Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ทาสพิศวาสจวนโหวอำมหิต

ทาสพิศวาสจวนโหวอำมหิต

จ้าวฮุ่ยอิง

5.0
ความคิดเห็น
24.5K
ชม
39
บท

เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่าง จอมอำมหิตแห่งกู้กงและหวางเย่หลิง ทำให้รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ต้องการนางเก็บไว่้ใกล้ตัวเพื่อ เหตุผลบางอย่าง และเพื่อสืบเสาะหามารดาผู้ให้กำเนิดจากนาง ครั้นเกิดเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในสำนักคุ่้มกันหวางซื่อของตระกูลหวาง จึงทำให้จอมอำมหิตสบโอกาส หวางเย่หลิง บุตรีเพียงคนเดียวของหวางเจี้ยนเฉิง จะต้องถูกนำส่งเข้าจวน ในฐานะสตรีของอิ๋งชวนโหว เพื่อช่วยทุกชีวิตของตระกูลหวางให้รอดพ้นจาก การถูกประหารชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

บทที่ 1 ตอนที่ 1

รัชสมัยจักรพรรดิหยงเล่อ

จวนอิ๋งชวนโหว

จวนขนาดพื้นที่มหึมามีเนื้อที่นับร้อยหมู่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงเป่าจิงในย่านเศรษฐกิจสำคัญ ตัวจวนสร้างหันหน้ามองเห็นพระราชวังกู้กงที่เพิ่งจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้ไม่นานและมีการเฉลิมฉลองพระราชวังหลวงแห่งใหม่อย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วทั้งแผ่นดินเมื่อสามเดือนก่อน จากที่ตั้งของจวนสามารถเห็นพระราชวังอันยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างชัดเจน

ในยามนี้ลมกรรโชกแรงกำลังพาดผ่านและพัดพาความหนาวเย็นยะเยือกเข้าหาตัวจวนอยู่เป็นระยะๆ กระแสลมหนาวที่พาดผ่านเข้าสู่เมืองหลวงในยามนี้ บ่งบอกให้ล่วงรู้ว่าอีกไม่นานหิมะแรกของฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามาเยือนทุกขณะ

หากแต่กระแสลมหนาวที่เย็นยะเยือกซึ่งกำลังพาดผ่านไปทั่วเมืองหลวงนั้นกลับไม่ได้ช่วยทำให้ใครบางคนในขณะนี้ผ่อนคลายไปได้เลย ตรงกันข้ามกลับทุรนทุรายจนเหงื่อเม็ดเป้งผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดและไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลงแม้แต่น้อย

“ว่าอย่างไงนะ! เจ้าต้องการกู้เงินห้าหมื่นตำลึงทองจากข้าอย่างงั้นเหรอ!!!!”เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นยะเยียบกับชายชราตรงหน้า

บุรุษหนุ่มรูปงามผู้มีบรรดาศักดิ์อยู่ในราชสำนักต้าหมิง ซึ่งได้รับพระราชทานปูนบำเหน็จรางวัลจากจักรพรรดิหยงเล่อ ในฐานะที่สามารถนำกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรล้างบางกลุ่มกบฏที่ต้องการล้มล้างราชบัลลังก์ขององค์พระจักรพรรดิได้เป็นผลสำเร็จ อิ๋งชวนโหวบรรดาศักดิ์ของรองผู้บัญชาการหน่วยองค์รักษ์เสื้อแพรผู้มีนามว่าจางหยุนฟ่าน ท่านโหววัยหนุ่มแน่น อายุ 25 ปี ซึ่งมีมารดาที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นหญิงงามที่สุดของเมืองลั่วหยาง

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ท่านโหวหนุ่มเป็นบุรุษรูปงามยิ่งนัก เป็นชายในฝันที่บรรดาสตรีเพศทั้งหลาย ที่อยู่ในแวดวงสังคมชนชั้นสูงตั้งแต่ระดับเชื้อพระวงศ์จนไปถึงชนชั้นขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งต่างหมายปองอิ๋งชวนโหวกันทั้งสิ้น แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหลานี้กลับเย็นชาและเลือดเย็นเต็มไปด้วยความอำมหิตอย่างยิ่งยวด นอกจากจะเป็นขุนนางระดับสูงและมีบรรดาศักดิ์ขั้นโหวแล้ว

จางหยุนฟ่านยังมีฐานะมั่งคั่งเต็มไปด้วยทรัพย์สินมากมายที่ตกทอดมาจากตระกูลสวี่ของจางเล่าฮูหยินซึ่งเป็นท่านย่าแท้ๆ ของอิ๋งชวนโหว มีหอฟางหรงจำหน่ายเครื่องหอมของสตรีและบุรุษซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุดในแผ่นดินต้าหมิง

นอกจากนี้ยังมีหอลู่เสียนสถานที่จำหน่ายเครื่องประดับหยกสูงค่าและอัญมณีมากมายที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมากเหนือกว่าหออื่นใดในแผ่นดินต้าหมิงเช่นเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นท่านโหวที่นอกจากจะสูงศักดิ์แล้วยังมีฐานะมั่งคั่งเป็นยิ่งนัก และเพราะความมั่งคั่งของอิ๋งชวนโหวจึงทำให้ตระกูลชั้นสูงต่างหมายปองหวังจะได้ร่วมเป็นทองแผ่นเดียวกัน หากแต่สมญานามอันเลื่องลือของโหวหนุ่ม กลับทำให้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นยิ่งนัก จอมอำมหิตแห่งกู้กง สมญานามที่บ่งบอกตัวตนโหวหนุ่มรูปงามผู้นี้เป็นอย่างดี เลื่องลือไปทั่วหล้า

นอกจากสมญานามที่ได้รับแล้ว อิ๋งชวนโหวยังเจนจัดในการทำการค้าควบคู่ไปด้วยกันอีกด้วย เป็นการยากยิ่งนักที่จะมีพ่อค้าวาณิชผู้ใดย้อมแมวหรือแต่งเรื่องเพื่อหาประโยชน์ ด้วยความมั่งคั่งของอิ๋งชวนโหวที่ขึ้นชื่อดังกล่าว

จึงมักให้ความช่วยเหลือกลุ่มพ่อค้าวาณิชที่ต้องการเงินทุนทำการค้าเพื่อขยับขยายกิจการ หากแต่ไม่ใช่เสียทุกคนไปที่จะได้รับโอกาส เพราะอิ๋งชวนโหวไม่ได้ทำการค้าปล่อยเงินกู้ หากแต่ช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นจริงๆ และต้องก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน แม้นไม่มีผลประโยชน์ร่วมแล้วไซร้มีหรือที่คนอย่างเช่นอิ๋งชวนโหวจะยอมเสียเวลาแลกเปลี่ยนหรือแม้กระทั่งเสียเวลาเพื่อสนทนากับอีกฝ่าย

ดวงตาสีสนิมเหล็กยาวรี หรี่ตามองชายสูงวัยที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าในเวลานี้ บุรุษผู้อ่อนวัยกว่านั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ถูกแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรงดงาม มือที่กำลังใช้ผ้าเช็ดดาบซิ่วชุนคู่กายอยู่ในเวลานั้น ยังคงทำหน้าที่ต่อไปอย่างเชื่องช้าราวกับว่าหากอีกฝ่ายพูดไม่ถูกหู ดูท่าคงต้องได้ถูกเชือดคอตายหรือต้องถูกสังหารภายใต้คมดาบดังกล่าวเป็นแม่นมั่น

ดวงตาคมกล้าจับจ้องแขกผู้มาเยือนที่พอจะได้เห็นหน้าค่าตาในแวดวงสังคมในฐานะเจ้าของสำนักคุ้มกันที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และยังเป็นเจ้าของสำนักการสังคีตที่ขึ้นชื่อลือชาของเมืองหลวงอยู่ในเวลานี้ ซึ่งล้วนเป็นกิจการของตระกูลหวางทั้งหมด

หากแต่วันนี้ไม่เหมือนเช่นดั่งทุกครั้งที่เขาพบเจอ เพราะทั้งแววตาและสีหน้าไร้ทางออกของชายแก่ตรงหน้าที่มาพูดขอความช่วยเหลือเรื่องเงินกู้หวังจะนำเอาไปช่วยกิจการของตนซึ่งกำลังจะล้มอย่างไม่เป็นท่า ใครเล่าจะหน้าโง่ให้เงินก้อนโต เพราะถึงให้ไปก็คงจะเปล่าประโยชน์เกินเยียวยามิหนำซ้ำเงินของท่านโหวหนุ่มอาจจะกลายเป็นหนี้สูญก็ได้

“ใต้เท้าช่วยพิจารณาเรื่องเงินกู้ของข้าน้อยด้วยเถอะขอรับ อันตัวข้าแบกหนักหน้าไปขอกู้เงินกับมิตรสหายและญาติมิตรวงศ์วาน รวมไปถึงสำนักแลกเปลี่ยนเงินตรามาแทบจะทุกที่ แต่ไม่มีที่ไหนสามารถให้ข้าน้อยกู้เงินจำนวนนี้ได้ และใต้เท้าคือความหวังสุดท้ายของข้าน้อยแล้วขอรับ แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะเป็นไปได้น้อยมากแต่ก็จะอยากขอโอกาสจากท่านได้โปรดเมตตาตระกูลหวางของข้าด้วยเถิด เพื่อรักษาทุกชีวิตของตระกูลหวางให้อยู่รอดต่อไป ”

“จวนของข้าไม่ได้เปิดเป็นโรงทานให้กับผู้ใด จู่ๆ จะมาขอกู้เงินห้าหมื่นตำลึงทอง เงินมากมายเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้แต่น้อย”โหวหนุ่มพูดพลางเหลือบสายตามองสิ่งที่นำมาเป็นหลักประกันในการขอกู้เงินครั้งนี้ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า

“หลักประกันมีเพียงแค่สำนักคุ้มกันและจวนตระกูลหวาง กับตั๋วเงินของราชสำนักที่ยังไม่ถึงกำหนดการขึ้นเงินอีกสามหมื่นตำลึงทอง เพียงเท่านี้ยังไม่พอหรอกนะที่จะนำมาเป็นหลักประกันในการขอกู้เงินจากข้า มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดเอาไว้หรอกนะหวางเจี้ยนเฉิง ดูท่าเจ้าและทุกชีวิตของผู้คนภายในตระกูลหวางยากยิ่งนักที่จะหลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ได้ กลับไปเสียเถอะ!!!...ข้าช่วยเจ้าไม่ได้!!!” น้ำเสียงดุดันกล่าวตัดปัญหา

“ได้โปรดให้โอกาสข้าน้อยสักครั้งด้วยเถิดขอรับใต้เท้า” ชายชราพยายามอ้อนวอนเพราะนี่เป็นความหวังเดียวสุดท้ายของเขาแล้ว พลางคิดถึงใบหน้าของบุตรีเพียงคนเดียวขึ้นมา ด้วยเป็นห่วงในชีวิตของนางเป็นยิ่งนัก

บุตรีเพียงคนเดียวที่กำลังอยู่ในวัยออกเรือน แทนที่จะได้เตรียมตัวแต่งงานออกเรือนไปกับบุรุษชั้นสูงที่มีฐานะทางสังคมเสมอกัน นางกลับต้องมาตรากตรำออกไปทำงานแทนบิดาอยู่ภายในสำนักการสังคีต ซึ่งเป็นกิจการของตระกูลหวาง

นางทำหน้าที่เป็นเจ้าหอคอยดูแลความเรียบร้อย รวมไปถึงยังต้องทำหน้าที่บรรเลงเพลงพิณและใช้เสียงร้องของนางขับกล่อมแขกที่มาเยือนสถานที่ดังกล่าว เพื่อลดค่าใช้จ่ายของนางรำและนักดนตรีที่จะได้รับจากสำนักการสังคีตของตระกูลหวาง ทั้งนี้เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่ตระกูลหวางจะต้องแบกรับอย่างหนักอึ้ง

ด้วยเพราะในเวลานี้หวางเจี้ยนเฉิงระดมหากู้เงินและขายของมีค่าทุกอย่างภายในจวนออกไปจนหมดสิ้นเพื่อรวบรวมนำเงินมาสมทบส่งคืนให้กับทางราชสำนักที่สูญหายไปจากสำนักคุ้มกันของตระกูลหวาง หัวใจของคนเป็นพ่อมิอาจทำใจเห็นบุตรีของตัวเองต้องลำบากออกไปทำงานเช่นนั้นได้

นางควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้และจะต้องไม่จบชีวิตลงด้วยโทษประหารทั้งตระกูลที่กำลังเผชิญ หากยังไม่สามารถนำเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่ได้รับมาจากโรงหล่อผลิตเงินตราส่งมอบให้กับท้องพระคลังหลวง ซึ่งสำนักคุ้มกันของตระกูลหวางมีหน้าที่คุ้มกันเงินห้าหมื่นตำลึงทองนี้ส่งมอบให้กับท้องพระคลัง

“เจ้าจงกลับไปเสียเถอะ อย่าให้ข้าต้องพูดอะไรซ้ำซากอยู่ร่ำไป เสียเวลาเปล่าอย่าให้ข้าต้องให้เหล่าองครักษ์เสื้อแพรลากเจ้าออกไปจากจวน” โหวหนุ่มพูดพลางแสยะยิ้มยะเยือกจนอีกฝ่ายถึงกับต้องหลบสายตา

“หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ทำไมตระกูลหวางต้องมาจบสิ้นที่รุ่นของข้าด้วยเล่า” หวางเจี้ยนเฉิงคิดในใจพลางถอนหายใจออกมาอย่างหมดอาลัยตายยาก

ในที่สุดนอกจากสำนักคุ้มกันของตระกูลหวางจะต้องปิดตัวลงเพราะทำเงินของราชสำนักสูญหายไปทั้งที่อยู่ภายในสำนักคุ้มกันของตัวเอง มิหนำซ้ำยังต้องมีโทษตายล้างตระกูลตามติดมาด้วย สวรรค์เบื้องบนเหตุใดจึงลิขิตโชคชะตาให้เป็นเช่นนี้ หัวขโมยตัวจริงยังคงลอยนวล ในขณะผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกลับต้องมาเผชิญกับหายนะอันน่ากลัวที่กำลังเกิดขึ้นในครั้งนี้แทน

หวางเจี้ยนเฉิงลุกขึ้นยืนด้วยความท้อแท้อย่างหมดอาลัยตายอยากในชีวิตเป็นที่สุด พลางหันหลังก้าวเดินออกไปจากห้องหนังสือของอิ๋งชวนโหว ก่อนจะมีร่างสูงโปร่งขององครักษ์เสื้อแพรสวมอาภรณ์สีน้ำเงินบ่งบอกลำดับขั้นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเดินสวนเข้าไปภายในห้องหนังสือดังกล่าว

และทันทีที่องครักษ์ผู้นั้นก้าวเข้ามาภายในห้องหนังสือ ร่างสูงดังกล่าวเดินตรงดิ่งเข้าไปหาท่านโหวหนุ่ม ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพร และเป็นผู้บังคับบัญชาของตนด้วยเช่นกัน

“ใต้เท้า...สายข่าวที่ส่งให้ไปสืบรายงานกลับมาแล้วขอรับ”เสียงดังกล่าวเอ่ยรายงานขึ้นทันใดครั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอิ๋งชวนโหว ที่กำลังจับจ้องร่างตรงหน้าอยู่ในเวลานี้

“มีอะไรก็รีบว่ามา”เสียงตอบรับห้วนสั้นบ่งบอกอารมณ์ท่านโหวได้เป็นอย่างดี

“สายข่าวสืบค้นหาได้ทุกอย่างที่ต้องการล่วงรู้จนหมดสิ้นแล้วพร้อมส่งรายงานมาให้ใต้เท้า ทุกอย่างล้วนปรากฏอยู่ในสาสน์นี้เรียบร้อยแล้วขอรับ”องครักษ์เสื้อแพรคนดังกล่าวพูดพลางล้วงเข้าไปภายในอกเสื้อเครื่องแบบก่อนจะดึงสาสน์ลับดังกล่าวออกมายื่นส่งให้

“ดีมาก! ได้ข่าวรวดเร็วทันใจดี”ท่านโหวหนุ่มกล่าวอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอื้อมมือรับสาสน์ลับดังกล่าวมาจากมือขององครักษ์เสื้อแพรซึ่งเป็นคนสนิท พลางดึงกระดาษที่อยู่ในซองจดหมายคลี่สาสน์ลับที่สายข่าวรายงานกลับมานำออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ได้อ่านสาสน์ลับดังกล่าว ดวงตาสีนิลคมกล้าคู่สวยแปรเปลี่ยนไปโดยพลันพร้อมเหลือบสายตามองตามหลังร่างของหวางเจี้ยนเฉิงที่เดินออกจากประตูห้องหนังสือไปแล้ว หากแต่ความคิดบางอย่างพลันผุดพรายขึ้นมาทันที

“เดี๋ยว!”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จ้าวฮุ่ยอิง

ข้อมูลเพิ่มเติม
อุปราชร้ายตำหนักไร้รัก

อุปราชร้ายตำหนักไร้รัก

โรแมนติก

5.0

ตำหนักไร้รัก สถานที่พำนักของอุปราชหนุ่มแห่งเทียนจิน เจ้าของตำหนักนี้ หัวใจเต็มไปด้วยความด้านชามาแทบทุกพระองค์ แต่แล้ววันหนึ่ง คุณหมอสาวแสนสวย นามว่าจ้าวย่าเจินได้รับของขวัญ ย้ายเข้าบ้านใหม่เป็นภาพวาดตำหนักโบราณ มีชื่อว่าตำหนักเย่วเชียง ในภาพนั้นมีผู้ชายยืนเอามือไพล่หลังไม่เห็นหน้า เฝ้ามองตำหนักฝั่งตรงกันข้าม และที่น่าประหลาดผู้ชายในภาพวาดจะโตขึ้นทุกวัน จวบจนกระทั่ง คุณหมอคนสวยถูกดึงเข้าไปในภาพวาดตำหนักโบราณดังกล่าวและได้พบกับ เจ้าของตำหนักไร้รัก ซึ่งเขาก็คืออุปราชแห่งเทียนจินและเป็นผู้ชายคนเดียวกัน ที่อยู่ในภาพวาดที่หญิงสาวเห็นเขาอยู่ทุกค่ำคืน ตำหนักไร้รักเมื่อไร้หัวใจ ตำหนักไร้กังวลเมื่อหัวใจกลับมามีรักอีกครั้ง

ถานหยี่เหยียน นางมารผลาญรัก

ถานหยี่เหยียน นางมารผลาญรัก

โรแมนติก

5.0

คำโปรย การกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตครั้งนี้ ทำให้นางมารใจโฉดกลับกลายเป็นคนดี แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ถานหยี่เหยียนซึ่งผสานจิตใจกับร่างในปัจจุุบัน จนสงบกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และกลับมาทำลายล้างทุกอย่างจนวอดวาย เอลิซาเบธ ลีหรือหยางลี่จู บินกลับประเทศจีนเป็นครั้งแรกในชีวิตและถูกดวงตาสวรรค์ที่มีวาสนาผูกพันกันนำนางหวนคืนกลับตระกูลถาน ซึ่งเป็นชาติอดีตของตัวเองเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตตามที่เคยอ้อนวอนต่อสวรรค์เบื้องบน ดวงตาสวรรค์นำนางกลับมาในชาติที่เกิดเป็นสตรีที่แสนจะร้ายกาจที่สุดในตระกูลถาน และนางก็คือนางมารชื่อกระฉ่อน ถานหยี่เหยียน คุณหนูใจโฉดที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สนใจแต่ตัวเองไม่เคยใส่ใจผู้ใดและต้องได้ทุกอย่างที่นางต้องการ จนเป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถานถูกประหารล้างตระกูล และการคัดเลือกพระชายาของอดีตฉู่อ๋องเพื่อเลือกเฟ้นให้กับพระอนุชา เป็นที่มาของการประหารล้างตระกูลถานในอดีต แต่การกลับมาอีกครั้งของถานหยี่เหยียน ซึ่งเป็นร่างในยุคปัจจุบันทำให้ร่างในอดีตและปัจจุบันหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันและนางก็คือนางในฝันของบุรุษหน้าหยกผู้เลื่องลือ สตรีใจโฉดผู้เคยเป็นอนุชายาของชินอ๋องรูปงามก่อนที่จะกลับมาแก้ไขเปลี่ยนแปลง

พิศวาสตำหนักลืมเลือน

พิศวาสตำหนักลืมเลือน

โรแมนติก

5.0

อุปราชปีศาจ สมญานามนี้เลื่องลือไปทั่วหล้า อุปราชเฟิงหลง ผู้ก่อตั้งแผ่นดินเป่ยถังจนเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว วิชาอมตะทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และมีญาณหยั่งรู้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและหูทิพย์ หากแม้นผู้ใดเข้ามาใกล้พระวรกายน้อยกว่ารัศมีสิบฉื่อ ร่างจะต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีขาวไปทันที อุปราชในตำนานประทับอยู่ในพระตำหนักลืมเลือนมานานกว่า 329 ปีนับตั้งแต่สถาปนาแคว้น จวบจนกระทั่งองค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย จากแคว้นเย่วปรากฎกาย นางเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าใกล้และสัมผัสพระองค์ได้ และนางคือสตรีที่ผูกพันกับพระองค์นับตั้งแต่พานพบกันตั้งแต่ครั้งแรก แรงรักแรงพิศวาสเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตำหนักลืมเลือน ก่อนจะถึกปิดตายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อรอคอยนางหวนคืนกลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อครองรักกับอุปราชปีศาจอีกครั้งตามสัญญาที่มีไว้ให้ต่อกัน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานนับพันปีก็ตาม

ตำนานรักองค์ชายจอมโจร

ตำนานรักองค์ชายจอมโจร

โรแมนติก

4.7

หวังฉิงชวน สาวสวยจากศตวรรษที่ 21 นักศึกษาคณะศิลปะการแสดงและการละคร ซึ่งจะต้องเขียนบทละครแนวพีเรียดย้อนยุคเพื่อผลิตซีรีย์เรื่องยาว 40 ตอนจบ และยังเป็นผลงานภาคบังคับที่นักศึกษาทุกคนจะต้องทำบทละครเพื่อขออนุมัติจบการศึกษา หญิงสาวจึงนำเกร็ดประวัติของท่านหญิงธิดาลูกเจ้าเมือง จากยุคจ้านกว๋อ มาเขียนบทละคร ทว่าประวัติของท่านหญิงผู้นั้นเป็นของปลอมที่ถูกทำขึ้นในยุคนั้น เป็นเหตุให้หวังฉิงชวนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิต เมื่อเธอเกิดหัวใจวายกะทันหัน ครั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งดวงวิญญาณของเธอกลับอยู่ในร่างของท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน ธิดาเจ้าเมืองอูเจี๋ยนผู้วายชนม์ เธอถูกกลับมาในเหตุการณ์ของท่านหญิงที่นำประวัติของนางมาทำเป็นบทละคร เพื่อล่วงรู้เหตุการณ์จริงในอดีตที่เกิดขึ้น และเธอกลับมาเพื่อผูกวาสนากับจอมโจรเยี่ยคัง ซึ่งมีอดีตเป็นถึงองค์ชายเฉินคัง องค์ชายห้าแคว้นหมิ่นเย่ว วาสนาผูกพันลึกซึ้งเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง และสัญญารักมั่นจากหัวใจที่พี่คังมีต่อเฉียนเฉียน นำหวังฉิงชวนให้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอด องค์ชายเฉินคังแห่งแคว้นหมิ่นเย่วอีกครั้งเพื่อครองคู่ไปชั่วนิจนิรันดร์

บำเรอรักแม่ทัพปีศาจ

บำเรอรักแม่ทัพปีศาจ

โรแมนติก

5.0

ว่านฉีฉี ลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ถูกส่งตัวไปเมืองปักกิ่ง เพื่อความปลอดภัยจึงต้องแยกจากพ่อของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลครองเมือง หญิงสาวเข้าเรียนสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองปักกิ่ง และสถานที่แห่งนั้นทำให้เธอ ถูกนำกลับไปเมืองหลวงจี้ แห่งเมืองต้าเยียน ซึ่งกำลังถูกฆ่าล้างเมืองอยู่ในเวลานั้น หลี่เหวินฉาง แม่ทัพผู้โหดเหี้ยมและอำมหิตผิดมนุษย์ ได้พบกับว่านฉีฉี ในวันคือพระจันทร์สีเลือด แม่ทัพหนุ่มนำลูกสาวเจ้าพ่อในยุคอนาคตมาเป็นสตรีบำเรอ โดยไม่รู้ว่าเธอมีพลังปีศาจของนางพญามาร และเขาคือแม่ทัพปีศาจแห่งเฉียนฉิน

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ข้อเสนอหัวใจ

ข้อเสนอหัวใจ

Nichole Venzo
5.0

หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ทาสพิศวาสจวนโหวอำมหิต
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1

13/03/2024

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2

13/03/2024

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3

13/03/2024

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4

13/03/2024

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5

13/03/2024

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6

13/03/2024

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7

13/03/2024

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8

13/03/2024

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9

13/03/2024

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10

13/03/2024

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11

13/03/2024

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12

13/03/2024

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13

14/03/2024

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14

15/03/2024

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15

16/03/2024

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16

16/03/2024

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17

16/03/2024

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18

16/03/2024

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19

16/03/2024

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20

16/03/2024

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21

16/03/2024

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22

16/03/2024

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23

16/03/2024

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24

16/03/2024

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25

16/03/2024

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26

16/03/2024

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27

16/03/2024

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28

16/03/2024

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29

16/03/2024

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30

16/03/2024

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31

16/03/2024

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32

16/03/2024

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33

16/03/2024

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34

16/03/2024

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35

16/03/2024

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36

16/03/2024

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37

16/03/2024

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38

16/03/2024

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39 บทส่งท้าย

16/03/2024