Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
House of Cursed : เคหาสน์สาปรัก

House of Cursed : เคหาสน์สาปรัก

กัณย์

5.0
ความคิดเห็น
39
ชม
12
บท

พิธีแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้น แต่เจ้าสาวของงานกลับนั่งนิ่งมองตัวเองในกระจกอย่างไม่ยินดียินร้าย หญิงสาวทุกคนต่างวาดฝันถึงวิวาห์สวยหรูกับชายที่ตนรัก ชายที่เธอยินดีมอบครึ่งชีวิตที่เหลือให้หากมั่นใจแล้วว่าเขาพร้อมจะอยู่ดูแลกันและกันไปจนตาย คนสองคนต่างจะต้องรักกันและกันถึงจะสามารถแต่งงานกันได้ แต่ไหนล่ะความรัก เธอเห็นเพียงแต่ความเศร้าบนใบหน้าที่อดหลับอดนอนเพราะคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับชีวิตหลังแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยคิดที่จะรักนี้ดี เธอและเขาไม่ได้รักกันแล้วจะครองคู่กันอย่างที่ใครๆอยากให้เป็นได้อย่างไร แม้พิมานจะเป็นคนดี และรู้จักกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่เขาก็คือเขา พิมานยังเป็นพี่ชายที่แสนดี ไม่มีเค้าความเป็นคนรักในอุดมคติของเธอได้เลยสักนิด ผิดกับอีกคน คนที่เธอคิดว่าเขาเกิดมาเพื่อเธอและเธอเกิดมาเพื่อเขาเท่านั้น ตั้งแต่เธอเริ่มมีความรัก เขาคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นไปกับรอยยิ้มน้อยๆเสียงทายทักที่สดใส อ้อมแขนที่อบอุ่นแข็งแรงยามที่เขาปลอบโยน เธอเชื่อเสมอว่าเธอและเขาเกิดมาคู่กัน แต่ทำไมคนอื่นถึงไม่ได้คิดอย่างที่เธอคิด ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาและเธอเหมาะสมกันอย่างไร ไม่เคยมีใครพูดถึงความจริงใจที่ทั้งเธอและเขามีให้กัน บางอย่างมันไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ แต่มันสัมผัสได้ด้วยหัวใจเท่านั้น ไม่มีวันใดที่ใจเธอจะอบอุ่นได้เท่าวันที่เจอเขา ในสายตาเขาเต็มเปรี่ยมไปด้วยความรักที่มีให้กับเธอ ความรักที่แสนหวาน ดั่งนิทานก่อนนอนที่เขาเคยเล่าให้เธอฟัง…รักที่แสนหวาน

บทที่ 1 แรกฤดูหนาว

ตอนที่ # 1 แรกฤดูหนาว

เริ่มจะเข้าหน้าหนาวแล้ว บรรยากาศรอบกายเหมือนจะย้ำเตือนอยู่ทุกปีว่า คนที่เรารอ…เขาคงไม่กลับมาอีกแล้ว หน้าหนาวเมื่อสามปีก่อน ที่นี่เคยเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสรับเช้าวันใหม่ของฤดูหนาว หมอกจะหนามากในตอนเช้าและค่อยๆจางไปเมื่อพระอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้ายามสาย แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ยอดหญ้าดูเหมือนจะเหี่ยวเฉาแม้ในตอนเช้าตรู่ หยาดน้ำค้างดูหมองหม่นสะท้อนความเศร้าของคนในตระกูลสูงศักดิ์ หมอกที่หนาเริ่มมืดมัวจนแทบจะมองไม่เห็นอะไร ที่นี่หนาวจับใจ…จับใจคนคอยจริงๆ หลายอย่างเปลี่ยนไป หลายอย่างยังคงไว้เพราะไม่อยากให้เปลี่ยน แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า มันจะไม่มีวันเหมือนเดิม ตั้งแต่วันนั้น…วันที่เขาจากไป

พิธีแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้น แต่เจ้าสาวของงานกลับนั่งนิ่งมองตัวเองในกระจกอย่างไม่ยินดียินร้าย หญิงสาวทุกคนต่างวาดฝันถึงวิวาห์สวยหรูกับชายที่ตนรัก ชายที่เธอยินดีมอบครึ่งชีวิตที่เหลือให้หากมั่นใจแล้วว่าเขาพร้อมจะอยู่ดูแลกันและกันไปจนตาย คนสองคนต่างจะต้องรักกันและกันถึงจะสามารถแต่งงานกันได้ แต่ไหนล่ะความรัก เธอเห็นเพียงแต่ความเศร้าบนใบหน้าที่อดหลับอดนอนเพราะคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับชีวิตหลังแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยคิดที่จะรักนี้ดี เธอและเขาไม่ได้รักกันแล้วจะครองคู่กันอย่างที่ใครๆอยากให้เป็นได้อย่างไร แม้พิมานจะเป็นคนดี และรู้จักกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่เขาก็คือเขา พิมานยังเป็นพี่ชายที่แสนดี ไม่มีเค้าความเป็นคนรักในอุดมคติของเธอได้เลยสักนิด ผิดกับอีกคน คนที่เธอคิดว่าเขาเกิดมาเพื่อเธอและเธอเกิดมาเพื่อเขาเท่านั้น ตั้งแต่เธอเริ่มมีความรัก เขาคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอรู้สึกใจเต้นไปกับรอยยิ้มน้อยๆเสียงทายทักที่สดใส อ้อมแขนที่อบอุ่นแข็งแรงยามที่เขาปลอบโยน เธอเชื่อเสมอว่าเธอและเขาเกิดมาคู่กัน แต่ทำไมคนอื่นถึงไม่ได้คิดอย่างที่เธอคิด ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาและเธอเหมาะสมกันอย่างไร ไม่เคยมีใครพูดถึงความจริงใจที่ทั้งเธอและเขามีให้กัน บางอย่างมันไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ แต่มันสัมผัสได้ด้วยหัวใจเท่านั้น ไม่มีวันใดที่ใจเธอจะอบอุ่นได้เท่าวันที่เจอเขา ในสายตาเขาเต็มเปรี่ยมไปด้วยความรักที่มีให้กับเธอ ความรักที่แสนหวาน ดั่งนิทานก่อนนอนที่เขาเคยเล่าให้เธอฟัง…รักที่แสนหวาน

“น้องของพี่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในวันนี้”

พิมพ์เพทายเปิดประตูเข้ามาทักทายเจ้าสาวที่เป็นญาติผู้น้องของตนด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดียิ่ง

แม้เธอจะไม่เห็นด้วยกับการคลุมถุงชนในเรื่องของแพรมนกับพิมาน แต่ก็เถียงไม่ออกจริงๆว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากแค่ไหน ผิดที่ว่าการแต่งงานครั้งนี้ สองบ่าวสาวไม่ได้มีความสุขร่วมกับมันเลยสักนิด ตระกูลของเธอทำแบบนี้มาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด ไม่มีใครเหมาะสมกับเรามากกว่าคนในตระกูลของเราเอง คุณย่าสอนมาแบบนี้ และทุกคนล้วนแล้วแต่ปฏิบัติตามอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เว้นเสียแต่พ่อของเธอ ที่คว้าแม่ที่เป็นสาวฝรั่งมาเป็นสะใภ้ของบ้าน พ่อบอกว่าพ่อสร้างความปั่นป่วนและวุ่นวายมากสมัยนั้น คุณปู่ถึงกับไล่พ่อออกจากบ้าน แต่ไม่นานก็ต้องไปตามกลับมา เพราะได้ข่าวว่าแม่กำลังตั้งท้อง เพราะฉะนั้นในตระกูลนี้จึงมีเพียงเธอและพี่ชายเท่านั้นที่เป็นลูกครึ่งนอกคอกของบ้าน เธอโตมาพร้อมกับคำปะกาศิตของคุณย่า คือ เรียนจบเธอต้องแต่งงานกับกานต์ พี่ชายคนรองของบ้าน ว่าแล้วเธอก็ยกมือซ้ายขึ้นมามองแหวนเพชรที่ถูกสวมไว้บนนิ้วนางเมื่อสามปีก่อน กานต์ไม่ได้รักเธอ แต่ตอนนี้เธอเริ่มไม่รู้ใจตัวเองแล้วว่าเธอคิดยังไงกันแน่ ตั้งแต่วันที่เขาสวมแหวนให้ เธอก็กลับไปละเมอเพ้อพกถึงวันวิวาห์เป็นบ้าเป็นหลัง เธอเฝ้าฝันหาแต่วันแต่งงานที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า แตกต่างกับกานต์ที่ตั้งแต่วันนั้นก็เอาแต่ห่างเหินและเฉยชากับเธอมากขึ้นเรื่อยๆจนเธอเริ่มกลัวแล้วว่า ทุกอย่างมันไม่ถูกต้องไปเสียหมด เธอจะทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักเธอได้อย่างไรกัน เพราะฉะนั้น วันนี้เธอจึงเห็นใจน้องน้อยคนนี้มากที่สุด เพราะเธอกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รักเธอและเธอไม่ได้รักเขาเลยสักนิด

“แพรจะรักพี่พิมานได้ใช่ไหมคะพี่พิมพ์”

แพรมนถามกลับด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยหยาดใสๆที่ขอบตา

“รักสิจ้ะ พี่พิมานเป็นคนดี แพรจะรักพี่พิมานเมื่อแพรได้เห็นความดีของเขา ความดีสามารถเอาชนะใจเราได้จ้ะ”

พิมพ์เพทายบอกพลางเดินเข้าไปโอบปลอบแพรมนที่เริ่มจะตัวสั่นนิดๆ

อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เธอจะไม่มีสิทธิ์ในชายใดอีกแล้ว การรอคอยของเธอไร้ความหมาย เขาไม่กลับมา และเธอต้องกลายเป็นของคนอื่นไปจริงๆ เขาผิดสัญญา

“คงจะยากค่ะ แต่…แพรจะรักพี่พิมาน”

แพรมนบอก ก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วแค่นยิ้มออกมาอย่างยากเย็น

สองพี่น้องโอบกอดกันด้วยใจที่เศร้าพอกัน ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไปมากกว่านี้ ทุกคนต้องดำเนินชีวิตที่เหลือต่อไปด้วยทางที่ถูกขีดขึ้นมาอย่างพิถีพิถันที่สุด ไม่ว่าปลายทางนั้นจะมีแต่ขวากหนามหรือโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ ทุกคนจะต้องพานพบมัน และผ่านมันไปให้ได้ เพราะมันถูกกำหนดไว้แล้ว…

*****

“แพรนอนที่นี่นะ เดี๋ยวพี่จะไปนอนโซฟา”

พิมานบอกพลางหอบผ้าหอบผ่อนเดินไปที่โซฟาสีน้ำตาลตัวยาวที่วางอยู่หน้าทีวีอย่างไม่รีรอคำตอบของเธอ

“ขอบคุณค่ะ”

เขาหันมายิ้มน้อยๆให้อย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะนอนลงบนโซฟาอย่างไม่มีพิธีรีตอง

“ขอโทษนะคะ พี่พิมาน”

เธอเอ่ยเสียงเบา แต่เขาได้ยิน จึงเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาก็อยากจะขอโทษเธอเช่นกัน

“มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอกแพร ผิดที่เราสองคนไมได้รักกันมาตั้งแต่ต้นมากกว่า”

เขาเห็นใจเธอ และสงสารเธอมาก เขาน่ะมันผู้ชาย เรื่องแบบนี้มันไม่ได้มีปัญหากับเขามากมายเท่าไรนักหรอก แพรเป็นคนสวย ใครๆก็รู้ เขาคงจะอยู่กับเธอและรักเธอได้ไม่ยาก แต่เธอสิ ต้องมาทนอยู่กับคนอย่างเขา ไม่อยากจะคิดเลยว่า เธอจะทนความเป็นเขาได้นานสักแค่ไหน

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เราทำมันให้ดีได้ไม่ใช่เหรอแพร ถ้าเราร่วมมือกันพี่ว่ามันคงจะไม่ยากเท่าไรหรอกนะ”

พิมานยิ้มให้กับเธอ ก่อนจะนอนลงอีกครั้ง แล้วเงียบไปพร้อมกับเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะ

รักพิมานน่ะไม่เท่าไหร่ แต่จะทำยังไงถึงจะลืมคนที่เคยรอได้สักที ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ หัวใจเธอเอาแต่ร่ำร้องแต่ชื่อเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นไม่มีเปลี่ยน แล้วตอนนี้เธอยังจะมีหน้ารอเขาอีกอย่างนั้นหรือ เธอเข้าพิธีแต่งงาน มีสามีเป็นตัวเป็นตนนอนอยู่ตรงนั้น เธอเป็นของเขาของเขาคนเดียว พิมานคือผู้ชายคนเดียวที่จะมีสิทธิ์ในตัวเธอได้ในตอนนี้

*****

“ยังไม่นอนอีกเหรอพิมพ์”

พิมพ์เพทายหันไปหาเจ้าของเสียงคุ้นเคย ที่ตอนนี้อยู่ในชุดกางเกงขายาวสีเทากับเสื้อยืดสีขาว ชุดที่เขาชอบใส่นอนประจำ เธอชอบที่จะมองเขาในยามที่เขาทำตัวตามสบายเช่นนี้ เพราะเขาดูเป็นตัวเอง น่ารักและเป็นกันเองกับทุกคน เป็นคนที่เธอสามารถพูดคุยและเข้าหาได้ ไม่ใช่ผู้ชายบ้างาน วันๆง่วนอยู่กับปัญหาพันแปดอย่างเมื่อยามกลางวัน

“ยังค่ะ”

เธอตอบ พลางมองตามร่างของคู่หมั้นที่เดินหายเข้าไปในครัวก่อนจะกลับออกมาด้วยนมแก้วหนึ่งในมือ

“ขอบคุณค่ะ”

เธอบอก ก่อนจะรับแก้วนมมาจากเขา

กานต์มักจะทำตัวน่ารักและเป็นพี่ชายที่แสนดีเสมอเมื่อยามกลับบ้าน หลายครั้งที่เธอมองเขาและไม่เข้าใจ บางครั้งเขาใจดียิ้มเก่ง บางครั้งเขาเคร่งเครียดไม่พูดจา บางครั้งฟึดฟัดขี้โมโห บางครั้งเหมือนคนที่ไร้จิตวิญญาณ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเราจะมีได้หลายบุคลิกอย่างนี้

“พรุ่งนี้ไม่ต้องรอทานข้าวกลางวันนะ”

พิมพ์มองเขาอย่างสงสัยขณะดื่มนมลงไปอึกใหญ่

“ทำไมคะ”

เธอถามพลางเช็ดคราบนมที่ติดริมฝีปากออก

“พี่จะออกไปทำธุระข้างนอกน่ะ มีปัญหาหลายอย่างที่พี่ต้องไปสะสาง”

เขาบอก ก่อนจะลุกขึ้นทำท่าจะเดินกลับขึ้นไปบนห้อง แต่แล้วก็หันกลับมาอีกครั้ง

“อ้อ !!! อย่านอนดึกล่ะ”

กานต์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินหายขึ้นไปข้างบน ทิ้งให้คนข้างล่างนั่งยิ้มกับคำพูดและรอยยิ้มของเขาอย่างเผลอไผล

กานต์มักมีอิทธิพลกับเธอเสมอ ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม หลายครั้งที่เธอใจเต้นที่สำนึกได้ว่าตัวเองชอบรอยยิ้มของเขามากแค่ไหน บางครั้งเธอถึงกับเผลอแสดงออกถึงความในที่เธอมีจนกานต์เริ่มจะสงสัย

หลายครั้งที่เธอสะดุ้งเมื่อเขาบังเอิญสัมผัสตัวเธอแค่เฉียดๆ มีหลายอย่างที่เธอไม่เข้าใจระหว่างเธอและเขา

หลายครั้งที่เธอแอบรู้สึกเจ็บปวดใจที่ได้รู้ว่าเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึก เธอมักคิดมากกับคำพูดเล็กๆน้อยๆของเขา แอบเก็บไปฝันยามเขายิ้มหวานให้ นั่นทำให้เธอเป็นทุกข์อยู่ไม่น้อยเมื่อนึกถึงมัน

*****

“งานแต่งไปถึงไหนแล้วคะ”

รุ้งพลาย ถามขึ้นเมื่อพนักงานเสิร์ฟจากไป

“คุณก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับเรื่องนี้”

กานต์เอ่ยเสียงเครียด แต่สาวเจ้ากลับยิ้มกริ่มกับประโยคเดิมๆที่เขาพูดกับเธอ

แรกๆที่รู้เรื่องกานต์กับเธอคนนั้น เธอแทบอยากจะกรีดร้องให้โลกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆซะให้ได้

เธอกับเขารักกันมานานปี อยู่ๆจะมาบอกกันว่าคนรักจะแต่งงาน มันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ

เธอไม่เคยเห็นด้วยกับการคลุมถุงชนของผู้ใหญ่สมัยนี้ คิดว่าความรักมันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือยังไงกัน

ผู้หญิงบ้านนั้นก็อีกคน ไม่มีขัดขืนหรืออะไรบ้างเลยหรือ ผู้ใหญ่บอกแต่งก็จะแต่งงั้นหรือ

ง่าย…ไปหรือเปล่า

แต่นานวันเข้า เธอกลับยิ่งรู้สึกเป็นสุขใจทั้งๆที่มีความทุกข์อยู่เต็มอก

ที่สุข ก็เพราะกานต์มักจะพูดอยู่เสมอว่า เขาไม่เคยรักผู้หญิงคนนั้น เขาคิดกับเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะไม่สามารถขัดใจใครได้ แต่ไม่หล่ะ…ทำไมจะขัดไม่ได้

ถ้าเกิดบ้านนั้นรู้ว่าเธอท้องขึ้นมาจะทำยังไง งานแต่งของทั้งสองจะไม่เป็นโมฆะหรอกหรือ หรือไม่ก็อาจจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหัน ได้ข่าวว่าคนรวยๆมักจะรักเด็ก หรือถ้าหากสะใภ้คนไหนมีทายาทให้ตระกูลได้ก่อน จะถือเป็นคนโปรดไปเลย พอคิดถึงเรื่องนี้ เธอจึงไม่อินังขังขอบอะไรมากมายนัก อีกตั้งนานกว่าจะถึงวันแต่ง เธอยังพอมีทางออก อยากจะเห็นหน้าแม่นั่นนัก ว่าจะทำยังไงที่อยู่ๆ ก็มีคนมาประกาศตัวว่าเป็นเมียของคู่หมั้นของตัวเอง แถมยังตั้งท้องทายาทคนแรกของตระกูลอีกต่างหาก เรื่องนี้ไม่รู้ว่าใครจะเสีย ใครจะได้ แต่ที่แน่ๆ เธอจะไม่ยอมเสียแน่นอน

“คืนนี้อยู่ด้วยกันสักคืนจะได้ไหมคะกานต์”

รุ้งพลายถามเสียงหวานตามที่เคยได้ถูกสั่งสอนมาว่าเวลาพูดคุยกับผู้ชายให้ทำเสียงอ่อนเอาไว้ก่อน ไอ้พวกปากดีถือตัว เอาไว้ทีหลัง พวกนี้ผู้ชายมักจะทิ้งให้จมกองน้ำตาทั้งนั้น และเสียงหวานๆแบบนี้ มันใช้กับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้ผล

“ทุกคนในครอบครัวจะต้องอยู่ฉลองให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหนึ่งอาทิตย์ นี่กว่าผมจะหาเวลาว่างออกมาเจอคุณได้ ก็ยากเย็นแสนเข็น หวังว่าคุณคงเข้าใจผมนะครับ”

แววตาและท่าทางของกานต์บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ได้โกหก และเขาจะไม่มีวันโกหกเธอ

ผู้ชายคนนี้รักใครรักจริง จะให้ลืมง่ายๆน่ะหรือ ไม่มีวัน และเธอเป็นถึงรักแรกของเขา มีหรือเขาจะลืมได้ลง

เรื่องนี้ง่ายกว่าที่คิด ไม่ทันได้แข่ง แม่นั่นก็แพ้เสียแล้วหนอ น่าสงสารเสียจริง…

“เอาไว้วันไหนที่คุณว่าง เราค่อยเจอกันใหม่ก็ได้ค่ะ”

กานต์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองเธอ และยิ้มให้กับดวงตาน่ารักของสาวงามตรงหน้า

รุ้งพลายเป็นผู้หญิงสวย ใครๆก็ชอบ ใครๆก็หมายปอง เขาและเธอคบกันมานานปีตั้งแต่เข้ามหาลัย

และเธอเป็นรักแรกของเขา ผิดตรงที่ว่าเขานั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น เขาคงจะสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า รุ้งพลายนี่แหละ ที่จะเป็นแม่ของลูกเขาในอนาคต

เธอไม่งี่เง่าเหมือนผู้หญิงอื่น งอนบ้างแต่พองาม เอาใจเก่ง พูดเพราะ และไม่เรื่องมาก

เขาและเธอเข้ากันได้ดี นึกแล้วก็เสียดาย ที่คนที่เขาจะสามารถแต่งงานด้วยได้นั้นไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงอีกคนที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้ด้วยเลย พิมพ์เพทายเหมือนน้องสาวของเขา จะมองมุมไหนเธอก็ยังเป็นน้องสาว ไม่มีวันไหนที่เขาจะมองเธอเป็นอื่นไปได้ การอยู่กับพิมพ์เพทายไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขาลำบากใจที่จะอยู่กับเธอ เขาจะมองเธอและรักเธออย่างที่ควรรักได้อย่างไร ในเมื่อวันไม่ใช่อย่างนั้น

คนเรามันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายขนาดนั้น โดยเฉพาะเรื่องของ…หัวใจ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ กัณย์

ข้อมูลเพิ่มเติม
สัญญาหัวใจ...ที่สุดปลายฟ้า

สัญญาหัวใจ...ที่สุดปลายฟ้า

โรแมนติก

5.0

เธอมองผ่านดวงตาคู่นั้นลงลึกเข้าไป แล้วเห็นความจริงแห่งห้วงอดีตของเธอและเขาอย่างชัดเจน ภาพเก่าๆชัดสาดเข้ามาคล้ายกับคลื่นโหมกระหน่ำสู่โขดหินริมทะเล หัวใจของเธอบีบตัวแน่นแล้วเต้นอ่อนลงทุกทีๆคล้ายกับคนกำลังจะขาดใจตาย แต่แล้วพอสายตาคู่นั้นกระพริบถี่แล้วมองมาที่เธอแน่นิ่ง เธอก็กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น แล้วกอดเจ้าของดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลลึกที่ทำเธอจะขาดใจเพียงครั้งแรกที่เจอ ก่อนจะหลับตาพริ้มซึมวับภาพแห่งความทรงจำ เธอกอดเขาเอาไว้แน่น ราวกับจะไม่มีวันปล่อยให้เขาหลุดลอยไปไหนอีกตลอดไป พร้อมกับคำประซิบที่ว่า ฉันต่างหาก ที่หาเธอเจอ ”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

ไฟรักมาเฟียร้าย [เจ้านาย VS เลขา]

สนพ. อิ่มรัก
4.8

ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”

รักใหม่พันล้าน

รักใหม่พันล้าน

Hilarius Erikson
5.0

เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

Moritz Hearsum
5.0

ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ซีไซต์
5.0

หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ