อาณาจักรลับพันล้านของตัวแทนเขา

อาณาจักรลับพันล้านของตัวแทนเขา

Gavin

5.0
ความคิดเห็น
74
ชม
13
บท

เป็นเวลาห้าปีเต็ม ที่ฉันแอบปั้นแฟนของฉัน คิน จากนักดนตรีไส้แห้งให้กลายเป็นซีอีโอสายเทคชื่อดัง ฉันคือนางฟ้านิรนามที่ทุ่มเงินสร้างอาณาจักรทั้งหมดของเขา ขณะที่แกล้งทำตัวเป็นแค่แฟนสาวธรรมดาๆ ที่แทบจะจ่ายค่าเช่าห้องของตัวเองไม่ไหว แล้ววันหนึ่ง เขาก็พาแคทลียา ผู้หญิงในอดีตที่หน้าตาเหมือนฉันอย่างน่าขนลุกกลับมาที่บ้าน เธอเริ่มรุกรานชีวิตฉันอย่างช้าๆ และเลือดเย็น...ใส่เสื้อผ้าของฉัน ใช้ของของฉัน ขโมยความรักของเขาไปจากฉัน และเมื่อฉันลุกขึ้นสู้ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจสั่งสอนบทเรียนให้ฉัน เขาสั่งคนมาจับตัวฉันไป มัดฉัน แล้วโยนฉันขึ้นไปบนเวทีประมูลใต้ดินสุดโสมม เขายืนดูจากเงามืด ปล่อยให้พวกผู้ชายหื่นกระหายประมูลร่างกายของฉัน ก่อนจะก้าวเข้ามาในวินาทีสุดท้ายเพื่อสวมบทฮีโร่ และลากฉันกลับไปอยู่ในที่ของฉัน เขาคิดว่าเขาทำลายฉันจนยับเยินแล้ว แต่แล้วเขาก็ปล่อยหมัดเด็ดสุดท้ายที่บดขยี้หัวใจฉันจนแหลกสลาย ด้วยการยอมรับความจริงที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน "พายเป็นแค่ตัวแทน" เขาพึมพำกับแคทลียา โดยไม่รู้ว่าฉันได้ยิน "เพราะเธอหน้าเหมือนคุณ" เขาเชื่อว่าฉันคือผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องพึ่งพาเขาไปตลอดชีวิต เขาไม่รู้เลยว่าในขณะที่เขาพูด ประโยคนั้นออกมา เอกสารหย่าของเราก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริง "คีรินคะ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง "พายพร้อมแล้ว เรามาแต่งงานกันเถอะค่ะ"

บทที่ 1

เป็นเวลาห้าปีเต็ม ที่ฉันแอบปั้นแฟนของฉัน คิน จากนักดนตรีไส้แห้งให้กลายเป็นซีอีโอสายเทคชื่อดัง ฉันคือนางฟ้านิรนามที่ทุ่มเงินสร้างอาณาจักรทั้งหมดของเขา ขณะที่แกล้งทำตัวเป็นแค่แฟนสาวธรรมดาๆ ที่แทบจะจ่ายค่าเช่าห้องของตัวเองไม่ไหว

แล้ววันหนึ่ง เขาก็พาแคทลียา ผู้หญิงในอดีตที่หน้าตาเหมือนฉันอย่างน่าขนลุกกลับมาที่บ้าน

เธอเริ่มรุกรานชีวิตฉันอย่างช้าๆ และเลือดเย็น...ใส่เสื้อผ้าของฉัน ใช้ของของฉัน ขโมยความรักของเขาไปจากฉัน และเมื่อฉันลุกขึ้นสู้ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจสั่งสอนบทเรียนให้ฉัน

เขาสั่งคนมาจับตัวฉันไป มัดฉัน แล้วโยนฉันขึ้นไปบนเวทีประมูลใต้ดินสุดโสมม เขายืนดูจากเงามืด ปล่อยให้พวกผู้ชายหื่นกระหายประมูลร่างกายของฉัน ก่อนจะก้าวเข้ามาในวินาทีสุดท้ายเพื่อสวมบทฮีโร่ และลากฉันกลับไปอยู่ในที่ของฉัน

เขาคิดว่าเขาทำลายฉันจนยับเยินแล้ว แต่แล้วเขาก็ปล่อยหมัดเด็ดสุดท้ายที่บดขยี้หัวใจฉันจนแหลกสลาย ด้วยการยอมรับความจริงที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน

"พายเป็นแค่ตัวแทน" เขาพึมพำกับแคทลียา โดยไม่รู้ว่าฉันได้ยิน "เพราะเธอหน้าเหมือนคุณ"

เขาเชื่อว่าฉันคือผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องพึ่งพาเขาไปตลอดชีวิต เขาไม่รู้เลยว่าในขณะที่เขาพูด ประโยคนั้นออกมา เอกสารหย่าของเราก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริง

"คีรินคะ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง "พายพร้อมแล้ว เรามาแต่งงานกันเถอะค่ะ"

บทที่ 1

มุมมองของพิมลรัตน์ (พาย):

เป็นเวลาห้าปี ที่ฉันปั้นคณินทร์ เตชะวิวัฒน์ จากนักดนตรีตกอับที่รองเท้ามีรู ให้กลายเป็นซีอีโอสายเทคชื่อดัง และในวันนี้ เขาก็พาผู้หญิงที่จะมาทำลายทุกอย่างลงกลับมาบ้าน

เธอชื่อแคทลียา วงศ์สวัสดิ์

เธอยืนอยู่ในโถงทางเข้าที่ปูด้วยหินอ่อนของบ้านที่ฉันเป็นคนจ่ายเงิน ท่าทางบอบบางและดูไม่เข้ากับที่นี่เลยในชุดเดรสลายดอกไม้ราคาถูก ดวงตาโตที่คลอหน่วยของเธอ กวาดมองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่นสไตล์มินิมอลที่ฉันตั้งใจออกแบบอย่างพิถีพิถัน ดวงตาคู่นั้นเป็นสีฟ้าเฉดเดียวกับของฉัน...รายละเอียดที่เหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายที่จักรวาลจงใจส่งมาให้

"พาย นี่แคทนะ" คินพูด มือของเขาวางอยู่บนช่วงเอวของเธอ เป็นท่าทางที่ฉันคุ้นเคยดี สัมผัสที่แสดงความเป็นเจ้าของและปลอบโยน ซึ่งปกติเขาจะเก็บไว้ใช้กับฉันคนเดียว "เรา...เราโตมาในสถานสงเคราะห์เดียวกัน"

ฉันฉีกยิ้มอย่างสุภาพ...รอยยิ้มแบบที่คุณมอบให้คนแปลกหน้าที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีก แต่แววตาที่แคทลียามองคิน...แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังอย่างสิ้นหวังและยึดเหนี่ยว...มันบอกฉันว่านี่ไม่ใช่แค่การมาเยี่ยมธรรมดาๆ

นี่คือการรุกราน

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อห้าปีก่อน ในวันอังคารที่ฝนตกวันหนึ่ง ตอนนั้นฉันกำลังหนีจากอาณาจักรของครอบครัว ใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดเล็กๆ ย่านใจกลางเมืองภายใต้ชื่อปลอมๆ พยายามทำตัวให้เป็นคนธรรมดา ฉันเป็นแค่ 'พาย' กราฟิกดีไซเนอร์ฟรีแลนซ์ การกบฏของฉันเป็นไปอย่างเงียบๆ แค่ปฏิเสธที่จะก้าวเข้าไปรับตำแหน่งทายาทของอาณาจักรสื่อ 'พัฒนกิจกรุ๊ป'

วันนั้น ฉันเห็นเขานั่งขดตัวอยู่ใต้กันสาดของร้านแผ่นเสียงที่ปิดไปแล้ว กระเป๋ากีตาร์ถูกกอดไว้บนตักราวกับเป็นแพชูชีพ สายฝนทำให้ผมสีเข้มของเขาลู่ลงมาปิดหน้าผาก เสื้อแจ็คเก็ตราคาถูกก็เปียกโชก แต่เป็นใบหน้าของเขาต่างหากที่ทำให้ฉันหยุดมอง เขามีกรามคมสันและดวงตาที่เต็มไปด้วยความฝัน...แววตาของศิลปินที่เชื่อว่าความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม เขาดูงดงามท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น

ฉันซื้อกาแฟให้เขาหนึ่งแก้ว เขาบอกฉันว่าเขาชื่อคิน แล้วเขาก็บรรเลงเพลงให้ฉันฟังตรงนั้น...บนทางเท้าที่เปียกแฉะ เสียงของเขาห้าวหาญและเต็มไปด้วยความกระหายที่ฉันเข้าใจดี

เราตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็วและรุนแรง ฉันรักความทะเยอทะยานของเขา ไฟในใจที่บอกว่าจะต้องพิชิตโลกให้ได้ ส่วนเขา...ฉันเคยคิดว่าเขารักฉัน รักผู้หญิงธรรมดาๆ ที่เชื่อในตัวเขาในวันที่ไม่มีใครอื่น

เขาอยากสร้างแอปพลิเคชัน...แพลตฟอร์มสำหรับนักดนตรีอิสระ เขามีวิสัยทัศน์แต่ไม่มีเงินทุน

ฉันจึงให้มันกับเขา...อย่างลับๆ

ฉันส่งเงินหลายร้อยล้านบาทเข้าสู่ความฝันของเขา ผ่านบริษัทบังหน้าและการลงทุนแบบไม่เปิดเผยตัวตน ฉันเป็นนางฟ้าของเขา เป็นหุ้นส่วนที่มองไม่เห็น เป็นแฟนคลับตัวยง...ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นขณะที่ฉันแกล้งทำเป็นแฟนสาวที่แทบจะจ่ายค่าเช่าห้องของตัวเองไม่ไหว

เขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาสัญญาว่าเมื่อเขาทำสำเร็จ เขาจะมอบโลกทั้งใบให้ฉัน เขาจะซื้อบ้านให้ฉัน แหวนวงหนึ่ง และอนาคตที่ฉันไม่ต้องกังวลอะไรอีกเลย

"พี่ทำทั้งหมดนี้เพื่อพายนะ" เขาจะกระซิบข้างหูฉันในตอนดึก หลังจากที่เพิ่งปิดดีลระดมทุนรอบใหม่ได้สำเร็จ...ซึ่งก็คือเงินทุนของฉัน "ทุกอย่างที่พี่สร้างคือของเรา"

และฉันก็เชื่อเขา ฉันเฝ้ามองด้วยความภาคภูมิใจเมื่อ 'K-Tech' กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี และคินก็กลายเป็นชื่อที่พ้องกับคำว่าอัจฉริยะที่สร้างตัวขึ้นมาเอง เราย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หรูกระจกรอบด้านที่มองเห็นวิวเมือง...อนุสรณ์แห่งอาณาจักรที่ฉันแอบสร้างขึ้นมาเพื่อเขา

และตอนนี้...ในคฤหาสน์หลังเดียวกันนั้น เขากำลังอธิบายถึงการมาของแคทลียา

"ชีวิตเธอค่อนข้างลำบาก" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจือความรู้สึกผิดที่ทำให้ฉันหงุดหงิด "พี่จะทิ้งเธอไว้ข้างถนนไม่ได้ เธอจะอยู่กับเราสักพัก...แค่จนกว่าเธอจะตั้งตัวได้"

ฉันไม่ได้พูดอะไร ฉันมองเห็นแววตาของแคทลียาที่เปล่งประกายขึ้นมา...แววแห่งชัยชนะที่ซ่อนอยู่ในนั้น

วันต่อมา ฉันเจอเสื้อเบลาส์ผ้าไหมตัวโปรดของฉันกองยับยู่ยี่อยู่บนพื้นห้องของแคทลียา วันถัดไป กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของฉันก็ลอยฟุ้งในอากาศหลังจากที่เธอเดินสวนฉันในโถงทางเดิน คินบอกว่าฉันคิดมากเกินไปและขี้หวง

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำใหญ่และเห็นเธอกำลังใช้ลิปสติกที่ฉันสั่งทำพิเศษ...เฉดสีที่สร้างขึ้นเพื่อสีผิวของฉันโดยเฉพาะ เธอกำลังทาสีแดงเข้มนั้นลงบนริมฝีปากของตัวเอง รอยยิ้มของเธอสะท้อนกลับมาจากกระจกของฉัน

บางอย่างในตัวฉันขาดผึง ฉันแย่งลิปสติกมาจากมือเธอ

"อย่า" ฉันพูดเสียงต่ำอย่างน่ากลัว "แตะต้องของของฉัน"

เธอมองฉัน ริมฝีปากล่างสั่นระริก "ขอโทษค่ะ...ฉันแค่...ฉันว่ามันสวยดี"

ฉันไม่พูดอะไรอีก ฉันเดินไปที่ชักโครก ทิ้งลิปสติกราคาแพงลงไปในน้ำ แล้วกดชักโครกโดยไม่ลังเล

คินเจอฉันในอีกไม่กี่นาทีต่อมา เขาไม่ตะคอก เขาแค่ทำหน้าผิดหวัง "มันก็แค่ลิปสติกนะพาย"

"แต่มันเป็นของฉัน" ฉันตอบ

สองวันต่อมา แคทลียานั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นตอนที่ฉันเดินลงมา เธอกำลังถือกล่องกำมะหยี่เล็กๆ กล่องหนึ่ง เธอเปิดมันออก เผยให้เห็นสร้อยคอเพชรเส้นบาง...ของขวัญที่คินให้ฉันในวันครบรอบสามปีของเรา

"พี่คินบอกว่าฉันใส่ได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย "เขาบอกว่ามันน่าจะดูดีกับฉันมากกว่า"

เลือดฉันขึ้นหน้า ฉันก้าวสามข้ามไปถึงตัวเธอ กระชากสร้อยคอออกจากมือ แล้วตบหน้าเธอฉาดใหญ่ เสียงนั้นดังแหลมและน่ารังเกียจ

เธออ้าปากค้าง มือยกขึ้นกุมแก้ม

ฉันเดินไปที่ประตูระเบียง เลื่อนเปิดมันออก แล้วขว้างสร้อยคอออกไปสุดแรง...ลงไปยังสวนกว้างใหญ่เบื้องล่าง

"ทีนี้มันก็ไม่ดูดีกับใครทั้งนั้น" ฉันพูด พลางหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ

คินวิ่งเข้ามา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด "พาย! เธอเป็นบ้าอะไรไปแล้ว?!" เขาคุกเข่าลงข้างแคทลียา ประคองใบหน้าเธอไว้ในมือ ตรวจดูความเสียหาย เขาไม่แม้แต่จะมองฉัน เขาแค่กอดเธอไว้ ความโกรธของเขาแผ่รังสีมาที่ฉันเหมือนไอร้อน เขาไม่ได้ลงโทษฉันจริงๆ แต่ความเย็นชาของเขามันเลวร้ายยิ่งกว่า คืนนั้นเขานอนที่ห้องนอนแขก

เช้าวันรุ่งขึ้น แคทลียาก็หายไป ไม่มีจดหมาย ไม่มีคำอธิบาย

ฉันเดาว่าในที่สุดคินก็คิดได้และส่งเธอกลับไป ส่วนลึกในใจฉันรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์นั้น ความสงบที่ตึงเครียดเข้าปกคลุมบ้านอยู่สองสามสัปดาห์ เขาดูห่างเหิน แต่เขาก็ยังอยู่ ฉันบอกตัวเองว่าแค่นั้นก็พอแล้ว

แล้วคืนหนึ่ง ฉันก็ตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสอง พบว่าเตียงข้างๆ ว่างเปล่า ฉันเจอเขาอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน หันหลังให้ฉัน กระซิบกระซาบกับโทรศัพท์ ฉันไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร แต่โทนเสียงนั้นนุ่มนวลและสนิทสนม...โทนเสียงที่เขาเคยใช้กับฉัน

เมื่อเขาวางสาย ฉันเห็นชื่อบนหน้าจอก่อนที่เขาจะล็อกมัน...แคท

ในวินาทีนั้นเอง...ขณะที่ยืนอยู่ในโถงทางเดินที่หนาวเย็นและมืดมิด ฉันก็รู้ว่ามันจบแล้ว ความรักที่ฉันทุ่มเทให้เขา อาณาจักรที่ฉันสร้างให้เขา...ทั้งหมดเป็นเพียงรากฐานของชีวิตที่ไม่มีฉันรวมอยู่ด้วย

วันต่อมา ฉันโทรหาทนายของครอบครัว ฉันไม่ได้บอกเขาว่าฉันเป็นใคร แค่บอกว่าฉันต้องการเริ่มกระบวนการแบ่งสินทรัพย์จากคู่ชีวิตที่คบกันมานาน

สองสัปดาห์ต่อมา ขณะที่ฉันกำลังจัดกระเป๋าใบเล็กๆ อย่างเงียบๆ แคทลียาก็ปรากฏตัวที่ประตูหน้า เธอไม่ได้มาคนเดียว คราวนี้เธอยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ มือของเธอลูบไล้หน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

"ฉันท้อง" เธอประกาศ น้ำเสียงดังก้องกังวาน "ลูกของพี่คิน"

เธอก้าวผ่านฉันเข้ามาในบ้านของฉัน...ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าของ "เขารักฉัน พาย เขารักฉันมาตลอด เธอเป็นแค่ตัวแทน ตอนนี้ฉันกำลังจะมีลูกให้เขา ที่นี่ไม่มีที่สำหรับเธออีกต่อไปแล้ว"

ฉันมองเธอ...มองความพึงพอใจอย่างอิ่มเอมบนใบหน้าของเธอ แล้วรอยยิ้มที่เยือกเย็นก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉัน

"เธอไม่รู้ตัวเลยสินะว่าเพิ่งทำอะไรลงไป" ฉันพูดเบาๆ

คืนนั้น ขณะที่คินออกไปฉลองการซื้อกิจการใหม่ ชายชุดดำสองคนก็เข้ามาในบ้าน พวกเขาสุภาพ มีประสิทธิภาพ และพาตัวแคทลียาไปด้วย เธอไม่มีแม้แต่เวลาจะกรีดร้อง

เมื่อคินกลับมาบ้าน เขาพบฉันนั่งอยู่ในความมืด พร้อมกับแก้ววิสกี้ในมือ

"เธออยู่ไหน?" เขาถามเสียงสั่นด้วยความโกรธ "แคทลียาอยู่ไหน?"

ฉันจิบช้าๆ "คุณเคยสัญญากับฉันว่าจะให้โลกทั้งใบ คุณเคยสัญญาว่าทุกอย่างเป็นของฉัน"

"อย่ามาพูดจาไร้สาระ! ลูกของฉันอยู่ไหน?" เขาคำราม ความกังวลของเขามีเพียงผู้หญิงคนนั้นกับเด็กที่ไม่ใช่ลูกของฉัน

"คุณเคยสัญญาว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฉัน" ฉันพูดต่อด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง "แล้วคุณก็พาเธอมาที่นี่ เธออวดของขวัญของฉัน ใส่เสื้อผ้าของฉัน และพยายามจะมาแทนที่ฉัน คุณคิดว่าฉันจะนั่งเฉยๆ ปล่อยให้มันเกิดขึ้นเหรอ?"

"เธอท้องนะพาย! ให้ตายสิ เธออุ้มท้องลูกของผมอยู่!" เขาสะบัดมือผ่านผม ความตื่นตระหนกของเขาชัดเจน "ได้โปรด บอกผมมาว่าเธออยู่ไหน ผมจะทำทุกอย่าง เราคุยกันได้ ให้เธอไปอยู่ที่อื่น ผมจะให้เงินเธอ..."

ฉันหัวเราะ...เสียงที่กลวงเปล่าและขมขื่น ในที่สุดฉันก็เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา: ผู้ชายอ่อนแอและโหดร้ายที่เชื่อว่าตัวเองกุมไพ่ทุกใบไว้ในมือ

"คุยกันได้เหรอ?" ฉันทวนคำ "ไม่มีอะไรต้องคุย มันจบแล้ว" ฉันลุกขึ้นเดินไปที่บาร์ หยิบเอกสารชุดหนึ่งที่ทนายของฉันเพิ่งส่งมาให้เมื่อบ่าย ฉันโยนมันลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา "ฉันต้องการหย่า"

เขามองเอกสารสลับกับมองหน้าฉัน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความไม่เชื่อ...แล้วก็เปลี่ยนเป็นความดูถูก

"หย่าเหรอ? พาย อย่าไร้สาระน่า" เขาหัวเราะเยาะ "เธอจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน ฉันเป็นคนสร้างเธอขึ้นมา ทุกอย่างที่เธอมี ทุกอย่างที่เธอเป็น ก็เพราะฉัน ถ้าไม่มีฉัน อาทิตย์เดียวเธอก็กลับไปอยู่ข้างถนนแล้ว"

เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ เขาคิดว่าผู้หญิงที่ทุ่มเงินสร้างอาณาจักรทั้งหมดของเขาเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องพึ่งพาเขา

"อยากได้บ้านหลังนี้เหรอ? เอาไปสิ" เขาพูด ความหยิ่งยโสกลับมาเต็มเปี่ยม "อยากได้รถเหรอ? เอาไปเลย แค่ยอมรับแคทลียา เธอและลูกจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา เธอต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน หรือไม่ก็ออกไปตัวเปล่า"

ฉันมองผู้ชายที่ฉันเคยรัก ผู้ชายที่ฉันสร้างขึ้นมา และไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่าที่เยือกเย็น เขามองฉันเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่ง เป็นตัวประกอบในเรื่องราวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา

ถึงเวลาแล้วที่จะเตือนให้เขารู้ว่าใครเป็นคนเขียนเรื่องราวนี้

"คุณคิดจริงๆ เหรอว่าฉันไม่มีอะไรเลยถ้าไม่มีคุณ?" ฉันถาม เสียงเบาอย่างน่ากลัว

"ฉันรู้ดี" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยามอย่างเลือดเย็น "ทีนี้ บอกมาว่าแคทลียาอยู่ไหน"

"ได้" ฉันพูด ฉันหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา "เซ็นสัญญาโอนหุ้น K-Tech ทั้งหมด 100% ให้ฉัน แล้วฉันจะบอกว่าเธออยู่ไหน"

เขาหัวเราะลั่น เสียงดังเหมือนสุนัขเห่า "เธอเสียสติไปแล้ว บริษัทนั้นคืองานทั้งชีวิตของฉัน"

"มันคือบริษัทที่ฉันเป็นคนจ่ายเงินสร้าง" ฉันแก้ "เซ็นซะ คิน หรือคุณจะไม่ได้เจอเธอและลูกที่คุณรักนักหนาอีกเลย"

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ความรัก...หรือความรู้สึกผิด...ที่เขามีต่อแคทลียาดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าความรักที่เขามีต่อบริษัทของเขา โดยไม่พูดอะไรอีก เขาคว้าปากกาและตวัดลายเซ็นลงบนเอกสาร เขามั่นใจอย่างโง่เขลาว่ามันไม่มีความหมายอะไร และฉันไม่มีอำนาจที่จะบังคับใช้มันได้

"เสร็จแล้ว" เขาพูดเสียงกระด้าง "ทีนี้ เธออยู่ไหน?"

ฉันยิ้ม...รอยยิ้มที่แท้จริงและคมกริบในครั้งนี้ "เธออยู่ที่คลินิกทำแท้งที่ดีที่สุดในเมือง การผ่าตัดจะมีขึ้นตอนแปดโมงเช้าพรุ่งนี้ คุณอาจจะไปทันถ้าออกไปตอนนี้"

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธจัด "แก! ฉันจะฆ่าแก!"

เขากระโจนเข้ามาหาฉัน แต่ฉันถือโทรศัพท์ไว้แล้ว ฉันกดปุ่มเดียว และเสียงผู้ชายที่สงบนิ่งก็ตอบกลับมาในกริ๊งแรก

"คีรินคะ" ฉันพูด โทนเสียงเปลี่ยนจากเยือกเย็นเป็นอบอุ่น "งานแต่งงานของเราเดือนหน้ายังเหมือนเดิมใช่ไหมคะ?"

มีความเงียบชั่วครู่ แล้วเสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยของเขาก็ดังขึ้น "จะเป็นพรุ่งนี้เลยก็ได้นะพาย พี่รอนานพอแล้ว"

"เดือนหน้าก็สมบูรณ์แบบแล้วค่ะ" ฉันพูด "พายแค่ต้องการเวลาจัดการเรื่องวุ่นวายเล็กน้อย"

ฉันวางสาย เซ็นชื่อในเอกสารหย่าอย่างสวยงาม แล้วเลื่อนมันข้ามโต๊ะไปให้คินที่กำลังตกตะลึง

"ผู้ช่วยของฉันจะจัดการยื่นเรื่องให้ภายในเช้านี้" ฉันพูด "ยินดีด้วยนะคิน คุณเป็นอิสระแล้ว"

เขายืนนิ่ง พูดไม่ออก ขณะที่ฉันเดินออกจากบ้านที่ฉันซื้อ และเดินจากผู้ชายที่ฉันสร้างขึ้นมา เศษซากความสัมพันธ์ห้าปีของเราแตกละเอียดอยู่ใต้ส้นสูงของฉันเหมือนเศษแก้วที่ถูกเหยียบย่ำ ฉันไม่เคยหันกลับไปมองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

---

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Gavin

ข้อมูลเพิ่มเติม
จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

มหาเศรษฐี

5.0

ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้

ค่า เมียน้อย วัยสิบเก้า ของเขา

ค่า เมียน้อย วัยสิบเก้า ของเขา

โรแมนติก

5.0

คริสโตเฟอร์ อัศวโยธิน สามีของฉัน คือเพลย์บอยตัวพ่อที่ฉาวที่สุดในกรุงเทพฯ เขามีชื่อเสียงเรื่องการควงเด็กสาวอายุสิบเก้าเป็นฤดูกาล ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ฉันเชื่อมาตลอดว่าฉันคือข้อยกเว้นที่สามารถทำให้เขาหยุดได้ ภาพลวงตานั้นพังทลายลง เมื่อพ่อของฉันต้องการการปลูกถ่ายไขกระดูก ผู้บริจาคที่เข้ากันได้สมบูรณ์แบบคือเด็กสาวอายุสิบเก้าชื่อไอริน ในวันผ่าตัด พ่อของฉันเสียชีวิต เพราะคริสเลือกที่จะนอนอยู่บนเตียงกับเธอ แทนที่จะพาเธอไปโรงพยาบาล การหักหลังของเขายังไม่จบแค่นั้น ตอนที่ลิฟต์ร่วง เขาดึงเธอออกไปก่อนแล้วทิ้งให้ฉันร่วงลงไป ตอนที่โคมระย้าถล่มลงมา เขาใช้ตัวเองบังร่างเธอแล้วก้าวข้ามฉันที่นอนจมกองเลือดไป เขายังขโมยของขวัญชิ้นสุดท้ายที่พ่อผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ฉันไปให้เธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเรียกฉันว่าคนเห็นแก่ตัวและไม่รู้จักบุญคุณ โดยไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของฉันจากไปแล้ว ฉันจึงเซ็นใบหย่าเงียบๆ แล้วหายตัวไป วันที่ฉันจากมา เขาส่งข้อความมาหาฉัน "ข่าวดีนะ ผมหาผู้บริจาคคนใหม่ให้พ่อคุณได้แล้ว เราไปนัดวันผ่าตัดกันเถอะ"

งานวิวาห์ของฉัน ไม่ใช่กับเธอ

งานวิวาห์ของฉัน ไม่ใช่กับเธอ

โรแมนติก

5.0

ห้าปีที่แล้ว ฉันช่วยชีวิตคู่หมั้นของฉันไว้บนภูเขาที่เชียงใหม่ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้สายตาของฉันเสียหายอย่างถาวร—เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจที่พร่าเลือนอยู่เสมอถึงวันที่ฉันเลือกเขาแทนที่จะเป็นดวงตาที่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เขาตอบแทนฉันด้วยการแอบเปลี่ยนสถานที่จัดงานแต่งงานของเราจากเชียงใหม่ไปเป็นภูเก็ต เพราะแอนนี่ เพื่อนสนิทของเขาบ่นว่าที่นั่นหนาวเกินไป ฉันได้ยินเขากับหูตัวเองว่าเขาเรียกการเสียสละของฉันว่า “เรื่องดราม่าน้ำเน่า” และเห็นเขากับตาว่าเขาซื้อชุดราคาเกือบสองล้านบาทให้หล่อน ขณะที่ดูถูกชุดของฉัน ในวันแต่งงานของเรา เขาทิ้งให้ฉันรอที่แท่นพิธีเพื่อรีบไปอยู่ข้างๆ แอนนี่ที่เกิด “อาการแพนิค” ขึ้นมาได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี เขามั่นใจเหลือเกินว่าฉันจะให้อภัยเขา เขามั่นใจแบบนั้นเสมอ เขาไม่ได้มองว่าการเสียสละของฉันคือของขวัญ แต่เป็นเหมือนสัญญาที่ผูกมัดให้ฉันต้องยอมจำนนต่อเขา ดังนั้น เมื่อในที่สุดเขาโทรเข้ามายังสถานที่จัดงานที่ว่างเปล่าในภูเก็ต ฉันจึงปล่อยให้เขาได้ยินเสียงลมภูเขาและเสียงระฆังโบสถ์ ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากพูด “งานแต่งของฉันกำลังจะเริ่มแล้ว” ฉันบอกเขา “แต่ไม่ใช่กับคุณ”

คู่หมั้นที่ทิ้งเธอให้ตาย

คู่หมั้นที่ทิ้งเธอให้ตาย

โรแมนติก

5.0

สัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าฉันกำลังจะตาย ไม่ใช่พายุหิมะ ไม่ใช่ความหนาวเหน็บที่กัดกินลึกถึงกระดูก แต่มันคือแววตาของคู่หมั้นของฉัน ตอนที่เขาบอกว่าเขายกผลงานทั้งชีวิตของฉัน ซึ่งเป็นหลักประกันเดียวที่จะทำให้เรารอดชีวิตไปให้ผู้หญิงคนอื่น “เค้กหนาวจะตายอยู่แล้ว” เขาพูดเหมือนกับว่าฉันกำลังไร้เหตุผล “คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญนี่ คุณรับมือได้อยู่แล้ว” จากนั้นเขาก็เอาโทรศัพท์ดาวเทียมของฉันไป ผลักฉันลงไปในหลุมหิมะที่ขุดไว้อย่างลวกๆ แล้วทิ้งฉันไว้ให้ตายตรงนั้น เค้ก แฟนใหม่ของเขาปรากฏตัวขึ้น เธอห่มผ้าห่มอัจฉริยะผืนที่เป็นประกายของฉันไว้อย่างอบอุ่น เธอยิ้มขณะที่ใช้ขวานน้ำแข็งของฉันเอง กรีดทำลายชุดของฉัน ซึ่งเป็นเกราะป้องกันพายุชั้นสุดท้าย “เลิกดราม่าสักที” เขาพูดกับฉัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจขณะที่ฉันนอนรอความตายอย่างหนาวเหน็บ พวกเขาคิดว่าได้เอาทุกอย่างไปจากฉันแล้ว พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ แต่พวกเขาไม่รู้เรื่องสัญญาณฉุกเฉินลับที่ฉันเย็บซ่อนไว้ในแขนเสื้อ และด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี ฉันได้เปิดใช้งานมัน

ไม่เป็นตัวแทนอีกแล้ว ราชินีกลับมา

ไม่เป็นตัวแทนอีกแล้ว ราชินีกลับมา

โรแมนติก

5.0

ห้าปีเต็มที่ฉันเป็นคู่หมั้นของเจตน์พัฒน์ วงศ์วิริยะ ห้าปีที่ในที่สุดพี่ชายของฉันก็ปฏิบัติต่อฉันเหมือนน้องสาวที่พวกเขารัก แล้วฝาแฝดของฉัน หทัย—คนที่ทิ้งเขาไว้หน้าแท่นพิธี—ก็กลับมาพร้อมกับเรื่องโกหกว่าเป็นมะเร็ง แค่ห้านาที เขาก็แต่งงานกับเธอ พวกเขาเชื่อทุกคำโกหกของเธอ ตอนที่เธอพยายามจะฆ่าฉันด้วยแมงมุมพิษ พวกเขาก็หาว่าฉันดราม่า ตอนที่เธอใส่ร้ายว่าฉันทำลายงานเลี้ยงของเธอ พี่ชายก็เฆี่ยนฉันจนเลือดอาบ พวกเขาเรียกฉันว่าตัวแทนไร้ค่า เป็นแค่คนคั่นเวลาที่มีใบหน้าเหมือนเธอ ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงตอนที่พวกเขาจับฉันมัดกับเชือกแล้วปล่อยให้ห้อยต่องแต่งอยู่ริมหน้าผา รอวันตาย แต่ฉันไม่ตาย ฉันปีนกลับขึ้นมา จัดฉากการตายของตัวเอง แล้วหายตัวไป พวกเขาอยากได้ผีนักใช่ไหม ฉันก็จะจัดให้

เจ็ดปี แห่งการหลอกลวงสี่ปี

เจ็ดปี แห่งการหลอกลวงสี่ปี

โรแมนติก

5.0

เบาะแสแรกที่บ่งบอกว่าชีวิตฉันเป็นเรื่องหลอกลวงคือเสียงครางจากห้องนอนแขก สามีที่แต่งงานกันมาเจ็ดปีไม่ได้อยู่บนเตียงของเรา เขาอยู่กับเด็กฝึกงานของฉัน ฉันค้นพบว่าภัทร สามีของฉัน แอบคบชู้กับขวัญข้าวมาสี่ปีแล้ว เด็กสาวมากความสามารถที่ฉันคอยชี้แนะและจ่ายค่าเทอมให้ด้วยตัวเอง เช้าวันต่อมา เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าของเราในเสื้อเชิ้ตของเขา ขณะที่เขากำลังทำแพนเค้กให้เรา เขายังโกหกฉันซึ่งๆ หน้า สัญญาว่าจะไม่มีวันรักใครอื่น ก่อนที่ฉันจะมารู้ว่าเธอท้องกับเขา—ลูกที่เขาปฏิเสธที่จะมีกับฉันมาตลอด คนสองคนที่ฉันไว้ใจที่สุดในโลกร่วมมือกันทำลายฉัน ความเจ็บปวดนี้มันเกินกว่าที่ฉันจะทนอยู่กับมันได้ มันคือการทำลายล้างโลกทั้งใบของฉัน ฉันจึงโทรหานักประสาทวิทยาเกี่ยวกับการทดลองของเขา ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ฉันไม่ได้ต้องการแก้แค้น ฉันแค่อยากจะลบทุกความทรงจำเกี่ยวกับสามีของฉัน และเป็นผู้เข้ารับการทดลองคนแรกของเขา

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

ขอเลิกกับสามีงี่เง่า

Thalia Frost
5.0

กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...

ทางใหม่ เริ่มใหม่

ทางใหม่ เริ่มใหม่

Beckett Grey
4.5

ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

หย่าปุ๊บ แต่งงานใหม่ปั๊บ

Crimson Syntax
5.0

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"

รักซ้ำรอย

รักซ้ำรอย

มาชาวีร์
4.9

“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ