เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา “ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้”
“ที่นี่นอกจากจะมีสัตว์อสูรมากแล้ว วัตถุดิบทำอาหารก็เยอะพอสมควรเลยนะเนี่ย” ฉินหลิวซีเดินเก็บวัตถุดิบพลางสำรวจเส้นทางไปด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดของเวลานี้คือการหาที่ค้างแรม
ฉินหลิวซีสำรวจเส้นทางโดยรอบจนกระทั่งพบเข้ากับถ้ำแห่งหนึ่ง
“ไม่เลวนี่ คืนนี้ใช้ที่นี่แล้วกัน” นางเดินเข้าไปและเริ่มก่อกองไฟไว้ใกล้ปากถ้ำ นำใบไม้ใบหญ้ามาปูทำที่นอนให้ตัวเอง
ฉินหลิวซีจัดการเตรียมพื้นที่ค้างแรมให้ตัวเองไปได้ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงกระบี่ฟาดฟันกันอยู่ด้านนอก
มองออกไปเห็นกลุ่มคนกำลังประมือกัน นางไม่ได้ใส่ใจ
แค่ระวังไม่ให้ลมจากการปะทะพัดมาจนกองไฟนางดับก็พอ หลังจากคนพวกนั้นไล่ตามกันไปไกลจากจุดที่นางอยู่ นางก็ออกมาสำรวจด้านนอก
กิจวัตรของนางน่าเบื่อหน่ายจึงไม่มีอะไรถ่ายทอดไปถึงฝั่งผู้ชม
โอ๊ะโอ ไม่นึกว่าข้าจะโชคดีเจอเหยื่อเร็วถึงเพียงนี้
เด็กหญิงกลิ้งตัวหลบเข้าไปในพุ่มไม้ทันทีที่เห็นเงาสัตว์อสูรตนหนึ่ง สายตาของนางเพ่งมองไปที่มัน สัตว์อสูรตนนั้นได้รับบาดเจ็บ ระดับของมันอยู่เพียงขั้นที่สอง คงจะโดนจอมยุทธ์คนอื่นเล่นงานมา ดูจากบาดแผลแล้วอย่างไรก็คงไม่รอด คงหนีมาไกลมากทีเดียวจึงได้มาหมดแรงอยู่ตรงนี้
ครั้งนี้คงต้องขอแก่นอสูรของแกไปละนะ
ฉินหลิวซีใช้มีดสั้นปลิดชีพมันในดาบเดียว ไม่ให้ต้องทรมานนาน ถึงนางจะต้องการใช้ประโยชน์จากมันแต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มันทุรนทุรายก่อนจะตาย หลังจากได้แก่น
อสูรมานางก็เก็บไว้ในถุงเฉียนคุนก่อนจะเดินสำรวจเส้นทางอื่นต่อ
ป่าแห่งนี้สมชื่อกับการแข่งล่าสัตว์อสูร มีสัตว์อสูรระดับต่ำไปจนถึงสูงมากมาย ที่เดินมานี้นางก็ได้พบสัตว์อสูรหลายตัวแล้ว แต่พวกมันตัวเล็กจิ๋วและว่องไว นางยังจับไม่ทัน กระทั่งบังเอิญเจอสัตว์อสูรระดับหนึ่งสามตัว ฉินหลิวซีตาเป็นประกายวาววับ ด้วยระดับฝึกตนที่แข็งแกร่งขึ้นใช้เวลาเพียงไม่นานนางก็จัดการได้
ได้แก่นอสูรหนึ่งชิ้นก็เหมือนได้รางวัล แต่ก้มมองเสื้อผ้าตัวเองก็ต้องย่นคิ้ว ตัวนางเลอะคราบเลือดเสียจนสกปรกไปหมด ไหนจะฝุ่นดินที่ไปกลิ้งคลุกมาอีก
“เลอะเทอะอะไรขนาดนี้เนี่ย ข้านึกว่าตัวเองออกแรงไม่ได้มากขนาดนั้นแล้วเชียวนะ” ดูเหมือนว่านางจะยังกะแรงต่อระดับขั้นของสัตว์อสูรไม่ถูก เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับมือกับพวกที่มีฝีมือกว่าตัวเองทั้งนั้น
“ให้ตายสิ ข้าน่าจะลองสำรวจดูอีกสักหน่อยก่อนจะหาถ้ำนะเนี่ย”
เด็กหญิงเดินต่อไปเพื่อหาแหล่งน้ำ กระทั่งได้ยินเสียงน้ำไหลก็รีบมุ่งไปด้านหน้าตามทิศทางเสียง นางดีดตัวขึ้นบนกิ่งไม้ ยืนมองบริเวณโดยรอบจากมุมสูง แม่น้ำสายนี้มีขนาดเล็ก และที่ไกลออกไปไม่มากนักก็มองเห็นเป็นสระใหญ่น่าจะเป็นต้นน้ำของบริเวณนี้ พวกสัตว์และพวกจอมยุทธ์ที่เข้าแข่งขันคงจะไปที่นั่นกันมากกว่า แม่น้ำที่อยู่ไกลสายตานี้จึงปลอดคน
“ใช้ที่นี่ได้สินะ”
นางถอดชุดตัวนอกออกเหลือแต่ชุดซับด้านในแล้วลงไปล้างตัว ไหน ๆ แล้วก็ล้างคราบเลือดคราบฝุ่นที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าออกด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องรอพวกมันแห้ง นางเปลี่ยนชุดเป็นชุดใหม่และนั่งก่อไฟใกล้แม่น้ำ
สิ่งที่นางเรียนรู้จากอาจารย์ถูกนำมาใช้ทั้งหมด
ฉินหลิวซีนำสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ถูกบดเป็นผงโรยไว้รอบ ๆ คุณสมบัติของมันคือช่วยขับไล่สัตว์อสูรไม่ให้เข้าใกล้บริเวณนี้ สูตรนี้นางคิดค้นขึ้นเองจากการเรียนรู้ที่ได้อาจารย์ช่วยพร่ำสอน ต่อให้เป็นสัตว์อสูรที่มีระดับสูงก็ได้ผลเช่นกัน
นางนำเนื้อที่พึ่งล่ามาได้ไม่นานออกมาทำอาหารกิน ถึงแม้กลางวันนางจะไม่ค่อยได้ออกแรงอะไรนอกจากล่าสัตว์ แต่กลางคืนก็ไม่ได้หมายความว่านางจะปลอดภัย ต้องมีจอมยุทธ์หลายกลุ่มที่เลือกเคลื่อนไหวตอนกลางคืนแน่
“พอเวลาจำกัดแล้วก็ทำอะไรได้ยุ่งยากจริง ๆ จะให้เวลาต้มเนื้อนานกว่านี้จนนุ่มหน่อยก็ไม่ได้”
นางบ่นอุบอิบด้วยความไม่พอใจ เนื้อหยาบ ๆ แบบนี้กินไปก็ไม่อร่อยเลย ถึงจะมีหลายครั้งที่ต้องทน แต่ใครบ้างจะอยากกินของไม่อร่อยไปเรื่อย ๆ หลังจากเสร็จการแข่งนี้นางจะทำอาหารชุดใหญ่ฉลองเลยเชียว น้องชายนางต้องได้กินเนื้อนุ่ม ๆ อาจารย์ต้องได้กินน้ำแกงรสดี
ข้าจะล่าให้ได้เยอะ ๆ และเก็บเงินให้ได้มาก ๆ !
ไม่ว่ายุคสมัยใดเงินก็เป็นสิ่งสำคัญราวกับพระเจ้า เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่ถ้าไม่มีเงินชีวิตลำบากแน่
อาจเพราะน้ำแกงเปล่าทำพิษ นางจึงฝังใจต่อความยากจนนัก ถึงที่ผ่านมาเมื่อชีวิตที่แล้วนางจะไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาดนี้...ไม่สิ นึกดูดี ๆ แล้วก็ย่ำแย่ไม่ต่างกันเลย
ข้าต้องหาเงิน!
คิดไปด้วยใจมุ่งมั่นพลางแทะเนื้อติดกระดูกที่เหลืออยู่ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว อีกไม่นานรัตติกาลจะกลืนกินนภาอย่างแน่นอน นางจัดการถมกองไฟที่จุดไว้และใช้พลังธาตุไม้ในการสานเปลนอนอยู่บนต้นไม้ใกล้ ๆ
ฉินหลิวซีขึ้นไปแล้วใช้น้ำหนักขย่ม ดูแล้วแข็งแรงดีมากจึงได้เหวี่ยงตัวขึ้นไปนอน ท้องนางอิ่มแล้วถึงเวลาต้องพักผ่อน ความสงบเงียบยามค่ำคืนมิได้มีอยู่ที่นี่ เสียงคำรามสัตว์อสูรดังกึกก้องมาจากหลายทิศทาง บางพวกออกล่าตอนกลางคืนทั้งพวกจอมยุทธ์และสัตว์พวกนั้นเองก็เหมือนกัน มีการปะทะเกิดขึ้นหลายกลุ่ม
นางชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกางข่ายมนตร์ตามที่อาจารย์เคยสอนบริเวณที่นางอยู่ เป็นไปได้สูงว่านางจะถูกรบกวนตอนกลางคืนระหว่างหลับ ไม่คนก็สัตว์อย่างใดอย่างหนึ่ง หากเข้ามาตอนนางตื่นไม่เป็นปัญหาหรอก แต่ถ้าหากเข้ามาตอนนางเผลอหลับไปแล้วละก็ได้มีคนเจ็บตัวแน่
เด็กหญิงใจลอยคล้อยหลับไปยามมองพระจันทร์เบื้องบน ล่วงเข้ายามดึกจากเสียงคำรามลั่นและกระบี่ฟาดฟันกันก็เงียบสงัด ฝีเท้าหลายคู่ย่างเข้ามาใกล้จนลํ้ำเข้ามาในเขตที่นางวางข่ายมนตร์เอาไว้ จับฝีเท้าดูดี ๆ แล้วพบว่ามากันสามคน
“กับเด็กก็จะลงมือด้วยรึ?”
“ข้าว่าความคิดนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร”
“พวกเจ้าจะกลัวอะไรกันก็แค่เด็กคนเดียว”
“เด็กคนเดียวที่ลงแข่งขันลำพังได้ ข้าไม่คิดว่านางจะธรรมดาหรอก” หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้นอย่างระแวง
“ถึงจะเก่งพอล้มสัตว์อสูรได้ แต่ก็คงไม่คณามือพวกเราหรอก นางอาจจะเข้ามาเก็บกวาดแค่สัตว์อสูรระดับต่ำเพื่อหาแก่นอสูรระดับล่างก็เป็นได้ ตัดคู่แข่งไปได้อีกหนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ”
“เราลงมือกับพวกอ่อนแอคนอื่นก็ได้ไม่ใช่หรือ
พวกที่ตัวเท่ากันน่ะ” ในกลุ่มนั้นคนหนึ่งตัวสั่นตลอดเวลา
ทั้งขลาดกลัวและยังขี้ตกใจ เขามองซ้ายขวาสายตาล่อกแล่ก กลัวว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาตลบหลัง อีกคนก็เดินใจลอยยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว เห็นทีคนที่ตั้งใจจะมาเล่นงานฉินหลิวซีอย่างจริงจังจะมีแค่คนเดียว
“เจ้านี่มันปอดแหกจริง ๆ แค่เด็กคนเดียวก็กลัวเสียแล้ว”
“ข้าไม่ได้กลัวเด็ก ข้ากลัวความอำมหิตของเจ้ามากกว่า เด็กคนเดียวก็ลงมือได้ลงคอ”
“พูดมากเปลืองน้ำลาย หากไม่ทำก็ไสหัวไปให้พ้น!” เขาตวาดลั่นก่อนอีกสองคนจะพร้อมใจกันร้องชู่วบอกให้เงียบเสียงลง
ไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ก็จับพลัดจับผลูลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีแต่ต้องลงมือไปตามคนที่แข็งแกร่งกว่า
ตอนแรกนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจจอมยุทธ์น้อย
แต่ตอนที่ฉินหลิวซีสำรวจถ้ำ พวกเขาก็บังเอิญเห็นนางใช้ถุงเฉียนคุน ตั้งแต่นั้นจึงได้แอบติดตามมา นอกจากนี้ฝีมือของนางก็โดดเด่นจนน่าใจหาย นางล้มสัตว์อสูรได้ แต่กลับไม่ยอมต่อสู้กับจอมยุทธ์ด้วยกัน ทำให้หนึ่งในกลุ่มนั้นคิดว่านางคงต่อสู้ไม่เก่งแค่ล่าสัตว์ได้โดดเด่นเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นโอกาสที่พวกเขาจะแย่งแก่นอสูรมาได้ก็ดูจะมากขึ้น
พวกเขาเห็นนางมีความสามารถ แต่ก็ดูแคลนว่านางเป็นเด็ก พวกเขาจึงคิดแย่งชิงแก่นอสูรจากนางรวมถึงของวิเศษอื่น ๆ ด้วย
พวกเขาจับกระบี่ในมือมั่น ดีดตัวขึ้นไปเหนือพื้น
หันคมกระบี่ลงเบื้องล่าง ตั้งใจสังหารนางอย่างไร้เมตตา กระบี่ปักลงบนวัตถุนั้นอย่างง่ายดายจนน่าแปลกใจ พลันแผ่นหลังก็เย็นวาบราวกับถูกมัจจุราชจับจ้อง เขาพลิกตัวตั้งท่าป้องกัน เหล็กกระทบกันดังจนเกิดประกายไฟจากการเสียดสีอย่างรุนแรง
เคร้ง!
พริบตาที่แสงจันทร์สาดแสงลงมา จึงได้เห็นว่าตรงที่ตนปักกระบี่ลงไปเป็นแค่เปลไม้เปล่า ส่วนตัวคนทำเปลลอยอยู่เหนือพวกเขา
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อก็รู้สึกเจ็บที่สีข้าง รู้ตัวอีกทีก็มีเลือดไหลซึมออกมา พวกเขายังไม่ทันตั้งกระบวนท่าก็โดนกระบี่สั้นตัดเฉือนเข้าเนื้อไปหลายแผล ก่อนฝ่าเท้าของเด็กหญิงที่ตนปรามาสไว้จะทุ่มน้ำหนักลงมากลางหน้าท้อง พวกเขาเจ็บจุกจนหน้าถอดสีตกลงจากต้นไม้
อะไรกันเนี่ย เป็นผู้ใหญ่สามคนมารุมเด็กคนเดียว ทำให้ข้าบาดเจ็บไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผม พวกนี้น่าสมเพชเกินไปแล้ว
พวกมันยังไม่ทันตั้งตัวได้นางก็เตะซ้ำเข้าไปอีกคนละที เด็กหญิงตัวเบาโหวงราวกับเหินร่อนบนอากาศ เดินได้บนฟ้า ดั่งขนนกไร้น้ำหนัก มือหนึ่งถือกระบี่ร่อนลงไปตรงหน้า อัดลมปราณเข้ากระแทกหน้าอกจนคนหนึ่งกระอักเลือด
“สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดชัด ๆ นี่มันพละกำลังของมนุษย์แน่หรือ!” เขาตะเกียกตะกายวิ่งหนีไม่สนข้าวของที่หล่นไปจากตัว กรีดร้องเสียงหลงไปตลอดทาง
ฉินหลิวซีไม่ปล่อยให้เขาหนี นางพลิกกระบี่เขวี้ยงด้ามของมันมุ่งหน้าไปซัดอัดเข้าไปซ้ำจนด้ามจับกระแทกเข้ากับแผ่นหลังคนผู้นั้นจนล้มกลิ้งและสลบไปทันทีด้วยความผวาตกใจ
ชายสองคนมองนางด้วยสายตาหวาดกลัว แต่อีกคนก็ยังทำใจดีสู้เสือ
“อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ออกไปให้พ้น!”
“ข้าไม่ได้อัญเชิญผู้ใดเข้ามา เป็นพวกท่านอาวุโสเองไม่ใช่หรือที่ตั้งใจจะลงมือกับข้า” นางเอ่ยเสียงเนิบช้าไม่รีบร้อนจัดการ
“เห็นข้าเป็นเด็กอย่างนี้ก็ไม่ได้ใจดีหรือใสซื่อหรอกนะ” คนแค่สามคนรับมือง่ายกว่าฝูงซอมบี้ตั้งมาก เจ้าพวกศพเดินได้พวกนั้นจึงจัดการได้ยุ่งยากกว่านี้เสียอีก พวกมันไม่มีสมองคิด จู่โจมเข้ามาอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทาง จุดมุ่งหมายเดียวคือแพร่เชื้อใส่คนอื่น พวกมันไม่สนวิธีการและไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดจึงทำให้รับมือได้ยาก
นางทนชีวิตแบบนั้นมาไม่รู้กี่ปีต่อปี มนุษย์สามคนที่มีวิชาปราณระดับพื้นฐานจะเอาชนะนางได้อย่างไร ต่อให้ร่างกายของฉินหลิวซีไร้พรสวรรค์ แต่เมื่อนางเติบโตขึ้นเป็นสาวเต็มตัว เรื่องธาตุไม้ในกายก็เป็นพลังให้นางได้แน่นอนอยู่แล้วไม่มีทางที่จะแพ้คนเหล่านี้ได้หรอก
เด็กหญิงจัดการเอาคืนคนเหล่านั้นและแย่งแก่นอสูรมา มัดพวกเขาแล้วผูกเอาไว้บนต้นไม้ รวมแล้วสิ่งที่ยึดมาได้คือแก่นอสูรระดับหนึ่งเจ็ดอัน แก่นอสูรระดับสามห้าอัน และแก่นอสูรก่อกำเนิดสามอัน
บทที่ 1 สาวน้อยกับพวกไร้ยางอาย
25/03/2025
บทที่ 2 สาวน้อยกับอสูรระดับจักรพรรดิ
25/03/2025
บทที่ 3 สาวน้อยกับพวกหมาหมู่
25/03/2025
บทที่ 4 สาวน้อยกับการแลกเปลี่ยน
25/03/2025
บทที่ 5 สาวน้อยนำผลท้อมรกตเข้าร่วมประมูล
25/03/2025
บทที่ 6 สาวน้อยกับงานประมูล
25/03/2025
บทที่ 7 สาวน้อยกับการฝึกน้องชาย
25/03/2025
บทที่ 8 สาวน้อยกับเมืองประหลาด
25/03/2025
บทที่ 9 สาวน้อยกับสัตว์ประหลาด
25/03/2025
บทที่ 10 สาวน้อยกับวาสนาของนาง
25/03/2025
บทที่ 11 สาวน้อยกับสัตว์ในพันธสัญญา
25/03/2025
บทที่ 12 สาวน้อยกับสัตว์อสูรคู่หู
25/03/2025
บทที่ 13 สาวน้อยถูกศัตรูจู่โจม
25/03/2025
บทที่ 14 สาวน้อยกับการจัดการศัตรู
25/03/2025
บทที่ 15 สาวน้อยกับการกลับบ้าน
25/03/2025
บทที่ 16 สาวน้อยกับการก่อตั้งกำลังเสริม
25/03/2025
บทที่ 17 สาวน้อยกับการเปิดร้านโอสถ
25/03/2025
บทที่ 18 สาวน้อยกับการซื้อทาส
25/03/2025
บทที่ 19 สาวน้อยกับการสร้างฐานะ
25/03/2025
บทที่ 20 สาวน้อยกับการพบสหายวัยเด็กอีกครั้ง
25/03/2025
บทที่ 21 สาวน้อยกับการตามหาอาจารย์
25/03/2025
บทที่ 22 สาวน้อยกับวันผ่อนคลาย
25/03/2025
บทที่ 23 สาวน้อยกับจากลา
25/03/2025
บทที่ 24 สาวน้อยกับการพบอาจารย์อีกครั้ง
25/03/2025
บทที่ 25 สาวน้อยกับคนในครอบครัว
25/03/2025
บทที่ 26 สาวน้อยกับการเดินทางอีกครั้ง
25/03/2025
บทที่ 27 สาวน้อยกับการพบเจ้าสำนัก
25/03/2025
บทที่ 28 สาวน้อยกับสำนักเซียน
25/03/2025
บทที่ 29 สาวน้อยกับศิษย์ในสำนัก
25/03/2025
บทที่ 30 สาวน้อยกับการพบศัตรูอีกครั้ง
25/03/2025
บทที่ 31 สาวน้อยกับการเข้าร่วมพื้นที่ทับซ้อน
25/03/2025
หนังสืออื่นๆ ของ หลิ่งฟาง//พิมพ์สีทอง
ข้อมูลเพิ่มเติม