเก่งดีนัก!

Talk วาริน

“รินเป็นอะไรทำไมถึงหน้าซีดขนาดนั้น” พี่เอมท้วงขึ้น ทำให้ฉันมีสติ

“ปะ เปล่าๆ ค่ะ”

พี่เอมคือรุ่นพี่ในบริษัทที่สอนงานให้กับฉัน ซึ่งตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน

“แล้วเอกสารล่ะ ให้คุณเหนือเซ็นหรือยัง”

“หะ ให้แล้วค่ะ”

“เป็นอะไรหรือเปล่า คุณเหนือพูดอะไรให้ตกใจหรือเปล่า” พี่เอมยังคงย้ำถามด้วยสีหน้าที่เปป็นห่วง

“ไม่ค่ะ คุณเหนือไม่ได้พูดอะไร” ฉันปฏิเสธไปอีกครั้งแล้วพยายามทำหน้าให้ดูปกติที่สุด

“โอเคๆ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปทำงานแล้วนะ ^_^”

“ค่ะ”

ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อพี่เอมเดินไปไกลแล้ว

จริงๆ ก่อนจะมาฝึกงานที่นี่ฉันก็พอจะได้ยินคำบอกเล่าจากเพื่อนมาบ้างแล้วว่า เจ้าของบริษัทนี้ชอบกินกับนักศึกษาฝึกงาน แล้วก็เป็นเสือผู้หญิง แถมยังเป็นผู้ชายที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง

มาฝึกงานที่นี่ร่วมเดือน นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้ประจันหน้ากับเจ้าของบริษัทอย่างคุณทิศเหนือ ทำเอาหัวใจแทบจะหยุดเต้น ยิ่งได้ยินคำที่เขาพูดมันยิ่งทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

สวัสดีดีฉันชื่อ วาริน หรือ ริน

ฉันพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อส่งตัวเองเรียนให้จบ และรักษาน้องที่ป่วย ส่วนพ่อกับแม่เสียไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ชีวิตของฉันไม่มีใครนอกจากน้องสาวที่ฉันรักและหวงแหนมากที่สุด

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ฉันก็ต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมน้องสาว

“ทำไมวันนี้ถึงมาเร็วจังละคะ” นาลิน น้องสาวของฉันทักขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใบหน้าของเธอซีดเผือดเหมือนคนไม่มีแรง

เวลาที่ฉันมาเยี่ยมน้องฉันก็ต้องใจแข็งปั้นหน้ายิ้ม แต่พอกลับไปบ้านฉันก็มักจะร้องไห้ออกมา ฉันสงสารน้อง อยากให้คนที่ป่วยคือตัวฉันเองมากกว่า

“วันนี้รถไม่ค่อยติดน่ะ ^_^” ฉันยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาว “เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ย”

นาลินส่ายหน้าไปมาช้าๆ “เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมดเลยพี่ริน”

“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็หาย คนเก่งของพี่”

“หนูอยากไปโรงเรียนจังเลยค่ะ นอนอยู่แบบนี้มันน่าเบื่อ”

“เอาไว้หายดีก่อนนะ ^_^”

ฉันนั่งคุยเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวจนกระทั่งนาลินนอนหลับไป

ตอนนี้นาลินเรียนอยู่ ม.6 ปีหน้าก็จะขึ้นมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่เธอป่วยออดๆ แอดๆ มาตั้งแต่เด็ก ทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้หนักที่สุด เพราะตอนนี้ก็สองอาทิตย์กว่าแล้วที่นาลินนอนอยู่โรงพยาบาล

“ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…”

บ้าที่สุด ทำไมฉันถึงเอาแต่คิดถึงคำพูดของคุณเหนือแบบนี้กัน มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องเก็บมาใส่ใจไม่ใช่หรือไง เขามันคนหัวงู เลิกฟุ้งซ่านสักทีวาริน!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ลำเจียก

ข้อมูลเพิ่มเติม
เด็กมันยั่ว BAD LOVE

เด็กมันยั่ว BAD LOVE

วัยรุ่น

5.0

เกริ่น.... ....ยะ..อย่านะ..พี่กำลังเข้าใจผิดอยู่..อึก..~ ผมไม่สนใจที่เธอพูด ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งจริงๆ ผมเกือบจะเชื่อเธอแล้วว่าเธอไม่ได้ขายตัว ผม: เลิกเล่นได้แล้ว เรามามีความสุขกันดีกว่า ...ยะ..อย่า..หนูไม่ได้ขายตัวจริงๆ หนูไม่ได้แสดงละครอะไรทั้งนั้น หนูพูดเรื่องจริง ปล่อยหนูไปเถอะ !! ผมกดท่อนเอ็นเข้าไปที่ช่องเสียวสีชมพูชวนหลงไหลนั้น กึด~ “อ๊า~ เข้าอยากจังวะ” ผมก็มมองดูรอยเชื่อมระหว่างผมกับเธอ “เชี้ย...เลือด !!” ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้น เธอนอนน้ำตาคลอ ตัวสั่นไปหมด "อยากได้เท่าไหร่...แลกกับเซ็กส์ครั้งนี้" เธอเงียบไม่ตอบผม เอาแต่นอนสะอื้น "กูถามว่ามึงจะเอาเท่าไหร่ แลกกับความบริสุทธิ์ของมึง"

เมียเด็ก Honey (I hate you)

เมียเด็ก Honey (I hate you)

วัยรุ่น

5.0

เกริ่น.... ....ยะ..อย่านะ..พี่กำลังเข้าใจผิดอยู่..อึก..~ ผมไม่สนใจที่เธอพูด ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งจริงๆ ผมเกือบจะเชื่อเธอแล้วว่าเธอไม่ได้ขายตัว ผม: เลิกเล่นได้แล้ว เรามามีความสุขกันดีกว่า ...ยะ..อย่า..หนูไม่ได้ขายตัวจริงๆ หนูไม่ได้แสดงละครอะไรทั้งนั้น หนูพูดเรื่องจริง ปล่อยหนูไปเถอะ !! ผมกดท่อนเอ็นเข้าไปที่ช่องเสียวสีชมพูชวนหลงไหลนั้น กึด~ “อ๊า~ เข้าอยากจังวะ” ผมก็มมองดูรอยเชื่อมระหว่างผมกับเธอ “เชี้ย...เลือด !!” ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้น เธอนอนน้ำตาคลอ ตัวสั่นไปหมด "อยากได้เท่าไหร่...แลกกับเซ็กส์ครั้งนี้" เธอเงียบไม่ตอบผม เอาแต่นอนสะอื้น "กูถามว่ามึงจะเอาเท่าไหร่ แลกกับความบริสุทธิ์ของมึง"

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รสสวาทเขยบำเรอกาม

รสสวาทเขยบำเรอกาม

กาสะลอง
5.0

“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

ขอโอกาสอีกครั้ง

ขอโอกาสอีกครั้ง

Arny Gallucio
5.0

หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ