Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
คัมภีร์มายาจันทราผนึกปีศาจ

คัมภีร์มายาจันทราผนึกปีศาจ

chantana060422

5.0
ความคิดเห็น
ชม
5
บท

ในราชสำนักที่เต็มไปด้วยการแย่งชิง และความกระหายอำนาจของอัครเสนาบดีหลี่ เพื่อปลดผนึกให้กับราชาปีศาจที่ถูกขัง เขาสามารถทำได้ทุกวิถีทางแม้กระทั่งเข่นฆ่าเอาชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปเป็นเครื่องสังเวย โดยเฉพาะเลือดบริสุทธิ์จากหญิงสาวพรหมจรรย์ ขอเพียงแผนการที่เขาวางเอาไว้สำเร็จลุล่วง ใต้หล้านี้เขาก็จะเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว! หลี่อวี้หลินศิษย์เอกแห่งสำนักซีเฟิง เป็นชายหนุ่มผู้มีความสามารถพิเศษ สามารถเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมและสามารถคุยกับศพได้ ได้รับมอบหมายให้ลงเขาไปช่วยองครักษ์เสื้อแพรสืบคดีที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ซับซ้อนของคดี อย่างคาดไม่ถึง.. เซียวจวิ้นหานรองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรสังกัดฝ่ายเหนือ เย็นชา ทำงานไม่เห็นแก่หน้าใคร ถูกสั่งให้ต้องร่วมมือกับเด็กหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์ ซ้ำยังเจ้าสำอาง ขึ้นชื่อเรื่องรูปโฉมที่งดงามเกินบุรุษ คนเช่นนี้จะทำงานข้างนอก ทนความลำบากได้สักแค่ไหนกันข้าไม่ร่วมมือกับเขาเด็ดขาด! แต่แม้จะคิดเช่นนั้น.. สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้ พวกเขาสืบคดีร่วมกัน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยอันตราย และอุปสรรคนานัปการ หลี่อวี้หลินได้แสดงความสามารถของตนเองให้เซียวจวิ้นหานได้เห็น พวกเขาร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค ทว่าระหว่างสืบคดีอยู่นั้นหลี่อวี้หลินก็ค้นพบความลับหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ เขารู้ว่าเบื้องหลังของคดีนี้เกี่ยวข้องกับลัทธิมายาจันทรา มิหนำซ้ำผู้นำหลักหรือเจ้าลัทธิมายาจันทรายังเป็นบิดาของตนอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังเกี่ยวพันถึงสายเลือดของตัวเขาเอง ไม่ใช่แค่อัครเสนาบดีหลี่เสียแล้ว.. คดีนี้จึงลึกลับและซับซ้อนยิ่งขึ้น เซียวจวิ้นหานเห็นการทำงานของหลี่อวี้หลินที่เห็นศพ การฆ่าฟัน ความยากในการสืบคดี เด็กหนุ่มที่เขาดูแคลนในตอนต้นทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ขอเพียงสามารถทำให้คดีคืบหน้าและนำไปสู่ผลสำเร็จเขาย่อมทำโดยไม่อิดออด เซียวจวิ้นหานรู้สึกพึงพอใจมาก วัน เวลาที่พวกเขาทำคดีร่วมกันเซียวจวิ้นหานเริ่มชื่นชอบหลี่อวี้หลินมากขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับเซียวจวิ้นหานรู้สึกว่าตัวเขาเองมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับหลี่อวี้หลิน เพียงแต่ไม่รู้ว่าความเชื่อมโยงนั้นคือความเชื่อมโยงแบบใด ความสัมพันธ์ของพวกเขานับวันยิ่งดีขึ้น และดีขึ้นจนเกิดเป็นความรัก..

บทที่ 1 ตอนที่ 1 สำนักซีเฟิง

ตอนที่ 1 สำนักซีเฟิง

ยอดเขาซีเฟิงเป็นสถานที่ซึ่งห่างไกลจากความวุ่นวายในโลกมนุษย์ ยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกบางและลมเย็นตลอดทั้งปี เป็นที่ตั้งของสำนักบำเพ็ญเพียรอันโด่งดัง นักพรตผู้ทรงคุณธรรมจากทั่วหล้ามักมารวมตัวกันที่นี่เพื่อฝึกฝนวิชาและแสวงหาสัจธรรม สำนักนี้มีชื่อว่า ‘สำนักซีเฟิง’ ตามชื่อของยอดเขาซีเฟิง เจ้าสำนักมีนามว่า ‘หลี่รุ่ยอวิ๋น’

ในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่สายหมอกยังคงลอยอ้อยอิ่งเหนือยอดเขา เด็กชายในวัยสิบขวบคนหนึ่งกำลังฝึกเพลงกระบี่อยู่กลางลานกว้าง เขาคือ ‘หลี่อวี้หลิน’ เด็กผู้ถูกนักพรตเจ้าสำนักเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเยาว์ หลังจากพบเขาถูกทิ้งอยู่กลางป่าลึกในสภาพที่เต็มไปด้วยบาดแผล ที่คอยังห้อยจี้หยกชิ้นหนึ่งเอาไว้

หยกชิ้นนี้ที่ติดตัวเขามาสลักคำว่า ‘หลี่’ เอาไว้ด้านหน้า ด้านหลังสลักคำว่า ‘อวี้หลิน’

“ศิษย์น้อง เจ้าสำนักเรียกหาเจ้าแหนะ” ศิษย์พี่หวงเดินมาเรียกหลี่อวิ้หลินถึงลานฝึกกระบี่

“ทราบแล้ว ขอบคุณศิษย์หวงมากขอรับ” หลิ่อวิ้นหลินขานรับด้วยรอยยิ้ม เขาเก็บกระบี่ไม้เข้าฝักแล้ววิ่งกลับไปยังเรือนพักของอาจารย์เจ้าสำนัก

ณ เรือนไผ่ซึ่งคือเรือนพักส่วนตัวของเจ้าสำนักกับหลี่อวิ้หลิน อาจารย์และศิษย์พักในเรือนไผ่ด้วยกัน เรือนไผ่หลังนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาอีกยอดเขาหนึ่งซึ่งแยกออกมาจากยอดเขาหลัก ปลีกวิเวกอยู่ตามลำพัง หลี่รุ่ยอวิ๋น เป็นนักพรตเขาเคร่งในการฝึกบำเพ็ญเพียรจึงไม่มีทั้งภรรยาและบุตร

ก่อนหน้าที่จะเก็บหลี่อวิ้หลินกลับมาเลี้ยงดูเขาอาศัยอยู่ที่สำนักซีเฟิงเหมือนกันกับเหล่าอาจารย์และลูกศิษย์คนอื่น ๆ แต่หลังจากมีหลี่อวิ้หลินเพิ่มมาเขาจึงแยกตัวออกมาปลูกเรือนไผ่อยู่กันตามลำพัง เพื่อปลูกฝังเลี้ยงดูเด็กคนนี้เป็นอย่างดีด้วยความรัก เอ็นดูราวกับเป็นบุตรในไส้ของตนเองก็มิปาน

ตอนนี้ย่างเข้าปีที่สิบแล้วที่เขาเลี้ยงดูหลี่อวี้หลินมา จากเด็กเจ็ดขวบตอนนี้ก็สิบเจ็ดปีแล้ว.. เด็กนับวันยิ่งเติบโตขึ้น ส่วนหลี่รุ่ยอวิ๋นก็นับวันยิ่งแก่ลงเรื่อย ๆ สีผมก็กลายเป็นสีขาวดอกเลาแซมสีดำไปเกือบหมดศีรษะแล้ว

หลี่อวิ้หลินวิ่งตรงเข้ามายังโถงรับแขกของเรือนด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สดใส “ท่านอาจารย์!..” เสียงเรียกมาก่อนตัวเสมอ

หลี่รุ่ยอวิ๋นส่ายหน้าพลางทอดถอนใจเขาไม่รู้ว่าตนเองเลี้ยงเด็กคนนี้มาอย่างไรถึงได้กลายเป็นเด็กซุกซนไปเสียได้ ครู่หนึ่งร่างของเด็กหนุ่มก็ปรากฏขึ้นที่ประตูทางเข้า

หลี่อวิ้หลินกล่าวด้วยรอยยิ้มเบิกบานว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเรียกหาข้าหรือขอรับ..”

“มาใกล้ ๆ” หลี่รุ่ยอวิ๋นกวักมือเรียกสีหน้าเคร่งขรึม

ท่าทีเช่นนี้ของอาจารย์ หลี่อวิ้นหลินเห็นแล้วหากยังเดาความคิดของผู้เป็นอาจารย์ไม่ออกเช่นนั้นแล้วเขายังนับเป็นศิษย์คนโปรดที่เติบโตมาเคียงข้างผู้เป็นอาจารย์ได้หรือ? “ท่านอาจารย์.. ข้าสำนึกผิดแล้วขอรับ” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาไปครึ่งหนึ่ง ก้มหน้าลงไปเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองผู้เป็นอาจารย์ราวกับกำลังรอดูทีท่าของอาจารย์

“ไหนว่ามาสิเจ้าผิดเรื่องอะไร?” หลี่รุ่ยอวิ๋นเอ่ยถามพลางกวักมือเรียกไม่หยุด “เข้ามาใกล้อีกสักหน่อย..”

“ท่านอาจารย์.. ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ต่อไป ข้าจะสำรวมให้มากกว่านี้” หลี่อวิ้หลินโอดครวญค่อย ๆ ก้าวเท้าขยับเข้าไปใกล้ผู้เป็นอาจารย์ทีละนิด

พอเข้าไปใกล้ในระยะห่างไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน หลี่รุ่ยอวิ๋นก็เปลี่ยนจากมือที่กวักเรียกเมื่อครู่เป็นคว้าที่ใบหูของหลี่อวิ้หลินแล้วออกแรงบิดเบา ๆ แทบไม่รู้สึก แต่ทว่าเสียงร้องกลับแว่วดังไปถึงเชิงเขา ทำเอาศิษย์อีกคนทีนำอาหารมาส่งสะดุ้งโหยงไปด้วย

“เอาอีกแล้วหรือนี่ ศิษย์พี่หลี่โดนท่านอาจารย์เจ้าสำนักทำโทษอีกแล้วหรือนี่ เห้อ..” กล่าวจบก็เดินส่ายหน้าหิ้วกล่องอาหารเข้าไปข้างใน และก็เป็นอย่างที่ตนคิดจริง ๆ

“สำนึก.. เจ้าพูดประโยคนี้กี่ครั้งแล้ว เจ้าอยากให้อาจารย์อับอายรึอย่างไร?” หลี่รุ่ยอวิ๋นกล่าวพลางออกแรงบิดหูศิษย์รักเบา ๆ อีกครั้ง

“ขอรับ.. อาจารย์สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว แต่ท่านอาจารย์ในยามที่อยู่ต่อหน้าผู้อื่นศิษย์หาได้ไม่สำรวมกิริยาสักครั้ง” หลี่อวิ้หลินกล่าวน้ำเสียงกระเง้ากระงอด พร้อมทำท่าสูดปากด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน

“ยังจะเถียงอีก!..” หลี่รุ่ยอวิ๋นปล่อยมือจากหูหลี่อวิ้หลินแล้วผลักเขาเบา ๆ ก่อนจะเอียงศีรษะไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านใน “มาแล้วหรือ? ลำบากศิษย์น้องแล้ว..”

หลี่รุ่ยอวิ๋นหันกลับมาตำหนิศิษย์ต่อด้วยการตวัดสายตามอง “เจ้าน่ะไม่รู้หรือว่านี่ยามใดแล้ว มัวแต่ฝึกกระบี่ จนลืมเวลาไปที่โรงครัวนำข้าวปลาอาหารมากิน เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเจ้าทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องต้องพากันลำบากเพราะเจ้าเพียงใด”

“ขอรับ.. เรื่องนี้ศิษย์สำนึกผิดแล้ว อาจารย์สั่งสอนได้ถูกต้อง อ๊า..ท่านอาจารย์ท่านไม่ต้องพูดแล้วขอรับศิษย์รู้แล้วว่าหลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จแล้วต้องทำเช่นไร..” หลี่อวิ้หลินกล่าวพลางยกมือห้ามไม่ให้ผู้เป็นอาจารย์ต้องออกคำสั่งลงโทษ แล้วหันไปยักคิ้วข้างหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มให้กับศิษย์น้อง

“ขอบใจศิษย์น้องมาก ตอนเจ้ากลับลงไปรบกวนบอกห้องครัวว่าที่เหลือไว้ศิษย์พี่หลี่จัดการทางนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วจะลงไปจัดการด้วยตนเอง” หลี่อวิ้นหลินกล่าวกับศิษย์น้องที่นำอาหารมาส่ง

ชีวิตในแต่ละวันของหลี่อวิ้หลินหากไม่ฝึกเพลงกระบี่ ก็เป็นต้องนั่งบำเพ็ญเพียรปฏิบัติฌาน เขียนยันต์เป็นเช่นนี้..

หลี่อวี้หลินในวัยสิบเจ็ดปีเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสง่างาม ใบหน้าของเขางดงามราวกับภาพวาด ดวงตาเปล่งประกายความอ่อนโยน แต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว ผิวขาวราวหิมะ แม้เขาจะเติบโตมาในสำนักที่เคร่งครัด แต่อวี้หลินกลับมีนิสัยร่าเริงและมีจิตใจอ่อนโยนต่อผู้คนรอบข้าง จึงเป็นที่รักของทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนัก

ทั้งยังมีความสามารถพิเศษทำให้เขาโดดเด่นแตกต่างจากศิษย์คนอื่น ๆ ความสามารถพิเศษที่ว่าคือเขาสามารถมองเห็นภาพของคดีฆาตกรรมและพูดคุยกับวิญญาณได้ แม้เขาจะใช้ความสามารถนี้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่ในบางครั้งมันก็นำพาความทุกข์ยากมาสู่เขาเช่นกัน

“อวิ้หลินเจ้าต้องหมั่นฝึกฌานให้มากมิใช่ขยันแต่เพียงจะฝึกกระบี่เท่านั้น ต่อไปภายภาคหน้าหากต้องลงเขาไปปฏิบัติภารกิจช่วยขจัดทุกข์ภัยให้ชาวบ้านเจ้าจะได้ไม่ลำบาก” หลี่รุ่ยอวิ๋น อบรมสั่งสอนและกำชับด้วยความเมตตา

“ขอรับ.. ช่วงเช้าฝึกกระบี่ บ่ายเขียนยันต์ร่ายคาถา เย็นนั่งสมาธิฝึกฌานต่อไป ข้าจะหมั่นทำเช่นนี้เป็นอย่างไรขอรับ” หลี่อวิ้หลินขานรับพลางอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหนักแน่น

หลี่รุ่ยอวิ๋นส่ายหน้า “ก่อนอื่นวันนี้เจ้าก็ลงไปทำความสะอาดโรงครัว แล้วก็กวาดใบไม้ที่ลานฝึกเถอะ”

“อาจารย์..” หลี่อวิ้หลินโอดครวญสีหน้ากระเง้ากระงอด “วันนี้ข้ามิได้ทำผิดกฎระหว่างเราเลยนะขอรับ ช่วงเช้ามาข้าก็เริ่มด้วยการปัด กวาด เช็ด ถูกเรือน เสร็จก็ลงไปกวาดใบไม้ ลงไปรับอาหารที่โรงครัวเอง มื้อเช้าข้าก็เป็นคนลงไปนำอาหารขึ้นมาด้วยตัวเอง เพียงช่วงกลางวันศิษย์หลงลืมไปชั่วขณะเท่านั้น ลงโทษสองขั้นในคราเดียวไม่หนักไปหรือขอรับ”

“เดี๋ยวก็ข้า เดี๋ยวก็ศิษย์ เลือกเอาสักอย่าง ..แล้วไหนว่ามาสิ วันนี้เหตุใดเจ้าไม่ซักผ้า.. เจ้าไม่ซักผ้าแล้วเราสองคนจะเอาเสื้อผ้าที่ใดสวม เจ้าว่ามา.. โอย..” หลังจากตะเบ็งเสียงจบ หลี่รุ่ยอวิ๋นก็ทรุดกายลงไปนั่งหอบหายใจพลางดมยาหอมที่ห้องยาทำขึ้นเอง

หลี่อวิ้หลินเห็นอาจารย์ผู้เปรียบเสมือนบิดาหอบหายใจหนักหน่วงจึงปรี่เข้าไปนวดขาให้ “ทว่าเรื่องซักเสื้อผ้าความจริงพรุ่งนี้ถึงจะถึงกำหนดซักมิใช่หรือขอรับอาจารย์”

หลี่รุ่ยอวิ๋นวางยาหอมลงไว้ข้างกาย จ้องมองศิษย์ด้วยแววตาลังเล ‘มิใช่วันนี้หรอกหรือ?’ หลี่อวิ้หลินเม้มฝีปากแน่นพยักหน้าหงึกหงักสีหน้าหนักแน่นราวกับกำลังตอบว่า ‘ขอรับเป็นพรุ่งนี้’ อย่างไรอย่างนั้น

หลังจากใช้สมองคิดทบทวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลี่รุ่ยอวิ๋นจึงกระแอมไอออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ถือว่าอาจารย์จำผิดแล้วกัน..”

เสียหน้าก็ส่วนเสียหน้า แต่เรื่องที่ควรยอมรับผิดก็ยังต้องยอมรับผิด เช่นนี้ถึงจะเป็นแบบอย่างที่ดีวให้กับศิษย์ได้

หลี่อวิ้หลินอมยิ้มน้อย ๆ ครั้นจะหัวเราะออกมาก็มิได้เพราะกลัวผู้เป็นอาจารย์จะเสียหน้าจึงช่วยกู้หน้าผู้เป็นอาจารย์กลับคืนมาว่า “แต่ดีนะขอรับที่ท่านอาจารย์ช่วยเตือนมิเช่นนั้นไม่แน่ว่าพอถึงพรุ่งนี้ศิษย์อาจจะลืมขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ ขอบคุณท่านอาจารย์”

ช่วงเช้าของวันที่ยี่สิบ เดือนห้า ขณะที่อวี้หลินกำลังฝึกกระบี่อย่างตั้งใจอยู่ที่ลานฝึก หลี่รุ่ยอวิ๋นผู้เป็นอาจารย์เดินเข้ามาใกล้เขาพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “อวี้หลิน วันนี้อาจารย์จะมอบหมายให้เจ้าลงเขาไปซื้อสมุนไพรกลับมาให้สำนักเจ้าพร้อมหรือไม่?”

ลงเขา! หลี่อวี้หลินเบิกตาโพลงด้วยหัวใจพองโต

อวี้หลินหยุดการฝึกกระบี่ลง พยักหน้ารับด้วยความตื่นเต้น “ขอรับ ท่านอาจารย์! ว่าแต่ท่านอาจารย์ให้ศิษย์ไปกับผู้ใดหรือขอรับ ศิษย์พี่คนใดเดินทางเป็นพี่เลี้ยงให้ศิษย์”

หลี่รุ่ยอวิ๋นส่ายหน้า ตอบน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่มี.. ครั้งนี้เจ้าต้องเดินทางลงเขาไปเพียงลำพัง”

“หา? .. เช่นนั้นจะได้อย่างไรขอรับ ศิษย์ไม่เคยลงเขาเลยสักครั้ง” อวิ้หลินคร่ำครวญ

“เหตุใดจะมิได้ เจ้าน่ะนะเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของข้า หากกะแค่เรื่องลงเขาไปซื้อยาสมุนไพรกลับมาให้สำนักเจ้ายังทำไม่ได้ ข้ามิเสียชื่อแย่หรอกหรือ?”

ที่แท้ก็กลัวเสียหน้านี่เอง..

“ออ..” อวิ้หลินแม้ไม่เข้าใจก็จำต้องเข้าใจ “ขอรับท่านอาจารย์ อาจารย์โปรดวางใจ ศิษย์จะทำอย่างเต็มที่มิทำให้ท่านอาจารย์ต้องผิดหวัง”

การลงเขาครั้งนี้ถือเป็นการลงเขาครั้งแรกในรอบหลายปีของอวี้หลินนับตั้งแต่ที่เขาถูกพาขึ้นเขามา เขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นโลกภายนอกอีกครั้ง ในใจลึก ๆ เขาก็ยังหวังว่าจะได้ใช้ความสามารถของตนช่วยเหลือผู้คนอีกด้วย

ไม่รู้ว่าการลงเขาครั้งนี้ข้าจะได้พบเรื่องราวน่าตื่นเต้นอะไรหรือไม่? หลี่อวี้หลินคิดในใจ

เขาไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะนำพาเขาเข้าสู่เหตุการณ์ที่อาจเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล..

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ chantana060422

ข้อมูลเพิ่มเติม
คดีฆาตกรรมสกุลหลิน

คดีฆาตกรรมสกุลหลิน

ผจญภัย

5.0

ในคืนเทศกาลตงจื้อที่ผู้คนกำลังออกมานอกบ้านเพื่อเฉลิมฉลองวันเข้าสู่ฤดูหนาวกันอย่างเป็นทางการ ด้วยความสนุกสนานและมีความสุข ห่างออกไปทางทิศตะวันออกของเมืองได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนต่างหวาดผวาขึ้น เหตุการณ์ที่ว่าคือ จวนนายอำเภอถูกคนร้ายกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปสังหารคนทั้งตระกูลไม่เหลือรอดเลยแม้แต่คนเดียว แม้จะบอกว่าไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว แต่ก็ยังมีคุณชายหลิน 'หลินจินเซี่ย' บุตรชายเพียงคนเดียวของนายอำเภอหลิน 'หลินอัน' กับบ่าวรับใช้คนสนิทที่ออกไปเที่ยวชมความคึกคักของเทศกาลตงจื้อข้างนอกยังไม่กลับ เหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปถึงเมืองหลวง ฝ่าบาททรงมีคำสั่งให้ 'เหอหลิงซี' คนผู้นี้มีตำแหน่งเป็นถึงนายกองร้อยขององครักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือ เป็นผู้รับหน้าที่ไปสืบคดีนี้ เดิมทีนายกองร้อยเหอหลิงซีไม่ต้องการให้หลินจินเซี่ยเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายแต่เพราะอีกฝ่ายอ้างว่าตนรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเรื่องราวนี้ขึ้น และหากไม่ให้เขาเข้าร่วมในการสืบคดีเช่นนั้นเขาก็จะไม่ให้ความร่วมมือ และไม่บอกสาเหตุของเรื่องนี้ ทั้งยังจะสืบเองตามลำพังอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยกันค้นหาหลักฐานสำคัญที่จะนำไปสู่กุญแจไขคดีนี้ร่วมกัน ระหว่างที่พวกเขาร่วมมือกัน นายกองร้อยเหอหลิงซีได้ค้นพบความลับที่สำคัญอย่างหนึ่งเข้า ความลับที่ว่าคือหนึ่งในมือสังหารคือคนที่หลินจินเซี่ยไว้ใจที่สุด ใกล้ชิดที่สุด และรักที่สุด คนผู้นั้นก็คือมารดาของตัวเขาเอง แต่นางถูกสังหารไปพร้อมกับคนในสกุลหลินไปแล้วมิใช่หรือ? แล้วนางจะเป็นมือสังหารไปได้อย่างไร? นางทำไปเพื่อสิ่งใด ยังมีความลับอีกมากมายรอให้พวกเขาไปค้นหา มาร่วมกันค้นหาความจริงไปกับพวกเขากันเถอะ.. ...................................................................................................................................... เทศกาลตงจื้อ คือ วันเข้าสู่ฤดูหนาวของจีน

หนังสือที่คุณอาจชอบ

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
3.8

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

ท่านอ๋องโปรดมอบหนังสือหย่าให้ข้าเถิด

ท่านอ๋องโปรดมอบหนังสือหย่าให้ข้าเถิด

ซีไซต์
5.0

ฉีอ๋องเป็นภัยต่อราชสำนักหยางจื่อเหยียนบุตรสาวอนุแห่งจวนกั๋วกงหลานสาวของไทเฮาจึงถูกมอบสมรสพระราชทานเพื่อสืบข่าวและเป็นไส้ศึกในจวนอ๋อง เมื่อถึงประตูจวนในวันสมรสจวนอ๋องไม่ยอมรับกลับบอกว่าเจ้าบ่าวไม่สบาย ให้กลับมาในวันหลัง หยางจื่อเหยียนมีหรือจะยอม นางถูกไทเฮาข่มขู่เข้าจวนอ๋องไม่ได้ก็อย่าหมายมีชีวิตรอด ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าแม้เขาไม่อยากแต่งนางก็ต้องทำให้เขาแต่งกับนางให้ได้ "อ๋องแปดฉีไป่อวี้ ท่านดูข้านี่แหละจะแต่งกับท่านหลังจากนั้นเราสองคนค่อยรอเวลาหย่าขาดกัน" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ แบบนิยายสั้น ๆ จบแบบสุขนิยมนะคะ เนื้อเรื่องไม่ยาวมาก อ่านสบาย ๆ ราคาเบา ๆ หวังว่าจะได้รับความรักจากทุกท่านเช่นเคย กราบขอบพระคุณยอดโหลดทุกโหลดค่ะ ขอให้นักอ่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรง เฮง ๆ ปัง ๆ ทุกคนค่ะ หมายเหตุ ซื้อในเวบ หรือ ผ่านเหรียญเมบจะถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ซีไซต์

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

Odey Jagoe
5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

แรงเสน่หาของอดีตภรรยา

แรงเสน่หาของอดีตภรรยา

วีณา กางมุ้งคอย
4.8

นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ