Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ

จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ

ประตูฟ้ายั่งยืน

5.0
ความคิดเห็น
19.9K
ชม
78
บท

หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่21ตกตายด้วยโรคระบาด วิญญาณของเธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ14 ที่มีชื่อเดียวกับเธอซึ่งสิ้นใจตายระหว่างเดินทางกลับบ้านเดิมของมารด ********* หลินเจียอีลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพบ้านที่ไม่คุ้นชิน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ได้เข้ารักษาตัวจากอาการติดเชื้อโรคระบาดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เหตุใดถึงมาโผล่ในบ้านทรงโบราณ รอบกายเธอเต็มไปด้วยผู้คนแต่งตัวล้าสมัย ต่อมาเธอค้นพบว่าตนเองได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุ 14 ซึ่งมีชื่อเดียวกันกับเธอ แต่ชะตากรรมของเด็กสาวผู้นี้ช่างน่าสงสารนัก บิดาเพิ่งลาโลก แม่โดนฮุบสมบัติแล้วถูกขับไล่ออกจากตระกูล ต้องระหกระเหินพาเจ้าของร่างที่ถูกทุบตีจนสิ้นใจระหว่างทางกลับมาบ้านเดิมที่แสนยากจนข้นแค้น ****ไม่มีฉากอีโรติก เริ่มล็อกเหรียญตอนที่ 25 ก่อนเข้าไปอ่านเนื้อหานิยายอ่านคำเตือนก่อนนะคะ (สำคัญมาก) 1. กรุณาแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพให้เกียรตินักเขียนและนักอ่านท่านอื่น หากแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในนิยายหรือมุ่งประเด็นด่าทอนักเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ความคิดเห็นจะถูกลบออก!! 2. นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน บุคคลและสถานที่ที่เกิดขึ้นไม่มีอยู่จริงในโลก เนื้อหาในนิยายมีทั้งสมเหตุผลและไม่สมเหตุสมผล บางตอนอาจมีฉากที่รุนแรง (ต่อสู้) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ตัวละครในนิยายมีทั้งดีและเลวแต่กต่างกันไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ห้ามคัดลอกดัดแปลงแก้ไขนิยายเรื่องนี้ทุกกรณี หน่วยเงินตรา 1000 อีแปะ 1 ตำลึงเงิน หน่วยวัดตวงน้ำหนัก 1 ชั่ง 500 กรัม หน่วยเวลา 1 จิบน้ำชา ระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ 1 เค่อ 15 นาที 1 ก้านธูป 30 นาที 1 ชั่วยาม 2 ชั่วโมง 12 ชั่วยาม 24 ชั่วโมง ยามจื่อ 23.00-24.59 ยามโฉ่ว 01.00-02.59 ยามอิ๋น 03.00-04.59 ยามเหม่า 05.00-06.59 ยามเฉิน 07.00-08.59 ยามซื่อ 09.00-10.59 ยามอู่ 11.00-12.59 ยามเว่ย 13.00-14.59 ยามเชิน 15.00.16.59 ยาวโหย่ว 17.00-18.59 ยามชวี 19.00-20.59 ยามห้าย 21.00-22.59

บทที่ 1 1. ขับไล่ออกจากตระกูล

1. ขับไล่ออกจากตระกูล

“ไสหัวออกไปซะ หญิงกาลกิณีดาวไม้กวาด!”

เสียงเอะอะโวยวายของคนจำนวนหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นออกมายืนมุงดูด้วยความสงสัย ลู่เสียนสะใภ้รองของตระกูลหลินพร้อมกับลูกสาวและลูกชายถูกโยนออกมานอกรั้วบ้าน ตามมาด้วยข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า และของกระจุกจุกจิกอีกไม่มากลอยตามมา ลู่เสียนมีบุตรสองคน คนพี่ชื่อหลินเจียอีเป็นหญิงอายุ 14 หนาว หน้าตาน่ารัก ผิวขาวดุจไข่มุก เรือนผมหยักลอนสีน้าตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกาย คนน้องชื่อหลินอันฉีเป็นเด็กชายอายุ 7 หนาว หน้าตาน่ารักน่าชังช่างพูดช่างเจรจา ลูกทั้งสองของนางเป็นเด็กดีกตัญญูว่านอนสอนง่าย

งานศพของหลินฮุ่ยหมิงผู้เป็นสามีเพิ่งผ่านพ้นไปได้แค่หนึ่งวัน เมียและลูกทั้งสองกลับถูกไล่ออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมา สาเหตุเนื่องจากหลินฮุ่ยเฟินผู้เป็นพี่ชายของฮุ่ยหมิงฉวยโอกาส หลังจากฮุ่ยหมิงลาจากโลกนี้ไปยึดเอาสมบัติมาเป็นของตน แล้วยังใส่ความหาว่าหวังลู่เสียนเป็นสตรีมีดวงกาลกิณี ตัวอัปมงคล

“ได้ ข้ากับลูกจะไปจากที่นี่ก็ได้ แต่ข้าขอสินเดิมของข้าคืนและหนังสือตัดขาดจากตระกูลหลิน จากนี้ไปข้ากับลูกทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอีก”

“นี่ เอาไปหนังสือตัดขาด แต่สินเดิมนั้นอย่าหวังว่าจะได้”

“หากข้าไม่ได้สินเดิม เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งทางการ ให้มันรู้ไป”

“หึ อย่าให้นางไปแจ้งทางการได้ ตีขานางให้หัก”

หลินฮุ่ยเฟินได้ฟังก็โกรธจัด สั่งให้ภรรยาและลูกรุมทุบตีลู่เสียน เพื่อไม่ให้นางไปแจ้งทางการได้ เจียอีและอันฉีเห็นแม่ถูกรุมทุบตีก็ตรงไปเข้าช่วย แต่เรี่ยวแรงของเด็กน้อยไม่สามารถปกป้องแม่ได้ จึงถูกลุงและป้าสะใภ้ทุบตีไปด้วยอย่างไร้ซึ่งความปราณี ใช้ทั้งไม้ทุบตีและเท้าเตะถีบทำเหมือนสามแม่ลูกไม่ใช่คน สามแม่ลูกร่างกายเขียวช้ำร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด ลู่เสียนเห็นลูกทั้งสองถูกทุบตีก็คลานเข้าไปโอบกอดลูกเอาไว้ในอ้อมอก กระทั่งลุงและป้าสะใภ้ทุบตีจนพอใจจึงโยนสินเดิมของนางมาให้นิดหน่อย

“ฮื่อ ท่านแม่ ท่านแม่เจ็บมากไหม”

“แม่ไม่เจ็บ แม่ไม่เจ็บ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

“ข้าเจ็บ ฮื่อ ฮื่อ”

อันฉีร้องไห้ซุกหน้ากับอกมารดา ในขณะที่พี่สาวสลบไม่ได้สติคาอ้อมกอดลู่เสียน นางปลุกลูกสาวให้ตื่นลืมตา เด็กสาวได้ยินเสียงแม่ลืมตาขึ้นมองเพียงครู่ก็สลบไปใหม่

“ได้สินเดิมแล้วก็ไสหัวไปซะ”

ฮุ่ยเฟินพูดจบก็พาลูกเมียเข้าบ้าน ปิดประตูรั้วใส่หน้าสามแม่ลูก ลู่เสียนเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้วจึงแบกเจียอีขึ้นหลัง ชาวบ้านที่มุงดูต่างก็มองสามแม่ลูกด้วยความเห็นใจ แต่เข้าไปยุ่มยามเรื่องของตระกูลหลินไม่ได้ เพราะถือว่าแต่ละครัวเรือนนั้นต่างคนต่างอยู่ ลู่เสียนแบกลูกสาวเดินเท้าเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อจ้างรถม้า โดยมีลูกชายที่สะอื้นไห้เงียบ ๆ เดินเคียงกันมา นางฝืนเดินแม้ร่างกายจะเจ็บปวดจากการถูกทุบตี ตั้งใจว่าจะพาลูกกลับไปที่บ้านเดิม ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไกลเกือบสองร้อยลี้ เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านรถม้าก็หยุดวิ่ง คนขับรถม้ามองดูเส้นทางที่ขรุขระแล้วเอ่ยขึ้น

“เส้นทางจากนี้ไปพวกเจ้าไปกันเองก็แล้วกัน ข้ามาส่งได้เท่านี้”

“ไปอีกหน่อยไม่ได้หรือพี่ชาย ลูกสาวข้าก็ยังไม่ฟื้น”

“ไม่ได้ ทางเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดนี้ขืนข้าเอารถม้าเข้าไป หากรถม้าข้าเสียหายเจ้ามีปัญญาชดใช้ให้ข้าได้หรือ”

คนขับรถม้าบอกปัดในทันที เมื่อไม่ได้รับความเห็นใจลู่เสียนจำต้องแบกร่างที่ไร้สติขึ้นบนหลังอีกรอบ นางใช้ผ้ามัดตัวลูกสาวผูกติดกับเอวตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เจียอีหงายหลัง ส่วนสัมภาระก็ห่อใส่ผ้าผืนใหญ่แล้วมัดเอาไว้ทางด้านหน้า ข้าวของอีกส่วนหนึ่งอันฉีช่วยนางถืออย่างไม่อิดออด

“ท่านแม่ เมื่อไหร่ท่านพี่จะตื่น”

“อีกเดี๋ยวพี่เจ้าก็ตื่นแล้ว”

ลู่เสียนบอกลูกชายน้ำเสียงอ่อนโยน แววตามองตรงไปยังหนทางข้างหน้า ระยะทางจากจุดนี้ไปถึงหมู่บ้านเดิมยังห่างมาก ลู่เสียนเดินผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อด้วยความอยากลำบาก บางครั้งก็เผลอยกมือขึ้นปาดน้ำตาไม่ให้อันฉีเห็น

“ท่านแม่ข้าเหนื่อย”

“เช่นนั้นเรานั่งพักสักหน่อยเถิด”

“ขอรับ”

อันฉีเดินนำหน้าเข้าไปพักที่ร่มไม้ข้างทาง ลู่เสียนแกะผ้าที่ผูกเอวออกปล่อยเจียอีนอนราบกับพื้น นางใช้มือรองน้ำที่พกมาด้วยลูบหน้าลูกสาวด้วยความเป็นห่วง หวังว่าลูกสาวจะฟื้นคืนสติอีกไม่นาน ทว่าเจียอีก็ไม่ลืมตาขึ้นมา

“ท่านแม่ ท่านพี่หลับไปนานเหลือเกิน เหตุใดท่านพี่ไม่ตื่นเสียทีท่านแม่”

เด็กชายตัวน้อยจับมือพี่สาวมากุมไว้ ลู่เสียนเวทนาลูกทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง หากฮุ่ยหมิงไม่ตายไปแล้วนางพอมีกำลังพอปกป้องลูกได้ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ ตระกูลหลินจงเกลียดจงชังนางตั้งแต่แต่งเข้าเป็นสะใภ้ เพราะฐานะทางบ้านลู่เสียนนั้นยากจน หลายปีที่ผ่านมาฮุ่ยเฟินและภรรยาก็มักจะหาเรื่องใส่ความนางมาตลอด แต่ลู่เสียนก็ได้ฮุ่ยหมิงสามีปกป้องทุกครั้ง เมื่อขาดฮุ่ยหมิงแล้วชีวิตของลู่เสียนกับลูกจึงไม่ต่างจากเรือลำน้อยที่ลอยแคว้งคว้างกลางทะเลใหญ่ เสาหลักที่เคยยึดเหนี่ยวไม่อยู่แล้ว เป็นเรื่องง่ายที่คนตระกูลหลินจะไล่ส่งเหมือนหมูเหมือนหมา

“ฉีเอ๋อร์เราเดินต่อกันเถอะ แม่เป็นห่วงพี่สาวเจ้าเหลือเกิน หากถึงบ้านท่านยายเจ้าแล้วจะได้รีบตามหมอมาดูอาการ”

พักหายเหนื่อยได้สักครู่หนึ่ง ลู่เสียนก็พาอันฉีเดินเท้าต่อ พอเดินมาจนถึงหน้าบ้านเดิมก็ร้องเรียกหวังจื่อรั่วผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ”

หวังจื่อรั่ว แม่เฒ่าวัย 68 หนาว ได้ยินเสียงก็เดินออกมาดู เห็นลูกสาวยืนอยู่หน้าบ้านสภาพเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมแบกลูกสาวไว้บนหลัง ข้างกันนั้นคือหลานชายที่สภาพไม่ต่างกัน นางหวังได้เห็นอย่างนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปรับหลานสาวที่หลับไร้สติ นางประคองเจียอีไว้แล้วช่วยกันพาเจียอีเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางหวังก็ไปตามหมอประจำหมู่บ้านมาเพื่อดูอาการ เมื่อหมอมาถึงก็ได้ตรวจชีพจรเจียอีพบว่าเด็กสาวไม่มีสัญญาณชีพจรเสียแล้ว

“เสียใจด้วยข้าไม่สามารถยื้อชีวิตนางไว้ได้ ลูกสาวเจ้าสิ้นใจแล้ว”

“ไม่จริง ลูกข้ายังไม่ตาย เจียเอ๋อร์ยังไม่ตายใช่ไหมท่านหมอ ฮื่อ ช่วยลูกข้าด้วยเถอะ นางจะตายไม่ได้ ฮื่อ ฮื่อ เจียเอ๋อร์นางยังเด็กนักนางจะตายได้อย่างไร”

“...ลูกสาวเจ้านางตายแล้ว”

บอกเพียงเท่านั้นหมอก็ลุกเดินจากไป ลู่เสียนร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อที่หมอบอก นางหวังผู้เป็นแม่เห็นอย่างนั้นจึงเข้ามากอดลูกสาวไว้ด้วยความสงสาร ทั้งสงสารหลานที่สิ้นใจไป แล้วยังสงสารลูกสาวที่มาสูญเสียลูกและสามีในคราวเดียวกัน เมื่อไม่กี่วันมานี้ลู่เสียนเพิ่งจะให้คนมาส่งข่าวการตายของสามี แต่นางหวังซึ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจึงไม่สามารถเดินทางไกลไปเข้าร่วมพิธีศพลูกเขยได้ จึงฝากถ้อยคำไปบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ไม่คิดว่าสามวันให้หลังลูกสาวจะแบกหลานสาวที่สิ้นใจกลับบ้านเกิดมาทั้งน้ำตา นางหวังจึงถามลู่เสียนด้วยความสงสัย

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจียเอ๋อร์ถึงเป็นแบบนี้”

นางหวังถามขึ้นในขณะที่ฝ่ามืออุ่นยังลูบแผ่นหลังของลูกสาวด้วยความเป็นห่วง นางเองก็ร่ำไห้ด้วยความเสียใจไม่ต่างจากลู่เสียน คว้าตัวอันฉีหลานชายเข้ามากอด

“ท่านแม่ บ้านหลินไล่ข้าออกมาแล้ว พวกเขาทุบตีข้ากับลูกจน ฮึก...จนเจียเอ๋อร์เป็นแบบนี้ แล้วยังยึดเอาทั้งบ้านและร้านขายผ้าไหมที่ข้ากับสามีช่วยกันก่อร่างสร้างตัว พวกคนตระกูลหลินจิตใจเหี้ยมโหดมากเลยท่านแม่”

ลู่เสียนนางพูดไม่ออก ได้แต่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดเต็มอกออกมาอีกรอบ เล่ามาเพียงเท่านี้นางหวังก็พอเข้าใจเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี พอรู้กิตติศัพท์ของบ้านหลินมามากในระดับหนึ่ง ตระกูลนี้ละโมบโลภมาก เห็นแก่ตัว งานการไม่ค่อยจะทำ สอนลูกให้ขี้เกียจ แล้วยังอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตนมาครอบครอง ดีหน่อยก็แต่หลินอุ่ยหมิงลูกเขยที่เพิ่งจากโลกนี้ไป นอกนั้นหาใครดีมีคุณธรรมไม่ได้สักคน

"โอ้ย ปวดหัว"

ในขณะที่ลู่เสียน นางหวังและหลานชายกอดกันร่ำไห้อยู่นั้น เจียอีก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาทั้งสามคู่จึงมองมาที่นางเป็นตาเดียวกัน พอลู่เสียนตั้งสติได้ก็ปรี่เข้าหาเจียอีด้วยความดีใจ นางจับแขนลูกสาวพลิกตัวไปมาก่อนจะโผลเข้ากอด

“เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ ด้วยเจียเอ๋อร์ แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้ายังไม่ตาย”

“...แม่?”

แม่อย่างนั้นหรือ...ไม่สิ...หลินเจียอีมองลู่เสียนด้วยความสับสนมึนงง เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพราะติดโรคระบาดโควิด 19 ต่อมาอาการของเธอก็ทรุดลงเรื่อย ๆ เหตุใดฟื้นขึ้นมาแล้วถึงมาโผล่ที่บ้านไม้ทรงโบราณ ผู้คนรอบตัวแต่งกายประหลาด แม้กระทั้งการพูดจาก็ดูล้าสมัยเหมือนที่เธอเคยดูในซีรี่ส์ย้อนยุค หลินเจียอีค่อย ๆ ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดหญิงแปลกหน้า จากนั้นก้มลงมองการแต่งกายของตนเองก่อนจะใช้มือลูบคลำร่างกายสะเปะสะปะจนมาหยุดอยู่ที่หน้าอก

“หายไปไหน! ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนี้ บะ แบนราบ”

หน้าอกคัพซีลดลงมาแบนเกือบจะราบเรียบ เจียอีแหกปากร้องลั่นดวงตากลมเบิกโตด้วยความตกใจ มองหน้าคนทั้งสามที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาด้วยแววตาสับสนมึนงง อะไรกันนี่...ที่นี่ที่ไหน คงไม่ใช่กำลังฝันอยู่หรอกหรือ พอคิดได้นางก็ใช้มือตบที่แก้มตนเองจนหน้าหัน ปรากฎว่าเจ็บจนต้องร้องโอดโอยออกมา

“โอ้ย เจ็บ ๆ”

“เจียเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไร”

ลู่เสียนเฉยคางลูกสาวตรวจสอบดูรอยช้ำที่แก้ม ทางด้านนางหวังก็มองหลานสาวด้วยแววตาตกตะลึง หลังจากเจียอีตื่นขึ้นมาก็มีอาการประหลาดยิ่งนัก หรือเป็นเพราะถูกทุบตีเจียอีได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจนความจำเสื่อมไปเสียแล้ว นางหวังจึงเรียกชื่อเต็ม ๆ ของหลานสาวอีกครั้ง

“หลินเจียอี”

ถูกต้องแล้ว นี่คือชื่อของนางไม่ผิดเพี้ยน หลินเจียอีหญิงสาวในศตวรรษที่ 21 มีอาชีพเป็นพนักงานบริษัท ทำงานตำแหน่งพนักงานบัญชีที่โกดังเก็บสินค้าใกล้ ๆ ท่าเรือ งานอดิเรกคือ F สินค้าออนไลน์ ชีวิตความเป็นอยู่สุดแสนธรรมดา การงานไม่ก้าวหน้าเพราะประจบนายไม่เก่ง รายได้ไม่พอรายจ่ายเพราะ CF เก่ง สถานะภาพโสดสนิทแบบไม่เคยมีใครมาจีบจนอายุก้าวเข้าวัย 25 หนาว เติบโตมาในชนบทมีพ่อแม่เป็นเกษตรกร

ครุ่นคิดได้ไม่นานเจียอีก็หงายหลังลงไปนอนตามเดิม นางรู้สึกเวียนศีรษะเหมือนบ้านหมุน อีกทั้งร่างกายก็เจ็บระบมไปทั่วร่างจึงหลับต่ออย่างอ่อนเพลีย นางฟื้นขึ้นมาอีกทีในวันถัดไป สภาพร่างกายเริ่มดีขึ้นมากแล้ว เป็นเพราะระหว่างที่นอนซมลู่เสียนได้ป้อนยาให้นางจนเกือบจะหายดี พอฟื้นขึ้นมาได้เจียอีก็เดินสำรวจไปทั่วบ้าน

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่า ๆ สภาพผุพังมากแล้ว มองออกไปนอกบ้านเป็นป่าเขียวชอุ่มอยู่ไม่ไกลมาก ไกลออกไปอีกคือภูเขาหลายลูกสลับสับหว่างมองเห็นได้จากระยะไกลเป็นชั้น ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นอ่างหินตั้งอยู่หน้าบ้านจึงรีบวิ่งเข้าไปชะโงกหน้าดูให้หายคลางแคลงสงสัย เงาในน้ำคือเด็กสาวแรกรุ่น อายุไม่เกิน 15 หนาว หน้าตาผิวพรรณสะอาดสะอ้านงดงาม หุ่นทรงร่างเล็กบอบบาง ผมยาวเป็นสลวยโดยธรรมชาติโดดเด่นซึ่งแปลกจากหญิงสาวในยุคสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ดูไปแล้วคล้ายตุ๊กตาเสียยิ่งกว่าคนที่มีชีวิต นางเอียงซ้ายเอียงขวาชื่นชมแต่ภายในใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รักร้ายนายเพื่อนสนิท

รักร้ายนายเพื่อนสนิท

ดอกอ้อลู่ลม
5.0

"มาร์ค พะ พอแล้ว อื้ออออ เราจะต้องไปทำงานนะ อ๊ะ อ๊ะ หยุดก่อน อื้ออออ" ตอนนี้ฉันแทบจะขาดใจตายเมื่อโดนคนด้านบนปรนเปรอความเสียวให้อย่างไม่ขาด "อย่าห้ามน่า....เธอไม่ชอบให้ฉันทำรึไง" ตอนนี้มาร์คกำลังสอดใส่แท่งร้อนของเขาที่ถูกห่อหุ้มด้วยเครื่องป้องกันเรียบร้อยแล้วเข้ามาในช่องทางรักของฉันอย่างช้าๆ จนมันเข้ามาจนสุดทาง แล้วก็เริ่มกระแทก มันทำให้ฉันอยากจะกรี๊ดออกมาอย่างสุดเสียงเพราะมันเสียดสีกับผนังมดลูกด้านใน ทุกจังหวะการเข้าออกมันทั้งเจ็บทั้งเสียวแทบขาดใจ "อื้ออออ ชะ ชอบ แต่ว่าเราต้องไปทำงานไง" "เดี๋ยวไปส่งก็ได้ตอนนี้ขอเอาเธอให้หายอยากก่อนไม่ได้เจอกันหลายวันฉันโคตรคิดถึงเธอเลยว่ะ" ใช่ค่ะเราไม่ได้เจอกันมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพราะเขาพาคู่ควงคนล่าสุดของเขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมายังไงล่ะ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

พิษรักร้าย Toxic Love

พิษรักร้าย Toxic Love

Kim Nayeol
5.0

"พี่ริก" นินิวเรียกคนที่เข้ามาในห้องเธอ ฉันอยากจะกรี๊ดและกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ฉันลืมไปสนิทว่าริกเป็นคนที่เข้าออกคอนโดของเธอได้อย่างง่ายดาย "ออกไป ถ้าไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกห้องคนอื่นในยามวิกาล" นินิวบอกริกมาเสียดังด้วยสีหน้าโกรธจัด ที่ริกเข้าห้องเธออย่างถือวิสะ "ไม่ไป ในเมื่อที่นี่คือห้องเมียฉัน ทำไมฉันต้องออก" ร่างสูงบอกมาด้วยเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ "ห้องฉันไม่ใช่ห้องของยัยโมเน่ เมียคนปัจจุบันของพี่ ถ้าพี่ยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่บ้างก็ออกไปจากห้องฉันคะ" แต่ริกกับไม่สนใจคำพูดนินิวเลยซักนิด ร่างสูงเดินเข้ามาหาคนตรงหน้า นินิวที่เห็นเช่นนั้นถึงกับจับที่ชายผ้าขนหนูเอาไว้แน่นขึ้น เพราะคนตรงหน้านั่นดูอันตรายสำหรับเธอ "อย่านะพี่ริก เรื่องของเรามันจบไปแล้ว" นินิวบอกมาด้วยเสียงสั่นเพราะสายตาที่เขามองเธอมามันน่ากลัวมากจริงๆ "ชอบฉันไม่ใช่เหรอ เอาฉันแล้วจะไปอ่อยคนอื่น อีกทำไม ฉันเห็นเต็มสองตาว่าเธอจูบกับไอ้ไทม์" "ในเมื่อพี่เห็นเช่นนั้น พี่ก็เลิกยุ่งกับฉันเสียสิ ฉันจะอ่อยจะจูบกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม ฉันบอกพี่ไม่กี่ร้อยครั้งแล้วว่าเราเลิกกันแล้ว เพราะพี่มันเลว ฉันเลยไม่อยากได้พี่แล้ว " นินิวบอกคนใจร้ายอย่างคนเหลืออด เธอระเบิดอารมณ์ใส่คนตรงหน้าอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว สำหรับริกตอนนี้เธอมองเขาเป็นแค่เศษฝุ่นที่รู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่าแมลงสาบ ริกถึงกับกัดฟันกอดด้วยความโกรธและโมโห เชตเรื่องหนุ่มๆวิศวะทั้ง 4 หนุ่มนะคะ พันธะร้ายนายวิศวะ เรียวตะ x เชอรีน (มีให้อ่านจบเรื่อง) พิษรักร้าย Toxic Love ริกกี้ x นินิว พลาดรักร้ายนายวิศวะ อรัณ x มิริณ คลั่งรักร้ายนายวิศวะ ริว x เจนิส โลกสวยไม่เหมาะกับนิยายเรื่องนี้ ข้ามไปได้เลยจ้า นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้แต่ง ห้ามขัดลอกเรียนแบบใดๆ ทั้งสิ้นเขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียนเท่านั้น นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหารุนแรงในบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

Moritz Hearsum
5.0

ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ
1

บทที่ 1 1. ขับไล่ออกจากตระกูล

23/12/2024

2

บทที่ 2 2. เอาของไปขายตลาด

23/12/2024

3

บทที่ 3 3. เพาะเห็ด

23/12/2024

4

บทที่ 4 4. กินได้ด้วยหรือ

23/12/2024

5

บทที่ 5 5. พบปะสหายเก่า

23/12/2024

6

บทที่ 6 6. ตามมาเอาเรื่องถึงบ้าน

23/12/2024

7

บทที่ 7 7. เปลี่ยนจากวัยเด็กก้าวเข้าสู่วัยสาว

23/12/2024

8

บทที่ 8 8. สตรีที่ท่านคู่ควร

23/12/2024

9

บทที่ 9 9. นางไม่ได้มาหางาน

23/12/2024

10

บทที่ 10 10. จินเยว่อย่าดีเกินไป

23/12/2024

11

บทที่ 11 11. ข้ามสะพานไปจะเจอปลายทาง

23/12/2024

12

บทที่ 12 12. ให้ติดรถม้าไปด้วย

23/12/2024

13

บทที่ 13 13. เจ้านะหรือช่วยคน

23/12/2024

14

บทที่ 14 14. เอาคืน

23/12/2024

15

บทที่ 15 15. สตรีดอกบัวขาว

23/12/2024

16

บทที่ 16 16. ญาติดีกันตอนไหน

23/12/2024

17

บทที่ 17 17. เจ้าหมั่นโถว

23/12/2024

18

บทที่ 18 18.อย่าคิดว่าชนะ

23/12/2024

19

บทที่ 19 19. ข้าชอบนาง

23/12/2024

20

บทที่ 20 20. ความเจ็บปวดของอันฉี

23/12/2024

21

บทที่ 21 21. นางอยู่กับบุรุษ

23/12/2024

22

บทที่ 22 22. พากลับบ้าน

23/12/2024

23

บทที่ 23 23. ชอบตั้งแต่แรกเจอ

23/12/2024

24

บทที่ 24 24. พบศพที่ลำธาร

23/12/2024

25

บทที่ 25 25. เจ้าจะแต่งให้ยาจกหรือ

23/12/2024

26

บทที่ 26 26 ผักดองในกองทัพ

23/12/2024

27

บทที่ 27 27. ชอบความอลังการ

23/12/2024

28

บทที่ 28 28. สองตำลึงเงินของลู่จิว

23/12/2024

29

บทที่ 29 29. คืนเข้าหอของจินเยว่

23/12/2024

30

บทที่ 30 30.สอนไม่จำ

23/12/2024

31

บทที่ 31 31. ท้ายิงธนู

23/12/2024

32

บทที่ 32 32. ผู้แพ้ต้องเจออะไร

23/12/2024

33

บทที่ 33 33. จางหย่งหายไป

23/12/2024

34

บทที่ 34 34. เลี้ยงขอบคุณ

23/12/2024

35

บทที่ 35 35. พังไปพร้อมกัน

23/12/2024

36

บทที่ 36 36. รับฟังคำตัดสินโทษ

23/12/2024

37

บทที่ 37 37. ชิงป้ายสลัก

23/12/2024

38

บทที่ 38 38. รับมือขุนนางจิ้งจอก

23/12/2024

39

บทที่ 39 39. ก็ยังถือว่าได้เปรียบ

23/12/2024

40

บทที่ 40 40. ข้าก็จะตัดใจ!

23/12/2024