My year love ลุ้นรักล่าฝัน(หัวใจ)นี้มีแค่เธอ

My year love ลุ้นรักล่าฝัน(หัวใจ)นี้มีแค่เธอ

Ailnda-อลิดา

5.0
ความคิดเห็น
10
ชม
10
บท

เรื่องราวความรักของทั้งห้าคู่ ที่มีอุปสรรค ที่เรียกว่าความฝันของแต่ละคน มาขวางกั้น เกิดเป็นความรัก ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ด้วยเส้นเรื่องของแต่ละคู่ ที่มีรสชาติที่แตกต่างกับอุปสรรค ที่ไม่เหมือนกัน

บทที่ 1 บทนำ

บทนำ

00

สามปีก่อนหน้านี้

“ฟ้าเสร็จหรือยังลูก”

“ค่ะ เสร็จแล้ว”

เสียงหวานจากคนเป็นเจ้าของฉันเอ่ยปากตอบกลับคนมีศักดิ์เป็นแม่ขึ้นมา พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังก้องของหญิงวัยยี่สิบปีวิ่งลงจากบันไดบ้าน เสียงของมีศักดิ์เป็นแม่เอ่ยปากเธอเสียงดุเล็กน้อย

“เดียวสิลูกวิ่งลงบันไดเสียงดัง”

“รบกวนผีบ้านผีเรือน”

“ขอโทษค่าาา ก็หนูรีบนี่นา”

“อีกเดียวพี่เจ้าขุนก็จะมารับแล้วด้วย”

เธอเอ่ยปากบอกคนมีศักดิ์เป็นแม่เสียงหวานวิ่งไปหยิบแซมวิซมื้อเช้า ที่คนเป็นแม่ทำไว้ให้เข้าปาก วิ่งออกไปสวมร้องเท้าคู่โปรดของตัวเองพอดีกับที่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อที่เธอเอ่ยถึง เลี้ยวเขามาจอดหน้าประตูทางเข้าบ้านของหญิงสาวทันทีพร้อมรอยยิ้มละมุน มองมาที่หญิงสาวคนรักของตัวเอง เดินเข้ามารับหญิงสาวที่ยืนรอรับ ตัวเองอยู่หน้าบ้านพร้อมกับคนเป็นแม่

“สวัสดีครับ คุณแม่”

“จ้า มารับลูกสาวแม่ใช้ไหมลูก”

“ไปเที่ยวกันให้สนุกนะจ้ะ”

“แม่ฝากลูกสาวแม่ด้วย”

คนเป็นแม่บอกกับชายหนุ่มขึ้นมาพร้องรอยยิ้ม ชายหนุ่มยิ้มรับพยักหน้าให้กลับคนอายุมากกว่าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวคนรักของตัวเองขึ้นมา พร้อมรอยยิ้มละมุน

“พร้อมหรือยังครับ สาวน้อย”

ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวคนรักขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ยกมือหนาของตัวเองไปตรงหน้าหญิง ยิ้มให้กับคนเป็นแม่ของหญิงสาวเป็นการขออนุญาต

คนเป็นแม่ยิ้มรับพยักเบาๆเป็นการอนุญาตลูกสาวตัวเองเล็กน้อยก่อนที่หญิงสาวจะวางมือลงบนมือหนาเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันเดินไปที่รถ ของชายหนุ่ม ขับเคลื่อนออกจากหน้าบ้านของหญิงสาว

“อ่าว ยัยฟ้า ไปแล้วเหรอค่ะ”

เสียงหวานจากคนเป็นพี่สาวเอ่ยปากถามคนเป็นแม่ของตัวเองขึ้นพร้อมรอยยิ้มในชุดนอนครบชุด คนเป็นแม่พยักหน้าให้กับลูกสาวคนโตของตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปากบอกกับลูกสาวคนโตของตัวเอง

“ลูกเอง ว่าก็ว่าเถอะ”

“ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วไม่ใช้เหรอจ้ะ”

“รีบไปอาบน้ำได้แล้ว”

“เดียวไม่ทันขึ้นเครื่องนะ”

“จริงด้วย”

“เสียดายจัง”

“อย่างเจอหน้าแฟนยัยฟ้าสักครั้ง”

อิงดาวเอ่ยปากบอกกับคนเป็นแม่ขึ้นมาอย่างเสียดาย ก่อนที่หญิงสาวจะจำใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนจะกลับลงมาด้านล่างอีกครั้ง พร้อมกับกระเป๋าเดินทางของตัวเองหอมแก้มของคนเป็นแม่หนึ่งที หยิบแซมวิซติดมือตัวเองหนึ่งชิ้นเดินออกจากบ้านของตัวเองไปขึ้นรถของคนรักของตัวเองเดินทางไปที่สนามบิน

“ฟ้า อยากไปไหนอีกหรือเปล่าค่ะ”

เสียงของพี่เจ้าขุนเอ่ยปากถามฉันที่กำลังเลือกซื้อเครื่องเขียนของตัวเองขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม ฉันส่ายหัวเบาๆเป็นการตอบคำถามของคนอายุมากกว่า

ก่อนเอ่ยปากถามคนอายุมากกว่าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มวางเครื่องเขียนที่อยู่ในมือตัวเองลงยกมือบางจับที่หน้าของคนอายุมากกว่า

“พี่นั้นแหละ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ มาเที่ยวกับฟ้าไม่สนุกเหรอค่ะ”

“เห็นทำหน้าซีเรียจทั้งวันเลย พี่มีอะไรบอกฟ้าได้นะคะ พี่เจ้าขุน”

สิ้นประโยคดังกล่าวของฉันคนอายุมากกว่าจับมือฉันแนบกับแก้มตัวเองเบาๆก้มลงหอมที่หลังมือของฉันเล็กน้อยก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมา

“ฟ้า หลายวันก่อน…”

“ก็ไปสิค่ะ ความฝันพี่ไม่ใช้เหรอ”

“พี่ไปเถอะ”

“ฟ้าโอเค”

“ความฝันพี่ ฟ้าเต็มใจให้พี่ไปค่ะ”

“พี่ไปเถอะนะค่ะ”

“ฟ้าจะค่อยซัพพอร์ทพี่อยู่ตรงนี้”

“พยายามเข้านะคะ”

“ฟ้าเองก็มีความฝันของฟ้า พี่เองก็มีความฝันของพี่ฟ้ากับพี่มีความฝันที่แตกต่าง แม้จะต้องแยกจากกัน ในวันนี้ ไม่ใช้ว่าอนาคตความฝันของเราทั้งสองคนจะไม่มาบรรจบกันนะคะ”

ฉันเอ่ยปากบอกกับคนอายุมากขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม จับแก้มของคนอายุมากกว่าอีกครั้ง ยิ้มให้กับคนอายุมากกว่า คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับคำทั้งน้ำตา

“คบกับพี่มาตั้งหลายปี เพิ่มรู้นะคะเนี่ย ว่าพี่เจ้าขุนของฟ้าขี้แย ขนาดนี้ ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เจ้าขุนจะเป็นของฟ้าแค่คนเดียวแล้วมาเก็บความทรงจำครั้งสุดท้ายด้วยกันดีกว่านะคะ”

“จะได้จากลากันด้วยดี รอวันที่เส้นทางของพี่กับฟ้าโคจรกลับพบกัน ถึงตอนนั้นเราค่อยกลับมาคบกันอีกครั้งก็ได้”

“ถ้าความรู้สึกของพี่ที่มีให้ฟ้า ยังเหมือนเดิม”

แม้ปากของฉันจะพูดแบบนั้นกับคนอายุมากกว่า แต่แล้วในใจลึกๆของฉันก็ยังคงหวัง หวังว่าในอนาคตหน้าความรู้สึกของพี่เจ้าขุนที่มีให้ฉันยังคงเหมือนเดิม แม้เพียงแค่นิดเดียวก็ยังดี

“เดินทางปลอดภัยนะคะ”

ฉันเอ่ยปากพูดบอกคนตรงหน้าเสียงแผ่วเบา แต่ก็เบาไม่มากพอที่เจ้าขุนจะไม่ได้ยิน พร้อมหยดน้ำตาของฉันที่หยดลงมาลงบนหลังมือของพี่เจ้าขุน จนพี่เจ้าขุนจับสังเกตได้

“ร้องไห้เหรอครับ”

เสียงอ่อนโยนจากพี่เจ้าขุนถามฉันขึ้นมาก่อนที่พี่เจ้าขุนจะยกมือหนาของตัวเองขึ้นเช็คน้ำตาให้กับฉันอย่างเบามือ

รอยยิ้มอ่อนโยนปรากบนใบหน้า ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากตอบปฏเสธพี่เจ้าขุนเสียงแข็ง

“ไม่ใช้สักหน่อยฝุ่นมันเข้าตาฉันตังหาก”

ส่งประโยคดังกล่าวของฉันพี่เจ้าขุนหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่พี่เจ้าขุนจะเอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมา

“ครับๆไม่ร้องฝุ่นมันเข้าตาสินะครับ”

“โอเคครับ พี่เชื่อก็ได้ครับ”

สิ้นประโยคดังกล่าวของพี่เจ้าขุน รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฉัน ก่อนที่พี่เจ้าขุนจะจุงมือฉันเดินกลับไปที่รถ พร้อมกลับล้อรถที่หมุนออกจากลานจอดรถ พาฉันไปที่ไหนสักแห่ง

ล้อรถชะลอหยุดลงหน้าชายหาดขาวของที่ไหนสักแห่งพอกับแสงทอจากพระอาทิตย์ที่ตกดิน ย้อนสีท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดง จนฉันไม่อาจละสายตาจากมันได้

“สวยจัง” ^-^

“ขอบคุณนะคะ ที่พาฟ้ามาดูพระอาทิตย์ตกดินสวยแบบนี้ ฟ้าจะเก็บมันเอาไว้เป็นความทรงจำสุดท้ายระหว่างเราสองคนนะคะ จะไม่ลืมเด็ดขาด”

“ไม่ลืมแน่นอน”

“ไม่ลืม ไม่ลืม ไม่มีวันลืม”T_T

“ไม่ลืมจริงๆนะคะ ฟ้าจะไม่ลืมมันเด็ดขาด…”

ฉันเอ่ยปากบอกกับพี่เจ้าขุนขึ้นมาเสียงแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม มือบางเยอะขึ้นเช็คไปที่ขอบตาของตัวเองที่มีน้ำใสๆหยดลงแผ่วเบา รอจนพระอาทิตย์ตกดินหายลับจากขอบฟ้า เป็นช่วงเวลาสุดท้าย ใบหน้าของฉัน ถูกประคองด้วยมือหนาของคนอายุมากกว่า ริมฝีปากหนาบรรจบลงประดับที่หน้าผาของฉันแผ่วเบา ก่อนริมฝีปากของคนอายุมากกว่าจะคี่ยิ้มอ่อนโยนออกมา เอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมาพร้อมเสียงแผ่วเบาเป็นเสียงกระซิบ

“มะจำเอาไว้ก่อนนะครับ”

สิ้นประโยคดังกล่าวของคนอายุมากกว่า มือหนาของคนอายุมากกว่าก็หยิบสร้อยที่ร้อยด้วยแหวนสีเงินที่แกะสระเป็นอักษรย่อที่เป็นชื่อของอายุมากกว่ากับอักษรย่อชื่อของฉันพร้อมรอยยิ้ม

ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะสวมสร้อยที่แกะสระเป็นอักษรย่อ ของคนอายุมากว่าให้กับฉัน พร้อมกับส่งสร้อยอีกเส้นหนึ่งมากให้กับฉัน รอยยิ้มของคนอายุมากกว่าปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของคนตรงหน้าก่อนที่คนตรงหน้าจะเอ่ยปากบอกกฉันขึ้นมา

“ใส่ให้พี่หน่อได้ไหม”

สิ้นประโยคดังกล่าวของพี่เจ้าขุนฉันยิ้มให้กับกับคนตรงหน้าเล็กน้อนก่อนที่ฉันจะรับสร้อยเส้นนั้นมาถือไว้ ก่อนที่ฉันจะสวมมันให้กับคนตรงหน้า พร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากบอกกับคนตรงหน้าขึ้นมาหลังจากฉันสวมสร้อยให้คนอายุมากกว่ากว่าเสร็จ

“เสร็จล้วค่ะ เดินทางปลอดภัยบนเส้นทางของพี่นะคะ”

“ฟ้าจะอยู่ตรงนีค่อยซัพพอร์ทพี่บนเส้นทางของฟ้า”

สิ้นประโยคดังกล่าวของฉัน คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับคำพร้อมรอยยิ้มก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย

“พี่จะรอวันที่เรากลับมาพบกันนะครับ”

“ถึงตอนนั้น…”

“พี่จะไม่ปล่อยมือฟ้าอีกแล้วนะครับ”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

Silas Thorn
5.0

ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ