จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ

จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ

ประตูฟ้ายั่งยืน

5.0
ความคิดเห็น
47.8K
ชม
78
บท

หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่21ตกตายด้วยโรคระบาด วิญญาณของเธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ14 ที่มีชื่อเดียวกับเธอซึ่งสิ้นใจตายระหว่างเดินทางกลับบ้านเดิมของมารด ********* หลินเจียอีลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพบ้านที่ไม่คุ้นชิน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้เข้ารักษาตัวจากอาการติดเชื้อโรคระบาดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เหตุใดถึงมาโผล่ในบ้านทรงโบราณ รอบกายเธอเต็มไปด้วยผู้คนแต่งตัวล้าสมัย ต่อมาเธอค้นพบว่าตนเองได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ 14 ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับเธอ แต่ชะตากรรมของเด็กสาวผู้นี้ช่างน่าสงสารนัก บิดาเพิ่งลาโลก แม่โดนฮุบสมบัติแล้วถูกขับไล่ออกจากตระกูล ต้องระหกระเหินพาเจ้าของร่างที่ถูกทุบตีจนสิ้นใจระหว่างทางกลับมาบ้านเดิมที่แสนยากจนข้นแค้น ****ไม่มีฉากอีโรติก เริ่มล็อกเหรียญตอนที่ 25 ก่อนเข้าไปอ่านเนื้อหานิยายอ่านคำเตือนก่อนนะคะ (สำคัญมาก) 1. กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพให้เกียรตินักเขียนและนักอ่านท่านอื่น หากแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายหรือมุ่งประเด็นด่าทอนักเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ความคิดเห็นจะถูกลบออก!! 2. นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน บุคคลและสถานที่ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริงในโลก เนื้อหาในนิยายมีทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุสมผล บางตอนอาจมีฉากที่รุนแรง (ต่อสู้) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ตัวละครในนิยายมีทั้งดีและเลวแต่กต่างกันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ห้ามคัดลอกดัดแปลงแก้ไขนิยายเรื่องนี้ทุกกรณี หน่วยเงินตรา 1000 อีแปะ 1 ตำลึงเงิน หน่วยวัดตวงน้ำหนัก 1 ชั่ง 500 กรัม หน่วยเวลา 1 จิบน้ำชา ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ 1 เค่อ 15 นาที 1 ก้านธูป 30 นาที 1 ชั่วยาม 2 ชั่วโมง 12 ชั่วยาม 24 ชั่วโมง ยามจื่อ 23.00-24.59 ยามโฉ่ว 01.00-02.59 ยามอิ๋น 03.00-04.59 ยามเหม่า 05.00-06.59 ยามเฉิน 07.00-08.59 ยามซื่อ 09.00-10.59 ยามอู่ 11.00-12.59 ยามเว่ย 13.00-14.59 ยามเชิน 15.00.16.59 ยาวโหย่ว 17.00-18.59 ยามชวี 19.00-20.59 ยามห้าย 21.00-22.59

บทที่ 1 1. ขับไล่ออกจากตระกูล

1. ขับไล่ออกจากตระกูล

“ไสหัวออกไปซะ หญิงกาลกิณีดาวไม้กวาด!”

เสียงเอะอะโวยวายของคนจำนวนหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นออกมายืนมุงดูด้วยความสงสัย ลู่เสียนสะใภ้รองของตระกูลหลินพร้อมกับลูกสาวและลูกชายถูกโยนออกมานอกรั้วบ้าน ตามมาด้วยข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า และของกระจุกจุกจิกอีกไม่มากลอยตามมา ลู่เสียนมีบุตรสองคน คนพี่ชื่อหลินเจียอีเป็นหญิงอายุ 14 หนาว หน้าตาน่ารัก ผิวขาวดุจไข่มุก เรือนผมหยักลอนสีน้าตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกาย คนน้องชื่อหลินอันฉีเป็นเด็กชายอายุ 7 หนาว หน้าตาน่ารักน่าชังช่างพูดช่างเจรจา ลูกทั้งสองของนางเป็นเด็กดีกตัญญูว่านอนสอนง่าย

งานศพของหลินฮุ่ยหมิงผู้เป็นสามีเพิ่งผ่านพ้นไปได้แค่หนึ่งวัน เมียและลูกทั้งสองกลับถูกไล่ออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมา สาเหตุเนื่องจากหลินฮุ่ยเฟินผู้เป็นพี่ชายของฮุ่ยหมิงฉวยโอกาส หลังจากฮุ่ยหมิงลาจากโลกนี้ไปยึดเอาสมบัติมาเป็นของตน แล้วยังใส่ความหาว่าหวังลู่เสียนเป็นสตรีมีดวงกาลกิณี ตัวอัปมงคล

“ได้ ข้ากับลูกจะไปจากที่นี่ก็ได้ แต่ข้าขอสินเดิมของข้าคืนและหนังสือตัดขาดจากตระกูลหลิน จากนี้ไปข้ากับลูกทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอีก”

“นี่ เอาไปหนังสือตัดขาด แต่สินเดิมนั้นอย่าหวังว่าจะได้”

“หากข้าไม่ได้สินเดิม เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งทางการ ให้มันรู้ไป”

“หึ อย่าให้นางไปแจ้งทางการได้ ตีขานางให้หัก”

หลินฮุ่ยเฟินได้ฟังก็โกรธจัด สั่งให้ภรรยาและลูกรุมทุบตีลู่เสียน เพื่อไม่ให้นางไปแจ้งทางการได้ เจียอีและอันฉีเห็นแม่ถูกรุมทุบตีก็ตรงไปเข้าช่วย แต่เรี่ยวแรงของเด็กน้อยไม่สามารถปกป้องแม่ได้ จึงถูกลุงและป้าสะใภ้ทุบตีไปด้วยอย่างไร้ซึ่งความปราณี ใช้ทั้งไม้ทุบตีและเท้าเตะถีบทำเหมือนสามแม่ลูกไม่ใช่คน สามแม่ลูกร่างกายเขียวช้ำร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด ลู่เสียนเห็นลูกทั้งสองถูกทุบตีก็คลานเข้าไปโอบกอดลูกเอาไว้ในอ้อมอก กระทั่งลุงและป้าสะใภ้ทุบตีจนพอใจจึงโยนสินเดิมของนางมาให้นิดหน่อย

“ฮื่อ ท่านแม่ ท่านแม่เจ็บมากไหม”

“แม่ไม่เจ็บ แม่ไม่เจ็บ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

“ข้าเจ็บ ฮื่อ ฮื่อ”

อันฉีร้องไห้ซุกหน้ากับอกมารดา ในขณะที่พี่สาวสลบไม่ได้สติคาอ้อมกอดลู่เสียน นางปลุกลูกสาวให้ตื่นลืมตา เด็กสาวได้ยินเสียงแม่ลืมตาขึ้นมองเพียงครู่ก็สลบไปใหม่

“ได้สินเดิมแล้วก็ไสหัวไปซะ”

ฮุ่ยเฟินพูดจบก็พาลูกเมียเข้าบ้าน ปิดประตูรั้วใส่หน้าสามแม่ลูก ลู่เสียนเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้วจึงแบกเจียอีขึ้นหลัง ชาวบ้านที่มุงดูต่างก็มองสามแม่ลูกด้วยความเห็นใจ แต่เข้าไปยุ่มยามเรื่องของตระกูลหลินไม่ได้ เพราะถือว่าแต่ละครัวเรือนนั้นต่างคนต่างอยู่ ลู่เสียนแบกลูกสาวเดินเท้าเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อจ้างรถม้า โดยมีลูกชายที่สะอื้นไห้เงียบ ๆ เดินเคียงกันมา นางฝืนเดินแม้ร่างกายจะเจ็บปวดจากการถูกทุบตี ตั้งใจว่าจะพาลูกกลับไปที่บ้านเดิม ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไกลเกือบสองร้อยลี้ เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านรถม้าก็หยุดวิ่ง คนขับรถม้ามองดูเส้นทางที่ขรุขระแล้วเอ่ยขึ้น

“เส้นทางจากนี้ไปพวกเจ้าไปกันเองก็แล้วกัน ข้ามาส่งได้เท่านี้”

“ไปอีกหน่อยไม่ได้หรือพี่ชาย ลูกสาวข้าก็ยังไม่ฟื้น”

“ไม่ได้ ทางเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดนี้ขืนข้าเอารถม้าเข้าไป หากรถม้าข้าเสียหายเจ้ามีปัญญาชดใช้ให้ข้าได้หรือ”

คนขับรถม้าบอกปัดในทันที เมื่อไม่ได้รับความเห็นใจลู่เสียนจำต้องแบกร่างที่ไร้สติขึ้นบนหลังอีกรอบ นางใช้ผ้ามัดตัวลูกสาวผูกติดกับเอวตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เจียอีหงายหลัง ส่วนสัมภาระก็ห่อใส่ผ้าผืนใหญ่แล้วมัดเอาไว้ทางด้านหน้า ข้าวของอีกส่วนหนึ่งอันฉีช่วยนางถืออย่างไม่อิดออด

“ท่านแม่ เมื่อไหร่ท่านพี่จะตื่น”

“อีกเดี๋ยวพี่เจ้าก็ตื่นแล้ว”

ลู่เสียนบอกลูกชายน้ำเสียงอ่อนโยน แววตามองตรงไปยังหนทางข้างหน้า ระยะทางจากจุดนี้ไปถึงหมู่บ้านเดิมยังห่างมาก ลู่เสียนเดินผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อด้วยความอยากลำบาก บางครั้งก็เผลอยกมือขึ้นปาดน้ำตาไม่ให้อันฉีเห็น

“ท่านแม่ข้าเหนื่อย”

“เช่นนั้นเรานั่งพักสักหน่อยเถิด”

“ขอรับ”

อันฉีเดินนำหน้าเข้าไปพักที่ร่มไม้ข้างทาง ลู่เสียนแกะผ้าที่ผูกเอวออกปล่อยเจียอีนอนราบกับพื้น นางใช้มือรองน้ำที่พกมาด้วยลูบหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วง หวังว่าลูกสาวจะฟื้นคืนสติอีกไม่นาน ทว่าเจียอีก็ไม่ลืมตาขึ้นมา

“ท่านแม่ ท่านพี่หลับไปนานเหลือเกิน เหตุใดท่านพี่ไม่ตื่นเสียทีท่านแม่”

เด็กชายตัวน้อยจับมือพี่สาวมากุมไว้ ลู่เสียนเวทนาลูกทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง หากฮุ่ยหมิงไม่ตายไปแล้วนางพอมีกำลังพอปกป้องลูกได้ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ ตระกูลหลินจงเกลียดจงชังนางตั้งแต่แต่งเข้าเป็นสะใภ้ เพราะฐานะทางบ้านลู่เสียนนั้นยากจน หลายปีที่ผ่านมาฮุ่ยเฟินและภรรยาก็มักจะหาเรื่องใส่ความนางมาตลอด แต่ลู่เสียนก็ได้ฮุ่ยหมิงสามีปกป้องทุกครั้ง เมื่อขาดฮุ่ยหมิงแล้วชีวิตของลู่เสียนกับลูกจึงไม่ต่างจากเรือลำน้อยที่ลอยแคว้งคว้างกลางทะเลใหญ่ เสาหลักที่เคยยึดเหนี่ยวไม่อยู่แล้ว เป็นเรื่องง่ายที่คนตระกูลหลินจะไล่ส่งเหมือนหมูเหมือนหมา

“ฉีเอ๋อร์เราเดินต่อกันเถอะ แม่เป็นห่วงพี่สาวเจ้าเหลือเกิน หากถึงบ้านท่านยายเจ้าแล้วจะได้รีบตามหมอมาดูอาการ”

พักหายเหนื่อยได้สักครู่หนึ่ง ลู่เสียนก็พาอันฉีเดินเท้าต่อ พอเดินมาจนถึงหน้าบ้านเดิมก็ร้องเรียกหวังจื่อรั่วผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ”

หวังจื่อรั่ว แม่เฒ่าวัย 68 หนาว ได้ยินเสียงก็เดินออกมาดู เห็นลูกสาวยืนอยู่หน้าบ้านสภาพเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมแบกลูกสาวไว้บนหลัง ข้างกันนั้นคือหลานชายที่สภาพไม่ต่างกัน นางหวังได้เห็นอย่างนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปรับหลานสาวที่หลับไร้สติ นางประคองเจียอีไว้แล้วช่วยกันพาเจียอีเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางหวังก็ไปตามหมอประจำหมู่บ้านมาเพื่อดูอาการ เมื่อหมอมาถึงก็ได้ตรวจชีพจรเจียอีพบว่าเด็กสาวไม่มีสัญญาณชีพจรเสียแล้ว

“เสียใจด้วยข้าไม่สามารถยื้อชีวิตนางไว้ได้ ลูกสาวเจ้าสิ้นใจแล้ว”

“ไม่จริง ลูกข้ายังไม่ตาย เจียเอ๋อร์ยังไม่ตายใช่ไหมท่านหมอ ฮื่อ ช่วยลูกข้าด้วยเถอะ นางจะตายไม่ได้ ฮื่อ ฮื่อ เจียเอ๋อร์นางยังเด็กนักนางจะตายได้อย่างไร”

“...ลูกสาวเจ้านางตายแล้ว”

บอกเพียงเท่านั้นหมอก็ลุกเดินจากไป ลู่เสียนร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อที่หมอบอก นางหวังผู้เป็นแม่เห็นอย่างนั้นจึงเข้ามากอดลูกสาวไว้ด้วยความสงสาร ทั้งสงสารหลานที่สิ้นใจไป แล้วยังสงสารลูกสาวที่มาสูญเสียลูกและสามีในคราวเดียวกัน เมื่อไม่กี่วันมานี้ลู่เสียนเพิ่งจะให้คนมาส่งข่าวการตายของสามี แต่นางหวังซึ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงไม่สามารถเดินทางไกลไปเข้าร่วมพิธีศพลูกเขยได้ จึงฝากถ้อยคำไปบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ไม่คิดว่าสามวันให้หลังลูกสาวจะแบกหลานสาวที่สิ้นใจกลับบ้านเกิดมาทั้งน้ำตา นางหวังจึงถามลู่เสียนด้วยความสงสัย

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจียเอ๋อร์ถึงเป็นแบบนี้”

นางหวังถามขึ้นในขณะที่ฝ่ามืออุ่นยังลูบแผ่นหลังของลูกสาวด้วยความเป็นห่วง นางเองก็ร่ำไห้ด้วยความเสียใจไม่ต่างจากลู่เสียน คว้าตัวอันฉีหลานชายเข้ามากอด

“ท่านแม่ บ้านหลินไล่ข้าออกมาแล้ว พวกเขาทุบตีข้ากับลูกจน ฮึก...จนเจียเอ๋อร์เป็นแบบนี้ แล้วยังยึดเอาทั้งบ้านและร้านขายผ้าไหมที่ข้ากับสามีช่วยกันก่อร่างสร้างตัว พวกคนตระกูลหลินจิตใจเหี้ยมโหดมากเลยท่านแม่”

ลู่เสียนนางพูดไม่ออก ได้แต่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดเต็มอกออกมาอีกรอบ เล่ามาเพียงเท่านี้นางหวังก็พอเข้าใจเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี พอรู้กิตติศัพท์ของบ้านหลินมามากในระดับหนึ่ง ตระกูลนี้ละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว งานการไม่ค่อยจะทำ สอนลูกให้ขี้เกียจ แล้วยังอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตนมาครอบครอง ดีหน่อยก็แต่หลินอุ่ยหมิงลูกเขยที่เพิ่งจากโลกนี้ไป นอกนั้นหาใครดีมีคุณธรรมไม่ได้สักคน

"โอ้ย ปวดหัว"

ในขณะที่ลู่เสียน นางหวังและหลานชายกอดกันร่ำไห้อยู่นั้น เจียอีก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาทั้งสามคู่จึงมองมาที่นางเป็นตาเดียวกัน พอลู่เสียนตั้งสติได้ก็ปรี่เข้าหาเจียอีด้วยความดีใจ นางจับแขนลูกสาวพลิกตัวไปมาก่อนจะโผลเข้ากอด

“เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ ด้วยเจียเอ๋อร์ แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้ายังไม่ตาย”

“...แม่?”

แม่อย่างนั้นหรือ...ไม่สิ...หลินเจียอีมองลู่เสียนด้วยความสับสนมึนงง เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพราะติดโรคระบาดโควิด 19 ต่อมาอาการของเธอก็ทรุดลงเรื่อย ๆ เหตุใดฟื้นขึ้นมาแล้วถึงมาโผล่ที่บ้านไม้ทรงโบราณ ผู้คนรอบตัวแต่งกายประหลาด แม้กระทั้งการพูดจาก็ดูล้าสมัยเหมือนที่เธอเคยดูในซีรี่ส์ย้อนยุค หลินเจียอีค่อย ๆ ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดหญิงแปลกหน้า จากนั้นก้มลงมองการแต่งกายของตนเองก่อนจะใช้มือลูบคลำร่างกายสะเปะสะปะจนมาหยุดอยู่ที่หน้าอก

“หายไปไหน! ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ บะ แบนราบ”

หน้าอกคัพซีลดลงมาแบนเกือบจะราบเรียบ เจียอีแหกปากร้องลั่นดวงตากลมเบิกโตด้วยความตกใจ มองหน้าคนทั้งสามที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาด้วยแววตาสับสนมึนงง อะไรกันนี่...ที่นี่ที่ไหน คงไม่ใช่กำลังฝันอยู่หรอกหรือ พอคิดได้นางก็ใช้มือตบที่แก้มตนเองจนหน้าหัน ปรากฎว่าเจ็บจนต้องร้องโอดโอยออกมา

“โอ้ย เจ็บ ๆ”

“เจียเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไร”

ลู่เสียนเฉยคางลูกสาวตรวจสอบดูรอยช้ำที่แก้ม ทางด้านนางหวังก็มองหลานสาวด้วยแววตาตกตะลึง หลังจากเจียอีตื่นขึ้นมาก็มีอาการประหลาดยิ่งนัก หรือเป็นเพราะถูกทุบตีเจียอีได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจนความจำเสื่อมไปเสียแล้ว นางหวังจึงเรียกชื่อเต็ม ๆ ของหลานสาวอีกครั้ง

“หลินเจียอี”

ถูกต้องแล้ว นี่คือชื่อของนางไม่ผิดเพี้ยน หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่ 21 มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท ทำงานตำแหน่งพนักงานบัญชีที่โกดังเก็บสินค้าใกล้ ๆ ท่าเรือ งานอดิเรกคือ F สินค้าออนไลน์ ชีวิตความเป็นอยู่สุดแสนธรรมดา การงานไม่ก้าวหน้าเพราะประจบนายไม่เก่ง รายได้ไม่พอรายจ่ายเพราะ CF เก่ง สถานะภาพโสดสนิทแบบไม่เคยมีใครมาจีบจนอายุก้าวเข้าวัย 25 หนาว เติบโตมาในชนบทมีพ่อแม่เป็นเกษตรกร

ครุ่นคิดได้ไม่นานเจียอีก็หงายหลังลงไปนอนตามเดิม นางรู้สึกเวียนศีรษะเหมือนบ้านหมุน อีกทั้งร่างกายก็เจ็บระบมไปทั่วร่างจึงหลับต่ออย่างอ่อนเพลีย นางฟื้นขึ้นมาอีกทีในวันถัดไป สภาพร่างกายเริ่มดีขึ้นมากแล้ว เป็นเพราะระหว่างที่นอนซมลู่เสียนได้ป้อนยาให้นางจนเกือบจะหายดี พอฟื้นขึ้นมาได้เจียอีก็เดินสำรวจไปทั่วบ้าน

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่า ๆ สภาพผุพังมากแล้ว มองออกไปนอกบ้านเป็นป่าเขียวชอุ่มอยู่ไม่ไกลมาก ไกลออกไปอีกคือภูเขาหลายลูกสลับสับหว่างมองเห็นได้จากระยะไกลเป็นชั้น ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นอ่างหินตั้งอยู่หน้าบ้านจึงรีบวิ่งเข้าไปชะโงกหน้าดูให้หายคลางแคลงสงสัย เงาในน้ำคือเด็กสาวแรกรุ่น อายุไม่เกิน 15 หนาว หน้าตาผิวพรรณสะอาดสะอ้านงดงาม หุ่นทรงร่างเล็กบอบบาง ผมยาวเป็นสลวยโดยธรรมชาติโดดเด่นซึ่งแปลกจากหญิงสาวในยุคสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ดูไปแล้วคล้ายตุ๊กตาเสียยิ่งกว่าคนที่มีชีวิต นางเอียงซ้ายเอียงขวาชื่นชมแต่ภายในใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

วิวาห์ฟ้าแลบ

วิวาห์ฟ้าแลบ

Rock La porte
5.0

[แสนหวาน + วิวาห์ฟ้าแล่บ + แต่งงานก่อน แล้วรักทีหลัง] แฟนที่หลู่ชิงชิงเลี้ยงดูมาหลายปีกลับนอกใจเธอ แอบไปคบกับเพื่อนสนิทของเธอ? เธอทนต่อกับเรื่องนี้ไม่ได้ และไปสมัครขอแต่งงานโดยตรง และแต่งงานกับชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากการแต่งงานแล้ว ชายคนนั้นคำหนึ่งก็ว่าเขาจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครอบครัวสองคำก็ว่าจะเลี้ยงดูเธอ หลู่ชิงชิงเยาะเย้ยคิดว่ามันเป็นกลอุบายและคำโกหกของผู้ชายอีกแล้ว โดยไม่คาดคิดว่าชายคนนี้กลับกลายเป็นคนให้ความสำคัญกับภรรยาตัวเองจริงๆ ทั้งสนับสนุนอาชีพการงานของเธอและยังช่วยเธอทำงานบ้านด้วย และให้เธอตกแต่งบ้านตามใจชอบ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือทุกครั้งที่เธอประสบปัญหา เขาก็สามารถแก้ปัญหาให้เธอได้ตลอด ทุกครั้งที่เธอถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขามักจะหัวเราะและเปลี่ยนเรื่องอย่างฉลาดโดยชมเธอว่าเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ภายใต้การเลี้ยงดูจากสามีของเธออย่างต่อเนื่อง เธอก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน จากนั้นเธอถึงพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งในนิตยสารการเงินระดับโลกที่ดูเหมือนสามีของเธอทุกประการ...

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

เนื้อนวล
4.9

หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

รักใหม่พันล้าน

รักใหม่พันล้าน

Hilarius Erikson
5.0

เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ
1

บทที่ 1 1. ขับไล่ออกจากตระกูล

23/12/2024

2

บทที่ 2 2. เอาของไปขายตลาด

23/12/2024

3

บทที่ 3 3. เพาะเห็ด

23/12/2024

4

บทที่ 4 4. กินได้ด้วยหรือ

23/12/2024

5

บทที่ 5 5. พบปะสหายเก่า

23/12/2024

6

บทที่ 6 6. ตามมาเอาเรื่องถึงบ้าน

23/12/2024

7

บทที่ 7 7. เปลี่ยนจากวัยเด็กก้าวเข้าสู่วัยสาว

23/12/2024

8

บทที่ 8 8. สตรีที่ท่านคู่ควร

23/12/2024

9

บทที่ 9 9. นางไม่ได้มาหางาน

23/12/2024

10

บทที่ 10 10. จินเยว่อย่าดีเกินไป

23/12/2024

11

บทที่ 11 11. ข้ามสะพานไปจะเจอปลายทาง

23/12/2024

12

บทที่ 12 12. ให้ติดรถม้าไปด้วย

23/12/2024

13

บทที่ 13 13. เจ้านะหรือช่วยคน

23/12/2024

14

บทที่ 14 14. เอาคืน

23/12/2024

15

บทที่ 15 15. สตรีดอกบัวขาว

23/12/2024

16

บทที่ 16 16. ญาติดีกันตอนไหน

23/12/2024

17

บทที่ 17 17. เจ้าหมั่นโถว

23/12/2024

18

บทที่ 18 18.อย่าคิดว่าชนะ

23/12/2024

19

บทที่ 19 19. ข้าชอบนาง

23/12/2024

20

บทที่ 20 20. ความเจ็บปวดของอันฉี

23/12/2024

21

บทที่ 21 21. นางอยู่กับบุรุษ

23/12/2024

22

บทที่ 22 22. พากลับบ้าน

23/12/2024

23

บทที่ 23 23. ชอบตั้งแต่แรกเจอ

23/12/2024

24

บทที่ 24 24. พบศพที่ลำธาร

23/12/2024

25

บทที่ 25 25. เจ้าจะแต่งให้ยาจกหรือ

23/12/2024

26

บทที่ 26 26 ผักดองในกองทัพ

23/12/2024

27

บทที่ 27 27. ชอบความอลังการ

23/12/2024

28

บทที่ 28 28. สองตำลึงเงินของลู่จิว

23/12/2024

29

บทที่ 29 29. คืนเข้าหอของจินเยว่

23/12/2024

30

บทที่ 30 30.สอนไม่จำ

23/12/2024

31

บทที่ 31 31. ท้ายิงธนู

23/12/2024

32

บทที่ 32 32. ผู้แพ้ต้องเจออะไร

23/12/2024

33

บทที่ 33 33. จางหย่งหายไป

23/12/2024

34

บทที่ 34 34. เลี้ยงขอบคุณ

23/12/2024

35

บทที่ 35 35. พังไปพร้อมกัน

23/12/2024

36

บทที่ 36 36. รับฟังคำตัดสินโทษ

23/12/2024

37

บทที่ 37 37. ชิงป้ายสลัก

23/12/2024

38

บทที่ 38 38. รับมือขุนนางจิ้งจอก

23/12/2024

39

บทที่ 39 39. ก็ยังถือว่าได้เปรียบ

23/12/2024

40

บทที่ 40 40. ข้าก็จะตัดใจ!

23/12/2024