Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ความรักของศศินาพัชร์

ความรักของศศินาพัชร์

MOONLIGHT MILK

5.0
ความคิดเห็น
145
ชม
5
บท

สาวหล่อที่แอบทำให้ใจพัชสั่นไหวได้พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่พัชยังคงมองตามร่างนั้นจนหายไปลับตา “พัช ถ้าแกจะมองคนที่ดาขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเบอร์ให้จบ ๆ ไปเลยวะ” “เอ่ออ...ลืมเลย” “จ้า ๆ” ............................................................................................................ “คือ...พลอยอยากถามแม่ว่า แม่เคยคิด คิด ที่จะรังเกียจความรักในแบบของพัชไหมคะ” พัชที่กำลังจะตักกับข้าวถึงกับชะงักมือก่อนจะมองไปทางแม่ที่นั่งยิ้มและมองมาทางพัชด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหนก็ตาม แต่ขอให้รักที่เกิดนั้นเป็นรักที่ไม่ผิดต่อใครและไม่ทำให้ทั้งตัวเราและใครเสียใจก็พอ”

บทที่ 1 บทนำ

การสอบแข่งขันเปรียบดั่งการต่อสู้ที่ศศินาพัชร์หรือพัชต้องผ่านมันไปให้ได้ แม้หญิงสาวจะมิชอบการแข่งขันเท่าใดนักแต่เพราะนั่นคือความหวังที่มารดาปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้หญิงสาวมุ่งมั่นที่จะทำให้มารดาภูมิใจ

“พัช ลูกเห็นหรือยัง ตอนนี้เขตเรียกตัวลูกแล้วนะ”

เสียงมารดาของพัชเอ่ยบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แม้พัชจะมิได้ดีใจเท่าใดนักแต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของมารดาหญิงสาวจึงอดยิ้มกับโทรศัพท์มือถือไม่ได้

“ค่ะแม่ ตอนนี้พัชกำลังไปรายงานตัวแล้วค่ะ”

“ในที่สุด แม่ก็จะได้เห็นลูกใส่ชุดข้าราชการเสียที”

พัชเผลอมองบนเล็กน้อย ‘ทำไมแม่และคนแถวบ้านถึงอยากให้ลูกหลานรับราชการกันนะ’ แม้จะเอ่ยบ่นกับตัวเองแต่หญิงสาวกลับมิเคยปฏิเสธในสิ่งที่มารดาของเธอต้องการแม้สักครั้ง

“แค่นี้ก่อนนะคะแม่”

“จ๊ะ ๆ เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านนะ”

“ค่า แม่”

พัชเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเดินเข้าไปในสำนักงานสถานศึกษาที่หญิงสาวถูกเรียกตัว หลังจากเสร็จจากการรายงานตัวแล้ว หญิงสาวจึงได้ตรงกลับบ้านในทันที

“แม่น้องพัช ๆ”

“มีอะไรหรือพี่”

“ได้ยินมาว่าน้องพัชสอบครูได้งั้นหรือ”

“จ๊ะ น้องพัชเพิ่งถูกเรียกบรรจุจ๊ะ”

“งั้นหรือ ดี ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เป็นครูรัฐจะได้เงินสักเท่าไหร่กันเชียว ดูพี่แอนสิทำงานเอกชน ได้ทั้งเงินเดือน ได้ทั้งเงินพิเศษ นี่ยังไม่รวมเงินสอนพิเศษและเงินโบนัสอีกนะ”

“ดีจังเลยจ้ะ แล้วนี่น้องแอนไปที่ไหนหรือคะวันนี้ ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”

“ก็อย่างว่าแหละ ทำงานเอกชนวันหยุดก็เลยไม่ได้หยุด ต้องทำงานนั่นแหละ”

พัชจอดรถหน้าบ้านก่อนจะลงมาสวัสดีแม่และป้าข้างบ้าน

“น้องพัช เป็นอย่างไรบ้างได้ข่าวว่าถูกเรียกบรรจุแล้วนี่ ได้ที่ไหนกัน”

“อ่อ ได้แถวแม่แจ่มค่ะ”

“แม่แจ่มงั้นเหรอ ตาย ๆ ๆ กันดารเสียขนาดนั้น น้องพัชจะไหวเหรอ”

“ทำไมจะไม่ไหวกันคะ”

“แม่แจ่มทั้งไกลทั้งกันดาร น้องพัชที่มีแม่เคยดูแลมาตลอดประหนึ่งลูกคุณหนู น้องพัชจะไปที่อยู่ที่แบบนั้นได้เหรอ”

“แม้แม่จะดูแลพัชเป็นอย่างดี แต่แม่ก็ไม่เคยสอนให้พัชเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะคะ แม้ที่ที่พัชจะไปนั้นกันดารแต่ผู้คนคงจะน่ารักและจริงใจแน่นอนค่ะ”

“พัช ทานอะไรมาหรือยัง เข้าบ้านไปคุยกันเถอะ”

“ค่ะแม่”

อาหารที่พัชชอบถูกจัดวางไว้เต็มโต๊ะ พัชมองอาหารเหล่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปกอดแม่

“แม่ พัชต้องไปบรรจุบนดอย แม่จะอยู่ได้เหรอคะ”

“ได้สิ แม่ก็คิดเสียว่าลูกไปเข้าค่าย เสาร์-อาทิตย์ลูกก็กลับมาไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ค่ะ”

ทั้งสองกอดกันก่อนจะนั่งลงรับประทานอาหารด้วยกัน ขณะที่กินข้าวนั้นพัชสังเกตเห็นว่าแม่แอบดีใจจนน้ำตาซึมจนต้องแอบเช็ดน้ำตาอยู่หลายที จนเมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วทั้งสองต่างเดินมามองรูปชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาถูกวางอยู่บนโต๊ะข้างตู้โชว์

“หากพ่อยังอยู่ก็คงจะดี”

“แม้ตอนนี้พ่อจะอยู่บนสวรรค์ แต่พ่อก็มองลงมาและคอยดูแลพวกเราอยู่เสมอนะคะแม่”

“อื่ม”

ทั้งสองยืนกอดกันขณะมองรูปนั้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและคราบน้ำตา

วันที่ต้องไปรายงานตัวยังโรงเรียนที่ต้องบรรจุมาถึง เพื่อน ๆ และญาติพี่น้องได้มาส่งพัชอย่างพร้อมเพรียงกัน รถขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันได้มาจอดอยู่หน้าบ้านพัชพร้อมเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน

“พัชเป็นคนแรกในรุ่นเลยนะที่ถูกเรียก”

“ใช่ค่ะแม่ พัชของเราเก่งมาก ๆ”

“พัช เก็บของเสร็จหรือยัง พวกเราจะไปวันนี้นะ”

พลอยและเพื่อน ๆ ของพัชต่างพูดคุยและแซวพัชอย่างเป็นกันเอง

“จ้า ๆ เสร็จแล้ว ๆ”

กระเป๋า 3 ใบถูกนำมาวางไว้ข้างรถ ทุกคนมองกระเป๋านั้นก่อนจะมองพัชสลับกันไปมา

“ไปอยู่ที่กันดารขนาดนั้น ขนไปแค่นี้เองเหรอ”

“แค่นี้ก็พอ ใบแรกเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว ใบที่สองที่นอนหมอนมุ้ง ใบที่สามอาหารยารักษาโรค ส่วนที่ขาดไม่ได้ มอไซค์คู่ใจ”

รถมอเตอร์ไซค์วิบากถูกนำมาจอดไว้ข้างรถขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเก็บของเดินทางกันเถอะ”

การเดินทางเข้าแม่แจ่มแม้จะไม่ได้ลำบากเพราะถนนที่ปูด้วยทางลาดยาง ป่าไม้สองข้างทางที่ให้ร่มเงาอีกทั้งความชุ่มชื้นที่ทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย

“พวกเราแวะตลาดกันหน่อยไหม หาซื้อของกินด้วย”

“ดี ๆ”

รถขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันได้ขับตามกันมาจอดแถวตลาดข้างอำเภอแม่แจ่ม

“พัช แกอยากได้อะไรเพิ่มไหม”

“ไม่ล่ะ รอขึ้นโรงเรียนก่อนค่อยลงมาซื้ออะไรเพิ่มดีกว่า”

“ก็ดีนะ”

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”

พัชที่มัวแต่คุยกับพอใจได้เผลอชนเข้ากับใครบางคน หญิงสาวจึงได้เอ่ยขอโทษในทันที

“ไม่เป็นไรค่ะ”

สาวหล่อผมสั้นดูเท่ ๆ ที่ทำให้พัชหยุดหายใจไปชั่วขณะ

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เสียงหวาน ๆ พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบพัชที่ยังคงมองอยู่เช่นนั้น

“ไอ่ดา เร็วเข้า”

“เอ้อ”

สาวหล่อที่แอบทำให้ใจพัชสั่นไหวได้พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่พัชยังคงมองตามร่างนั้นจนหายไปลับตา

“พัช ถ้าแกจะมองคนที่ดาขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเบอร์ให้จบ ๆ ไปเลยวะ”

“เอ่ออ...ลืมเลย”

“จ้า ๆ”

พลอยมองบน เมื่อซื้อของเรียบร้อยแล้วทั้งหมดต่างออกเดินทางกันต่อไป แดดร้อน ๆ ยามบ่ายแก่ ๆ ทำให้ทุกคนในรถต่างหลับบ้างหรือไม่ก็จมดิ่งอยู่ในความคิดของตนเองเมื่อเห็นสภาพถนนหนทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจายไปตามทาง ใบไม้และต้นไม้ด้านข้างถนนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสีแดงจากฝุ่น

“เฮลโล่ ฮ่า ๆ ๆ สภาพ อีกนานไหมถึงจะถึง”

เสียงเพื่อนของพัชที่นั่งหลังรถเอ่ยขึ้น เพราะตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นจนทุกคนที่อยู่ในรถต่างหัวเราะ

“อีกไม่กี่โค้งก็ถึงแล้ว”

“ไม่กี่โค้งนี่คือกี่โค้ง”

“ก็โค้งซ้าย โค้งขวา เดี๋ยวก็ถึง”

“ไอ้บ้า....ฮ่า ๆ ๆ”

จนเมื่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อหยุดอยู่หน้าป้ายโรงเรียนที่ใกล้จะพังแหล่ไม่พังแหล่

“โรงเรียน......ถึงซะที”

พลอยบ่นก่อนที่รถจะเลี้ยวขวาเข้าไปด้านใน อาคารเรียนไม้ที่ตั้งอยู่แม้จะไม่ใหม่แต่ก็พอที่จะใช้ได้เรียงรายอยู่ 4 หลังเป็นรูปตัวยู ตรงกลางนั้นคือสนามตะกร้อและสนามบาส รถเคลื่อนเข้าไปอีก 200 เมตรนั่นคือโรงอาหารของนักเรียนที่ตั้งอยู่หลังแทงก์น้ำ ด้านข้างคือบ้านพักไม้สองชั้นสองหลังที่อยู่ติดกัน และท้ายสุดคือบ้านพักครูที่ดัดแปลงให้ด้านล่างเป็นห้องครัว ส่วนด้านบนเป็นห้องพักครู ทุกคนเดินลงมาจากรถก่อนจะยืดเส้นยืดสายและช่วยกันเอารถมอเตอร์ไซค์วิบากลง

“สวัสดีค่ะ ครูใหม่ใช่ไหมคะ”

หญิงสาวร่างเล็กหน้าเก๋ ๆ เดินมาทักทายกลุ่มคนของพัชด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดีค่ะ ครูศศินาพัชร์มารายงานตัวค่ะ ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการอยู่ไหมคะ”

“ผอ. ไปประชุมค่ะ ถ้างั้นพี่ขออนุญาตรับเอกสารแทนนะคะ อ้อ ลืมไปพี่ชื่อ...หนึ่งจ๊ะ”

“สวัสดีค่ะ น้องชื่อพัชค่ะ”

“พี่หนึ่ง ของเรียบร้อยแล้วจะเอาไงต่อ”

เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พัชต้องหันไปตามเสียง

“อ้าว”

“อ้าว”

สาวหล่อคนที่พัชเจอเมื่อเดินซื้อของในตลาดเอ่ยขึ้นพร้อม ๆ กับพัชก่อนที่ทั้งสองจะส่งยิ้มให้แก่กัน

“น้องมาบรรจุที่โรงเรียนนี้เหรอคะ”

“ค่ะ”

“พี่ชื่ออันดา ชื่อเล่นดา”

“สวัสดีค่ะ เรียกน้องว่าพัชก็ได้ค่ะ”

“ถ้างั้นให้พี่พาไปดูที่พักและรอบ ๆ ก่อนดีไหม”

“ถ้าได้จะขอบคุณมากค่ะ”

พลอยที่เดินมาสมทบแอบสะกิดพัชเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้พัชอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้

“บังเอิญหรือพรหมลิขิตกันนะ”

“พลอย เงียบไปเลย”

ดาเดินเข้ามาทักทายกลุ่มคณะที่มาส่งพัชก่อนจะพาทุกคนชมรอบ ๆ โรงเรียนและดูที่พักรวมถึงพาไปเดินดูรอบ ๆ หมู่บ้านที่มีนักเรียนมาเรียนที่นี่

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ MOONLIGHT MILK

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คลั่งรักร้ายนายวิศวะ

คลั่งรักร้ายนายวิศวะ

วัยรุ่น

5.0

"ไง...หลบหน้าผัวมาหลายวัน" คนตัวโตกดเสียงมาอย่างไม่น่าฟัง ยิ่งเธอขัดขืนเขายิ่งเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือ "ปล่อยนะพี่ริว พี่ไม่ใช่ ผัว..." เสียงเล็กถูกกลื้นหายในลำคอ เมื่อโดนคนใจร้ายตรงหน้าระดมจูบไปทั้งใบหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว ริวถอนจูบออก เสมองคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน "ผัว...ที่เอาเธอคนแรกหนะ" "พี่ริว..." เจนิสตะเบ่งเสียงด้วยสีหน้าอันโกรธจัด "ทำไม เรียกชื่อพี่บ่อยแบบนี้ละครับ" ริวเอ่ยพร้อมกับสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน "คิดว่าคืนนี้เธอจะรอดเหรอ" ริวตะเบ่งเสียงขึ้นมา จนร่างบางถึงกับชะงัก "ปล่อย...นะ คนเลว" ยิ่งเธอต่อต้านเขายิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้น "เอาดิ...เธอตบ ฉันจูบ..." ริวเอ่ยพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุดัน

คุณนายเป็นใบ้

คุณนายเป็นใบ้

โรแมนติก

5.0

เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

โรแมนติก

5.0

"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด “ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้” ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ

คุณหมอที่รัก NC18++

คุณหมอที่รัก NC18++

โรแมนติก

4.4

กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

โรแมนติก

5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ