คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

Critter

5.0
ความคิดเห็น
871.1K
ชม
379
บท

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

บทที่ 1 หย่าร้าง

ในห้องที่มืดสลัว คนสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง

รูปถ่ายงานแต่งงานของเจ้าสาวรูปหนึ่งถูกแขวนอยู่บนผนังสีขาวตรงหัวเตียง เธอมองกล้องและยิ้มอย่างอ่อนโยน ดูเปี่ยมไปด้วยความสุข

“นี่ คุณคิดว่า ถ้าเหยาซีเยว่มาเห็นว่าเราสองคนกำลังทำเรื่องอย่างว่ากันบนเตียงในห้องหอแบบนี้ เธอจะโกรธมากจนร้องไห้ออกมาเลยไหม?”

“เหอะ เตียงห้องหออะไรล่ะ แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว ผมยังไม่เคยได้แตะต้องเธอเลย เธอเอาแต่ไปนอนห้องนอนเล็กข้าง ๆ นั่นตลอด”

“พี่หยู พี่ใจดีกับฉันจัง......”

เสียงครวญครางหวาน ๆ ของทั้งสองคนดังขึ้นมาปะปนกับเสียงหอบหายใจ

หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เธอเอามือกุมปากน้ำตาไหลพลากแต่ไม่ส่งเสียงใด ๆ

หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม

หลินหยูก็สวมกางเกงขาสั้นเปิดประตูห้องนอน ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหยาซีเยว่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอได้ยินอะไรไปบ้าง?

“คุณได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย?”

เขาถามออกไปอย่างไม่แย่แสสนใจ แล้วเข้าไปรินน้ำอุ่นจากในครัวมาแก้วนึง จากนั้นก็เดินไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่น

รูปร่างผอมเพรียว ผิวพรรณขาวใสของเขา ทว่ากลับมีรอยแดงหวานฉ่ำ เขาดูไม่แยแสกับมัน จิบน้ำสองสามคำอย่างสบายใจ

“ไหน ๆ คุณก็อยู่พอดี เซ็นซะ”

หลินหยูเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะกาแฟ หยิบซองเอกสารออกมาจากด้านใน โยนมันลงบนโต๊ะกาแฟ “คุณก็ได้ยินแล้วนี่ ต่อให้ยื้อกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

เหยาซีเยว่เอื้อมมือไปหยิบเอกสารมา เปิดไปหน้าแรก คำว่า ‘ข้อตกลงการหย่า’ ก็ปรากฎขึ้นในม่านตาของเธออย่างจัง เธอเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้าย แล้วก็พบว่าฝ่ายชายได้เซ็นชื่อของเขา——หลินหยู เอาไว้อย่างสละสลวยเรียบร้อยแล้ว

“ลองดูแล้วกันนะ ถ้าคุณมีเงื่อนไขอื่นก็บอกมาได้ แต่หากไม่มีข้อโต้แย้งอะไรก็เซ็นซะ”

ชายคนนั้นเอนหลัง แล้วจุดบุหรี่ ควันลอยขึ้นมาปกคลุมใบหน้าที่เย็นชาของเขา

“ไม่มีทางออกอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ?”

เธอก้มหน้าลง เสียงของเธอแหบแห้งจากการร้องไห้เมื่อครู่นี้ ผมหน้าม้าของเธอก็ห้อยลงมาบนกรอบแว่นสีดำ ทำให้เธอดูน่าสงสารเป็นพิเศษ

ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลหลิน เธอก็ทุ่มเทความพยายามกว่าร้อยเปอร์เซนต์ในการดูแลหลินหยู เธอคิดว่า สุดท้ายแล้วเธอกับเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

เมื่อนึกถึงเด็กผู้ชายที่ถือร่มให้เธอท่ามกลางสายลมและหิมะ เธอก็เอามือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ภวานาขอให้ความหวังอันริบหรี่นั้นเป็นจริงขึ้นมา

“เหยาซีเยว่ อย่าทำตัวน่าสมเพชนักเลย เรื่องของฉันกับเหลียนเหลียน เธอก็ได้ยินได้เห็นมาหมดแล้ว ทำไม เธอคิดจะกอดต่ำแหน่งคุณนายตระกูลหลินไว้ ไม่ละอายใจหรือไง?”

หลินยู่เคาะก้นบุหรี่ลงถ้วยเขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “จะว่าไปการแต่งงานของเธอกับฉัน เราต่างก็ได้ในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการกันทั้งนั้น”

หัวใจของเหยาซีเยว่แหลกสลายไปหมดแล้ว เย่เหลียน คือคนที่หลินหยูรักแต่ไม่ได้แต่งงานด้วย

ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง

เธอก้มหน้าลงอย่างคนพ่ายแพ้ สองมือบิดชายเสื้อจนแน่น ราวกับว่าถ้ามีเย่เหลียนอยู่ สายตาของหลินหยูก็ไม่เคยละไปจากเย่เหลียนเลย

ตอนที่เย่เหลียนไปต่างประเทศ ระหว่างทางที่หลินหยูตามไปสนามบินเขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เดิมทีเหยาซวงซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเหยาควรจะต้องแต่งงานกับหลินหยู แต่เธอดันไปมีลูกกับคนอื่นซะก่อน ดังนั้นตระกูลเหยาจึงส่งเหยาซีเยว่ไปแต่งงานกับเขาแทน

การแต่งงานแทนนี้ ทำให้เธอได้กลายเป็นภรรยาของหลินหยูไปโดยปริยาย

เธอดูแลหลินหยูอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เพื่อหลินหยู เธอแทบตัดขาดการติดต่อกับชีวิตก่อนแต่งงานของเธอไปเลย

เธอไม่ได้สัมผัสกับงานออกแบบ รถแข่ง มีดผ่าตัด และคอมพิวเตอร์มานานมากแล้ว

ปีที่แล้ว เมื่อหลินหยูฟื้นขึ้นมา เขาค่อย ๆ ฟื้นตัว ซึ่งเธอคือคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เขาวันแล้ววันเล่า คอยไถ่ถามทุกข์สุข คอยดูแลอย่างเต็มที่ แล้วก็ไม่เคยที่จะจากไปไหน แต่เธอสู้กับการกลับมาของคนในใจของเขาไม่ได้ซะอย่างนั้น

หลังจากแต่งงานมาสองปี เธอก็ยังไม่เคยได้รับความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ จากเขา

พอหลินหยูไม่ได้รับคำตอบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก็เงยหน้ามองขึ้นไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกาแฟ

เหยาซีเยว่มีหน้าตาสะสวย แม้ว่าเธอจะมีผมหน้าม้าหนา และแว่นตาขอบดำที่หนาเตอะ แต่ยังมองเห็นได้ถึงความสวยของเธอ ปกติเธอมักจะละเลยเรื่องการแต่งตัว เธอจึงมักจะดูโทรมทั้งวัน

นิสัยของเธอก็น่าเบื่อเกินไป

หลังจากฟื้นขึ้นมา เขากับเธอจะอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่กลับไม่ได้มีความคิดอะไรเป็นอื่นเลย มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ แล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจด้วย

การดูแลและเอาใจใส่วันแล้ววันเล่า แต่กลับมีรูปลักษณ์และชีวิตเดิม ๆ ก็เปรียบเสมือนน้ำต้มสุกชามหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร มันจึงน่าเบื่อมาก

เขายอมรับนะว่า สองปีมานี้ที่เหยาซีเยว่อยู่ในตระกูลหลิน เธอเป็นคุณนายหลินได้อย่างเหมาะสม แต่เธอไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของเขา เธอไม่มีคุณสมบัติมากพอ

เมื่อบุหรี่ทั้งมวนไหม้จนถึงก้นแล้ว หลินหยูก็บดบุหรี่ในถ้วยเขี่ยบุหรี่ แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างไม่แยแส “คุณมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน.....”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง พอเห็นว่าเธอยังคงก้มหน้าอยู่ ความรู้สึกคับข้องใจที่เธอแสดงออกมามันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไปหมด

“ผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่คุณอยู่ที่ตระกูลเหยานะ หลังจากที่หย่ากันแล้ว นอกจากผมจะให้วิลล่าสามหลังแล้ว ผมจะให้เงินไปอีกหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน ส่วนรถในโรงรถคุณสามารถเลือกเอาไปได้หนึ่งคัน หากมีของพวกนี้แล้ว การใช้ชีวิตของคุณในภายภาคหน้าจะดีขึ้นมาหน่อย”

เขายังคงจำตอนที่เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลได้ เหยาซีเยว่ต้องลำบากลำบนคอยดูแลเขามาเป็นปี หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา เธอก็ยังคอยอยู่กับเขาตอนที่ทำกายภาพบำบัดด้วย

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ แต่พฤติกรรมของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงสามารถเอาเงินจากบัญชีส่วนตัวของเขาจ่ายชดเชยให้เธอได้โดยไม่ถือสาอะไร

อันที่จริงช่วงชีวิตของการเป็นวัยรุ่นที่เพอร์เฟคที่สุดของเธอ กลับต้องมาถูกขังอยู่ในตระกูลหลิน

เขาเอาสองมือกอดอก รอยสักเล็ก ๆ ที่เห็นได้ชัดเจนบนกระดูกไหปลาร้าของเขาบาดตาบาดใจเหยาซีเยว่อย่างมาก

YL ซึ่งก็คือเย่เหลียนนั่นเอง

“เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหัน ผมจึงจะให้เวลาคุณคิดหนึ่งวัน ถ้าไม่พอใจกับเงื่อนไขคุณก็สามารถเสนอมาได้ แต่อย่าให้มันมากจนเกินไปนักล่ะ...... ผมเป็นคนอารมณ์ไม่ดี คุณก็รู้อยู่แล้วหนิ.....”

“ไม่จำเป็นต้องคิดหรอกคะ”

เหยาซีเยว่หยิบปากกาบนโต๊ะกาแฟขึ้นมา แล้วก็เซ็นชื่อของเธออย่างสง่างามลงไปในตอนท้ายของข้อตกลงการหย่าร้าง

“เดี๋ยวฉันจะย้ายออกไปเอง จะได้ไม่รบกวนพวกคุณสองคน”

หลินหยูพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ได้”

ต้องยอมรับเลยว่า เขาชอบนิสัยเชื่อฟังของเหยาซีเยว่มากจริง ๆ ประหนึ่งเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็ไม่ปฏิเสธ

ตัวอย่างเช่นวันนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอสามารถที่จะอาละวาดขึ้นมาได้ แต่เธอก็เลือกที่จะอดทนแทน

ซึ่งมันน่าเบื่อมาก

หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนี้มาเป็นเวลานาน เขาก็กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนแบบนี้ไป

เรื่องของความรู้สึก มันไม่สามารถบังคับกันได้

หลินหยูหยิบสัญญามาตรวจดู ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยพูด เย่เหลียนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็เดินออกมาอย่างเงียบ ๆ

เนื่องจากความยาวของเสื้อเชิ้ตถึงแค่ต้นขา อีกทั้งกระดุมก็ติดเพียงแค่สองสามเม็ดเท่านั้น มันจึงเผยให้เห็นเนื้อหนังข้างในของเธอ

ผมของเธอยังเปียกอยู่ ทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอนั้นเปียกเล็กน้อย เผยให้เห็นสิ่งที่น่าเย้ายวนใจที่เล็ดลอดออกมา

พอเหยาซีเยว่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันไปมอง แค่เห็นแวบเดียวเธอก็จำได้แล้วว่านี่คือเสื้อเชิ้ตของหลินหยู แล้วก็เป็นตัวที่เธอเลือกเองกับมือด้วย

ทันใดนั้นดวงตาของพวกเธอสองคนก็สบกัน คิ้วของเย่เหลียนโค้งลง เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา นี่เป็นแค่การประกาศศักดาเท่านั้น

ตอนที่สายตาของหลินหยูกวาดมองมา เธอก็ซ่อนรอยยิ้มนั้นกลับไปแล้ว

“น้องซีเยว่ เจอกันครั้งแรกสินะ ฉันชื่อเย่เหลียนนะ”

เธอค่อย ๆ เดินไปนั่งลงข้างหลินหยู แล้วก็อิงซบไปที่ไหล่เขาอย่างอ่อนระทวยประหนึ่งไม่มีกระดูก จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ได้ยินพี่หยูพูดถึงน้องซีเยว่อยู่บ่อย ๆ ในที่สุดก็ได้เจอสักทีนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ”

เหยาซีเยว่ลดสายตาลง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

เมื่อเย่เหลียนเห็นเช่นนี้ เธอจึงผลักหลินหยู แล้วก็พูดอย่างออดอ้อนขึ้นมาว่า “เมื่อกี้นี้ฉันได้ยินพี่หยูบอกว่าจะมอบวิลล่าสามหลังให้กับน้องซีเยว่ พี่ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันอยากได้วิลล่าติดทะเลสาบหลังนั้นน่ะ? ทำไมต้องให้หลังนั้นไปด้วยล่ะ พี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?”

หลินหยูมักจะเติมเต็มต่อคำขอของเย่เหลียนเสมอ เขาจึงพูดกับเหยาซีเยว่ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่เหลียนเหลียนว่าแล้วกันนะ เดี๋ยวผมจะเลือกวิลล่าหลังอื่นให้คุณใหม่ก็แล้วกัน”

เหยาซีเยว่เงยหน้าขึ้น ตาใส ๆ ของเธอมองผ่านกรอบแว่นหนา ๆ ไปที่หลินหยู “คุณบอกว่าจะให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เย่เหลียนพูดออดอ้อนขึ้นมาว่า “พี่หยู~”

สีหน้าของหลินหยูบ่งบอกว่าหมดความอดทนแล้ว “เหยาซีเยว่ คุณฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง? ของพวกนี้ผมแค่ให้พิเศษกับคุณ ถ้าคุณไม่อยากได้ งั้นก็ไม้ต้องเอา”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

คุณลุงขาอย่าบอกใคร

คุณลุงขาอย่าบอกใคร

กาสะลอง
4.6

“ฮึ่ก... พอแล้วหนูเสียว ฮือๆ ไม่ไหวแล้วค่ะคุณลุงขา” มือเรียวของฉันขยุ้มศีรษะของลุงทอมเอาไว้แน่น ลิ้นของเขาไล้เลียนุ่มนวล สลับกระแทกเสียบรุนแรง ฉันยอมรับว่าทรมาน แต่ใจจริงก็ชอบ… มันเสียวซ่าน ไม่อยากให้เขาหยุด ลุงทอมเลียเก่งเหลือเกิน “ของหนูสวยมาก… ฟิตแน่นดูดลิ้นลุงดีจัง” ลุงทอมชำแรกเรียวลิ้น ไชชอนกลีบเนื้อสีชมพูนุ่มอ่อนบอบบางของฉันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งแบะทั้งบีบกลีบสวาทออกมาไล้เลีย สลับไปมาทั้งสองข้างซ้ายขวา เสียงดังจ๊วบจั๊บหนับหนุบ “ฮื่อๆ…. ลุงขาหนูเสียวจะขาดใจอยู่แล้ว” ฉันขยับสะโพก ยกหนอกเนินสวาทกระแทกสวนใบหน้าของลุงทอมที่ก้มงุดอยู่ตรงง่ามขา เบิร์นน้องสาวฉันไม่ลืมหูลืมตา เมามันจนแทบไม่อยากเงยหน้ากลับขึ้นมาหายใจ คาวสวาทของฉันคงหอมถูกใจแก กระตุ้นอารมณ์ลุงทอมจนออกอาการหลงใหลอย่างที่เห็น

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ต้ายวี่
5.0

ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว
1

บทที่ 1 หย่าร้าง

26/03/2024

2

บทที่ 2 บทเรียน

27/03/2024

3

บทที่ 3 การเปลี่ยนแปลง

27/03/2024

4

บทที่ 4 ที่กลามอร์คลับ (ภาค 1)

27/03/2024

5

บทที่ 5 ที่กลามอร์คลับ (ภาค 2)

27/03/2024

6

บทที่ 6 หุบปาก (ภาค 1)

27/03/2024

7

บทที่ 7 หุบปาก (ภาค 2)

27/03/2024

8

บทที่ 8 ใครกันที่อยากเจอฉัน (ภาค 1)

28/03/2024

9

บทที่ 9 ใครกันที่อยากเจอฉัน (ภาค 2)

28/03/2024

10

บทที่ 10 คุณดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน (ภาค 1)

28/03/2024

11

บทที่ 11 คุณดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน (ภาค 2)

29/03/2024

12

บทที่ 12 เงื่อนไขในการรักษา (ภาค 1)

29/03/2024

13

บทที่ 13 เงื่อนไขในการรักษา (ภาค 2)

29/03/2024

14

บทที่ 14 เรื่องไม่คาดฝัน (ภาค 1)

29/03/2024

15

บทที่ 15 เรื่องไม่คาดฝัน (ภาค 2)

29/03/2024

16

บทที่ 16 ข่าวคราว (ภาค 1)

29/03/2024

17

บทที่ 17 ข่าวคราว (ภาค 2)

29/03/2024

18

บทที่ 18 ถ้าได้ที่หนึ่งจะไปพบ (ภาค 1)

29/03/2024

19

บทที่ 19 ถ้าได้ที่หนึ่งจะไปพบ (ภาค 2)

29/03/2024

20

บทที่ 20 แกไปคิดให้ดี ๆ (ภาค 1)

29/03/2024

21

บทที่ 21 แกไปคิดให้ดี ๆ (ภาค 2)

29/03/2024

22

บทที่ 22 เดิมพัน (ภาค 1)

29/03/2024

23

บทที่ 23 เดิมพัน (ภาค 2)

29/03/2024

24

บทที่ 24 การแข่งขันปาเป้า (ภาค 1)

29/03/2024

25

บทที่ 25 การแข่งขันปาเป้า (ภาค 2)

29/03/2024

26

บทที่ 26 สั่งสอนหลินซือฉี

29/03/2024

27

บทที่ 27 เรื่องของจวินเย่ว (ภาค 1)

29/03/2024

28

บทที่ 28 เรื่องของจวินเย่ว (ภาค 2)

29/03/2024

29

บทที่ 29 ความวุ่นวายในการเรียกแท็กซี่ (ภาค 1)

29/03/2024

30

บทที่ 30 ความวุ่นวายในการเรียกแท็กซี่ (ภาค 2)

29/03/2024

31

บทที่ 31 ขอบคุณคุณเป่ยมากเลยนะคะ (ภาค 1)

29/03/2024

32

บทที่ 32 ขอบคุณคุณเป่ยมากเลยนะคะ (ภาค 2)

29/03/2024

33

บทที่ 33 ฉันไม่มีเวทมนตร์ (ภาค 1)

29/03/2024

34

บทที่ 34 ฉันไม่มีเวทมนตร์ (ภาค 2)

29/03/2024

35

บทที่ 35 นี่คือ ป้ารองเหรอ? (ภาค 1)

29/03/2024

36

บทที่ 36 นี่คือ ป้ารองเหรอ? (ภาค 2)

29/03/2024

37

บทที่ 37 คุณเหยาบังเอิญจริง ๆ เลยนะครับ (ภาค 1)

29/03/2024

38

บทที่ 38 คุณเหยาบังเอิญจริง ๆ เลยนะครับ (ภาค 2)

29/03/2024

39

บทที่ 39 เป็นหมอก็ดีเหมือนกัน (ภาค 1)

30/03/2024

40

บทที่ 40 เป็นหมอก็ดีเหมือนกัน (ภาค 2)

30/03/2024