วิญญาณพาวุ่น

วิญญาณพาวุ่น

l3oonm@

5.0
ความคิดเห็น
12.4K
ชม
45
บท

เจียอี หญิงสาวที่เติบโตมาในชนบทกับคุณตาคุณยาย เธอมีช่องในโซเซียลถ่ายทอดชีวิตชนบท การทำไร่ ทำนา ทำสวน ทำอาหาร จนมีผู้ติดตามเกือบล้านคน แต่แล้วในหนึ่งที่เธอถ่ายทำตอนขึ้นเขาหาของป่า เธอพลัดตกจากเขาจนวิญญาณของเธอทะลุมิติไปในยุคโบราณ

บทที่ 1 เจียอี

เจียอี หญิงสาวผู้เติบโตมาในชนบทกับคุณตาคุณยาย พ่อแม่ของเธอทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุสิบปี พอเธอเรียนจบปริญญาเช่นเพื่อนคนอื่นก็เริ่มมองหางานในปักกิ่งทำ แต่เพราะได้รับสายโทรศัพท์จากทางบ้านเสียก่อน ด้วยคุณยายเจ็บป่วยบ่อยครั้งจากโรคชรา เธอจึงตัดสินใจกลับบ้านที่เมืองจางเจียน เพื่อดูแลทั้งสอง

เธอคิดว่าคงจะหางานทำในเมืองใกล้บ้านจะได้อยู่ดูแลคุณตาคุณยายที่ทำงานหนักเพื่อเธอมาทั้งชีวิตแล้ว แต่เธอดันเห็นโอกาสจากโซเซียลเสียก่อนจึงเปลี่ยนความคิดที่จะออกไปหางานข้างนอกทำแทน

เพื่อชีวิตของชาวชนบทในเมืองจางเจียนมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย บางบ้านยังคงใช้เตาถ่านเหมือนยุคโบราณในการหุงหาอาหาร ทำไร่ ทำนา เลี้ยงสัตว์ เธอจึงถ่ายทอดเรื่องราวลงในโซเซียล เพียงคลิปแรกเท่านั้นผลตอบรับก็ดีเกินคาด

เธอจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการถ่ายทำ ตัดต่อลงด้วยตนเอง เพียงแค่เธอติดตามคุณตาเข้านา ถอนกล้า ดำนา ก็นับว่าได้คอนเทนต์แล้ว เธอยังถ่ายทอดสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองจางเจียนหรือแม้แต่อาหารท้องถิ่นที่หาทานได้เฉพาะที่จางเจียนอีกด้วย

ทำให้เธอมีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอมักจะขึ้นเขาเพื่อเก็บหน่อไม้ หรือเห็ดนำมาทำอาหาร แม้แต่วิธีการดักสัตว์ง่ายๆ เธอก็เสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจ

จนเธอเริ่มมีรายได้เพียงพอให้ทั้งสามชีวิตไม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว ผู้คนในโซเซียลเริ่มให้การสนับสนุนเธอและคนในชนบท โดยเธอตั้งกลุ่มแม่บ้านที่ว่างจากงานทำไร่ ทำนา มาแปรรูปอาหารหรือสินค้าเฉพาะขึ้น

นับว่าตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากปักกิ่งทำให้ความเป็นอยู่ของคนในชนบทดีขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นทุกคนในหมู่บ้านจึงให้ความร่วมมือกับเธอ กลายเป็นว่าหลายๆ ครัวเรือนหันมาใช้ชีวิตเช่นคนโบราณเพื่อเสนอให้คนภายนอกเห็นความเป็นธรรมชาติของเมืองจางเจียน

วิธีนี้นับว่าสามารถดึงดูดคนให้เข้าเที่ยวได้มากมายและยังแบ่งห้องในบ้านให้คนได้เข้ามาพักสร้างรายได้อีกทาง เธอทำเช่นนี้มาได้สามปี

วันหนึ่งเมื่อเธอขึ้นเขาเช่นปกติ เธอเริ่มตั้งกล้องและเก็บเห็ด เก็บผลไม้ป่าไปเรื่อยๆ แต่ไม่คิดว่าฝนจะตกลงมา เธอที่ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันฝน แม้แต่ร่มหรือเสื้อคลุมก็ไม่มี เธอจึงหาที่หลบเสียก่อน เพราะไม่อยากเสียเวลาขึ้นมาใหม่ในวันพรุ่งนี้

เจียอีเดินไปไม่นานก็พบถ้ำเล็กๆ ที่พอให้เธอหลบฝนได้ เวลาผ่านไปเพียงสองชั่วโมงฝนที่ตกหนักก็เริ่มเบาลง ท้องฟ้าที่แทบจะไม่หลงเหลือแสงแดดแล้ว เจียอีจึงตัดสินใจลงเขา เพราะไม่อยากให้คุณตาคุณยายเป็นห่วง

ฝนที่ตกใหม่ดินบนเขาย่อมแฉะและลื่นเป็นธรรมดา ต่อให้ระวังเพียงใดก็มีโอกาสที่จะลื่นจนได้รับบาดเจ็บ แต่จะให้ค้างคืนบนเขาก็ไม่ได้ เพราะไม่มีอุปกรณ์ใดที่เธอนำติดมือมาเลย

ระหว่างที่เธอเดินลงเขานั้นรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรวิ่งมาด้วยความเร็วแล้วพุ่งชนเธอเข้าอย่างจัง จนเสียหลักไม่อาจจะทรงตัวได้ เธอล้มลงและกลิ้งตกเขาทันที ศีรษะของเธอฟาดเข้ากับลำต้นของต้นไม้ใหญ่จนเธอหมดสติ

“อีเออร์ ยังไม่ฟื้นอีกหรือ อาเสียน” เสียงบุรุษวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

“พี่สาวยังไม่ได้สติเลยขอรับท่านปู่” เสียงเด็กหนุ่มพูดตอบด้วยเสียงสะอื้น

“หากนังตัวไร้ประโยชน์ยังไม่ฟื้นก็นำนางไม่โยนทิ้งในป่าเสีย ข้าไม่มีเงินตามหมอมาดูนางแล้ว” เสียงแหลมของสตรีดังแทรกเข้ามา ก่อนที่เจียอีจะได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่เด็กหนุ่มเรียกท่านปู่

“ท่านแม่ได้โปรดท่านช่วยอีเออร์ด้วยนะเจ้าค่ะ ขอยอมเป็นวัวเป็นม้าให้ท่านทั้งชีวิตเลยเจ้าค่ะ” เสียงสตรีอีกคนร้องอ้อนวอนขึ้นอย่างน่าสงสาร

“เพ้ย ข้าไม่ช่วย พวกเจ้าทำอันใดได้ เจ้าก็อีกคนทำงานหรือก็ไม่ไหว ต้องกินยาทุกสองสามวัน อากุ้ยก็ไม่อยู่ข้าเลี้ยงตัวไร้ประโยชน์สามคนไม่ไหวแล้ว” นางยังคงกรีดร้องด่าทอไม่เลิก

“พอได้แล้ว หากอากุ้ยกลับมาจะกล่าวโทษเจ้าได้”

“โอวโยว บุตรชายไม่ได้เรื่องตบแต่งสตรีไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาข้าก็พูดไม่ได้ มาตอนนี้จะมาล้างผลาญเงินข้าอีกข้าก็พูดไม่ได้รึ เวรกรรมของข้านักไม่รู้ทำอันใดไว้ชีวิตของข้าจึงเป็นเช่นนี้” นางนั่งลงทุบขาทุบอกตนเอง จนชาวบ้านที่มามุ่งดูเรื่องสนุกได้แต่ส่ายหัวกับความไร้น้ำใจของผู้เป็นย่า

เจียอีที่นอนฟังเสียงทะเลาะอยู่ภายในห้องก็เริ่มที่จะปวดหัวขึ้นมา เธอจะลืมตาก็เริ่มไม่ขึ้น แต่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ได้รับไปทั่วร่างกาย

เธอจำได้ว่าตกเขาตอนที่กำลังจะกลับบ้าน แต่หากคุณตาคุณยายออกมาตามหาและพบเธอเข้า เขาต้องพาเธอส่งโรงพยาบาลแน่ แต่เสียงที่ได้ยินไม่มีเสียงของคุณตาคุณยายเลย หากจะบอกเป็นเสียงคนในหมู่บ้านก็ไม่น่าจะต่อว่าเธออย่างรุนแรงเช่นนี้

เสียงเด็กชายที่อยู่ข้างตัวอีก เด็กในหมู่บ้านชื่ออาเสียนเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วที่บอกไม่มีเงินพาไปหาหมอจะเป็นไปได้อย่างไร เธอทำประกันชีวิตไว้ให้ทุกคนในบ้านร่วมถึงตัวเธอด้วยมูลค่ามหาศาลจะพาเธอไปหาหมอไม่ได้เลยหรือ

เพราะต้องขึ้นเขาอยู่บ่อยครั้งเจียอีจึงทำประกันชีวิตไว้ยามฉุกเฉินหลายฉบับ นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เธอเคยนึกเล่นๆ ว่า หากวันใดที่เป็นอะไรไป คุณตาคุณยายจะได้เงินประกันเพื่อใช้ชีวิตอย่างไม่ลำบาก แต่ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้

ความทรงจำของร่างเดิมเริ่มไหลเข้าสู่สมองของเธอ ความเจ็บปวดทำให้เจียอีที่นอนหลับตาอยู่เผลอกัดริมฝีปากจนเลือดไหล ลู่เสียนเห็นเช่นนั้นก็รีบร้องด้วยความตกใจหาผ้ามาให้พี่สาวได้กัดแทน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ l3oonm@

ข้อมูลเพิ่มเติม
ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ผจญภัย

5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

จองจำรักร้าย

จองจำรักร้าย

ผจญภัย

5.0

จินเยว่ ตำรวจสาว เธอได้รับภารกิจให้เข้าจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่สายข่าวได้แจ้งเข้ามาวันนี้จะมีการเจรจาซื้อขายครั้งใหญ่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาให้จินเยว่ที่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้าสายสืบ พาลูกน้องไปสำรวจพื้นที่ก่อน อย่าเพิ่งเข้าปะทะเพราะเขาจะส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือ แต่ลูกน้องของจินเยว่เห็นโอกาสที่จะเข้าจับกุมได้แล้ว เลยไม่รอกองกำลังพิเศษที่กำลังเดินทางมาช่วยเหลือ ตอนแรกคิดว่าพ่อค้ายาเสพติดจะพาคนมาฝ่ายละไม่เกินยี่สิบคน แต่กลายเป็นว่าเธอโดนซ้อนแผนเสียแล้ว จะถอยก็ไม่ทัน จินเยว่เข้าช่วยลูกน้องจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างความเป็นกับความตาย สติของเธอเริ่มพร่ามัว เสียงเรียกที่ได้ยินแยกไม่ออกว่าเป็นใครเรียก แต่เธอจำได้ว่ากองกำลังพิเศษมาช่วยไม่ทัน ตอนที่เธอถูกยิงไม่ใช่ว่าจะโดนแค่นัดเดียวทางรอดย่อมไม่มี แต่ตอนนี้ใครกันที่เรียกเธอ หากเป็นหมอก็รักษาเลย ฉันขอนอนต่อก่อน แต่หากเป็นยมทูตรอสักครู่ฉันไม่ได้นอนเต็มตาเช่นนี้มาหลายคืนแล้ว "จินเยว่ ลูกรัก ตื่นเถิดลูก" "จินเยว่ อย่าเงียบเช่นนี้ เจ้าอย่าทำให้แม่กลัว"

ข้าไม่เป็นแล้ว ภรรยาผู้แสนดี

ข้าไม่เป็นแล้ว ภรรยาผู้แสนดี

โรแมนติก

5.0

หลิวเยว่ชิง สาวงามของเมืองหลวง บุตรสาวของท่านหมอหลวงหลิว ความงามของนางเป็นที่ประจักษ์ ทั้งเรื่องความสามารถเรื่องการรักษานางก็เก่งไม่แพ้ผู้เป็นบิดา แต่เพราะด้วยที่นางเป็นสตรี นางจึงมิอาจเดินตามรอยเท้าของบิดาได้ ทำได้เพียงรักษาให้กับสตรีที่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง นางยังคิดจะเปิดโรงหมอ เพื่อรักษาให้กับสตรีโดยเฉพาะ แต่เพราะคู่หมั้นของนาง กงหลี่เฉียงมิเห็นด้วย นางจึงได้เลิกล้มไปเสีย นางแต่งให้กงหลี่เฉียงท่ามกลางความเสียดายของบุรุษมากมายในเมืองหลวง งานมงคลของนางเป็นที่พูดถึงนานหลายเดือน เพราะสินเดิมที่บิดาจัดเตรียมให้ เรียกได้มามากมายจนไม่ต้องทำสิ่งใดอีกแล้ว นางใช้ชีวิตเป็นฮูหยินของกงหลี่เฉียง ดูแลจวน ทั้งยังดูแลแม่สามีที่เจ็บป่วยอยู่เสมอ จนมีแต่คนเอ่ยชมกงหลี่เฉียงที่ได้ภรรยาเช่นนางไปครอบครอง ในวันแต่งงาน เรื่องที่ไม่อาจไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องคำสาบานของกงหลี่เฉียง “ข้ากงหลี่เฉียง ขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าชีวิตนี้จะมีเพียง หลิวเยว่ชิงเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว” เรื่องนี้ยังสร้างความอิจฉาให้กับเหล่าสตรีในเมืองหลวงอยู่นานหลายเดือน หากบุรุษบ้านใดที่รับอนุเพิ่ม จะถูกเปรียบเทียบกับกงหลี่เฉียงในยามนั้นทันที แต่แล้วความสุขของนางก็อยู่ได้ไม่นาน หลังแต่งงานได้เพียงสองปี กงหลี่เฉียงที่เพิ่งจะได้รับตำแหน่ง รององครักษ์เสื้อแพรมาหมาดๆ ก็พาญาติผู้น้องของเขา ตู้ซิงเยียน เข้าจวนในตำแหน่งฮูหยินรอง เรื่องนี้สร้างข่าวลือไปทั่วเมืองหลวง เพราะไม่คิดว่า กงหลี่เฉียงที่กล้าเอ่ยคำสาบานในวันงานแต่งเช่นนั้น จะกล้ารับสตรีเข้าจวนได้อีก “ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร” หลิวเยว่ชิงดวงตาแดงก่ำ มองกงหลี่เฉียงประคองตู้ซิงเยียนอยู่หน้าเรือนของนาง น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของนาง บ่าวไพร่ที่รู้จักฮูหยินน้อยว่านางแสนดีเพียงใด ก็อดจะเห็นใจนางไม่ได้ “บุรุษใดเล่าในเมืองหลวงที่ไม่มีสามภรรยา สี่อนุ” กงหลี่เฉียงเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านๆ โดยที่ตัวเขาก็หลงลืมเรื่องคำสาบานในวันแต่งงานไปแล้ว “หึ เช่นนั้นรึ ท่านคงหลงลืมไปแล้วกระมังเรื่องคำสาบาน” “แล้วอย่างไรเล่า ชิงชิง เจ้าแต่งเข้าจวนข้ามาสองปี ท้องเจ้ายังมิได้เรื่อง หากข้ารับเยียนเออร์เข้าจวนจะผิดอันใดเล่า” “อ้อ เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นรึ” นางยิ้มเยาะตนเอง เป็นนางที่คิดแทนผู้เป็นสามี ไหนจะเรื่องภายในจวน ที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดล้วนต้องควักมาจากสินเดิมของนาง ไหนจะเรื่องของอาการป่วยของแม่สามีที่แทบจะเรียกหานางทุกหนึ่งชั่วยาม นางและเขาจึงคิดตรงกันเรื่องที่ยังไม่อยากมีบุตร ทุกครั้งที่ร่วมรักกันนางจึงกินยาห้ามครรภ์มาตลอด แต่การที่หวังดีต่อเขาเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าหักหาญน้ำใจของนาง “หากท่านดึงดันจะรับนางเข้าจวน เช่นนั้นก็หย่าขาดจากข้าเสีย” “เพ้ย ไม่หย่า เจ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย เยียนเออร์ย่อมเชื่อฟังเจ้าอย่างดี ไม่ดีหรือที่จะมีคนมาช่วยดูแลเรือนเพิ่มอีกคน” “วาจาของท่านช่างน่าขันนัก หากข้าไม่รับน้ำชาของนาง นางรึจะเข้ามาอยู่ในจวนได้” “หึ ต่อให้เจ้าไม่รับน้ำชาของนาง นางก็เข้ามาอยู่ในจวนได้ เพราะเยียนเออร์นางตั้งครรภ์แล้ว” คำพูดของกงหลี่เฉียง เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของเยว่ชิง นางเกือบจะล้มไปกองกับพื้น ยังดีที่สาวใช้ของนางเข้ามาประคองนางไว้เสียก่อน เขาให้นางกินยาห้ามครรภ์มาโดยตลอด แต่กลับพาญาติผู้น้องที่ตั้งครรภ์กลับเข้ามาในจวน นางจะทนฟังเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร “อาอิง เจ้าไปเก็บของข้าจะกลับจวนตระกูลหลิว” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ที่ติดตามนางมาจากบ้านเดิม “หยุด!!! หากเจ้าจะไปก็กลายเป็นศพออกไปเสีย แต่งเข้าตระกูลกงแล้ว ถึงตายก็ต้องเป็นผีตระกูลกง” กงหลี่เฉียงตวาดออกมาเสียงดัง แต่ที่น่าขันที่สุดเห็นจะเป็นแม่สามีของนาง กลับลุกออกมาจากเรือนของนางได้ ทั้งๆ ที่ในแต่ละวันล้วนแต่นอนป่วยอยู่บนเตียง “ใช่แล้ว อาเฉียงพูดถูก หากเจ้าจะออกไปก็ต้องกลายเป็นวิญญาณเท่านั้น” นางเดินเข้าไปจับมือของซิงเยียนราวกับปลอบใจนางที่ได้รับความไม่ยุติธรรม "หึหึ ท่านแม่ ท่านหายป่วยแล้วรึเจ้าคะ” นางจ้องมองพวกเขาอย่างโกรธแค้น ไม่ว่ายาดีอันใดที่นางเพียรหามารักษา สมุนไพรราคาแพงนางก็ยอมจ่ายเงินซื้อ ก็ไม่อาจทำให้แม่สามีของนางลุกขึ้นมาจากเตียงได้ เห็นทีคงเป็นเพียงละครงิ้วบทหนึ่งเท่านั้น “ข้าเป็นอันใดอย่างงั้นรึ” นางมองเยว่ชิงด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ ราวกับว่ากำลังถูกเยว่ชิงใส่ร้าย “ข้าเข้าใจแล้ว เป็นข้าที่โง่เขลามาตลอด ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในจวนที่มาจากสินเดิมของข้า และเรื่องรักษาท่าน เพื่อให้หลี่เฉียงมีเวลาไปอยู่กับแม่นางตู้ หึหึ ตัวข้าช่างน่าขันนัก” ใบหน้าของสองแม่ลูกเบ้อย่างไม่น่ามอง เมื่อถูกเยว่ชิงเปิดโปงเรื่องที่พวกเขานำสินเดิมของนางมาใช้จ่าย นางหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ ก่อนจะกระซิบสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “ฮูหยิน” นางเอ่ยเรียกเสียงสั่น “ไปเอามา” นางเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับผลักสาวใช้เบาๆ อาอิงรู้ดีว่าคุณหนูของนางใจกล้าเพียงใด แต่ไม่คิดว่านางจะเลือกหนทางนี้ แต่ก็ยังไปทำตามคำสั่งอยู่ดี ทั้งสามไม่รู้ว่า สองนายบ่าวกระซิบกระซาบอันใดกัน ได้แต่มองอาอิงหมุนตัวกลับเข้าไปในเรือนอย่างสงสัย เมื่อนางกลับมาพร้อมมีดสั้นในมือ ทั้งสามก็มีใบหน้าที่ซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าจะทำอันใด” กงหลี่เฉียงดันตัวตู้ซิงเยียนไปไว้ด้านหลัง ยิ่งทำให้เยว่ชิงปวดใจมากกว่าเดิม บุรุษที่นางเลือกเองกับมือ กล้าทำร้ายจิตใจของนางมากถึงเพียงนี้ แต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ หากเขาไม่เอาใจใส่นางตลอดหลายปีก่อนที่จะแต่งงาน นางจะเลือกเขาได้อย่างไร ทั้งหน้ากากบุรุษแสนดีที่เขาสวมไว้ ทำให้นางเชื่อหมดใจว่าเขารักนางมากจริงๆ เยว่ชิงเดินเข้าไปหาทั้งสามคนช้าๆ พร้อมทั้งกำมีดในมือแน่น “กง หลี่ เฉียง ท่านฟังคำข้าให้ดี” นางยิ้มเย็นออกมาอย่างน่ากลัว “เจ้า เจ้า อย่าได้คิดบ้าๆ เด็ดขาด” “ข้า หลิวเยว่ชิง ชาตินี้คิดผิดที่เลือกบุรุษเช่นท่านเป็นสามี หากมีชาติหน้าจริง ขออย่าได้พบเจอท่านอีก หากพบเจอก็ให้นึกรังเกียจราวกับพบเดรัจฉาน ข้าขอให้ท่านมิได้สิ่งใดหรือสมหวังเรื่องใดอีกเลย” เยว่ชิงใช้มีดสั้นในมือของนางปักเข้าที่หัวใจของนางทันที

หนังสือที่คุณอาจชอบ

อย่าพูดคำว่าไม่เคย

อย่าพูดคำว่าไม่เคย

Gilbert Soysal
5.0

"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

Coupling Shim
5.0

ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”

คลื่นรักอสูร

คลื่นรักอสูร

มาชาวีร์
4.8

(คลื่นรักอสูร) ...เพราะเธอขึ้นเรือผิดลำ คลื่นร้ายจึงซัดแทบกระเจิง... “เธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว จะมาทำเล่นตัวเรื่องมากไม่ได้รู้ไหม ต่อให้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพยังไงก็เถอะ ก็ต้องหัดรู้จักตามใจแขกบ้าง แต่นี่อะไรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ คนสอนไม่บอกหรือยังไงว่าไอ้ละครเล่นตัวนี่มันน่ารำคาญไม่ได้ดึงดูดลูกค้าเลย” บารเมษฐ์ต่อว่าพร้อมกวาดสายตามองเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนคลายมือออกจากปลายคางอย่างช้า ๆ “ฉันไม่ได้มาขายตัวสักหน่อย” คนได้รับอิสรภาพรีบบอกเขา “หืม” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ฉันแค่ขึ้นเรือผิดลำ ฉันไม่ได้มาขายตัวจริง ๆ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะคุณบารเมษฐ์” วินาทีนี้เธอกลัวเขามากกว่าใครบนเรือลำนี้เสียอีก เลยเลือกที่จะบอกความจริงกับเขาไป “ขึ้นเรือผิดลำ?” คนพูดหรี่ตาลงอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ฉันขึ้นเรือผิดลำจริง ๆ” “แบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะสองคนในห้องเครื่องนั่นถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก” บารเมษฐ์นึกไปถึงท่าทางของอนุชิตกับธาวิน ซึ่งดูเหมือนมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา “คุณรู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันไปเถอะคุณบารเมษฐ์ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” นีนนาราขอความเห็นใจจากเขา แต่สายตาที่เขามองกลับมานั้นมันว่างเปล่าชอบกล “รู้อะไรไหมนีนเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอเป็นคนอยู่ผิดที่ผิดทางเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องรับสภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เองเหมือนกัน” “ห้ะ คุณ นี่คุณ คุณทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้” หญิงสาวต่อว่าเขา ก่อนจะหน้าซีดหน้าเซียวลง เพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของเขาบ่งชัดว่าคืนนี้เธอไม่รอดแน่ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” นีนนาราดิ้นหนีเขาก็จับกดลงที่เดิม “งานก็คืองานนะคนสวย มาขายตัวก็คือมาขายตัว อย่าทำเสียเรื่องสินีน” บารเมษฐ์ย่อมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีกแน่ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะ ว้าย!”

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
วิญญาณพาวุ่น
1

บทที่ 1 เจียอี

27/05/2025

2

บทที่ 2 ข้าหลันเจียอีเจ้าค่ะ

27/05/2025

3

บทที่ 3 หนังสือตัดขาด

27/05/2025

4

บทที่ 4 เจ้าเห็นบุรุษคนนั้นหรือไม่

27/05/2025

5

บทที่ 5 เอาเงินข้าคืนมา

27/05/2025

6

บทที่ 6 พาไปหาโสม

27/05/2025

7

บทที่ 7 ร้านยาจินป่าย

27/05/2025

8

บทที่ 8 วิญญาณของหญิงชรา

27/05/2025

9

บทที่ 9 นางคือบุตรสาวที่หายตัวไปของข้า

27/05/2025

10

บทที่ 10 หลันกุ้ยหวง

27/05/2025

11

บทที่ 11 วิญญาณที่ติดตามมากับท่านอาจารย์

27/05/2025

12

บทที่ 12 ไปช่วยหลานสาวท่านอาจารย์

27/05/2025

13

บทที่ 13 เจ้ามิใช่คนภพนี้

27/05/2025

14

บทที่ 14 วิญญาณไร้ดวงตา

27/05/2025

15

บทที่ 15 เรื่องนี้ไม่ง่ายเสียแล้ว

27/05/2025

16

บทที่ 16 ตามหาร่างตามแหล่งน้ำ

27/05/2025

17

บทที่ 17 ผู้ตรวจการเฉียว

27/05/2025

18

บทที่ 18 เจ้ารู้จักสตรีที่ตายรึ

27/05/2025

19

บทที่ 19 หรือเจ้าอยากจะบรรยายภาพที่ได้เห็น

30/05/2025

20

บทที่ 20 กัดนางไม่ปล่อย

30/05/2025

21

บทที่ 21 ตั้งโรงทาน

30/05/2025

22

บทที่ 22 ไม่รู้ว่าก้าวเท้าใดออกจากจวน

30/05/2025

23

บทที่ 23 วิญญาณของหญิงสาวทั้งสามคน

30/05/2025

24

บทที่ 24 ยอมเผยความลับ

30/05/2025

25

บทที่ 25 สงครามสิ้นสุดแล้ว

30/05/2025

26

บทที่ 26 มาขอความช่วยเหลือ

30/05/2025

27

บทที่ 27 เหมือนนางไม่อยากให้ข้าบอกตัวคนร้าย

30/05/2025

28

บทที่ 28 ถุงหอมแก้วิงเวียน

30/05/2025

29

บทที่ 29 ข้าก็พูดไปเรื่อยเปื่อย

30/05/2025

30

บทที่ 30 เจ้าออกจวนมีแต่เรื่อง

30/05/2025

31

บทที่ 31 ท่านรู้ความคิดของข้าได้อย่างไร

30/05/2025

32

บทที่ 32 หลันหวงกุ้ยเดินทางกลับมาแล้ว

30/05/2025

33

บทที่ 33 ท่านย่าที่แสนดีมาหาที่จวน

30/05/2025

34

บทที่ 34 เงินก้อนนี้แลกกับชีวิตบุตรชายของท่าน

30/05/2025

35

บทที่ 35 เดินทางเข้าเมืองหลวง

30/05/2025

36

บทที่ 36 อารมณ์ของนางเปลี่ยนไวยิ่งกว่าสภาพอากาศ

30/05/2025

37

บทที่ 37 ฟางฉงหมิ่น

30/05/2025

38

บทที่ 38 เรียกข้าพี่ตง

30/05/2025

39

บทที่ 39 เข้าเฝ้าฮ่องเต้

30/05/2025

40

บทที่ 40 เจ้าทำความเคารพใคร

30/05/2025