ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องอำมหิต

ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องอำมหิต

ต้ายวี่

5.0
ความคิดเห็น
16K
ชม
62
บท

ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง

บทที่ 1 บทนำ

จ้าวหลันอวี่นั่งหลับตานิ่งงันหวนคะนึงถึงวันที่นางคิดว่าตนเองเป็นนางพญาหงส์ มีอำนาจอันยิ่งใหญ่อยู่ในมือ นางยังจำได้ดีว่าวันพระราชพิธีสถาปนาฮองเฮาของแคว้นตงหยางถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่เพียงใด

ร่างอรชรสวมชุดประจำตำแหน่งอย่างเต็มยศแหงนหน้ามองขึ้นไปบนสุดของปลายบันไดหยก ที่บนสุดของพระที่นั่งมีร่างสูงใหญ่สวมชุดมังกรสีเหลืองนั่งมองอยู่ด้วยสายตาอ่อนโยน

มงกุฎหงส์ประดับไข่มุกแวววาวเมื่อกระทบแสงอาทิตย์ มันสั่นไหวตามการเคลื่อนของศีรษะ ใบหน้าหวานพลันแย้มยิ้มออกมา ในที่สุดนางก็มีวันนี้ และในที่สุดความแค้นที่ท่านแม่ถูกวางยาก็จะได้รับการพลิกคดีขึ้นมาใหม่ด้วยสองมือของนางเอง อำนาจของฮองเฮาด้อยกว่าก็แค่เพียงฮ่องเต้ แล้วผู้ใดเล่าจะกล้าขัดขวาง ทว่าความยิ่งใหญ่นั้นก็คล้ายกลายเป็นเพียงหมอกควันที่จางหายไป

เพราะยามนี้จ้าวฮองเฮาที่เคยยิ่งใหญ่อยู่ในอำนาจได้แค่เพียงสามเดือน กลับถูกจองจำอยู่ในตำหนักเย็นเพียงลำพัง ดวงตาหงส์จ้องมองไปยังปลายแสงสว่างที่หน้าประตู ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดมังกรสีเหลืองเดินเข้ามาช้า ๆ สายตาคมจ้องมองไปยังเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ หนานกงกงเห็นดังนั้นก็รีบถอดเสื้อคลุมวางลงบนเก้าอี้ และเดินค้อมตัวออกไปยืนรอรับคำสั่งอยู่ที่ด้านหลัง

“เจ้าสบายดีหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามเหมือนห่วงใยกัน ทว่าความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หากเขาห่วงใยนางจริง เขาจะส่งนางมาอยู่ที่นี่ทำไมกัน ข้อตกลงที่เคยทำร่วมกันบัดนี้เขาตระบัดสัตย์หักหลังนางอย่างโหดร้าย ร่างอรชรยืดตัวขึ้นแผ่นหลังตั้งตรง อาภรณ์ที่สวมใส่มิได้ยับย่นไปเลยแม้แต่น้อย เคยงดงามเช่นไร ก็ยังคงงดงามเช่นนั้น

“พระองค์ก็ลองถูกกักขัง และถูกใส่ร้ายดูบางสิเพคะ จะได้รู้ว่าหม่อมฉันสบายดีหรือไม่?”

“หลันอวี่เราเองก็จนใจ หากไม่กำจัดเจ้าทิ้งเสีย บัลลังก์ของเราก็จะไม่มั่นคง นังเฒ่าหวังอรพิษนั่นมีราชโองการ...”ตวนมู่หมิงฮ่าวฮ่องเต้หยุดพูดกลางคันพลางถอนหายใจออกมา

“ช่างเถอะ บอกเจ้าไปก็ไม่ประโยชน์อันใดอีกแล้ว อวี่เอ๋อร์ความจริงในใจเราชื่นชอบเจ้าเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้เราก็อยากจะเก็บเจ้าไว้ข้างกาย แต่เราไม่อาจทำได้ หากให้เลือกระหว่างหัวใจและอำนาจ เจ้าเองก็คงต้องเลือกเหมือนเช่นเราจริงหรือไม่” ใช่!..หากให้เลือกระหว่างหัวใจและอำนาจ นางย่อมเลือกอำนาจ มิเช่นนั้นนางจะเลือกผลักดันเขาขึ้นนั่งบัลลังก์หรือ

“พระองค์จะสังหารหม่อมฉันใช่หรือไม่?” นางเชิดหน้าขึ้นถามออกไป มิได้มีความกลัวแม้แต่น้อย จะต้องกลัวไปไย ในเมื่อเส้นทางนี้นางเลือกด้วยมือของตนเอง นางลิขิตมันด้วยตนเอง หากมันจะต้องจบนางก็หากลัวไม่

เพียงแต่ข้อหาที่เขาป้ายลงมาบนศีรษะนางช่างน่าขำนัก วางยาพิษไทเฮาเช่นนั้นหรือ แน่นอนว่านางอยากให้ไทเฮาชั่วนั่นตายไปเสีย ทว่านางคงไม่โง่ถึงขั้นวิ่งไปวางยาพิษที่ตำหนักเฉินเฉียนกงกระมัง?

“เลือกมาเถิด ผ้าขาว หรือสุราพิษ” ดวงตาเรียวหดเกร็งหากบอกว่าไม่กลัวความตายก็คงเป็นการโกหก ผู้ใดบ้างจะอยากตาย นางยังไม่ได้แก้แค้นให้มารดา หวังจิ่วเหมยและหวังไทเฮายังไม่ได้รับโทษฐานที่สังหารมารดานางเลย ใต้หล้ายังมิได้รู้ถึงความชั่วที่คนพวกนั้นร่วมมือกันทำร้ายมารดานางเลย นางจะยอมได้อย่างไร

“เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดต้องใส่ร้ายหม่อมฉัน” นางหันหน้าไปมองพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถึงแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเพราะนางหมดประโยชน์เป็นเพียงหมากไร้ค่าก็ต้องถูกกำจัดเป็นธรรมดา

“เพราะเราไม่มีทางเลือก หากเจ้าไม่ตายเราก็แต่งตั้งจ้าวม่านฟางเป็นฮองเฮาไม่ได้ แต่เจ้าไม่ต้องกลัว จ้าวม่านฟางก็ถือตราหงส์ได้ไม่นานหรอก หึ...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จ้าวม่านฟางน้องสาวต่างมารดาของนางเองหรอกหรือ มีความเป็นไปได้เพราะมารดาของม่านฟางเป็นน้องสาวของไทเฮาย่อมอยากผลักดันกันขึ้นมาแทนที่นางอยู่แล้ว

“พระองค์บอกหม่อมฉันว่าจะสังหารหวังจิ่วเหมยและหวังไทเฮาคืนความเป็นธรรมให้มารดาหม่อมฉัน นี่มิใช่ว่าข้ามแม่น้ำรื้อสะพานหรอกหรือ” นางมิได้สนใจว่าผู้ใดจะได้เป็นฮองเฮาต่อจากนาง สิ่งที่สนใจคือศัตรูของนางยังไม่ตาย!...

“วางใจเถอะ แม่เลี้ยงเจ้าเราจะสังหารให้เอง และนังเฒ่าอสรพิษนั่นด้วย แต่...มันยังไม่ถึงเวลา เจ้าไปดีเถิดนะ หากจะแค้นก็แค้นที่โชคชะตาเถิด” ตวนมู่หมิงฮ่าวมองใบหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับหนานกงกง เขาลุกขึ้นยืนสะบัดชายอาภรณ์เหลือทองเดินออกไปจากตรงนั้น

“ฮองเฮา...กระหม่อมล่วงเกินแล้ว”หนานกงกงและขันทีน้อยเดินถือถาดสองถาดเข้ามาตรงหน้า

จ้าวหลันอวี่หัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ ริมฝีปากบางบิดเบี้ยวลงไป ตวนมู่หมิงฮ่าวหยุดเดินอยู่หน้าประตู หันกลับมามองหญิงสาวที่เคยร่วมชีวิตกันมา สายตาจ้องมองกันหนึ่งสว่างหนึ่งมืดมิด

“ตวนมู่หมิงฮ่าวหากข้ามีโอกาสได้เลือกอีกครั้ง ข้าสาบานว่าจะไม่มีวันเลือกเจ้า สุราพิษจอกนี้ข้าจะคืนมันให้เจ้าแน่นอน” พูดจบก็คว้าเอาจอกเหล้าผสมยาพิษขึ้นกระดกลงไปในลำคอ หากได้เลือกใหม่อีกครั้งต่อให้ทุกภพชาติจะมิได้เกิดเป็นมนุษย์อีก นางก็ยอม...

“เช่นนั้นชาติหน้าเจ้าก็คืนมันมาให้เราเถิด แต่หากเป็นชาตินี้...อวี่เอ๋อร์เจ้าหมดสิทธิ์แล้ว”

ภาพยามเยาว์วัยผุดขึ้นมาในหัว ใบหน้าของบุรุษผู้เป็นคู่หมั้นลอยเข้ามาในห้วงแห่งความคิด หากนางเลือกเขาตั้งแต่แรก นางจะตายอนาถเช่นนี้หรือไม่ หากนางแต่งไปอยู่ต่างเมืองกับเขา เขาจะแก้แค้นให้กับมารดาของนางหรือไม่

คำถามมากมายที่ไร้คำตอบ เพราะบัดนี้ร่างอรชรพลันล้มลงบนตั่ง ริมฝีปากบางมีโลหิตไหลออกมา ทว่าดวงตายังคงเบิกโพลง มองเงาร่างสูงใหญ่นั่นไกลออกไปทุกที

เปรี้ยง!...เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วท้องนภา สายอสุนีบาตฟาดลงไปที่ต้นไม้หน้าตำหนักเย็นเกิดประกายไฟลุกไหม้ เพียงไม่นานสายฝนก็สาดลงมาดั่งฟ้าพิโรธ

ตวนมู่หมิงฮ่าวเงยหน้ามองท้องฟ้า และหันไปมองต้นไม้ต้นนั้น ดวงตาคมเบิกกว้างเหมือนเป็นดั่งลางร้าย ฝนตกหนักถึงเพียงนี้แล้วเหตุใดไฟที่ต้นไม้จึงไม่ดับ ฮ่องเต้หนุ่มรีบส่งเสียงคำรามสั่งหนานกงกงให้ดับไฟนั้นเสีย ควันไฟลอยคลุ้งหลังจากที่ไฟบนต้นไม้ดับลง

เขามองดูกลุ่มควันไฟ อดจะหันกลับเข้าไปมองในห้องมิได้ สายตาที่เบิกโพลงยังคงจ้องตรงมาที่เขา ถึงแม้จะรู้ว่ายามนี้นางหาได้มีชีวิตอยู่แล้ว แต่กระนั้นขนบนแขนก็ยังคงตั้งชัน

************************

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ ต้ายวี่

ข้อมูลเพิ่มเติม
ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

โรแมนติก

5.0

ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.5

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

Roana Javier
4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

เป็นสุดที่รักของผู้เผด็จการ

Charlton Buccafusco
5.0

ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องอำมหิต
1

บทที่ 1 บทนำ

26/05/2025

2

บทที่ 2 สกุลจ้าว

26/05/2025

3

บทที่ 3 หรือจะเป็นเพียงความฝัน

26/05/2025

4

บทที่ 4 เดินหมากด้วยตนเอง

26/05/2025

5

บทที่ 5 สามวีรบุรุษสร้างแคว้น

26/05/2025

6

บทที่ 6 เข้าใจเหตุผล

26/05/2025

7

บทที่ 7 เหมือนมารดาของเจ้ายิ่งนัก

26/05/2025

8

บทที่ 8 ซ่อนกล

26/05/2025

9

บทที่ 9 ตกสระบัว

26/05/2025

10

บทที่ 10 รับผิดชอบเอง

26/05/2025

11

บทที่ 11 เตรียมใจแต่งให้ข้า

26/05/2025

12

บทที่ 12 จ้าวอี้หาน

26/05/2025

13

บทที่ 13 แต่งงานย่อมเป็นคำสั่ง

26/05/2025

14

บทที่ 14 หนี

26/05/2025

15

บทที่ 15 สาวใช้ทรยศ

26/05/2025

16

บทที่ 16 ข่มขู่

26/05/2025

17

บทที่ 17 โสเภณีกองทัพ

26/05/2025

18

บทที่ 18 ต้องการสิ่งใดจากข้า

26/05/2025

19

บทที่ 19 สร้อยสมปรารถนา

26/05/2025

20

บทที่ 20 ส่งสร้อยกับจี้หยกมา

26/05/2025

21

บทที่ 21 หมวกเขียวใบใหญ่

26/05/2025

22

บทที่ 22 เผาโรงครัว

26/05/2025

23

บทที่ 23 ร้ายต่อคนทั้งใต้หล้าแต่จะดีต่อท่านเพียงผู้เดียว

26/05/2025

24

บทที่ 24 หลบหน้า

26/05/2025

25

บทที่ 25 ข้าไว้ใจท่าน

26/05/2025

26

บทที่ 26 ลอบทำร้าย

26/05/2025

27

บทที่ 27 เหตุใดจึงแต่งตัวเช่นนี้

26/05/2025

28

บทที่ 28 ไว้ใจได้หรือไม่

26/05/2025

29

บทที่ 29 แบ่งกลุ่มคน

26/05/2025

30

บทที่ 30 ข่าวลือ

26/05/2025

31

บทที่ 31 อยากเป็นฮองเฮาหรือไม่

26/05/2025

32

บทที่ 32 ให้ข้าช่วยสืบดีหรือไม่

26/05/2025

33

บทที่ 33 ใต้หล้าเป็นสินสอด

26/05/2025

34

บทที่ 34 กุมความลับ

26/05/2025

35

บทที่ 35 ดูหมิ่น

26/05/2025

36

บทที่ 36 กักขังสวี่ไท่เฟย

26/05/2025

37

บทที่ 37 ขุดหลุมพรางดักรอ

26/05/2025

38

บทที่ 38 ถูกจับตัวไป

26/05/2025

39

บทที่ 39 ศิษย์สำนักเดียวกัน

26/05/2025

40

บทที่ 40 แตะถูกเกล็ดย้อน

26/05/2025