Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ตอนพิเศษซีรีส์สกุลจ้าว

ตอนพิเศษซีรีส์สกุลจ้าว

ต้ายวี่

5.0
ความคิดเห็น
392
ชม
10
บท

นิยายเรื่องนี้เป็นการนำตัวละคร ของสามเรื่องหลัก มาแต่งเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ  เพื่อตอบแทนนักอ่านที่รักทุกท่านที่สนับสนุนกันมาตลอดเวลา จะเป็นฉากเก็บตกที่รี๊ดขอมาทั้งสิ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ

บทที่ 1 เกือบไปแล้ว

(ชะตาร้ายกลายรัก)

รัชศกตี๋เฟยปีที่สาม

สายลมยามวสันต์โบกพัดผ่าน ใบไม้เหลืองนวลหลุดร่วงจากต้นกองทับถมกันเต็มพื้นดิน นางกำนัลน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตากวาดไปกองรวมกันไว้ ทว่าผ่านไปเพียงชั่วอึดใจลมลูกใหญ่ก็พัดหอบเอาใบไม้กองนั้นปลิวกระจายไปจนทั่วกัวซุนฮวาหันไปมองดูนางกำนัลที่กำลังวิ่งกลับไปกวาดเหล่าใบไม้มากองไว้เช่นเดิม นางมองดูเหตุการณ์เช่นนี้อยู่สามรอบ ริมฝีปากบางยกขึ้นพลางหัวเราะอย่างขบขัน ร่างอรชรกำลังจะก้าวขาลงไปยังใต้ต้นฟานสือหลิว ทว่ากับมีผ้าคลุมผืนหนึ่งวางลงบนหัวไหล่นางเสียก่อน

"เหตุใดจึงออกมายืนตากลมเช่นนี้เล่า เจ้าเพิ่งจะหายไข้สมควรแล้วหรือที่จะออกมาเช่นนี้ เป็นมารดาของลูกสามคนแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้ความอีกกัน" เสียงเข้มต่อว่าออกมา คิ้วหนาขมวดแน่นขับให้ใบหน้าที่หล่อเหล่าดูดุดันยิ่งขึ้น

"ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือเพคะ เช่นนั้นเข้าไปในห้องกันเถิด" กัวซุนฮวาหาได้โกรธเคืองไม่ นางส่งยิ้มให้สวามีอย่างเอาใจ มือบางจับไปที่มือหนาก่อนจะพาจ้าวฉงซานผู้เป็นสวามีเดินกลับเข้าไปในห้อง เพื่อพูดคุยเรื่องที่สวามีนางถูกเรียกเข้าไปพบองค์ฮ่องเต้จ้าวตี๋เฟยผู้เป็นพี่ชาย

พระชายาซุนฮวารินน้ำชายื่นให้สวามี ก่อนจะโบกมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกจากห้องเสีย เมื่อพ้นร่างนางกำนัลทั้งหลาย ซุนฮวาก็ลุกขึ้นไปยืนด้านหน้าและยกมือนวดขมับของสวามีอย่างเอาใจ จ้าวฉงซานหลับตาส่งเสียงออกมาอย่างพอใจ

"ลูกไปไหนหรือ อื้ม..ฝีมือการนวดของน้องหญิงนับวันยิ่งเก่งกาจยิ่งนัก เพียงสัมผัสข้าก็คลายปวดหัวเสียแล้ว" ซุนฮวายกยิ้มออกมา พลางก้มหน้าลงมองสวามีที่ยังคงหลับตาอย่างสบายอารมณ์ ทว่าสีหน้าดูพอใจยิ่งนัก

"เหว่ยเกอเอ๋อร์อยู่ที่สำนักศึกษายังไม่กลับ เยียนเจี่ยเอ๋อร์กับหยางเกอเอ๋อร์ท่านพ่อมารับไปที่จวนสกุลกัวเพคะ"

"ดีแล้วให้ท่านพ่อตามารับไปบ่อย ๆ เจ้าจะได้พักบ้าง ข้ารู้สึกว่าเจ้าผอมลงไปใช่หรือไม่" จ้าวฉงซานลืมตาขึ้น พลางกระตุกมือพระชายาครั้งเดียว ร่างอรชรก็ล้มลงบนตักแกร่ง

จ้าวฉงซานรีบยกมือขึ้นไปกอดพระชายาเอาไว้ ริมฝีปากหนาก้มลงจูบไปที่ต้นคอระหง มือหนายกขึ้นกอบกุมหน้าอกอวบอย่างเต็มมือ

"อื้อ..อย่าเพคะ" กัวซุนฮวาเชิดหน้าขึ้นหลับตาพริ้ม ก่อนจะส่งเสียงครางหวานออกมา ทว่าเมื่อตั้งสติได้ก็รีบจับมือซุกซนนั้นไว้เสียก่อน

"ห้ามข้าด้วยเหตุใด น้องหญิงรักกันสักรอบเถิด เจ้าก็รู้ว่าเวลาเช่นนี้หายากเพียงใด กว่าที่เจ้าเด็กเหล่านั้นจะไม่อยู่ติดกายเจ้าเช่นนี้ เจ้ายังจะห้ามข้าอีกหรือ"

"เดี๋ยวเพคะ..อื้ม..ท่านพี่อย่าเพิ่งซุกซนได้หรือไม่ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดกับพระองค์อยู่นะ อ่ะ.." กัวซุนฮวาเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างตนเองลอยขึ้นจากพื้น นางรีบยกมือขึ้นคล้องคอสวามีเอาไว้อย่างทันที

"ทำไปพูดไปก็ได้เช่นกัน ข้าไม่ถือ" จ้าวฉงซานวางร่างพระชายาลงไปบนเตียงอย่างเบามือ

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มตัวลงไป ส่งริมฝีปากไปประชิดที่ริมฝีปากบาง ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนลิ้นบางไปจนทั่วโพรงปาก ร่างกายพระชายาพลันอ่อนแรงปล่อยใจให้สวามีได้ตักตวงอย่างเต็มที่ จ้าวฉงซานขยับใบหน้าออกก่อนจะไล่จูบลงไปที่ซอกคอขาว พลางขบเม้มจนเกิดรอยดอกเหมยไปจนทั่ว อาภรณ์ด้านบนถูกแหวกออกจนเห็นเอี๊ยมสีแดงตัวน้อยที่ปกปิดความงดงามของหน้าอกอวบ สวามีหนุ่มอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ลิ้นร้ายตวัดเลียและดูดดึงผ่านเอี๊ยมตัวน้อยจนเปียกชุ่มเป็นหย่อม

"อ้าส์..ท่านพี่..หยุดก่อน อืม" เสียงหวานเอ่ยห้ามอย่างไม่จริงจัง ปากห้ามทว่าการกระทำกับตรงข้าม กัวซุนฮวาเชิดอกขึ้นป้อนไปยังริมฝีปากของสวามี

นอกจากไม่หยุดแล้ว จ้าวฉงซานยังปลดสายคาดเอวพระชายาก่อนจะขยับอาภรณ์ให้เปิดกว้าง ดวงตาหวานเงยหน้ามองสวามีด้วยตาฉ่ำวาว ริมฝีบวมเจ่อเผยอขึ้นอย่างท้าทาย

ท่านอ๋องหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะส่งมือหนาลงไปลูบที่กลางบุปผางาม น้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาท้าทายให้ลิ้มชิมรส จ้าวฉงซานก้มหน้าลงเหมือนดังคนละเมอ ปลายจมูกโด่งติดชิดปลายบุบฝาดอมดมกลิ่นหอมหวานอย่างแสนรัก

"เสด็จแม่เพคะ เยียนเอ๋อร์กลับมาแล้ว"เสียงหวานดังกังวานเหมือนดังระฆังยามเช้าร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง สองร่างที่เกือบจะสอดประสานอยู่ในห้องพลันชะงักค้าง

"ท่านพี่หยุดก่อนหยางเกอเอ๋อร์กับเยียนเจียเอ๋อร์กลับมาแล้ว" กัวซุนฮวาดันหัวไหล่สวามี พลางยกเรียวขาปิดบุปผางามเอาไว้ ใบหน้าหวานแดงก่ำไปด้วยความอาย นางไม่น่าตามใจสวามีเลย นอกจากจะไม่ได้สอบถามเรื่องในวังแล้วยังเกือบจะเสียทีสวามีอีกด้วย

"เสด็จแม่เพคะเปิดประตูให้ลูกด้วย เยียนเอ๋อร์กับหยางเอ๋อร์เก็บผลผิงกั่วมาให้เสด็จแม่เชื่อมเอาไว้ให้เสด็จพ่อทานด้วยเพคะ เปิดประตูเร็วเข้า"จ้าวชิงเยียนกับจ้าวเหวินหยางสองคนพี่น้องยื่นเคาะประตูหน้าห้องบรรทมของเสด็จพ่อและเสด็จแม่อย่างไม่ลดละ เด็กน้อยอุตส่าห์ เก็บผลผิงกั่วมาจากหลังจวนท่านตา หมายจะนำมาให้เสด็จแม่เชื่อมให้กิน

"ท่านหญิง ท่านอ๋องน้อยเพคะ เราไปทางโน้นดีหรือไม่ เดี๋ยวหม่อมฉันจะนำผลผิงกั่วไปล้างให้ก่อนเถิดเพคะ" เสี่ยวอี้นางกำนัลคนสนิทซุนฮวารีบมาห้ามสองพี่น้องเอาไว้ไม่ให้เคาะประตูห้องอีก นางกำนัลเหงื่อไหล่จนชุ่มไปทั้งกาย ถึงแม้ว่าลมจะโชยพัดสักเพียงใดก็ไม่อาจดับความร้อนใจลงไปได้ หากห้ามท่านหญิงกับท่านอ๋องน้อยไม่ได้ เกรงว่าหลังนางคงจะถูกโบยเป็นแน่

"เสี่ยวอี้มาขว้างไว้ทำไม เยียนเอ๋อร์จะให้เสด็จแม่เชื่อมผิงกั่วไว้ให้เสด็จพ่อ" ท่านหญิงน้อยถูกห้ามเอาไว้ก็หน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ ถึงแม้เสี่ยวอี้จะพยายามห้ามสักเพียงใด ทว่าสองพี่น้องก็ประสานเสียงกันเรียกให้เสด็จแม่ของพวกเขาออกมาให้ได้

"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะเปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ได้หรือไม่ ไม่ทรงรักหยางเอ๋อร์แล้วหรือ" เสียงเรียกปนสะอื้นของบุตรชายคนเล็กดังขึ้นมา ความอดทนของจ้าวฉงซานพลันหมดลง ท่านอ๋องหนุ่มตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน

"ไสหัวไป!!.."

เด็กน้อยผู้โชคร้ายสองคนต่างสะดุ้งตกใจทั้งคู่มองหน้ากันจ้าวชิงเยียนหอบผลผิงกั่วเต็มสองแขนวิ่งออกไปจากหน้าห้อง ทว่าจ้าวเหวินหยางยืนนิ่งอยู่กับที่ ท่านอ๋องน้อยตกใจเสียงเข้มของบิดา ริมฝีปากเล็กแบะปากคว่ำลง ก่อนจะแผดเสียงร้องลั่นออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม กัวซุนฮวาผวาขึ้นจัดอาภรณ์ให้เข้าที่และรีบวิ่งออกมานอกห้องอย่างเร่งด่วน

"โอ๋..หยางเกอเอ๋อร์ของแม่ แม่มาแล้วคนดีเจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ" กัวซุนฮวาไม่สนใจผิงกั่วที่ถูกปล่อยหล่นพื้น นางรีบอุ้มบุตรชายคนเล็กเอาไว้แนบอก

"เสด็จแม่ ฮื้อ ๆ เหตุใดไม่เปิดประตูให้หยางเอ๋อร์ ต่อไปนี้หยางเอ๋อร์จะไม่ห่างเสด็จแม่อีกแล้ว"หากพี่สาวไม่หลอกล่อให้ไปเก็บผิงกั่วนี้ที่จวนท่านตา มีหรือเขาจะยอมห่างจากอกมารดา ยิ่งกลับมาแล้วเห็นเสด็จแม่โดนขังอยู่ในห้องเช่นนี้ จ้าวเหวินหยางปวดใจยิ่งนัก เสด็จพ่อพระทัยร้ายเหลือเกิน

"หุบปาก!!..ร้องหาบิดาเจ้าหรือ เป็นลูกผู้ชายหรือไม่ร้องออกมาได้อย่างไร ส่งเจ้าเด็กบ้านี่มาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เสียชาติเกิด ตกใจบิดาก็ร้องแล้วหรือ" จ้าวฉงซานพยายามคว้าตัวบุตรชาย แต่มีหรือซุนฮวาจะยินยอม หากนางปล่อยมือบุตรชายนางคงถูกบิดาทุบอย่างแน่นอน

"ท่านอ๋อง!!..พระองค์ยังจะดุลูกอีกหรือ ไม่ได้ยินหรือว่าหยางเกอเอ๋อร์ไปเก็บผลผิงกั่วมาให้ผู้ใด เหตุใดถึงไร้เหตุผลเช่นนี้"

จ้าวฉงซานอ้าปากค้าง เขากำลังจะเอ่ยวาจาออกมา ทว่าพระชายากลับถลึงตาใส่ ‘แล้วจะทำอย่างไรได้อีกเล่า เจ้าเป็นใหญ่อยู่แล้วนี่ แต่เหตุใดต้องขึ้นเสียงใส่ข้าต่อหน้านางกำนัลกับเจ้าเด็กบ้านี่ด้วย’แน่นอนว่าท่านอ๋องผู้เกรียงไกรได้แต่นึกอยู่ภายในใจเท่านั้น

"ไปกันเด็กดี หยางเกอเอ๋อร์อยากทำผิงกั่วเชื่อมให้เสด็จพ่อใช่หรือไม่ เช่นนั้นแม่จะพาเจ้าไปทำ เสี่ยวอี้เก็บผิงกั่วตามข้ามา"ซุนฮวาอุ้มบุตรชายเดินออกไป พร้อมกับนางกำนัลเดินตามออกไปติด ๆ เช่นกัน

ท่านอ๋องหนุ่มผู้ถูกเมินได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตามลำพัง อารมณ์รักพลันมอดสลายไปจนสิ้น ท่านอ๋องหนุ่มก้มหน้าลงมองเป้ากางเกงตนเอง พลางถอนหายใจออกมาอย่างห่อเหี่ยว

"เฮ้อ...."

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ต้ายวี่

ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

โรแมนติก

5.0

ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เพลงกาม

เพลงกาม

มณีน้ำเพชร
5.0

เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด

เมียลับมหาเศรษฐี

เมียลับมหาเศรษฐี

เนื้อนวล
4.9

เมื่อความสัมพันธ์ลับๆ จบลง เพราะเขาต้องไปแต่งงานมีครอบครัว หล่อนจึงต้องหอบใจช้ำๆ และอีกชีวิตหนึ่งในครรภ์เดินจากไปอย่างไม่มีทางเลือก “ทำไมโลกมันกลมแบบนี้คะคุณภูมิ... ทำไมเราต้องเจอกันอีกด้วยคะ... ฮือออ” มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ ร่างกายสั่นเทิ้มน่าเวทนา การได้พบเจอกับภูมิระพีอีกครั้ง มันยิ่งทำให้แผลใจหัวใจขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น นี่หล่อนจะทำยังไงดี... จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ยังไง แล้วไหนจะยังลูกชายอีก หากภูมิระพีรู้ว่าหล่อนมีลูกของเขาติดท้องมา เขาอาจจะทำยังไง จะแย่งลูกไปจากหล่อนไหม

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก

Amye Hochschild
5.0

ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ