คดีฆาตกรรมสกุลหลิน

คดีฆาตกรรมสกุลหลิน

chantana060422

5.0
ความคิดเห็น
3.5K
ชม
57
บท

ในคืนเทศกาลตงจื้อที่ผู้คนกำลังออกมานอกบ้านเพื่อเฉลิมฉลองวันเข้าสู่ฤดูหนาวกันอย่างเป็นทางการ ด้วยความสนุกสนานและมีความสุข ห่างออกไปทางทิศตะวันออกของเมืองได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนต่างหวาดผวาขึ้น เหตุการณ์ที่ว่าคือ จวนนายอำเภอถูกคนร้ายกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปสังหารคนทั้งตระกูลไม่เหลือรอดเลยแม้แต่คนเดียว แม้จะบอกว่าไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว แต่ก็ยังมีคุณชายหลิน 'หลินจินเซี่ย' บุตรชายเพียงคนเดียวของนายอำเภอหลิน 'หลินอัน' กับบ่าวรับใช้คนสนิทที่ออกไปเที่ยวชมความคึกคักของเทศกาลตงจื้อข้างนอกยังไม่กลับ เหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปถึงเมืองหลวง ฝ่าบาททรงมีคำสั่งให้ 'เหอหลิงซี' คนผู้นี้มีตำแหน่งเป็นถึงนายกองร้อยขององครักษ์เสื้อแพรแห่งกองปราบฝ่ายเหนือ เป็นผู้รับหน้าที่ไปสืบคดีนี้ เดิมทีนายกองร้อยเหอหลิงซีไม่ต้องการให้หลินจินเซี่ยเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายแต่เพราะอีกฝ่ายอ้างว่าตนรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเรื่องราวนี้ขึ้น และหากไม่ให้เขาเข้าร่วมในการสืบคดีเช่นนั้นเขาก็จะไม่ให้ความร่วมมือ และไม่บอกสาเหตุของเรื่องนี้ ทั้งยังจะสืบเองตามลำพังอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยกันค้นหาหลักฐานสำคัญที่จะนำไปสู่กุญแจไขคดีนี้ร่วมกัน ระหว่างที่พวกเขาร่วมมือกัน นายกองร้อยเหอหลิงซีได้ค้นพบความลับที่สำคัญอย่างหนึ่งเข้า ความลับที่ว่าคือหนึ่งในมือสังหารคือคนที่หลินจินเซี่ยไว้ใจที่สุด ใกล้ชิดที่สุด และรักที่สุด คนผู้นั้นก็คือมารดาของตัวเขาเอง แต่นางถูกสังหารไปพร้อมกับคนในสกุลหลินไปแล้วมิใช่หรือ? แล้วนางจะเป็นมือสังหารไปได้อย่างไร? นางทำไปเพื่อสิ่งใด ยังมีความลับอีกมากมายรอให้พวกเขาไปค้นหา มาร่วมกันค้นหาความจริงไปกับพวกเขากันเถอะ.. ...................................................................................................................................... เทศกาลตงจื้อ คือ วันเข้าสู่ฤดูหนาวของจีน

บทที่ 1 ตอนที่ 1 เกิดเหตุฆาตกรรมในคืนเทศกาลวันเข้าสู่ฤดูหนาว

ในคืนเทศกาลตงจื้อทุกคนในอำเภอหยางโจวกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลเข้าสู่ฤดูหนาวกันอย่างมีความสุข ในงานมีการประกวดดอกไม้ไฟที่สวยงามตระการตา มีการละเล่นปาหี่อย่างการทุบก้อนหินบนหน้าอก มีการทายแผ่นป้ายปริศนาหากผู้ใดสามารถตอบถูกก็จะได้รับโคมไฟที่สวยที่สุดในร้านนั้นไป มีการปาลูกดอกลงโถผู้ใดสามารถปาเข้าครบจำนวนที่ร้านกำหนดก็จะได้รับรางวัล ทว่าการจะได้รับรางวัลนั้นเป็นเรื่องยากแสนจะยากเนื่องเพราะปากโถที่ใช้เป็นเป้านั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงสามชุ่นเท่านั้น และมีละครลิงแสดงให้ดู ที่บอกว่าละครลิงก็คือใช้ลิงตัวเป็น ๆ สองตัวมาแสดงการเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ แน่นอนว่าในทุกรอบที่การแสดงลิงจบลงย่อมต้องมีการตกรางวัลเป็

นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น

ผู้คนมากมายเดินทางจากต่างถิ่นมุ่งหน้าเข้ามาเพื่อเที่ยวชมเทศกาลเข้าสู่ฤดูหนาวอันตระการตาของเมืองหยางโจวที่มักจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีกันอย่างเนืองแน่น ถนนทุกสายแน่นขนัดไปด้วยผู้คน เสียงผู้คนคุยกันดังแซงแซ่ เสียงโห่ร้องยินดีเมื่อได้เห็นลิงสองตัวเต้นระบำเลียนแบบท่าทางมนุษย์ เสียงปรบมือกระโดดโลดเต้นเมื่อปาลูกดอกเข้าปากโถได้สำเร็จ เสียงร้องตะโกนบอกเยี่ยม! เอาอีก! ดังขึ้นต่อเนื่องเมื่อเห็นคนหนึ่งยกค้อนขนาดใหญ่ทุบแผ่นหินบนหน้าอกอีกฝ่ายที่นอนแผ่อยู่บนพื้นจนหักครึ่ง ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งหันมองไปทิศทางใดก็ได้ยินเพียงเสียงอึกทึกครึกโครม โห่ร้องยินดี สีหน้าเบิกบาน สำราญใจของชาวเมืองหยางโจว

ช่วงย่ำค่ำผู้คนเดินกันขวักไขว่ ส่วนใหญ่ก็คือผู้คนที่ออกมาเดินเที่ยวหาความสุข สำราญ เมืองหยางโจวเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองมากมาย รายล้อมด้วยคฤหาสน์เศรษฐีคหบดี เหลาสุราเลิศล้ำแห่งหยางโจวและหอนางโลม ในเมืองผู้คนแออัดยามสัญจรย่อมมีการเบียดเสียดกันบ้างก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

“ฮา..นี่ก็คือผลการทำงานเพื่อบ้านเมืองของท่านพ่อข้าโดยแท้! ไม่เชื่อเจ้าก็ดูสิฝูจิ้นเงินภาษีที่ชาวเมืองหยางโจวเสียให้กับทางการท่านพ่อล้วนแล้วแต่นำมาพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองมากถึงเพียงนี้” ชายหนุ่มรูปงาม รูปร่างสูงเพรียว ผิวพรรณขาวผุดผ่องราวกับหิมะ หน้าตางดงามราวกับสตรี ใบหน้าหวานละมุนดุจจันทร์กระจ่าง กระทั่งรอยยิ้มยังอ่อนโยน ดวงตาเรียวหงส์ นัยน์ตาดำขลับ เรือนผมสีดำสลวยเงางาม เขาเอ่ยชื่นชมบิดาของตนด้วยความภาคภูมิใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข รอยยิ้มของเขาเผยให้เห็นถึงความปลาบปลื้มกับบ่าวรับใช้คนสนิท

ชายหนุ่มที่มีหน้าตางดงาม อ่อนหวานราวกับสตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลินจินเซี่ย’ หรือคุณชายหลินบุตรชายเพียงคนเดียวของนายอำเภอหลิน ‘หลินอัน’ ปีนี้เขาอายุสิบเจ็ดปี มีนิสัยมองโลกในแง่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดีและมีเมตตา อ่อนโยนกับสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิด มีอารมณ์ขัน ศิลปะทั้งสี่เขาล้วนเก่งกาจฝีมือแม้นไม่นับว่าเป็นอันดับหนึ่งแต่ก็ไม่ด้อยไปกว่าอันดับสอง ทว่าวิชายุทธ์ป้องกันตัวนั้นหากมีผู้ที่มีฝีมือเก่งกาจขึ้นไปถึงสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็ย่อมต้องมีผู้ที่มีฝีมือระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เฮ้อ.. อย่าได้เอ่ยถึงมันเลย ช่างน่าอับอายเกินไปแล้ว แต่ ๆ ยังมีอีกความสามารถหนึ่งที่แม้แต่ผู้เป็นบิดา และมารดาไม่รู้นั่นก็คือความสามารถในการสืบคดีแม้ไม่เก่งกาจเท่าหน่วยองครักษ์เสื้อแพรแต่ก็ไม่ด้อยไปกว่าคนของทางการ

บ่าวรับใช้คนสนิทแย้มยิ้มภาคภูมิใจที่ตนได้เป็นคนของสกุลหลิน กล่าวว่า “ขอรับนับว่าเป็นโชคดีของชาวเมืองหยางโจวโดยแท้ และถือว่าเป็นวาสนาของข้าน้อยด้วยเช่นกัน ฮี่..”

บ่าวรับใช้คนสนิทมีชื่อว่า ‘ฝูจิ้น’ อายุสิบห้าปี ชีวิตวัยเด็กของเขานั้นรันทดแสนรันทด ตอนนั้นเขากำลังถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไปเพื่อขายให้กับชาวนอกด่านอย่างดินแดน ‘ซีอวี่’ หากตอนนั้นคนของทางการซึ่งนำโดยนายอำเภอเมืองหยางโจว หลินอันไม่ไล่หวดไปจนกระทั่งสามารถกวาดล้างกลุ่มค้ามนุษย์ได้ทันคาดว่าคงมีชาวเมืองหยางโจวรวมถึงชาวเมืองอื่น ๆ อีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกกลุ่มค้ามนุษย์จับมารวมกันได้ถูกขายไปยังดินแดนซีอวี่แล้ว! และหากเป็นเช่นนั้นป่านนี้ชีวิตของคนเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย!

กลุ่มคนที่นายอำเภอเมืองหยางโจวได้ช่วยชีวิตไว้ พวกคนต่างถิ่นรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่นายอำเภอช่วยชีวิตก็ได้ขออาศัยอยู่ในเมืองโดยตั้งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ พวกเขามีการติดต่อกันกับกลุ่มคนที่เป็นชาวเมืองหยางโจวที่เมีชะตากรรมเดียวกันอยู่เป็นประจำ แม้พวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงคนธรรมดาไร้ซึ่งวรยุทธ์ ไร้วรยุทธ์แต่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ไปเสียทีเดียวใช่ไหม? ที่บอกว่าพวกเขามิได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียวนั้นก็เป็นเพราะพวกเขาคอยเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องความผิดปกติภายในเมืองหยางโจวให้กับนายอำเภออย่างลับ ๆ พวกเขาเรียกตนเองว่า ‘ดวงตาสวรรค์’ หากพวกเขาพบเห็นความผิดปกติหรือความเคลื่อนไหวที่นำไปสู่ความน่าสงสัยไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็มักจะนำไปรายงานให้นายอำเภอทราบโดยตรงไม่ผ่านผู้ช่วย

การมีตัวตนของพวกเขา มีเพียงนายอำเภอเมืองหยางโจว หลินอันเท่านั้นที่รู้ว่ามีองค์กรนี้อยู่ ไม่เพียงคอยสอดส่องความเคลื่อนไหวที่อาจนำไปสู่ความไม่ปลอดภัยของชาวเมืองหยางโจวแล้ว พวกเขายังแบ่งคนอีกจำนวนหนึ่งคอยแอบติดตามดูแลความปลอดภัยให้กับหลินจินเซี่ยอีกด้วย

หนี้สินชำระยาก หนี้บุญคุณยากชำระ ดังนั้นฝูจิ้นจึงตั้งปณิธานกับตนเองเอาไว้ว่า ‘ชั่วชีวิตนี้แม้ต้องตายก็จะต้องตายเพื่อสกุลหลิน’ ในเมื่อเรื่องของเขาเป็นเช่นนี้แล้วยังมีเหตุผลใดไม่ให้เขารู้สึกซาบซึ้ง และภูมิใจที่ได้เป็นคนสกุลหลินได้อีกเล่า?

หลินจินเซี่ยรู้สึกหมั่นไส้กับรอยยิ้มภาคภูมิใจของบ่าวรับใช้จึงยกมือขึ้นแกล้งตบท้ายทอยอีกฝ่ายไปหนึ่งฉาดแต่กลับไม่ได้ลงน้ำหนักที่ฝ่ามือแรงนักเหมือนท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของเขา แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “บอกเจ้ากี่ครั้งแล้วเวลาข้าเอ่ยชมท่านพ่อห้ามเจ้ายกหางตนเองเอ่ยชื่นชมคล้อยตามข้าน่ะฮึ!”

“ขอรับ ๆ ข้าน้อยผิดไปแล้ว อ๊ะ!..คุณชายท่านดูนั่น!” ฝูจิ้นหันมองไปทางทิศตะวันออกของเมืองเห็นดอกไม้ไฟดอกหนึ่งรูปร่างผิดแปลกไปจากพวกปรากฏขึ้นอีกฟากหนึ่งของเมืองจึงชี้นิ้วไปที่ดอกไม้ไฟดอกนั้น

ดอกไม้ไฟทั่วไปมักเป็นรูปดอกไม้ ไม่ก็เป็นรูปสัตว์อย่างหมา แมวอะไรพวกนั้น แต่ดอกไม้ไฟที่ฝูจิ้นเห็นกลับมีรูปร่างเป็นตัวอักษรคำว่า ‘อัน’ ซึ่งหมายถึงความสงบสุข ทว่าในความหมายมักตรงกันข้าม ผู้คนทั่วไปที่ไม่รู้ความหมายก็มักจะเห็นเป็นคำอวยพรตรงตัวทั้งยังพูดกันถึงความหมายไปต่าง ๆ นานาว่า “ดูพลุดอกไม้ไฟดอกนั้นสิความหมายดีมากเชียว!”

“สงบสุข ร่มเย็น!..”

“สงบสุข ร่มเย็น!..” ทุกคนต่างพร้อมใจกันตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

แต่หลินจินเซี่ย กลับไม่คิดเช่นนั้นเขาหดม่านตาลง ย่นคิ้วครุ่นคิดและถอนหายใจหนักอึ้งออกมา ฝูจิ้นหันมองเอ่ยเสียงเครียด “คุณชายมีเรื่องหรือขอรับ”

ทันทีที่ดอกไม้ไฟตัวอักษรคำว่าอันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าที่มืดมิดชนิดยื่นมือออกไปไม่เห็นนิ้วทั้งห้า หลินจินเซี่ยก็รู้แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นในเมืองหยางโจว อย่างแน่นอน! อีกทั้งทิศทางนั้นก็มาจากทางทิศตะวันออกของเมือง เขาเกิดความรู้สึกไม่สบายใจอย่างหนึ่งขึ้นจึงสั่งให้ฝูจิ้นไปนำม้ามา

พลุสัญญาณทะยานขึ้นจากทิศทางใด ทิศทางนั้นย่อมเป็นจุดเกิดเหตุ..

หลินจินเซี่ยไม่ตอบคำ ฝูจิ้นเห็นสีหน้ากังวลใจของผู้เป็นนายก็ไม่อาจชักช้าอืดอาดได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินคำสั่งเขาก็รีบหันร่างจากไป แม้ว่าหลินจินเซี่ยจะชื่นชอบการชมดอกไม้ไฟมากเพียงใดก็จำต้องพักเอาไว้ก่อน

สิ้นคำ ด้านหลังหลินจินเซี่ยก็มีกลุ่มคนของทางการวิ่งห้อตะบึงจนพื้นดินสั่นสะเทือน มุ่งหน้าไปยังทิศทางตะวันออกของเมือง ฝีเท้าหลายสิบคู่เหยียบย่ำวิ่งผ่านก่อให้เกิดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามถนนฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณทำให้ผู้คนที่ยืนออกันอย่างเนืองแน่นต่างขยับเท้าหลบหลีกกันอย่างอลม่าน ผู้คนในเมืองต่างแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่มาอย่างกะทันหันไม่ได้ตั้งตัว บ้างยกมือขึ้นปัดฝุ่นที่ลอยฟุ้ง บ้างยกมือขึ้นปิดจมูก ดวงตาเบิกกว้าง

ไม่นานฝูจิ้นก็กลับมาพร้อมกับม้าสองตัวหลินจินเซี่ยพลิกกายขึ้นควบขี่ม้า ดึงเชือกบังเหียนขึ้นทีหนึ่งพร้อมตะโกนว่า ไป!.. มุ่งหน้ากลับจวนสกุลหลินทันที เพราะพลุดอกนั้นทำให้คุณชายผู้อ่อนโยนและมีรอยยิ้มสดใสเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที

หน้าจวนมีม้าหลายตัวยืนสะบัดหางไปมา คนของทางการสองคนยืนคุมอยู่สองข้างประตูใหญ่ของจวน หลินจินเซี่ยดึงบังเหียนม้าทีหนึ่งให้ม้าหยุด เขากระโดดลงจากหลังม้าวิ่งไปที่ประตูใหญ่ คนของทางการสองคนเห็นคนที่กำลังวิ่งตรงเข้ามาเป็นคุณชายสกุลหลินจึงไม่ได้ขัดขวางปล่อยให้เขาเข้าไปพร้อมกับบ่าวรับใช้อีกคน

หลินจินเซี่ยหันไปถามยามเฝ้าหน้าประตูคนหนึ่งน้ำเสียงตื่นตระหนก “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?!”

ยามเฝ้าหน้าประตูผู้นั้นตอบเสียงเบา สีหน้าเศร้าหมองว่า “มีคนร้ายบุกเข้ามาขอรับ”

สายลมฤดูหนาวพัดโชยสร้างความหนาวเย็นเยือกจนร่างสั่นสะท้าน สร้างบรรยากาศน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆสีดำทะมึน พากลิ่นคาวเลือดฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ บรรยากาศภายในโดยรอบ อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ไม่ว่าใครประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ก็ย่อมสะเทือนใจจนทนไม่ไหว

เมื่อหลินจินเซี่ยก้าวเท้าเดินเข้าไปยังลานสวนหน้าเรือนหลักภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็คือคนของทางการกำลังช่วยกันเก็บศพของคนตายไปกองรวมกัน หลินจินเซี่ยเดินลากเท้าที่อ่อนแรง ห่อไหล่เข้าไปจับไหล่ของคนของทางการคนหนึ่งหลังจากวางศพแล้วเอาไว้แน่น นัยน์ดวงตาของเขาสั่นไหว ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดเอ่ยเสียงสั่นถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ท่านพ่อ ท่านแม่ของข้าล่ะพวกท่านอยู่ที่ใด? พวกท่านอยู่ที่ใด!”

“คุณชายหลิน..” คนของทางการไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของอีกฝ่ายอย่างไรดี สีหน้าของเขาก็ฉายแววเจ็บปวดและเสียใจเช่นกัน

ตอนนั้นผู้ช่วยนายอำเภอเดินตามระเบียงทางเดินออกมาหันไปเห็นหลินจินเซี่ยพอดีจึงสาวเท้าเร็วรี่เข้าไปหา เขาส่ายหน้าและถอนหายใจยืดยาวแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง น้ำเสียงเศร้าสลดว่า “หลานชายเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องไม่คาดฝัน เจ้าไปดูเองเถอะ ตอนนี้ยังพอมีเวลาได้ดูใจบิดาเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”

ผู้ช่วยนายอำเภอเมืองหยางโจวมีนามว่า ‘เกาจงเฉิง’ อายุห้าสิบปี รูปร่างอ้วนพี พุ่งยื่นเวลาเดินอุ้ยอ้ายส่ายพุงไปมา คิ้วบางนัยน์ตาลึก โหนกแก้มสูง ปากหนา คางสั้น นิสัยขี้ประจบ ทะเยอทะยาน รับหน้าที่ผู้ช่วยนายอำเภอมายี่สิบปีไม่ก้าวหน้าแม้พยายามหลายครั้งเพื่อเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง

ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ดูใจเป็นครั้งสุดท้าย’ นั่นหมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าบิดาของเขายังมีลมหายใจอยู่! เขายังไม่ตาย!

หลินจินเซี่ยเดินตามผู้ช่วยเกาจงเฉิงไปยังเรือนทางปีกซ้ายด้วยฝีเท้าค่อนข้างเร็ว ไม่นานก็มาถึง ห้องที่พวกเขามาก็คือห้องหนังสือและเป็นห้องที่นายอำเภอหลินใช้เป็นห้องทำงานภายในห้องถูกจุดเทียนให้ความสว่างไสวไปทั่วทั้งห้อง สภาพข้าวของภายในห้องถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย วางระเกะระกะทั่วห้องหากต้องการเดินผ่านจำต้องเขี่ยข้าวของที่วางขวางเท้าออกไปให้พ้นทาง หลินจินเซี่ยยืนอยู่หน้าประตูเดิมทีเรี่ยวแรงก็แทบยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ทันทีที่มาถึงและเห็นบิดานั่งหน้าผลุบหายใจรวยรินอยู่กับโต๊ะทำงานเขาไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไปรีบสาวเท้าก้าวฉับ ๆ เดินปรี่เข้าไปสวมกอดแผ่นหลังของผู้บิดาด้วยน้ำตานองหน้า

“ท่านพ่อท่านอดทนไว้ เข้มแข็งไว้ข้าจะพาท่านไปหาหมอ.. ฮือ ๆ อดทนไว้ข้าจะพาท่านไปหาหมอเอง ข้าจะพา.. ฮึก ๆ ” แม้ว่าหลินจินเซี่ยจะรู้ดีว่าด้วยอาการบาดเจ็บของผู้เป็นบิดาจะแย่มากถึงขั้นทนไม่ไหวแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังพยายามฉุดผู้เป็นบิดาให้ลุกขึ้น แม้จะเป็นการไร้ประโยชน์ก็ตาม แต่เขาก็ยังพยายามที่จะรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น(1)ภายใต้สายตาของคนหลายคนที่จ้องมองเขาอย่างเวทนาและสงสาร

นายอำเภอหลินส่ายหน้าเชื่องช้าเขาข่มกลั้นความเจ็บปวดเอ่ยเสียงแผ่วติด ๆ ขัด ๆ ว่า “ไม่มีประโยชน์..”

ริมฝีปากของเขาสั่นระริกด้วยความเสียใจ เขาได้แต่กล่าวโทษตนเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้เป็นบิดาได้ วรยุทธ์ก็ไม่เอาไหนอย่าว่าแต่ไม่เอาไหนเลยเขาไม่เป็นวรยุทธ์ด้วยซ้ำ เขานับเป็นตัวอะไรเป็นตัวไร้ประโยชน์โดยแท้..

สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความท้อแท้สิ้นหวัง สิ้นหวังที่ไม่อาจช่วยชีวิตบิดาได้

ฝูจิ้นยืนอยู่ข้าง ๆ สองมือรวบกำแน่นใบหน้าแดงก่ำ แววตาฉายประกายเกรี้ยวโกรธคับแค้น ขยับเท้าเข้าใกล้หนึ่งก้าวย่างเอ่ยเสียงเศร้าปนปลอบใจว่า “คุณชาย..ฮือ ๆ นายท่าน ๆ”

หลินจินเซี่ยร่ำไห้จนตัวสั่นไปทั้งร่าง ศีรษะของบิดาและบุตรชายใกล้ชิดกันไม่ถึงชุ่น ในขณะที่นายอำเภอหลินยังพอมีลมหายใจและสติอยู่เขาฝืนลมหายใจเฮือกสุดท้ายแอบกระซิบบอกบางอย่างกับบุตรชายว่า “สมุดบัญชีรายชื่อ ผู้ช่วย.. แม่..” เขาพูดได้เพียงเท่านั้นก็สิ้นใจตายไปเสียก่อนที่จะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ

ทันทีที่มือข้างหนึ่งของบิดาที่วางเอาไว้บนหน้าขาของบุตรชายตกลงไปห้อยแกว่งไกวในอากาศ หลินจินเซี่ยก็ไม่อาจข่มกลั้นความเสียใจเอาไว้ได้อีกต่อไปเขาแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้องร้องตะโกนด้วยเสียงดังจนแทบขาดใจ “ไม่!..ท่านพ่อ.. ฮือ ๆ”

เขาพร่ำบ่นในใจว่า ทำไม? ทำไมเหตุการณ์เช่นนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาด้วย!

แม้แต่ฝูจิ้นก็ยังอดร่ำไห้ตามไม่ได้ เขาคุกเข่าลงนั่งกับพื้นกอดขาผู้เป็นนายปากก็ร้องตะโกนว่า “นายท่าน!” จนสุดเสียงผสมปนเปไปกับเสียงร่ำไห้

จังหวะเดียวกันระหว่างที่ผู้ช่วยนายอำเภอเกาปล่อยให้สองคนพ่อลูกได้อำลากันเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็ได้กลอกตามองไปทางผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งแววตานั้นฉายประกายมีเลศนัยบางอย่าง และผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้นก็ส่ายหน้าไปมาอย่างเชื่องช้าเป็นการตอบ

หลินจินเซี่ยยกแขนเสื้อทรงกว้างขึ้นเช็ดน้ำมูกที่กำลังไหลย้อยเกือบพ้นริมฝีปากบนออก หันไปถามผู้ช่วยนายอำเภอน้ำเสียงสั่นและพยายามข่มกลั้นเสียงสะอื้นไห้ว่า “แล้วท่านแม่ของข้าเล่านางเป็นเช่นใดบ้าง”

“ล้วนไม่รอด.. นางสิ้นใจไปก่อนแล้ว” ผู้ช่วยนายอำเภอเกาจงเฉิงเอ่ยตอบพร้อมส่ายหน้าน้ำเสียงหดหู่ “หลานชายไปดูนางเป็นครั้งสุดท้ายเถิด”

ก่อนที่ผู้ช่วยเกาจงเฉิงจะนำทางหลินจินเซี่ยไปดูศพของผู้เป็นมารดาเขาก็เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาให้เข้ามาในห้องสองคน สั่งให้พวกเขานำศพของนายอำเภอหลินไปไว้ที่โถงเปิดโล่งด้านหน้า หลังจากสั่งงานเสร็จสิ้นก็เดินนำอีกฝ่ายไปยังโถงหลักทันที

...................................................................................................................................................................

รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น เป็นสำนวน รู้ทั้งรู้ว่าหมดหนทางเยียวยา แต่ก็ยังมีความหวัง

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ chantana060422

ข้อมูลเพิ่มเติม
คัมภีร์มายาจันทราผนึกปีศาจ

คัมภีร์มายาจันทราผนึกปีศาจ

เมืองแฟนตาซี

5.0

ในราชสำนักที่เต็มไปด้วยการแย่งชิง และความกระหายอำนาจของอัครเสนาบดีหลี่ เพื่อปลดผนึกให้กับราชาปีศาจที่ถูกขัง เขาสามารถทำได้ทุกวิถีทางแม้กระทั่งเข่นฆ่าเอาชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปเป็นเครื่องสังเวย โดยเฉพาะเลือดบริสุทธิ์จากหญิงสาวพรหมจรรย์ ขอเพียงแผนการที่เขาวางเอาไว้สำเร็จลุล่วง ใต้หล้านี้เขาก็จะเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว! หลี่อวี้หลินศิษย์เอกแห่งสำนักซีเฟิง เป็นชายหนุ่มผู้มีความสามารถพิเศษ สามารถเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมและสามารถคุยกับศพได้ ได้รับมอบหมายให้ลงเขาไปช่วยองครักษ์เสื้อแพรสืบคดีที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ซับซ้อนของคดี อย่างคาดไม่ถึง.. เซียวจวิ้นหานรองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรสังกัดฝ่ายเหนือ เย็นชา ทำงานไม่เห็นแก่หน้าใคร ถูกสั่งให้ต้องร่วมมือกับเด็กหนุ่มที่ไร้ประสบการณ์ ซ้ำยังเจ้าสำอาง ขึ้นชื่อเรื่องรูปโฉมที่งดงามเกินบุรุษ คนเช่นนี้จะทำงานข้างนอก ทนความลำบากได้สักแค่ไหนกันข้าไม่ร่วมมือกับเขาเด็ดขาด! แต่แม้จะคิดเช่นนั้น.. สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาได้ พวกเขาสืบคดีร่วมกัน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยอันตราย และอุปสรรคนานัปการ หลี่อวี้หลินได้แสดงความสามารถของตนเองให้เซียวจวิ้นหานได้เห็น พวกเขาร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรค ทว่าระหว่างสืบคดีอยู่นั้นหลี่อวี้หลินก็ค้นพบความลับหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ เขารู้ว่าเบื้องหลังของคดีนี้เกี่ยวข้องกับลัทธิมายาจันทรา มิหนำซ้ำผู้นำหลักหรือเจ้าลัทธิมายาจันทรายังเป็นบิดาของตนอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังเกี่ยวพันถึงสายเลือดของตัวเขาเอง ไม่ใช่แค่อัครเสนาบดีหลี่เสียแล้ว.. คดีนี้จึงลึกลับและซับซ้อนยิ่งขึ้น เซียวจวิ้นหานเห็นการทำงานของหลี่อวี้หลินที่เห็นศพ การฆ่าฟัน ความยากในการสืบคดี เด็กหนุ่มที่เขาดูแคลนในตอนต้นทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ขอเพียงสามารถทำให้คดีคืบหน้าและนำไปสู่ผลสำเร็จเขาย่อมทำโดยไม่อิดออด เซียวจวิ้นหานรู้สึกพึงพอใจมาก วัน เวลาที่พวกเขาทำคดีร่วมกันเซียวจวิ้นหานเริ่มชื่นชอบหลี่อวี้หลินมากขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับเซียวจวิ้นหานรู้สึกว่าตัวเขาเองมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับหลี่อวี้หลิน เพียงแต่ไม่รู้ว่าความเชื่อมโยงนั้นคือความเชื่อมโยงแบบใด ความสัมพันธ์ของพวกเขานับวันยิ่งดีขึ้น และดีขึ้นจนเกิดเป็นความรัก..

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณนาย ประธานมาขอคืนดีอีกแล้ว

คุณนาย ประธานมาขอคืนดีอีกแล้ว

Apogean Spark
5.0

【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.8

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

สุดที่รักของจักรพรรดิ

สุดที่รักของจักรพรรดิ

Berne Beer
4.9

หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
คดีฆาตกรรมสกุลหลิน
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1 เกิดเหตุฆาตกรรมในคืนเทศกาลวันเข้าสู่ฤดูหนาว

10/03/2025

2

บทที่ 2 ตอนที่ 2 รับสั่งของฝ่าบาท

10/03/2025

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3 เกิดเหตุไม่คาดฝันกลางดึก

10/03/2025

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4 รอยสักรูปดอกชบาสีแดง

10/03/2025

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5 ต่อรอง

10/03/2025

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6 ลงไปในห้องลับ

10/03/2025

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7 ลงไปในห้องลับ

10/03/2025

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8 ความจริงที่ถูกค้นพบ

10/03/2025

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9 ตอนเล่าตอนเมา

10/03/2025

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10 ขอฟังแผนการของเจ้าสักหน่อย

10/03/2025

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11 ลางสังหรณ์

10/03/2025

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12 อาสาเอาไปให้ด้วยตนเอง

11/03/2025

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13 ไปหอเซี่ยงอี๋

11/03/2025

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14 กลายเป็นเทพเจ้าไฉ่ชิงเอี๊ย

11/03/2025

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15 แม่นางเซี่ย

11/03/2025

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16 เกือบไปแล้ว

11/03/2025

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17 ท่านช่วยข้า ข้าช่วยท่าน

11/03/2025

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18 แม่นางเซี่ย คุณชายหลิน

11/03/2025

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19 เขาเป็นของข้า

11/03/2025

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20 ความเป็นไปได้

11/03/2025

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21 เกิดเรื่องแล้ว

11/03/2025

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22 ช่วยกัน

11/03/2025

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23 การมาของเกาจงเฉิง

11/03/2025

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24 บากหน้ามาขอความช่วยเหลือ

11/03/2025

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25 หลักฐานแน่ชัด

11/03/2025

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26 จดหมายปริศนา

11/03/2025

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27 ส่งจดหมายไม่สำเร็จ

11/03/2025

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28 การตัดสินใจครั้งสำคัญ

11/03/2025

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29 หายตัวไปแล้ว

11/03/2025

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30 น้ำใจแม่นางหยาง

11/03/2025

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31 ลุยเดี่ยวเพื่อท่านแม่

11/03/2025

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32 ออกเดินทาง

11/03/2025

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33 ภัยในเงามืด

11/03/2025

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34 หุบเขาหมอก

11/03/2025

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35 พรรคฉางเฉิง

11/03/2025

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36 เป็นเขา

11/03/2025

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37 บุกเข้ามาแล้ว

11/03/2025

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38 ชิงตัว

11/03/2025

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39 เอาตัวรับกระบี่แทน

11/03/2025

40

บทที่ 40 ตอนที่ 40 ความจริงเริ่มเปิดเผยออกมาทีละนิด

11/03/2025