ฉินหลานเหอต้องกลายเป็นนางร้าย(ลับ) ผู้ที่คอยชักจูงนางเอกของเรื่องให้สังหาร "พระรองตัวร้าย" บ้าไปแล้ว! นางออกจะหลงใหลเขาปานนี้ ให้จับเขากดลงบนเตียงยังง่ายเสียกว่า!
1
พรรคมารไร้นาม
ณ หุบเขาอี้ฉุน
เทือกเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ป่าหลิวแผ่กิ่งก้านสยายดุจปีกหงส์ ยามสายลมเย็นเยียบพัดกระเพื่อมพฤกษาพงไพรเป็นระลอกคลื่น บรรยากาศพลันหดหู่หม่นหมอง กลิ่นอายความตายแผ่ไพศาลทั่วทั้งแปดทิศ
เบื้องบนมีม่านหมอกสีราตรีไร้ดาราปกคลุมทั่วฟ้า ควันดำทมิฬฟุ้งขจายดุจขี้เถ้าหลังไฟมอดดับ
ทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ผลิ ที่แห่งนี้กลับมืดมิดยิ่งกว่าค่ำคืนกลางฤดูหนาว
ครั้นเมื่อสายฟ้าฟาดกิ่งหลิว ส่งเสียงดังกึกก้องไปสิบลี้ สัตว์ร้ายขั้นราชาอสูรแผดเสียงโฮก สะเทือนไปทั่วเมืองสี่โหรว ปักษาไร้จิตวิญญาณสะดุ้งโหยง ตกใจจนหลงลืมวิธีบิน ต่างทะยานชนกิ่งหลิวร่วงหล่นสู่พื้น
สีแห่งความมืดมิดถูกย้อมด้วยโลหิตข้นเหนียว เป็นภาพอันน่าสะพรึงภาพหนึ่ง
อีกด้านไม่ไกลจากนั้น หนึ่งในคณะสำรวจจากราชสำนัก ยืนตัวสั่นระริก
เขาเป็นถึงผู้ฝึกปราณขั้นสี่ ก่อนหน้านี้ควบคุมทัพสิบหมื่นชีวิต บุกยึดแคว้นเล็กแคว้นน้อย มีความดีความชอบตั้งมาก ทว่าต่อหน้าสัตว์อสูรระดับหก ต่อให้มีชีวิตพันชีวิตก็ไม่พอ!
หากการบุกเบิกเมืองง่ายดาย ต้าเหยียนจะมีพื้นที่อยู่อาศัยเพียงหนึ่งในสามรึ!
สองในสามส่วนของแผ่นดินต้าเหยียน เป็นเขตแดนของสัตว์อสูร เขตต้องห้ามอันเป็นสถานที่ลี้ลับไร้เจ้าของเช่นนี้ หากเขาสามารถครอบครอง ตระกูลซูย่อมสุขสบายไปอีกสิบชาติ
เพียงแต่ ความแตกต่างระหว่างขั้นสี่และขั้นหก ไม่ต่างจากสวรรค์และโลก
“ฮึ่ม! เมืองสี่โหรวนับเป็นเขตต้องห้าม ทูลฮ่องเต้ ที่แห่งนี้ ไม่มีสิ่งใดใช้สอยได้ทั้งนั้น”
เมื่อออกคำสั่งกับคนสนิทจบ ซีหยวนโหวควบม้าเมฆานิลทะยานกลับนครหลวงทันที ทหารข้างกายทอดถอนหายใจ มองหุบเขาสูงใหญ่เบื้องหน้า ที่แห่งนี้มิใช่ไร้สมบัติ แต่เจ้าถิ่นแข็งแกร่งเกินไป อย่างไรก็ไม่อาจล้ำเส้น
“กลับ!”
เรื่องอะไรจะอยู่ให้โง่เล่า หากราชาพยัคฆ์เกิดมีโทสะขึ้นมา เมืองสี่โหรวไม่เพียงพินาศเป็นหน้ากอง เมืองหยุนซื่อติดกันก็จะกลายเป็นเมืองผีไปด้วย!
เสียงกองกำลังสำรวจเมืองเร่งทัพกลับนครหลวง ดังไปถึงหุบเขาชั้นใน กล่าวให้ถูกก็คือ ดังอยู่ในกระจกบานใหญ่ขลิบทองอร่ามตาบานหนึ่ง
กระจกส่องปฐพี เป็นสมบัติวิเศษระดับเจ็ด ใช้สอดส่องระยะสิบหมื่นลี้พร้อมกันสูงสุดร้อยแห่ง ในบรรดาของวิเศษสายสอดส่อง กระจกส่องปฐพีนับว่าเหนือล้ำสูงสุด
ด้านตรงกันข้ามกับกระจกส่องปฐพี คือบัลลังก์ไม้หนานมู่ฉลุดอกพลับพลึงสีเลือดเสมือนจริง ผลิบานบนโครงกระดูกสีขี้เถ้าอย่างมิอาจแบ่งแยก เสมือนบุปผาในโลกหลังความตายกลางหลุมศพ
บนบัลลังก์ ร่างบางเล็กในอาภรณ์หรูหราสีชมพูอ่อน โคลงศีรษะไปมาด้วยความง่วงงุน หลังฟังวาระการประชุมไร้สาระอยู่นานสองนาน
“ข้าบอกแล้วอย่างไร กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง ท่านหญิงน้อยจะมีฐานลับเพียงหนึ่งเดียวมิได้ สมควรปลูกสร้างคฤหาสน์หลังโต บนหมู่เกาะอวิ๋นซาน!” ผู้กล่าวคือไป๋อี้หรวน หากไม่นับผู้เป็นนาย นางเป็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในที่แห่งนี้
ไป๋อี้หรวนมีเรือนร่างอ้อนแอ้น ทรวดทรงงามพร้อม รูปโฉมงามล้ำ ดวงตาคมสวยปลายหางชี้ตวัด ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงชาด แผ่กลิ่นอายนางจิ้งจอกงามล่มเมือง
โฉมงามนางนี้ ฝึกฝนจนบรรลุปราณขั้นหก หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘ขอบเขตราชันย์’
ทั่วทั้งดินแดนจงหนาน ทราบกันดีว่าปราณขั้นหกในตำนาน เป็นพลังสูงสุดเท่าที่บรรพบุรุษเคยไปถึง
กระทั่งยอดฝีมือมือหนึ่งของราชสำนักอย่างราชครูฟาง ยังชะงักอยู่ที่ขั้นสี่ช่วงกลางมาหลายสิบปีแล้ว เขามีอายุได้สี่ร้อยปีเศษ ดำรงชีพมาหลายยุคสมัย กลับพ่ายแก่โฉมงามนางนี้
“ข้าเห็นด้วยกับน้องสี่ หุบเขาอี้ฉุนราวกับสวนหลังบ้าน มีสัตว์เลี้ยงเฝ้าเรือนเป็นตัวพิการอ่อนด้อยขั้นหก จะคู่ควรกับท่านหญิงผู้สูงส่งเหนือผู้คนของพวกเราได้อย่างไร”
“พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง!” ไป๋อี้หรวนผงกศีรษะเห็นชอบ นางมองไป๋เจิ้งกำลังแผ่กลิ่นอายล้ำลึก ในใจเกิดความฉงน “ท่านบรรลุถึงขอบเขตเทวะแล้ว? ประเสริฐอย่างยิ่ง! ในที่สุดพวกเราพี่น้องก็ใกล้ความฝันเสียที อีกไม่กี่ร้อยปีต่อจากนี้ ท่านย่อมทะลวงถึงขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ได้แน่”
ถ้อยคำนี้แล่นไปถึงหูของดรุณีน้อยบนบัลลังก์ อาการครึ่งหลับครึ่งตื่นพลันมลายสูญสิ้น
‘เจ้าปีศาจไป๋เจิ้ง ร้ายกาจขนาดนี้เลย?’
ดวงหน้าจิ้มลิ้มสูญเสียความสงบครู่หนึ่ง ม่านตาปรากฏร่องรอยสั่นไหว
ดรุณีนางน้อยนางนี้ คือผู้ที่ผู้คนทั่วต้าเหยียนรับรู้ว่าเป็น ‘ซูหลีอิ๋น’ ธิดาฮูหยินซื่อจื่อแห่งจวนซีหยวนโหว คุณหนูสามแสนอ่อนแอไร้ค่า ซึ่งถูกอนุคนโปรดของบิดาใส่ความว่าเป็นตัวกาลกิณี จนต้องใช้ชีวิตในอารามอยู่หลายปี
บัดนี้นางมีอายุได้สิบสี่ขวบปี สำหรับโลกใบนี้นับว่ายังเยาว์มากนัก ไม่เหมือนกับยุคจีนโบราณที่มีอายุขัยจำกัด ดินแดนจงหนาน คนธรรมดายังมีอายุขัยถึงร้อยห้าสิบปี เด็กวัยสิบสี่ขวบปีอย่างนาง ไม่ควรแบกรับภาระใหญ่เช่นนี้
ใช่! นางยังเด็ก ร่างกายยังเล็กตัวกะเปี๊ยกเดียว กลับถูกกลุ่มมารปีศาจวิกลจริต จับมาเล่นปาหี่ในบทบอสเจ้าถิ่น!
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก่อน นาง ไม่สิ ‘เธอ’ คือฉินหลานเหอ นักอ่านนิยายออนไลน์ ควบตำแหน่งนักวิจารณ์ ฉายามารร้ายถล่มพระเอก
จำนวนดาวที่เธอจะรีวิวให้นิยายที่อ่าน ร้อยละเก้าสิบเก้าคือสามดาวถ้วน
ส่วนนิยายเรื่องไหนที่พระรองเข้าเส้นชัย รับไปเลยห้าดาวเต็ม!
ใครจะรู้ว่า เธอจะทะลุมิติเข้านิยายที่ด่าไว้อย่างไม่เหลือชิ้นดี
ซูหลีอิ๋นคือหนึ่งในตัวละครสมทบเรื่อง ‘ยอดสตรีสะท้านภพ’ นิยายจีนแฟนตาซีฮาเร็มชาย แนวฝึกพลังปราณ ที่นางเอกฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วเกินมนุษย์มนา ด้วยสกิลโกงขั้นเทพ ไล่ล่าสมบัติและสมุนไพรทิพย์ ล้างกระดานอำนาจเก่า สร้างขั้วอำนาจใหม่อย่างเอิกเกริกสะท้านภพ
ยอดสตรีสะท้านภพ ดำเนินเรื่องราวด้วยการเปิดฉากตัวร้ายเข้ามาหาเรื่อง ดูถูกดูแคลนนางเอกอย่างไร้เหตุผล ประหนึ่งคนไร้สมองกร่างไม่เข้าท่า
จากนั้นนางเอกของเรื่อง ก็จะตบหน้ากลับคนพวกนี้ด้วยพลังที่เหนือล้ำเกินความคาดหมาย จนหน้าสั่นเป็นแถบๆ
จนเมื่อเรื่องราวไม่คืบหน้าวนไปวนมาอยู่ที่เดิม นักอ่านเริ่มส่งเสียงบ่น คนแต่งถึงรีบร้อนจบเรื่อง ด้วยการให้นางเอกมุ่งกำจัดบอสทีละตัว จนไปถึงลาสบอส
ซึ่งลาสบอสที่ว่า ก็คือคู่หมั้นของซูหลีอิ๋น ประมุขเซียวจิ้ง!
นางเอกของเรื่องมีชื่อว่าซูหลีเมิ่ง เป็นบุตรีสายตรงที่แท้จริงของซีหยวนโหว คุณหนูใหญ่จากบ้านใหญ่ ผู้เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ ชาญฉลาดบู๊บุ๋นได้ทั้งนั้น
ซึ่งกว่านางจะมีภาพลักษณ์ดังที่ว่ามานั้น ต้องกลายเป็นขยะไร้พลังมาหลายปีก่อน ตามสไตล์ยอดนิยมเป๊ะ!
ด้วยการขัดขวางจากย่าเลี้ยงและตัวร้ายทั้งหลาย หนทางการฝึกฝนย่อมไม่ราบรื่นตามระเบียบ ก่อนเผชิญโลกกว้าง ซูหลีเมิ่งต้องต่อสู้แย่งชิงในเรือนหลัง กระทั่งกำจัดศัตรูในบ้านจนหมดก่อน จึงจะได้พบกับบุรุษผู้สูงศักดิ์ และศัตรูผู้มีฝีมือเหนือล้ำที่แท้จริง
นางเอกของเรื่องใช้เวลาเพียงสิบปี ทะลวงไปถึงพลังปราณขั้นเจ็ด นางสร้างตำนานใหม่ในดินแดนจงหนาน และยังได้พบประมุขพรรคมารผู้รักถนอมดวงใจ ร้ายกาจกับคนทั้งโลก รักแต่นางเพียงผู้เดียว ตามกระแสนิยม
คณะฮาเร็มยังมีทั้งฮ่องเต้แคว้นโจว องค์ชาย ราชามาร สหายตอนเด็ก ที่แม้จะผิดหวังตามพล็อต พวกเขาก็ยังคงรักนางเอกสลักใจ
ในเล่มแปดยังมีฉากหนึ่งในฮาเร็มอย่างฮ่องเต้แคว้นโจว อภิเษกฮองเฮาเข้าวังหลวง ด้วยเหตุผลมีรูปโฉมคล้ายซูหลีเมิ่งถึงหกส่วน สุดท้ายฮองเฮาผู้นี้กลับกลายเป็นหนึ่งในนางร้าย จุดจบไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง
ฉากจบสุขสำราญในเล่มสิบ คือฉากกำจัดลาสบอสและแต่งงานอย่างมีความสุข ลาสบอสเป็นผู้ชายหล่อเหลาทรงอำนาจ ประมุขสำนักอันดับหนึ่งแห่งดินแดนเยวี่ยลวี่ ภายนอกสุขุมอ่อนโยน ภายในเหี้ยมโหดอำมหิต
เขาคือคนที่ผู้คนทั้งแผ่นดิน เรียกขานว่าเทพจักรพรรดิ ดุจดั่งเทพสวรรค์จุติสู่พื้นดิน
สุดท้าย กลับต้องพบจุดจบด้วยเงื้อมมือพระนางสุดโกง ที่บรรลุพลังปราณทีละขั้นไปจนถึงขั้นเก้า ส่วนลาสบอสพลังหยุดชะงักมาเนิ่นนาน ต่อหน้าพลังโกงสองต่อหนึ่ง วิญญาณจึงแตกสลายไม่มีหลงเหลือ
นิยายเรื่องนี้สุขสันต์ตามพล็อตยอดนิยม คนเลวถูกกำจัด ย่อมเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว?
ไม่เลย! นี่มันไม่ถูกต้อง!
ความผิดหนึ่งเดียวของลาสบอส คือลุ่มหลงสตรีผิดคน ส่วนความผิดที่คนทั้งโลกรับรู้ ล้วนเพราะ ‘นางร้ายลับ’ จัดฉากทั้งหมด
นิยายเรื่องนี้ มีความลับอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ นางเอกไม่รู้ พระเอกไม่รู้ คนอ่านยิ่งไม่รู้ มีเพียงนักเขียนผู้จรดปากกาสร้างนิยาย และนักอ่านวินาศสันตะโรอย่างเธอที่รู้
ต้นเหตุทั้งหมดมาจากสุดยอดบอสลับ ผู้ซุกซ่อนตัวอย่างแนบเนียน
บอสลับผู้นี้ ด้านสว่างคือ องค์หญิงเอี้ยนหนิง องค์หญิงอันดับหนึ่งแห่งนครหลวง ผู้อ่อนแอปานปุยนุ่น เพียงสายลมพัดผ่านก็ทรงตัวไม่อยู่ ต้องมีคนประคองตลอดเวลา
นางมีชาติกำเนิดสูงส่ง แต่ด้วยแผนการร้ายในวังหลังจึงต้องกลายเป็น ‘ซูหลีอิ๋น’ อยู่หลายปี
ทว่าด้านมืดนางนั้นคือว่าที่หมอเทวะหมื่นพิษ ท่านหญิงผู้สืบทอดพรรคมารไร้นาม!
ในนิยายยอดสตรีสะท้านภพ ซูหลีอิ๋นมีบทบาทเป็นสหายซูหลีเมิ่ง ตั้งแต่มีฐานะเป็นลูกพี่ลูกน้อง จนกระทั่งเปลี่ยนสถานะ นางคอยช่วยชี้ทางล่าสมบัติอย่างแนบเนียน สนับสนุนนางเอกในทุกด้าน เพื่อจุดจบอันสุขสันต์
คนอ่านส่วนใหญ่ยกให้เป็นตัวประกอบอันดับหนึ่ง และยังทวงหาเล่มต่อของนางอีกด้วย ทว่านักเขียนที่มักจะ ‘แสร้ง’ ลืมชื่อตัวละครตัวนี้ บอกว่าเนื้อคู่ของนางตายไปแล้ว ปฏิเสธการเขียนภาคต่ออย่างไร้เยื่อใย
เรื่องที่ฉินหลานเหอมาสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไรนั้น ไม่สำคัญเท่ากับความเจ็บแค้น!
หลังรัวแป้นพิมพ์ด่านักเขียนคนโปรดไว้สามหน้ากระดาษ เธอได้รับคำสปอยเบื้องหลังความพินาศของเจ้าสำนักเซียวจิ้งว่า ‘ทุกอย่างตรงตามแผนการของบอสลับ ประมุขหญิงพรรคมาร อวี้เมี่ยวหนิง’
อวี้เมี่ยวหนิงคือนามแท้จริงของซูหลีอิ๋น หลังถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงห้า ทั้งเรื่องจำนวนสิบเล่ม มีการประกาศชื่อเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หากฉินหลานเหอไม่ใช่แฟนนิยายของแท้ดั้งเดิม เธอย่อมจดจำชื่อบอสลับผู้นี้ไม่ได้ แต่เธอติดตามนิยายเรื่องนี้มาถึงห้าปีเต็ม เรียกได้ว่าวนอ่านนิยายเรื่องนี้เกินสิบหน จดจำเรื่องราวได้ทุกฉากทุกตอน
เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวละครที่บอบบางอ่อนโยน ทั้งยังคอยซัพพอร์ตนางเอกตลอดทั้งเรื่อง จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่
และที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ เมื่อเธอพยายามทำใจเย็น ส่งข้อความถามถึงความเป็นไปได้ที่เซียวจิ้งจะฟื้นคืนชีพ ซ่งอวี้จื่อ ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ กลับส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีขาว พร้อมเสียงหัวเราะเล็กแหลม และข้อความสุดท้ายว่า ‘ไม่มีทาง’
นั่นหมายความว่าเซียวจิ้งของเธอ ไร้ทางรอด!
ฉินหลานเหอถูกนักเขียนที่ชื่นชมมาห้าปีเต็ม ทำร้ายจิตใจขั้นรุนแรง เธอเจ็บไข้อยู่หลายวัน จนร่างกายซูบผอมไร้เรี่ยวแรง สุดท้ายไม่ทันได้สอบไฟนอล ชีพจรก็หยุดเต้นอย่างไร้สาเหตุ กระทั่งฟื้นคืนชีพใหม่ในร่างนางร้ายลับ ที่เธอก่นด่าถึงทรวงนี่แหละ
เวลาหนึ่งเดือน เพียงพอให้เธอทำความเข้าใจ และยอมรับสถานะใหม่
ต่อจากนี้จึงไม่มี ‘เธอ’ คนเก่า มีเพียง ‘นาง’ ฉินหลานเหอ ท่านหญิงผู้สืบทอดพรรคมารไร้นาม!
เรื่องทะลุมิติดุจนิยายกลาดเกลื่อน ฉินหลานเหอปรับตัวได้แล้ว ชื่อของนาง ยังตรงกับนามที่ท่านตาตั้งให้อีกด้วย ประจวบเหมาะอย่างยิ่ง
ปัญหาใหญ่ก็คือ เรื่องราวเบื้องหลังบอสลับถูกซุกซ่อนเสมอมา นักอ่านไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้ ความน่าสะพรึงที่ปรากฏตรงหน้า จึงเหนือจินตนาการอย่างยิ่ง
เหล่าขุนพลระดับสูงของพรรค หากต้องการยึดดินแดนจงหนาน แค่เพียงกระดิกนิ้วก็ได้มาครอบครอง
แล้วจะให้นางใช้ความสามารถใด ควบคุมพยัคฆ์มังกรเหล่านี้กัน?
บทที่ 1 001 - พรรคมารไร้นาม
01/07/2025
บทที่ 2 002 - เหล่าขุนพล
01/07/2025
บทที่ 3 003 - พรรคพิลึก มีแต่เปลือก!
01/07/2025
บทที่ 4 004 - คุณหนูสามจวนซีหยวนโหว
01/07/2025
บทที่ 5 005 - ฮูหยินซื่อจื่อ
01/07/2025
บทที่ 6 006 - อาการป่วยของพี่ชาย
01/07/2025
บทที่ 7 007 - ที่แท้แล้ว ฮูหยินซื่อจื่อเป็นสตรีงี่เง่า
01/07/2025
บทที่ 8 008 - การประชุมเร่งด่วนของพรรค
01/07/2025
บทที่ 9 009 - หมอเทวดาเกิงมาแล้ว
01/07/2025
บทที่ 10 010 - การตัดสินใจของอี้หรูเซี่ย
01/07/2025
บทที่ 11 011 - เสี่ยงป้ายชื่อ
01/07/2025
บทที่ 12 012 - ฟางฮุ่ยหราน
01/07/2025
บทที่ 13 013 - หลุนปี้น้อย
01/07/2025
บทที่ 14 014 - นายท่านซื่อจื่อคิดกินเนื้อหงส์
01/07/2025
บทที่ 15 015 - ตกตะลึง
01/07/2025