ด้วยความที่เป็นเบต้าแสนจะธรรมดา ผมจึงไม่ลังเลที่จะสมัครงานที่คฤหาสน์ลึกลับนั่นโดยไม่กลัวอันตราย แต่ใครจะรู้ว่าผมต้องมาเจอกับอัลฟ่าเลือดผสมอย่างเขาที่พร้อมจะจับผมกินได้ทุกเมื่อ!
"ที่นี่เป็นห้องโถงใหญ่ที่ใช้สำหรับรับแขก และยังใช้รับประทานอาหารด้วย คนนอกไม่สามารถเข้ามารับประทานอาหารที่นี่ได้ เพราะท่านรักความเป็นส่วนตัวมาก" เสียงของชายสูงอายุในชุดสูทเหมือนกับบริกรในภัตตาคารหรูพร่ำบอกกฎภายในบ้าน และยังอธิบายถึงห้องต่างๆในตัวบ้านเดินนำผมอยู่เบื้องหน้ามาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากผมเดินทางมาถึงบ้านหลังนี้
ไม่สิ..ไม่ใช่บ้าน..มันต้องเรียกว่า คฤหาสน์ ถึงจะถูก
"ท่านไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบความวุ่นวาย และไม่ชอบคนที่ไม่เชื่อฟัง" คุณลุงบัตเลอร์ยังคงกล่าวอธิบายถึงลักษณะนิสัยของคุณเจ้าของบ้านต่อไปโดยมีผมเดินตามอยู่ไม่ห่าง
สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างออกมาสไตล์ยุโรป บ่งบอกถึงรสนิยมอันเลิศเลอของผู้อยู่อาศัย ผมเดินตามลุงสูงวัยที่มีผมสีดอกเลาซึ่งพร่ำสั่งสอนโดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดเข้าหัวผมมาไม่ถึงครึ่ง เพราะผมมัวแต่อึ้งกับความงามและข้าวของต่างๆภายในคฤหาสน์แห่งนี้ที่ต่อให้ผมทำงานทั้งชาติก็คงจะหาไม่ได้ โคมไฟระย้ากลางห้องโถงส่องแสงประกายวิบวับในยามที่มีแสงลอดเข้ามาจากหน้าต่างซึ่งทำจากกระจกหลากสีคล้ายกับงานศิลปะชิ้นเยี่ยม
ช่างงดงามตระการตาจริงๆ
"ขอบคุณมากครับลุง" ผมยกมือไหว้พร้อมทั้งก้มหัวขณะที่ลุงบัตเลอร์พาผมมาถึงห้องพักเสียที กว่าจะเดินมาถึงห้องพักก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกันนะครับ ลุงแจ้งว่าคนที่ทำงานที่นี่จำเป็นต้องพักที่นี่ด้วยเพื่อความสะดวกและเป็นไปตามกฎระเบียบของสถานที่แห่งนี้ ผมมองคุณลุงที่มีใบหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความใจดีอย่างบอกไม่ถูกลุงคงจะเป็นเบต้าเหมือนกันกับผมแน่นอน
"เอ่อ..แล้วหลังจากนี้ผมต้องทำอะไรต่อครับ" ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะในใบสมัครไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรไว้เลย และไอ้คนจนอย่างผมเห็นจำนวนเงินมากขนาดนั้นก็คงไม่แปลกที่จะลองมาดูสักตั้ง ในเมื่อชีวิตผมทำงานลำบากมาเยอะก็ควรจะสบายกับเขาสักทีคุณว่าจริงไหม
"เชิญคุณพักผ่อนก่อนเถอะครับ หากมีอะไรผมจะเรียกหาคุณเอง" ลุงแกว่างั้นก่อนจะเดินจากไป ทิ้งผมไว้ในห้องกว้างขวางที่กว้างกว่าห้องเช่าของผมสามห้องรวมกันเสียอีก
"ดีจังแฮะ" ผมพึมพำกับตัวเองพลางล็อกประตูห้องก่อนจะนำข้าวของมาวางไว้ที่โต๊ะด้านใน และทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนกว้างก่อนจะหลับตาลงช้าๆ พลิกไปพลิกมาอยู่หลายนาทีจึงลุกขึ้น ความสงสัยก่อตัวขึ้นก่อนที่ผมจะถือวิสาสะออกมาจากห้องพักของตัวเองเพื่อเดินชมคฤหาสน์แห่งนี้อีกสักหน่อย ไม่รู้ว่าทำไมลุงเมดถึงต้องรีบกลับขนาดนั้นทั้งที่ยังแนะนำผมไม่ทั่วเลยด้วยซ้ำ ลุงแกอาจจะเหนื่อย งั้นผมมาสำรวจเองดีกว่า
ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องอะไรสักอย่างบนโถงทางเดินชั้นสองถัดจากบันไดวนขึ้นมาด้านซ้ายมือ ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดและพบว่ามันล็อกอยู่ ผมจึงเดินต่อไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกคล้ายกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
สองขาของผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องสุดท้ายของโถงทางเดินชั้นสอง ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเชื้อเชิญให้ผมเข้าไปในนั้น ฝ่ามือของผมชื้นไปด้วยเหงื่อก่อนจะค่อยๆบิดลูกบิดเย็นชืดราวกับไม่มีใครสัมผัสมานาน
คลิ๊ก..
ประตูค่อยๆแง้มเปิด ผมถือวิสาสะแทรกตัวเข้าไปก่อนที่สายตาจะปรับเข้ากับความมืด มือก็ควานหาสวิตซ์ไฟก่อนจะกดเปิดมันได้สำเร็จ ประตูห้องถูกปิดลงอย่างอัตโนมัติ ผมสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันหน้ากลับมามองภายในห้องขนาดใหญ่นี้อีกครั้ง ภายในห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกอย่างเหมือนห้องนอนทั่วๆไปแต่ที่ผมสะดุดตาคือภาพที่แขวนอยู่บริเวณหัวเตียง
มันเป็นภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลาราวกับภาพวาด เส้นผมสีบรอนด์และดวงตาสีมรกตบ่งบอกถึงเชื้อชาติผสมของทางพ่อและแม่
"หล่อโคตร.." ผมครางในลำคอ ถ้าเจอคนๆนี้ยืนอยู่ตรงหน้าผมคงจับปล้ำแน่ๆ
ผมค่อยๆก้าวขาผละออกจากรูปภาพนั้นก่อนจะพาตัวเองมาทางปีกซ้ายของห้องมันมีประตูที่ซ่อนความน่าสงสัยไว้ด้านหลัง ผมจึงไม่รอให้สงสัยไปมากกว่านี้และเปิดมันออกทันที
"เชี่ย..." ผมไม่ได้ต้องการจะหยาบคายนะครับแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้จะไม่ให้อุทานก็คงจะยังไงๆอยู่ ที่ผมเห็นคือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับ sex แบบครบครัน มันถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบราวกับเครื่องเขียนในร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนชั้นนำ ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เพราะถึงแม้ว่าผมจะเคยดูคลิปที่ใช้ของทำนองนี้ แต่ไอ้ของจริงนี่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมใช้ปลายนิ้วลูบไปที่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งพร้อมกับความรู้สึกเสียวท้องน้อยที่แผ่ซ่านขึ้นมา เดินสำรวจอยู่ภายในห้องลับนี้สักพักจนกลัวว่าจะมีคนมาหากผมอยู่นานกว่านี้ สองขาจึงพาผมออกมาจากห้องลับนั้นโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูลงอย่างเก่า ตอนนี้ผมมายืนดูภาพของชายหนุ่มที่อายุน่าจะราวๆ 30 ปี ใบหน้าคมเข้มกับนัยน์ตาสีมรกตคล้ายจะจับจ้องลงมายังคนที่มองเขาอยู่
หรือว่าคนๆนี้จะเป็นเจ้าของบ้าน..?
ไม่สิ..อาจจะเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน..
ผมยืนนิ่งจ้องเขาอยู่สักพักก่อนที่หูจะได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังจะเปิดประตู ลูกบิดด้านในถูกหมุนไปมาส่งเสียงคล้ายกับในหนังสยองขวัญ ผมใจเต้นระส่ำด้วยความกลัวว่าจะถูกจับได้ เสียงลูกบิดหยุดลงและในไม่ถึงเสี้ยววินาทีต่อมามันก็ค่อยๆแง้มออก..
ซวยแล้ว!!
ตุ้บ!
"โอ๊ย!.." ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บที่สะโพกซึ่งกระแทกกับพื้นห้อง ก่อนจะสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อเรียกสติแต่ร่างกายยังคงนั่งอยู่ที่พื้น สักพักจึงค่อยๆลุกขึ้นมานั่งที่เตียงซึ่งตกลงมาเมื่อกี้นี้
ฝันเหรอ..?
อ่า..บ้าชะมัด..ทำไมมันถึงเหมือนจริงขนาดนี้นะ..?
ผมลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าล้างตา เมื่อออกมาจึงทราบว่าเป็นเวลาหัวค่ำเสียแล้ว ตั้งแต่ที่ผมเข้าห้องมาก็นอนเล่นจนเผลอหลับไปหรือนี่
พิลึกชะมัด..
ผมแค่นเสียงหัวเราะให้กับตัวเอง มีอย่างที่ไหนฝันเป็นตุเป็นตะ ดีนะที่ทั้งหมดเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกจากลุงเมดคนเดิม ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูออกทันที เพราะอยู่คนเดียวก็พาลให้รู้สึกแปลกๆไม่น้อย
"อาหารเสร็จแล้วนะครับ เชิญที่ห้องโถงเล็ก" ชายสูงวัยเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้ผมต้องกุลีกุจอวิ่งตามเพราะกลัวจะหลงทางในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้
"ลุงครับ..สุดทางเดินของฝั่งโน้นเป็นห้องใครหรือเปล่าครับ" ผมเอ่ยถามขณะที่พวกเราอยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างปีกซ้ายและปีกขวาของโถงทางเดินชั้นสอง คุณลุงหยุดเดินและหันมาสบตาผมแวบนึงก่อนเอ่ย
"ที่นี่มีกฎสำคัญที่ผมได้บอกกับคุณไปแล้วนั่นก็คือ อย่าพยายามเข้าไปในห้องที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างที่ผมแจ้งไปแล้วว่าท่านรักความเป็นส่วนตัวมาก คุณคงไม่อยากให้ท่านไม่พอใจตั้งแต่วันแรกที่มาถึงใช่ไหม" ลุงบัตเลอร์ไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายจะตำหนิทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาเลย แต่ไอ้ความขี้สงสัยที่มีในสายเลือดมันไม่ได้หายไปเลยแม้แต่น้อย
ทำไมที่นี่มันแปลกขนาดนี้..
ผมเดินตามชายสูงวัยโดยอดที่จะเหลียวกลับไปมองที่ห้องสุดทางเดินไม่ได้..
.
.
.
"เชิญรับประทานอาหารได้เลยครับ"
"โห..ทำไมมันเยอะขนาดนี้ครับลุง" ผมเบิกตากว้างเหตุเพราะอาหารนานาชนิดที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะนั้นมันช่างอลังการจริงๆ อาหารบางอย่างผมไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ
"ลุงมานั่งกินกับผมนะครับ" ผมว่าแล้วตบไปที่เก้าอี้ใกล้ๆกันนั้น
"ไม่ดีกว่าครับ" ชายสูงวัยก้มหัวอย่างสุภาพจนผมนึกสงสารแกที่แก่ปูนนี้แล้วยังต้องมาเป็นพ่อบ้าน อย่าให้เจอหน้าลูกหลานแกนะ ผมจะด่าให้ มีอย่างที่ไหนปล่อยให้คนแก่มาทำงานงกๆอยู่แบบนี้
เมื่อการคะยั้นคะยอไม่เป็นผลผมจึงต้องจำใจกินอาหารตรงหน้านี้เพียงคนเดียว พร้อมกับชวนลุงคุยไปเรื่อย
"ลุงเป็นคนดูแลที่นี่มานานหรือยังครับ" ผมเอ่ยถามพลางเคี้ยวอาหารที่ถูกปรุงรสมาอย่างดีเยี่ยม
"ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนคุณปู่ของผมก็เป็นคนดูแลที่นี่"
"โห..สุดยอด" ผมได้แต่มองอย่างอึ้งๆ ทั้งชีวิตผมไม่คิดว่าจะทำงานที่เดียวไปจนแก่ได้แน่ๆ แต่ลุงแกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กเลยเนี่ยนะ จะว่าไปแล้วทำงานที่คฤหาสน์แบบนี้คงได้เงินเดือนมากอยู่พอสมควร ผมยังคงถามอะไรไปเรื่อยเปื่อยซึ่งเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับคุณเจ้าของบ้าน เหตุเพราะลองถามอะไรไปก็จะไม่ได้รับคำตอบเลยสักอย่างเดียว อะไรจะรักความเป็นส่วนตัวซะขนาดนั้น แล้วอย่างนี้จะจ้างคนนอกอย่างผมเข้ามาเพื่ออะไรกันล่ะ
หลังจากจบมื้ออาหารที่ผมซัดไปจนพุงกางและรู้สึกแทบจะเดินไม่ไหว จึงตัดสินใจพอแค่นี้คงจะดีกว่า อีกอย่างก็เกรงใจลุงเมดด้วย แกเล่นยืนเฝ้าผมอย่างกับผู้คุม ผมกลัวตะคริวจะกินขาแกซะก่อน ลุงบัตเลอร์มาส่งผมที่โถงทางเดินโดยที่ไม่ลืมที่จะกำชับว่าห้ามผมเดินสำรวจไปทั่วโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เล่นเอาผมรู้สึกกลัวขึ้นมา เพราะที่หรูๆแบบนี้คงจะมีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ทุกซอกทุกมุมแน่ หากเผลอทำอะไรลงไปโดยขัดคำสั่งของเจ้าของบ้าน มีหวังผมได้กลับไปมือเปล่าชวดค่าแรงแหงๆ ด้วยความที่ผมเพิ่งเชิญตัวเองออกจากงานร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งใช้งานเยี่ยงทาส ไม่รู้ว่าด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นอัลฟ่าหรือสันดานส่วนตัวกันแน่ที่ทำให้เขาเป็นพวกชอบวางอำนาจจนคนในร้านระอากันหมด และเมื่อความอดทนของผมขาดสะบั้นลงผมจึงเชิญตัวเองออกมาโดยที่ยังไม่รู้ชะตาชีวิต แต่ถ้าจะให้ทนต่อไปก็ไม่ไหวจริงๆ แล้วเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกให้ผมตกงานสองงานในวันเดียวกัน เพราะคืนเดียวกันนั้นเอง งานที่สถานบันเทิงซึ่งผมรับเป็นนักร้องฟรีแลนซ์อยู่ ดันว่าจ้างนักร้องน้องใหม่ซึ่งเสนอค่าตัวที่ถูกกว่าผมและเมื่อเศรฐกิจแบบนี้ก็ไม่แปลกเลยที่คนเป็นเจ้าของร้านจะเลือกสิ่งที่คุ้มกว่า บอกตามตรงมันก็มีเสียความรู้สึกกันบ้างแต่ก็พอเข้าใจได้ถึงปัญหาที่ร้านต้องแบกรับเรื่องค่าใช้จ่าย ถึงแม้ว่าบางคืนผมจะร้องเพลงจนเสียงแทบแหบแลกกับค่าแรงที่ไม่พอใช้หนี้ก็ตาม แต่เขาก็ยังพอมีน้ำใจเหลือให้กันบ้างนั่นคือการที่พี่เจ้าของร้านเสนอเงินให้ก้อนหนึ่งแต่ผมไม่อาจรับไว้ได้ ทำเพียงแค่กล่าวขอบคุณที่อย่างน้อยเขาก็แมนพอที่จะบอกกันตามตรงถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ผมกับเขาจึงถือว่าจากกันด้วยดี นั่นจึงเป็นเหตุให้ผมเดินอย่างคนอับจนหนทางด้วยความที่ตกงานสองที่ในวันเดียวกัน จนกระทั่งเดินเตร็ดเตร่และเจอเข้ากับใบปลิวรับสมัครงานที่คฤหาสน์แห่งนี้ และในเมื่อตอนนี้ผมพาตัวเองมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ต้องตั้งใจทำงานตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงให้ได้
ผมทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงก่อนจะควานหาของบางอย่างในกระเป๋าเป้ที่พกมาด้วย ผมหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา มันคือใบปลิวรับสมัครงานของที่นี่นั่นเอง ผมอยากจะตั้งใจอ่านมันอีกสักครั้งเผื่อจะเจอรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมบ้าง เพราะตอนนี้ผมแทบไม่รู้อะไรเลยว่าผมอยู่ที่นี่เพื่อทำอะไรกันแน่ ผมพลิกแผ่นกระดาษในมือไปมาก่อนจะตั้งใจอ่านมันอีกครั้ง
'รับสมัครผู้ช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน'
ตามที่ผมตีความได้ก็คงไม่ต่างจากการเป็นพ่อบ้าน บางทีพรุ่งนี้ เขาอาจเอาชุดเมดมาให้ผมและให้ปัดกวาดเช็ดถูคฤหาสน์แห่งนี้หรืออะไรประมาณนั้น ผมพยักหน้าเออออกับตัวเอง แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจก็คงจะเป็นในส่วนของการขอข้อมูลส่วนตัวแปลกๆที่ให้ส่งไปทางอีเมลล์นี่แหละ เพราะในนี้ระบุว่าต้องเป็นคนกรุ๊ปเลือด AB เท่านั้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกแฮะ
ผมใช้เวลานั่งคิดนอนคิดทั้งเย็นว่าสรุปแล้วผมต้องมาทำงานอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเลยก็คือหากที่นี่มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือดูแล้วอันตรายผมจะหนีกลับทันที เห็นแบบนี้ผมก็สำรวจทางหนีทีไล่ไว้แล้ว ถ้าหากว่ามันเป็นงานผิดกฎหมายหรืออะไรทำนองนั้นผมไม่เอาด้วยแน่
นี่ผมดูหนังมากเกินไปหรือเปล่าเนี่ย..?
"เฮ้อ.." ผมถอนใจก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดและตั้งใจว่าควรจะพักผ่อนก่อนดีกว่า
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันก็แล้วกัน