Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@

5.0
ความคิดเห็น
179
ชม
72
บท

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

บทที่ 1 เป็นเพียงเด็กทารก

ซูเจินตื่นขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเธอลืมตาขึ้น จึงคิดจะเอ่ยปลอบคนที่ร้องไห้อยู่ คงไม่มีใครนอกจากเสี่ยวชิง

เพราะตัวเธอสูญเสียคุณพ่อคุณแม่ไปตั้งแต่ยังเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษา แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หัวคิ้วของซูเจินก็ขมวดเข้าหากันแน่น

ไม่ ไม่ถูกต้อง ทำไมเธอจึงรู้สึกเหมือนถูกกอดรัดไว้อย่างแน่น ความรู้สึกที่เริ่มจะหายใจไม่ออกทำให้ ซูเจินร้องประท้วงออกมา

“อุแว้” ซูเจินเงียบเสียงลง พร้อมทั้งเสียงของสตรีที่ร้องคร่ำครวญเมื่อครู่ก็หยุดลงเช่นกัน ซูเจินร้องใหม่อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อครู่ไม่ใช่เสียงของเธอ

“อุแว้” ดวงตาของซูเจินเบิกกว้าง เธอรู้แล้วว่าเสียงร้องของเด็กน้อยเมื่อครู่เป็นเสียงร้องของเธอเอง

มันเหมือนจะยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีก เมื่อสตรีตรงหน้าเปลี่ยนท่าทางที่กอดเธออยู่ เป็นอุ้มออกดูเพื่อจะดูว่าให้แน่ใจเช่นกัน

สิ่งที่ซูเจินเห็นทำให้นางกรีดร้องออกมาเสียงดัง แข่งกับสตรีที่อุ้มเธออยู่

ในความรู้สึกของเธอ เหมือนเธอกำลังโวยวายอย่างบ้าคลั่ง แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเพียงเสียงของเด็กน้อยที่ร้องลั่นปานจะขาดใจ

“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วลูก” เสียงของสตรีตรงหน้าตบห่อผ้าในอ้อมกอด พร้อมทั้งร้องบอกไม่ขาดปาก

แม้ไม่เห็นภาพตรงหน้าแต่ก็พอจะรู้ว่ามีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ยื่นล้อมรอบตัวสองแม่ลูกอยู่ เพราะฟังจากเสียงที่พูดคุยกระซิบกระซาบไม่ขาดสาย

“ต้าหลาง เจ้าก็เห็นด้วยกับภรรยาของเจ้ารึ!!!” เสียงของชายวัยกลางคนตวาดออกมาเสียงดัง

“ท่านผู้นำหมู่บ้าน ข้า ข้า” บุรุษที่ชื่อต้าหลางพูดไม่ออก ได้แต่พูดตะกุกตะกักฟังไม่รู้เรื่อง

“ข้าเองท่านพี่ ข้าแต่งนางให้อาเต๋อ ไม่คิดว่าเมื่อสามีไปรบนางจะขี้เกียจไม่ทำงานในเรือน ในไร่ แล้วผู้ใดจะเลี้ยงนางได้เล่า”

“เหอะ เจ้าลืมที่รับปากอาเต๋อไว้อย่างนั้นหรือ”

“รับปากอันใด ข้ามิได้รับปาก อย่างไรในเรือนก็ต้องมีบุรุษไปร่วมรบ เป็นอาเต๋อก็ถูกต้องแล้ว หรือท่านต้องการให้ต้าหลางไปแทนบุตรชายของเขาเล่า”

ซูเจินอยากจะยกมือขึ้นปิดหู เพราะรำคาญเสียงแหลมของสตรีที่พูดขึ้นไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะมือที่เล็กแล้วยังถูกห่อไว้แน่นอีกด้วย

“ไร้เหตุผลสิ้นดี ตอนที่อาเต๋อลงชื่อ สินเดิมของมารดาเขายังมีอยู่มาก พวกเจ้าก็หน้าหนา ไม่ยอมนำมาให้เขาใช้จ่ายให้ทางการ เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าร่วมกองทัพ มาตอนนี้เจ้าจะบอกรึว่าได้พูด” ผู้นำหมู่บ้านยกนิ้วชี้ไปที่ต้าหลาง ที่หลบอยู่ด้านหลังของนางไห่ซื่อ

“หากพวกเจ้าจะไล่อาเม่ยออกจากเรือนก็ย่อมได้ แต่สินเดิมของมารดาอาเต๋อต้องให้นางติดตัวไปด้วย”

“ไม่ได้ ข้าไม่ยอม เงินที่เป็นสินเดิมของนางมีมากสักเพียงใด ใช้เลี้ยงดูอาเต๋อมาจนเติบใหญ่ ทั้งยังแต่งภรรยาให้เขาก็หมดลงแล้ว” นางไห่ซื่อกรีดร้องออกมาอย่างไม่ยอม

“หึ จริงอย่างที่นางพูดหรือไม่ต้าหลาง” ผู้นำหมู่บ้านเอ่ยถามเสียงเข้ม

“จะ จริงขอรับ” ต้าหลางเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันเบา เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองสบตาของชาวบ้านที่มองมาทางเขา

“ดีดี อาเม่ย เจ้าจะเอาอย่างไร”

“ข้า ข้า ขอเพียงสินเดิมที่ท่านแม่ยึดไว้คืนก็พอเจ้าค่ะ” นางเอ่ยออกอย่างหวาดกลัว

เพราะสูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่เยาว์วัย อาศัยอยู่กับท่านปู่ท่านย่า แต่ก่อนที่นางจะออกเรือนได้สามปี ทั้งคู่ก็มาสิ้นใจทิ้งนางไว้เพียงลำพัง

แต่ยังดีที่ทั้งสองทิ้งเงิน และที่นาไว้ให้นางใช้จ่ายและทำกินอย่างไม่ขัดสน ตอนที่นางแต่งเข้าเรือนตระกูลชุยมีสินเดิมติดตัวมาถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ทั้งยังที่นาอีกสิบหมู่ โฉนดเรือน ทั้งหมดล้วนถูกนางไห่ซื่อยึดไปทั้งสิ้น

ที่นาของนางที่ใช้ปลูกข้าว เงินที่ได้จากการขายผลผลิตล้วนแต่ถูกเก็บเข้ากองกลางจนหมด ทั้งที่ข้าวก็ปลูกได้มาก แต่นางกับชุยเต๋อกลับได้กินเพียงวันละสองมื้อ หากไม่ทำงานก็จะได้กินเพียงมื้อเดียว

แต่คนทั้งเรือนได้กินเต็มที่สามมื้อ นางทนทุกข์ในตระกูลชุยถึงสองปี หากไม่เป็นเพราะสามีของนางคอยปลอบใจและทำงานหนักแทนนาง นางคิดว่านางคงได้ตายตั้งแต่ในปีแรกที่แต่งเข้ามาแล้ว

ยามที่นางตั้งครรภ์ยังต้องทำทั้งงานในไร่และในเรือน สองวันมานี้ เพราะบุตรสาวที่เพิ่งคลอดได้เพียงแค่ห้าเดือนล้มป่วย นางจึงไม่ได้ไปที่นา อยู่ดูแลบุตรสาว นางไปขอเงินแม่สามีเพื่อพาบุตรสาวไปหาหมอ นางไม่ยอมให้

ที่เกิดเรื่องมาถึงขั้นตัดขาดในวันนี้ เพราะจิ่วเม่ยโวยวาย เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของนางหายใจรวยริน แต่พ่อสามีก็เพียงปรายตามอง ทั้งแม่สามียังด่าทอนางไม่ยอมให้เงินพาบุตรสาวไปหาหมอ

“ข้าไม่ได้เอาไป จะมีคืนได้อย่างไร” ไห่ซื่อเชิดหน้าขึ้น

“เหอะได้ เช่นนั้น ข้าจะไปแจ้งทางการให้จัดการเรื่องนี้”

เมื่อเห็นว่าผู้นำหมู่บ้านเอาจริงและเริ่มจะเดินกลับไปที่เรือน ต้าหลางก็ดึงแขนเสื้อของไห่ซื่อ และส่งสายตาให้นางยอมคืนไป

“ช้าก่อน ข้าจะลองไปหาดูว่ามีหรือไม่” นางไห่ซื่อรีบร้อนกลับเข้าไปในเรือนของนาง ก่อนไปยังส่งสายตาอาฆาตมามองจิ่วเม่ยอีกด้วย

แต่มีหรือที่นางจะยอมคืนทั้งหมดที่ยึดมาได้ นางไห่ซื่อนำเงินเพียงสามสิบตำลึงเงินและโฉนดเรือน โฉนดที่ดินมาโยนให้จิ่วเม่ยเท่านั้น

ป้าหวงภรรยาผู้นำหมู่บ้านเดินเข้ามาตรวจดูสินเดิมของจิ่วเม่ยก็ร้องโวยวายออกมา

“รังแกเกินไปแล้ว เจ้าคืนมาเพียงแค่สามสิบตำลึงได้อย่างไร”

“ได้ เช่นนั้นก็นำเรื่องไปแจ้งทางการเสีย” เสียงชาวบ้านเริ่มด่าทอสองสามีภรรยาออกมา

ต้าหลางที่ทนอับอายไม่ไหว วิ่งเข้าไปในเรือนแล้วนำเงินออกมาให้จิ่วเม่ยจนครบ

“หมดเงินแล้วอย่าได้มาร้องขอความช่วยเหลือจากข้าอีก” ไห่ซื่อกรีดร้องออกมา

ที่ต้าหลางกับไห่ซื่อยอมตัดขาดกับสองแม่ลูกง่ายเพียงนี้ เพราะข่าวของชุยเต๋อขาดหายไปได้เกือบสองเดือนแล้ว ทั้งสองจึงคิดว่าชุยเต๋อตายตกในสนามรบไปเรียบร้อยแล้ว

จึงไม่คิดอยากจะเก็บสองแม่ลูกไว้ในเรือนให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำ ระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีเพื่อขับไล่ ทั้งยังยึดสินเดิมไว้ด้วย จิ่วเม่ยที่สงบปากสงบคำก็โวยวายเรื่องบุตรสาวของนางออกมาเสียก่อน

ชาวบ้านที่ได้ยินเรื่องที่นางสาธยายความเลวร้ายตลอดสองปีที่ได้รับออกมาก็รีบไปเรียกผู้นำหมู่บ้าน ด้วยเห็นนางไห่ซื่อคว้าไม้ทุบตีจิ่วเม่ยอยู่ด้วย

ผู้นำหมู่บ้านรีบเขียนหนังสือตัดขาดทันที พร้อมทั้งเขียนของชุยเต๋อออกมาด้วยอีกฉบับ เขาจึงเชื่อว่าคนดีเช่นชุยเต๋อจะไม่ตายตกไปอย่างง่ายดายแน่นอน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ l3oonm@

ข้อมูลเพิ่มเติม
ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ผจญภัย

5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

จากนางแบบสู่สตรีอ้วนหมู่บ้านโจวตง

จากนางแบบสู่สตรีอ้วนหมู่บ้านโจวตง

โรแมนติก

5.0

"สวัสดีค่ะ วันนี้หลิงหลิงจะมานำเสมอการออกกำลังกายเพื่อให้คุณมีหุ่นเหมือนหลิงหลิงค่าาาา" ทุกวันของซิงหลิงนอกจากงานถ่ายแบบเดินแบบที่เธอยึดเป็นอาชีพหลักแล้ว ก็คงเป็นอีกอย่างคือการถ่ายทอดชีวิตในแต่ละวันของเธอลงโซเซียลให้คนติดตาม ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า เธอเริ่มตั้งกล้องเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าเธอดูแลตนเองเช่นไร ตั้งแต่ยาสีฟันที่ใช้เพื่อทำให้ฟันของเธอขาว (แต่ความจริงเธอก็เข้าคลินิกเพื่อทำวีเนียร์) หรือจะเป็นมาร์คหน้าที่ใช้ก่อนจะลงครีม ขั้นตอนการลงเซรั่มไปจนถึงครีม แม้แต่การแต่งหน้าที่ดูธรรมชาติจนเหมือนไม่ได้แต่ง เรื่องอาหารการกินเธอก็ทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกซื้อผัก เนื้อสัตว์ไปจนถึงปรุงสำเร็จ การออกกำลังกายควรออกท่าไหน เพื่อให้ส่วนใดกระชับ ชิงหลิงเธอทั้งตั้งกล้องตัดต่อด้วยตนเองทั้งสิ้น ทุกคลิปของเธอสร้างรายได้มหาศาลมากกว่าเงินค่าจ้างเดินแบบเสียอีก หากผู้ติดตามเบื่อคลิปรูปแบบเดิมๆ เธอก็ออกไปถ่ายสิ่งต่างๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ แม้กระทั่งการขุดรากบัวขึ้นมาทำแป้งรากบัวเพื่อสุขภาพ หรือจะเป็นสบู่ล้างหน้า อาบน้ำแบบออแกนิค เธอก็ถ่ายทำทุกขั้นตอนให้ได้ชม คนยุคใหม่ชื่นชอบคลิปของเธอมากนักจนมีคนทำตามวิธีของเธอจนสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้จริง จนทำให้ชื่อเสียงของเธอเพิ่มขึ้นอีกมาก วันนี้ก็เช่นกัน ชิงหลิง ตื่นขึ้นมาตั้งกล้องทำทุกอย่างเช่นปกติ ทั้งยังพูดแนะนำไปตามแบบของเธอ จนเมื่อถึงตอนที่ไลฟ์สดกินอาหารเพื่อให้ทุกคนได้ดู ชิงหลิงอ่านทุกคอมเม้นและโต้ตอบกับผู้ติดตามเช่นปกติ “พี่หลิงหลิง ไม่กลัวอาหารติดคอหรือคะ พูดไปกินไป” “ฮ่า ฮ่า ไม่ค่ะ ทุกครั้งหลิงหลิงก็ทำแบบนี้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนนะคะ” เธอขยิบตาให้กล้องอย่างซุกซน แต่แล้วเหตุการณ์ที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นก็เกิด เนื้ออกไก่ชิ้นใหญ่หลุดเข้าไปในหลอดลมของเธอ คอมเม้นจากผู้ติดตาม กระหน่ำถามรัวๆ ว่าเธอเป็นอะไร ตอนนี้ชิงหลิง เธอหลบออกจากกล้อง เพราะเริ่มหายใจไม่ออก เธอพยายามล่วงคอเพื่อเอาเศษอาหารออกแต่ก็ไม่เป็นผล เธอใช้ท้องกระแทกกับพนักพิงของเก้าอี้อยู่หลายครั้ง แต่ที่ไม่ออกเสียที เพราะเธอไม่กล้าออกแรงมาก กลัวท้องจะเป็นรอยช้ำ เมื่อใส่เสื้อออกกำลังกายแล้วคนจะเห็น ครั้งนี้ชิงหลิงคิดน้อยไปเสียหน่อย เพราะมันไม่โชคดีเหมือนครั้งก่อนๆ เธอลืมหายใจไม่ออกจนล้มไปนั่งกลับพื้น เธอพยายามคลานไปที่โทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ติดตามที่กำลังดูไลฟ์สดอยู่ เพียงอีกแค่ช่วงมือเดียวที่เธอจะเอื้อมถึง แต่กลับหมดเรี่ยวแรงเสียก่อน เธอใช้แรงเฮือกสุดท้ายทุบไปที่โต๊ะทานอาหารเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ มีหนึ่งในผู้ติดตามพบความผิดปกตินี้ แล้วโทรตามรถพยาบาลให้เธอ แต่อนิจจา ไม่มีผู้ใดรู้ที่อยู่ของเธอ เพราะเธอหวาดกลัวพวกโรคจิตที่ชอบส่งข้อความแปลกมาหาเธอ ทุกครั้งที่ถ่ายคลิปหรือไลฟ์สด เธอจะไม่ถ่ายมุมกว้างเพื่อให้ผู้อื่นรู้ที่อยู่ของเธอ ชิงหลิงสิ้นใจลงในห้องพักของเธอในเช้าวันนั้น กว่าผู้จัดการของเธอจะรู้เรื่องก็เกือบจะถึงเวลานัดเพื่อไปถ่ายงาน แต่เธอไม่มาเสียทีเขาจึงมาดูที่ห้อง ไลฟ์สดของเธอก็ยังเปิดอยู่พร้อมทั้งคอมเม้นที่ยังเด้งไม่หยุดเพื่อถามว่าเธอเป็นเช่นไรกันแน่

ชะตารักลิขิตด้ายแดง

ชะตารักลิขิตด้ายแดง

โรแมนติก

5.0

ใบฟาง นักโจรกรรม เธอโดนทิ้งไว้ในบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่เมื่อไหร่ตัวเธอก็ไม่ทราบ อาจจะพูดได้ว่าเมื่อเธอจำความได้เธอก็คิดว่าที่นี่คือบ้านของเธอแล้ว เมื่ออายุได้ห้าขวบ มีสองสามีภรรยาชาวจีนรับตัวเธอไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรบุญธรรม ทั้งคู่เป็นนักธุรกิจที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อทำการค้า แต่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ นี่คือสิ่งที่คนภายนอกรับรู้ผ่านเอกสารที่ปลอมแปลงมาเรียบร้อยแล้ว แต่ความจริงทั้งคู่คือนักโจรกรรมที่ตำรวจทั่วโลกต้องการตัว ทุกครั้งที่ออกทำภารกิจสองสามีภรรยาจะปลอมแปลงหน้าตาและบุคลิกของตนเองทุกครั้ง ทำให้ไม่มีใครจับผิดทั้งคู่ได้ แม้กระทั่งลายนิ้วมือทั้งคู่ก็สามารถเปลี่ยนได้ทุกครั้ง เมื่อใบฟางถูกรับมาเลี้ยงดูแล้ว ทั้งคู่สอนทุกสิ่งที่ตนรู้และเล่ห์เหลี่ยมที่ตนมีให้กับใบฟางทั้งหมด ใบฟางที่เป็นเพียงเด็กน้อยที่ยังไม่เข้าใจโลกที่โหดร้าย หลังจากที่ถูกฝึกจนพอจะเริ่มทำภารกิจได้ ในวัยเพียงหกขวบงานแรกของเธอคือ ขโมยกระเป๋าสตางค์ ซึ่งเธอก็ทำให้ทั้งคู่ได้เห็นความเร็วและความสามารถของเธอ ในวัยเจ็ดขวบเธอเริ่มชำนาด้านการขโมยของเล็กของน้อย จนหลอกล่วงคนอื่น วัยแปดขวบเธอแสดงความสามารถโดยการเข้าร่วมงานประมูลกับพ่อแม่บุญธรรมและได้ขโมยแหวนเพชรมูลค่าเกือบสิบล้านหยวนมาได้ ทุกครั้งที่เธอได้รับภารกิจเธอตั้งใจทำอย่างมากเพราะคิดว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้ทั้งคู่รักเธอ เพียงแค่ได้รับคำชื่นชมจากทั้งคู่เธอจึงคิดเสมอว่านี่คือคนที่เป็นพ่อแม่ของเธอ การแสดงความรักของเธอคืองานที่ได้รับจะต้องไม่มีสิ่งใดผิดพลาดเพื่อให้พ่อแม่บุญธรรมรักเธอ แต่สิ่งที่เธอคิดเป็นสิ่งที่ผิดมาตลอด เมื่ออายุได้ยี่สิบปีเธอทำงานพลาดครั้งแรก เกือบจะถูกตำรวจจับตัวได้ พ่อแม่บุญธรรมที่เธอคิดเสมอว่าคือคนในครอบครัวได้หลบหนีทิ้งเธอไว้โดยไม่หันกลับมามอง จนเมื่อเธอซ่อนตัวจนตำรวจคิดว่าเธอหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ข่าวตามล่าเธอเงียบหายไป ทั้งคู่จึงได้ติดต่อกลับมา เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหากจวนตัวต้องเอาตัวรอดให้ได้ แต่เธอหวังเพียงอยากให้ทั้งคู่รักเธออย่างที่เธอรักพ่อแม่บุญธรรมสักนิดก็ยังดี เมื่อเบื่อที่ต้องใช้ชีวิตหลบหนีตำรวจ รวมทั้งองค์กรใต้ดินที่ตามล่าค่าหัวเธออย่างหนัก ทั้งคู่จึงขอให้เธอทำงานสุดท้ายให้ คือขโมยหยกเหอเถียนที่เพิ่งค้นพบเจออายุราวๆสามพันปี งานนี้ไม่ง่ายแต่หากจะแลกมาด้วยอิสระภาพที่ทั้งคู่จะยอมปล่อยเธอไป เธอจึงตกลงรับงานนี้ เธอใช้เวลาดูสถานที่ ทางหนีทีไล่อยู่สองสัปดาห์ เมื่อมั่นใจว่าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็เริ่มออกปฏิบัติการ หยกเหอเถียน ที่เธอต้องขโมยเป็นเพียงกำไลข้อมือเท่านั่น ระบบนิรภัยที่แน่นหนาไม่เกินความสามารถของเธอ เมื่อนำออกมาได้ก็เตรียมหลบหนี แต่ใครจะรู้ว่าพ่อแม่บุญธรรมที่แสนน่าเคารพรักนั้นได้ขายข้อมูลให้กับองค์กรใต้ดินเพื่อชิงของจากเธอ พร้อมทั้งฆ่าเธอเพื่อรับค่าหัวที่มูลค่าสูง แม้การต่อสู้ที่ถูกฝึกมาอย่างชำนาญ อาวุธในมือ มีดสั้น ปืนถูกนำออกมาใช้ ถึงจะฆ่าคนฝุ่นนั่นไปเยอะเพียงใด แต่เธอคนเดียวจะสู้คนที่เตรียมพร้อมมาถึงสามสิบคนได้อย่างไร ใบฟางหัวเราะให้กับความโง่ของเธอ แม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่าพ่อแม่บุญธรรมก็ยังขายเธอได้ เธอเย้ยหยันให้กับชีวิตที่บัดซบ สาปแช่งเทพแห่งโชคชะตาที่ให้เธอมาเกิดกับพ่อแม่แท้ๆที่ไม่ต้องการเธอ แล้วยังส่งพ่อแม่บุญธรรมที่ทำให้ชีวิตของเธอต้องพบจุดจบเช่นนี้

วาสนานี้ ข้ามิอยากได้

วาสนานี้ ข้ามิอยากได้

โรแมนติก

5.0

ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ

นางร้ายของท่านเสนาบดี

นางร้ายของท่านเสนาบดี

โรแมนติก

5.0

ซูหนี่นักแสดงเจ้าบทบาท วันหนึ่งเธอได้รับติดต่อให้รับบทนางร้ายที่ต้องตายเมื่อออกได้เพียงสามตอน ผู้กำกับนัดเธอให้ออกไปรับบทที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อตกลงกันได้แล้ว เธอก็กล่าวขอบคุณแล้วนัดคิวถ่ายทำกัน ซูหนี่อ่านบทของเธอที่มีเพียงน้อยนิด นางร้ายคนนี้ทำให้เธอโมโหอย่างมาก เป็นสตรีที่วางยาเพื่อให้ได้ แต่งกับบัณฑิตหนุ่ม จ้าวหนิงหลง เมื่อฝ่ายชายรังเกียจนางก็ยิ่งแสดงความร้ายกาจออกมา เมื่อจ้าวหนิงหลงสอบเป็นจวี่เหรินได้ นางก็จบชีวิตลง ถึงบทที่เธอได้รับจะออกมาให้คนดูได้เห็นเพียงไม่กี่ตอน แต่การแสดงที่เข้าถึงทำให้คนจดจำได้ ไม่ใช่เพียงคนชื่นชมเท่านั้น เธอยังทำให้แม่ค้าเกลียดจนด่าเธอกลางตลาดมาแล้ว เมื่อเธอทำทีไปเดินเพื่อเช็คความนิยม มีแม่ค้าคนหนึ่งเข้าถึงอารมณ์ในการแสดงเยอะไปหน่อย วิ่งไล่ปาไข่ไก่ใส่เธอจนนางเตลิด ไม่ได้ดูทาง จึงทำให้รถที่วิ่งมาเร็วชนเข้า เธอตื่นมาอีกครั้งในร่างของซูหนี่นางร้ายที่เธอได้รับบทบาท และที่ในบทไม่มีเหมือนกันคือซูหนี่มีลูกน้อยวัยสามขวบถึงสองคน เธอจะทำอย่างไรต่อไป จะหนีความตายที่ใกล้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่

อีกด้านของนางร้าย

อีกด้านของนางร้าย

โรแมนติก

5.0

ซูมี่หญิงสาวที่เป็นสตรีร้ายกาจของหมู่บ้าน นางมีสัญญาหมั้นหมายอยู่กับ ชิงฉางบัณฑิตหนุ่ม แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็กลับมาพร้อมสตรีอ่อนหวานแล้วยกเลิกงานหมั้นกับนาง เมื่อนางจบชีวิตลงได้ไปเกิดที่ภพใหม่และเพราะมีความทรงจำเดิมทำให้นางรู้ว่านางเป็นเพียงตัวร้ายในนิยายที่มีบทบาทเพียงไม่กี่หน้าเท่านั้น ซูมี่ได้แต่ถามตัวเองว่านางผิดเรื่องอะไร อีกจะบอกว่านางร้ายกาจ นางร้ายเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นเพราะชิงฉางที่เขาให้ความหวังหญิงสาวในหมู่บ้านไปทั่ว จนมาหาเรื่องนาง นางจะกลายเป็นสตรีที่ร้ายกาจได้อย่างไร "เหอะ ผู้ชายสารเลวเช่นนั้น หากย้อนกลับไปได้ข้าไม่มีทางชายตามองเด็ดขาด" เมื่ออ่านนิยายจบเธอก็เขวี้ยงทิ้งลงถังขยะอย่างโมโห แต่ซูมี่ไม่รู้คือ นางจะได้ย้อนเวลากลับไปจริง และการย้อนกลับไปของนางครั้งนี้มิใช่เพื่อแก้แค้น แต่เพื่อทำให้ผู้ชายเสียดายนางแทน

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ราคีร้ายคนเถื่อน

ราคีร้ายคนเถื่อน

ลิขิตนางฟ้า
4.6

มุกตาภาลูกนอกสมรสที่พ่อไม่ยอมรับ อุบัติเหตุค่ำคืนหนึ่งทำให้เธอตั้งครรภ์ สาวน้อยตัดสินใจไปหาพ่อของลูกเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร สำคัญไปกว่านั้นไม่อยากให้แม่เสียใจ ทว่าความหวังเดียวพังภินท์ กลายเป็นเงินที่พ่อของลูกคิดทำทานให้เธอ เงินมาพร้อมคำพูดดูถูกดูแคลนทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นในบัดดล น้ำตาไที่ไหลรินแห้งเหือดหายเพราะช็อก เธอหันหลังให้พ่อเลี้ยงมรุเดช กุมหน้าท้องต้องการขอกำลังใจเดินจากมา หนทางข้างหน้าจะยอมรับชะตากรรมนี้เพียงคนเดียว 'ลูก' เธอไม่อาจทำลายแต่เธอจะลืมเขาให้หมดหัวใจ ผู้ชายที่เป็นรักแรกซึ่งได้มอบราคีร้ายให้เธอ คิดเสียว่าไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่และขอลาเขาชั่วชีวิต ตามที่เขาต้องการ

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

ท่านอ๋องโปรดมอบหนังสือหย่าให้ข้าเถิด

ท่านอ๋องโปรดมอบหนังสือหย่าให้ข้าเถิด

ซีไซต์
5.0

ฉีอ๋องเป็นภัยต่อราชสำนักหยางจื่อเหยียนบุตรสาวอนุแห่งจวนกั๋วกงหลานสาวของไทเฮาจึงถูกมอบสมรสพระราชทานเพื่อสืบข่าวและเป็นไส้ศึกในจวนอ๋อง เมื่อถึงประตูจวนในวันสมรสจวนอ๋องไม่ยอมรับกลับบอกว่าเจ้าบ่าวไม่สบาย ให้กลับมาในวันหลัง หยางจื่อเหยียนมีหรือจะยอม นางถูกไทเฮาข่มขู่เข้าจวนอ๋องไม่ได้ก็อย่าหมายมีชีวิตรอด ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าแม้เขาไม่อยากแต่งนางก็ต้องทำให้เขาแต่งกับนางให้ได้ "อ๋องแปดฉีไป่อวี้ ท่านดูข้านี่แหละจะแต่งกับท่านหลังจากนั้นเราสองคนค่อยรอเวลาหย่าขาดกัน" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ แบบนิยายสั้น ๆ จบแบบสุขนิยมนะคะ เนื้อเรื่องไม่ยาวมาก อ่านสบาย ๆ ราคาเบา ๆ หวังว่าจะได้รับความรักจากทุกท่านเช่นเคย กราบขอบพระคุณยอดโหลดทุกโหลดค่ะ ขอให้นักอ่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรง เฮง ๆ ปัง ๆ ทุกคนค่ะ หมายเหตุ ซื้อในเวบ หรือ ผ่านเหรียญเมบจะถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ซีไซต์

กระต่ายน้อยดวงใจอ๋องพยัคฆ์

กระต่ายน้อยดวงใจอ๋องพยัคฆ์

pimmas
5.0

ตั้งแต่เกิดกระทั่งจำความได้ จินซิงซิน รับรู้แค่ว่านางเป็นเพียงบุตรสาวกำพร้าของพ่อค้าตระกูลใหญ่ ชั่วชีวิตน้อยๆ มีเพียงท่านยาย พี่สาวต่างมารดาเท่านั้นที่คอยห่วงใย จนกระทั่งได้เจอกับ หลี่หลานหมิง ผู้มีสมญานามว่าอ๋องพยัคฆ์ที่ผู้คนโจษขานกันว่าโหดร้ายยิ่งนัก สังหารผู้คนเป็นผักปลา แสนเย็นชาดั่งน้ำค้างแข็งจนมิอาจมีผู้ใดใต้หล้าหาญกล้าต่อกร ทั้งสองต้องแต่งงานกันตามบัญชาของโอรสสวรรค์ท่ามกลางอุปสรรคมากมาย หลี่หลานหมิงจะทำเช่นใดในเมื่อสตรีที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยอย่างชายากระต่ายน้อยกลับเติบโตเพียงแค่ร่างกาย ส่วนสภาพจิตใจนั้นอ่อนด้อยราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน... +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ หลี่หลานหมิงที่รู้สึกตัวและพลิกตัวจากอาการเมื่อยขบแต่พบว่าไม่สามารถทำได้ แค่บิดตัวเล็กน้อยก็รู้สึกร่างกายแข็งค้างราวกับไร้เรี่ยวแรง ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน... ที่แท้เพราะเมื่อคืนเขาถูกกระต่ายหลงทางกอดก่ายเอาเป็นสมบัติตนจนกระดิกไปไหนไม่ได้ นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! น่าโมโหนัก! อ๋องสี่หลี่หลานหมิงกระดิกตัวแทบไม่ได้คล้ายเป็นตะคริวเพราะกระต่ายหลงตัวโตไม่ยอมคลายกอด กว่าร่างจะกลับฟื้นกำลังวังชาก็นานพอควร กระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังสวบสาบจากหน้ากระโจมดังเล็ดลอดเข้ามา หลี่หลานหมิงจึงรู้สึกตัวว่าอยู่ในสภาพไม่น่ามอง รีบผุดลุกนั่งเอื้อมคว้ากระบี่คู่ใจข้างกายกระชับมั่น แต่เพราะความเคลื่อนไหวของเขาทำให้เตียงไหวสั่นจนคนที่นอนเริ่มขยับตัวและวาดมือมาคว้าเอวเขาเอาไว้อีกครา “อย่าไปตุ้งตุ้ง...” “นี่เจ้า! ข้ามิใช่ตุ้งตุ้งของเจ้า ปล่อย!” หลี่หลานหมิงคำรามแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไร้ซึ่งความรับรู้ใดๆ “ซิงซินยังไม่อยากตื่นเลย...ท่านยาย” ดี... ดีแท้! เมื่อครู่เปรียบเขาเป็นกระต่ายหูเทา คราวนี้กลับกลายเป็นท่านยายของนางอีก หลี่หลานหมิงปรายตามองดวงหน้าดรุณีน้อยที่ยังหลับพริ้มในห้วงนิทราแล้วถึงกับนิ่งงัน นางช่างงดงามปานเทพธิดามาจุติ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของนางที่กดลงบนซอกคอของเขาตามจังหวะหายใจทั้งยังแก้มหอมกรุ่นที่เผลอจูบลูบไล้และเรือนร่างนุ่มนิ่มที่คอยเบียดยามหนาวเหน็บตลอดคืน หึ! มารดาเจ้าเถอะ! กระต่ายน้อยเอ๋ย... เขาควรสั่งสอนนางไม่ควรปล่อยให้หลุดรอดจากกรงเล็บเพชฌฆาตไปได้จริงๆ อ๋องสี่หลี่หลานหมิงผู้ซึ่งมิได้อ่อนต่อโลกแต่ไม่เคยแสวงหาสตรีงามสักคนข้างกายถึงคราวหนาวยะเยือกในใจ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลยสักครั้งในชีวิตที่นึกอยากได้สตรีมาครอบครองเป็นสมบัติของตัวบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ความรู้สึกนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว กระต่ายน้อยหลงทางตัวนี้ต้องรับผิดชอบ!

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

Moritz Hearsum
5.0

ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา
1

บทที่ 1 เป็นเพียงเด็กทารก

10/03/2025

2

บทที่ 2 รสชาติก็ไม่ได้แย่

10/03/2025

3

บทที่ 3 เหล่าแมลงเต็มตัวนาง

10/03/2025

4

บทที่ 4 ถูกเสี่ยวมี่จัดการ

10/03/2025

5

บทที่ 5 ข่าวของซูเต๋อ

10/03/2025

6

บทที่ 6 ท่านพ่อกลับมาแล้ว

10/03/2025

7

บทที่ 7 สหายของบุตรสาว

10/03/2025

8

บทที่ 8 เรื่องนี้มีผู้ใดรู้หรือไม่

10/03/2025

9

บทที่ 9 หลันฮวา

10/03/2025

10

บทที่ 10 ถ้ำกลางป่า

10/03/2025

11

บทที่ 11 เข้าเมืองครั้งแรกของซูเจิน

10/03/2025

12

บทที่ 12 เท่าใดถึงเหมาะสม

10/03/2025

13

บทที่ 13 พี่ชายเจ้ามิใช่รึ

10/03/2025

14

บทที่ 14 ซื้อที่ภูเขา

10/03/2025

15

บทที่ 15 มากถึงเพียงนี้

10/03/2025

16

บทที่ 16 ต้าซือชรา

12/03/2025

17

บทที่ 17 เจ้ายังเป็นบุตรชายของข้า

12/03/2025

18

บทที่ 18 ผักตระกูลซู

12/03/2025

19

บทที่ 19 เจ้าหน้าที่กรมโยธา

12/03/2025

20

บทที่ 20 แจกจ่ายข้าว

12/03/2025

21

บทที่ 21 เรียกตัวเข้าเมืองหลวง

12/03/2025

22

บทที่ 22 หาคนช่วยงานมารดา

12/03/2025

23

บทที่ 23 ขุนนางขั้นแปด

12/03/2025

24

บทที่ 24 ส่งฉู่จิ้งไปเรียน

12/03/2025

25

บทที่ 25 ต้องหาแหล่งน้ำเพิ่ม

12/03/2025

26

บทที่ 26 ขุดหาตาน้ำ

12/03/2025

27

บทที่ 27 อีเตอร์

12/03/2025

28

บทที่ 28 ที่มาของเงินชุยฟง

12/03/2025

29

บทที่ 29 เหตุการณ์ประหลาด

12/03/2025

30

บทที่ 30 ไม่เชื่อว่าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา

12/03/2025

31

บทที่ 31 สักวันก็ต้องรู้อยู่ดี

12/03/2025

32

บทที่ 32 หวังกงกงเดินทางมารับด้วยตนเอง

12/03/2025

33

บทที่ 33 เดินทางเข้าเมืองหลวง

12/03/2025

34

บทที่ 34 มีปู่เพิ่มอีกคน

12/03/2025

35

บทที่ 35 เยี่ยนเฟยหยาง

12/03/2025

36

บทที่ 36 ถูกส่งไปค่ายทหาร

12/03/2025

37

บทที่ 37 เอาเสบียงออกมาแจก

12/03/2025

38

บทที่ 38 ความโหดร้ายของเมืองซีจวง

12/03/2025

39

บทที่ 39 แจกเสบียงปะทังชีวิต

12/03/2025

40

บทที่ 40 ตกหลุมพราง

12/03/2025