Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
2.5K
ชม
143
บท

ช่วงชีวิตมัธยมหลายคนมักจะมีเพื่อนอยู่ในกิจวัตรประจำวันตลอด แต่ซึฮากิเป็นคนที่แปลกประหลาดเพราะมักจะทำตัวเหินห่างจากผู้คนแต่ก็ดันมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาทักทาย พูดคุย ไม่ว่าจะไปไหนเธอก็จะเดินตามไปทุกที่

บทที่ 1 ภาคที่1 HIN ตอนที่1 ความเคยชิน

ภาคที่1 HIN ตอนที่1 ความเคยชิน

21สิงหาคม พ.ศ. 2416

ตึก…ตึก…เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของเด็กตัวน้อย ๆ ที่เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ไปตามท้องถนนลูกรังในช่วงยามวิกาลไร้ซึ่งผู้คนและการสัญจรอีกทั้งฟ้าก็มืดสนิทมีแต่แสงจันทร์ที่ส่องสว่างให้เห็นทางแต่ก็ถูกเมฆบังจนแทบจะไม่สามารถส่องแสงลงมาที่พื้นได้มากนัก ข้างทางก็เห็นแต่เงาของต้นไม้และเสียงจากใบไม้ที่ถูกลมพัดไปมาตลอดเวลา

เมื่อกวาดสายตามองไปมาก็มีแต่ความมืดอยู่รอบตัว ทุกครั้งที่ลมพัดมาถูกตัวประกอบกับอากาศตอนกลางคืนที่หนาวเย็นทำให้ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที พื้นถนนขรุขระเต็มไปด้วยหินก้อนเล็ก ๆ ทุกครั้งที่ก้าวเท้าแล้วเหยียบลงพื้นจะต้องค่อย ๆ วางเท้าอย่างช้า ๆ ฝ่าเท้าทั้งเล็กและหยาบที่เต็มไปด้วยรอยแผลขีดข่วนและรอยช้ำมากมาย

รวมไปถึงร่างกายที่ผอมโซเห็นเป็นหนังหุ้มกระดูกไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้ ชุดที่ใส่ก็ขาดลุ่ยจนไม่อาจให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ได้แต่กอดตัวเองด้วยมือและแขนเพื่อให้ตัวเองอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่ถึงกระนั้นความหนาวก็เริ่มรุนแรงขึ้น

ตัวที่สั่นเป็นเจ้าเข้า แผลสด ๆ มากมายตามตัวกับเท้าเริ่มแห้งและแข็งตัวจนการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งทำให้มันฉีกออกและสร้างความเจ็บปวดทรมาน

อ๊าก เสียงร้องแหบ ๆ เบา ๆ เมื่อยกฝ่าเท้าข้างขวาขึ้นมาเล็กน้อยและพยายามใช้มือลูบคลำเพื่อหาอะไรบางอย่างที่ทิ่มอยู่ และเมื่อมือของเขาคลำเจอก็ได้ดึงมันออกมา ถึงแม้จะทิ่มไม่ลึกมากแต่มันก็เจ็บมากพอสำหรับเด็กตัวแค่นี้ ด้วยแสงจันทร์ที่พอจะให้เห็นราง ๆ มันเหมือนกับเหล็กเส้นเล็กโดยมีเส้นที่แยกออกมาหลายเส้นซึ่งปลายของแต่ละเส้นก็มีความคมให้ความรู้สึกเหมือนกับหนาม ถึงแม้มือจะชาแต่พอได้สัมผัสก็รู้ได้ว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นสนิมไปแล้ว

เขายังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ยิ่งเวลาผ่านไปความเหนื่อยล้าเริ่มทวีคูณ บวกกับความหิวกระหายจนทำให้เขาเริ่มเดินช้าลงกว่าเดิมและยังคงช้าลงเรื่อย ๆ พึบ! เวลาผ่านไปไม่นานนักเสียงฝีเท้าก็หายไปมีแต่เสียงสุดท้ายที่ร่างกายทิ้งตัวลงนอนกับพื้น หน้าที่แนบติดกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยฝุ่นมากมาย

“ขอสาปแช่งพวกแก…ไอ้พวกเฮงซวย…ขอให้ครอบครัวของพวกแก…เป็นเหมือนกับฉัน…ไม่ว่าจะกี่ร้อยปี…พวกแกจะต้อง…ทุกข์ทรมานเหมือน…กับ…ฉัน…..” เสียงแหบ ๆ ที่เหมือนจะพึมพำแต่ก็ยังคงได้ยินชัด เสียงหอบหายใจ พูดติด ๆ ขัด ๆ แต่ก็ยังคงฝืนจนคำสุดท้าย และเสียงทั้งหมดก็ได้เงียบหายไปเหลือแต่เสียงลมและเสียงใบไม้ ทิ้งไว้แค่ร่างกายที่นอนนิ่งอยู่ท่ามกลางป่าที่มืดมิดแห่งนี้

27พฤษภาคม พ.ศ. 2575

ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนในนโยบายระบบการศึกษาแบบใหม่สำหรับระดับมัธยมศึกษา โดยที่การเรียนในช่วงเช้าจะเป็นภาควิชาบังคับหรือ 9 วิชาสามัญ ส่วนในช่วงบ่ายนั้นจะเป็นการเลือกเรียนตามใจชอบของผู้เรียน ด้วยความว่าเป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นกำลังของประเทศชาติ จึงมีการทดลองก่อนหนึ่งโรงเรียนซึ่งก็คือโรงเรียนแห่งนี้ กฎเกณฑ์ข้อบังคับไม่เหมือนกับที่อื่นและที่สำคัญคือไม่มีค่าเทอมทำให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้ามาเรียนได้และยังมีพวกลูกคนใหญ่คนโตที่ส่งลูก ๆ มาเรียนเพื่อทดลองนโยบายใหม่ด้วย ตอนนี้ทดลองมาแล้วถึงสามปีซึ่งก็ประสบผลสำเร็จและกำลังจะประกาศใช้ระบบนี้กับทุกโรงเรียนในระดับมัธยม

เสียงสัญญาณออดดังขึ้น เวลา 14.20 น. เหล่าเด็กนักเรียนต่างพากันเดินไปเรียนวิชาต่อไปมีทั้งที่เดินกันเป็นแก๊ง เป็นกลุ่มหรือจะแค่สองสามคนซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีกลุ่มเพื่อนเป็นของตัวเองกันหมดแต่ก็มีพ่อหนุ่มที่มีหน้าตาเฉยชาไม่สนโลกอยู่คนหนึ่ง ที่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวชื่อของเขาคือ ซึฮากิ ฮาฟกลาด เขานั้นไม่มีพ่อแม่หรือญาติเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นพวกที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร

ขณะที่กำลังเดินอยู่ ผู้หญิงผมสั้นหน้าดูซื่อ ๆ ไม่น่าทันคนที่เดินสวนทางกันมาชนเข้ากับซึฮากิ ทำให้น้ำผลไม้ที่เธอถืออยู่นั้นหกใส่เสื้อของเขาบริเวณช่วงหน้าท้องเอนไปทางขวามือ รวมทั้งหัวไหล่และบริเวณใกล้เคียงด้วย

“อ-อา ขอโทษจริง ๆ ค่ะ พอดีว่าฉันเหม่อนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบเช็ดให้-” เธอตกใจเอามาก ๆ ทำตัวไม่ถูกแต่ก็ยกมือไหว้ซ้ำ ๆ กันหลายครั้งขอโทษซ้ำไปซ้ำมา ก่อนที่เธอจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเพื่อที่จะเช็ดน้ำผลไม้ที่เปื้อนอยู่

“ไม่จำเป็นหรอก” ซึฮากิพูดแทรกทันทีเมื่อเห็นเธอที่กำลังจะเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำผลไม้ที่เปื้อน

ถึงจะเอาผ้ามาเช็ดก็ไม่ออกหรอกเพราะมันเลอะไปถึงข้างใน ยังไงซะก็ต้องไปล้างตัวอยู่ดี จะมาเช็ดให้เสียเวลาทำไม

“ต-แต่ว่า” เธอรู้สึกไม่สบายใจและยังคงดึงดันที่จะเช็ดให้ แต่ซึฮากิก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจเธอ เธอได้แต่มองตามหลังซึฮากิที่ไม่แม้แต่จะหันหลังมาดูเธอ

เมื่อเดินไปถึงที่ห้องน้ำเขาก็ตรงดิ่งไปที่ห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที ถอดเสื้อออกและล้างคราบน้ำผลไม้ ทั้งกางเกงไปจนถึงรองเท้าก็เปียกน้ำไปหมด เมื่อล้างจนคิดว่าน่าจะหมดแล้วเขาก็ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยและรีบออกจากห้องน้ำเพื่อไปเข้าเรียนวิชาต่อไปก่อนที่จะสาย

แต่ในขณะที่กำลังก้าวเท้าออกจากห้องน้ำก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งอยู่ทั่วบริเวณห้องน้ำและหนึ่งในนั้นก็เอาเท้ายันกำแพงทางออกของห้องน้ำไว้และจ้องมองมาที่ซึฮากิ เขานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลูกชายคนเล็กของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน มีชื่อว่า นัตโตะ

นัตโตะกับซึฮากิไม่ถูกกันตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เปิดเรียน พวกเขาทั้งสองได้อยู่ห้องเดียวกัน เรื่องมันเริ่มจากที่นัตโตะมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง อะไรไม่พอใจก็ใช้กำลัง และก็ได้มีคนดวงซวยที่ดันไปทำให้คุณนัตโตะเนี่ยไม่พอใจก็เลยโดนรุมกระทืบอยู่หลังห้องน้ำ

แต่ซึฮากิก็ดันไปเห็นเข้า แต่ก็แกล้งเดินผ่านไปใกล้ ๆ และพูดขึ้นมาลอย ๆ “ขยะ” แล้วก็เดินผ่านไปหน้าตาเฉย และเพียงคำพูดสั้น ๆ นั้นก็ทำให้พวกนัตโตะไม่พอใจเอามาก ๆ จึงได้เดินตามหลังซึฮากิมาและทีบไปที่กลางหลังของซึฮากิ จนถึงกับทรงตัวไม่อยู่จากมือทั้งสองข้างที่ล้วงกระเป๋าอยู่นั้นก็ต้องชักออกมาเพื่อยันตัวไว้เพื่อไม่ให้หน้าจูบกับพื้น เขาก็รีบลุกขึ้นทันทีและจ้องมองไปที่นัตโตะ ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่ง

นัตโตะทนไม่ไหวพุ่งเข้าต่อยซึฮากิด้วยความโมโห ซึฮากิไม่แม้แต่จะขยับขาหนีแต่เขากลับยืนรับหมัดขวานั้นแต่โดยดี ในขณะที่หมัดกำลังจะเข้าถึงหน้าของเขา เขาก็หันหน้าหลบตามทิศของแรงหมัดลดความรุนแรงและก็ทำหน้าให้เหมือนกับโดนต่อย จากนั้นก็ล้มฟุบลงไปกองกับพื้นทันทีและก็นอนนิ่งไปเหมือนกับสลบ หลังจากนั้นพวกนัตโตะก็กูกันเข้ามารุมกระทืบต่อก่อนที่ออดจะดัง ทำให้พวกมันแยกย้ายกันไปเรียน ซึฮากิลุกขึ้นหลังจากที่ไม่มีใครแล้ว

“สัปดาห์แรกก็โดนซะแล้วสิ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ ทั้งตัวที่เต็มไปด้วยรอยเท้ามากมาย แต่น้ำเสียงและสีหน้าของเขากลับดูเฉื่อยชาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขาเดินตรงไปที่ผู้โชคร้ายคนนั้นและอุ้มเขาขึ้นมาแล้วพาไปที่ห้องพยาบาลพร้อมทั้งทำแผลให้ทั้งเขาและตัวเองด้วย พ่อหนุ่มโชคร้ายคนนั้นยังคงนอนสลบอยู่ แต่ซึฮากิกลับเดินไปเรียนหน้าตาเฉยทั้งที่เนื้อตัวมอมแมมถึงจะพยายามเช็ดรอยเท้าออกไปแล้วก็เถอะ พอเข้าห้องไป

ถึงทุกคนจะเห็นกันหมดแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาถามหรือพูดคุยด้วยเลยแม้แต่คนเดียวและนั้นแหละคือสาเหตุที่ไม่ถูกกันหลังจากนั้น ซึฮากิก็โดนกระทืบอยู่หลายครั้ง ล่าสุดซึฮากิก็ได้เรียกนัตโตะด้วยฉายาที่ตั้งให้เอง “ถั่วเน่า” กลับมาปัจจุบันกันดีกว่า หลังจากที่เขาทั้งสองต่างมองหน้ากันตาไม่กะพริบ

“ไงถั่วเน่า” แค่คำพูดสั้นออกมาจากปากซึฮากิทำให้นัตโตะสีหน้าเปลี่ยนทันทีดูได้จากคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

“พูดว่าไงนะ! ไอ้กิ” ฟันทั้งบนและล่างขบกันทั้งก่อนและหลังจากที่พูดแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่มี

สงสัยวันนี้จะโดนอีกแล้วซินะ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าพูดอะไรไม่เข้าหูก็จะโดน แต่…มันหยุดปากไม่ได้น่ะซิ ไอ้ปากที่ชอบพาความซวยมาหาเนี่ย

นัตโตะต่อยไปที่หน้าของซึฮากิทันที แต่ซึฮากิก็หันหน้าหลบเหมือนกับที่เคยทำมาก่อน หลังจากที่นัตโตะปล่อยหมัดมาแล้วซึฮากิใช้จังหวะนี้วิ่งผ่านตัวของนัตโตะและผลักเขาออกเพื่อออกจากห้องน้ำแต่พอออกมาได้ก็โดนพวกของนัตโตะล้อมไว้แล้ว

“เจาจัดการมันเลย!” เสียงจากนัตโตะที่ตะโกนมาจากด้านหลังของเขาและตรงหน้าเขาก็มีพวกของนัตโตะคนหนึ่งที่สัดส่วนพอ ๆ กับพวกนักกล้ามก้าวเท้าออกมาหาซึฮากิพร้อมการกำหมัดและดัดนิ้วของมือทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็เริ่มง้างหมัดขวาแบบเต็มที่

ในระหว่างนั้นก็มีพรรคพวกคนอื่นที่กรูกันเข้ามาจับตัวไว้แน่น ซึฮากิโดนต่อยเข้าที่แก้มซ้ายเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึงกับทำให้เลือดกำเดาไหลทันทีและทรุดตัวลงโดยที่เข่ายันกับพื้นอยู่ เจาไม่รอช้าคว้าคอเสื้อของซึฮากิและดึงตัวเขาขึ้นมาและต่อยซ้ำอีกหลายที

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ตะโกนมาอย่างสุดเสียง

เธอมีชื่อว่า ฟราน เป็นคนที่คิดว่าน่าจะสนิทที่สุดในโรงเรียนของซึฮากิ ทุกคนต่างหันหลังมองไปที่ฟราน เธอก็เดินตรงเข้ามาท่ามกลางพวกนักเลงโดยที่ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด ไม่นานนักก็มีพวกเพื่อน ๆ ของฟรานที่ตามมาทีหลัง

“พวกนายทำอะไรกันน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวเสียงใสแต่กลับมีความหนักแน่นคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มเพื่อน

เดินเข้ามาและพูดกับทุกคนตรงหน้า เธอคือ สูรเนตร (สู-ระ-เนด) หรือที่รู้จักกันว่า ซันนี่ เป็นประธานนักเรียนคนปัจจุบันและยังเป็นลูกสาวคนที่สองของผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้อีกด้วยซึ่งแน่นอนถ้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทเธอจะต้องเข้าไปห้ามปรามทันที

“ไปเว้ย!!” นัตโตะสั่งพรรคพวกของเขาทุกคนและเดินผ่านซึฮากิ กับคนอื่น ๆ ไป

มีคนมาเห็นเยอะคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าทั้งดาวและเดือนโรงเรียนจะอยู่ด้วยกันรวมทั้งนักกีฬาตัวท็อป สมองของโรงเรียน ไหนจะประธานนักเรียนอีก เฮ้อ เป็นกลุ่มคุณภาพจริง ๆ เลย นัตโตะก็ได้เดินผ่านพวกฟรานออกไป พวกฟรานต่างก็หันไปมองตามหลังเหมือนกันเพื่อดูท่าที

“กิจัง ๆ” เธอพยายามเรียกในขณะที่ใช้มือของเธอเขย่าตัวผมที่นอนไม่ได้สติอยู่ จริง ๆ ก็แกล้งสลบรอพวกมันไป แล้วมีผู้ชายหนึ่งในเพื่อนของฟราน เดินตรงเข้ามาหาผม

เขามีชื่อว่า ชาญวัฒน์ (ชา-ยะ-วัด) หรือที่เรียกกันว่า ชาญ (ชาน) ชาญเป็นทั้งนักกีฬาและนักกรีฑาของโรงเรียนมีความสามารถที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล วอลเลย์บอล วิ่ง กระโดดไกล ขว้างจักร และยังมีอย่างอื่นอีก แต่คงสงสัยใช่ไหมว่าเอาเวลาที่ไหนซ้อมในเมื่อมีความสามารถมากมายขนาดนี้

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาแบ่งเวลาซ้อมอย่างละครึ่งชั่วโมงแต่มันก็คงไม่พอสำหรับการแข่งที่รอเขาอยู่ และสิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จก็คือโรงเรียนแห่งนี้สนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ซึ่งเขาแทบจะไม่ได้เรียนในห้องเรียนเลย ซึ่งถ้าร่างกายคนทั่วไปคงจะรับภาระหนักมากแน่ ๆ แต่เขาชินกับมันทำให้ได้ร่างกายที่โคตรจะอึดถึกทนมาก สามารถซ้อมได้โดยไม่ต้องพักเลย

“ฟรานช่วยพยุงอีกฝั่งที” ชาญย่อตัวลงมาและจับแขนซ้ายของผมไปวางไว้บนท้ายคอของเขาและใช้มือซ้ายจับแขนของผมไว้โดยที่มือขวาค่อย ๆ พยุงตัวผมขึ้นมาและฟรานก็เข้ามาพยุงทางด้านขวา ทั้งสองคนพาผมไปที่ห้องพยาบาล

ความสงบสุขคงจะไม่มีอีกแล้วมั้งเนี่ย คนที่ไม่ควรมาเห็นที่สุดก็ดันมาเห็นอีก ถ้าพวกเธอไปบอกครูมีหวังได้เกิดเรื่องวุ่นวายแน่ ๆ เลยตาย ๆ จบสิ้นแล้วชีวิตในโรงเรียน อุตส่าห์ทนมาหลายปีจะจบอยู่แล้วแท้ ๆ ความพยายามทั้งหมดคงจะสลายหายไป ไม่ ๆ ถ้าเราบอกว่าเป็นแค่การเข้าใจผิดล่ะ จะบ้าตายอยู่แล้วทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย! ซึฮากิกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจตลอดทางไปห้องพยาบาล

“ฟู่~ตัวหนักใช่เล่นเลยนะเนี่ย” ชาญวางผมลงบนเตียงและจัดท่าให้นอน

“ฟรานเอาผ้ากับน้ำสะอาดมา เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้ซึฮากิเอง” ฟรานเดินไปตรงหัวมุมห้องซึ่งมีอ่างล้างมือและใช้กะละมังที่วางอยู่ใกล้ ๆ นั้นมาใส่น้ำ จากนั้นเธอก็เดินไปที่ตู้ที่อยู่ถัดไปและหยิบผ้าสีขาวออกมา ในขณะเดียวกันชาญก็ได้เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลและเดินกลับมา

“เอาละ เรามาเริ่มจากล้างแผลที่ถลอกกันก่อน ฟรานเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตรงแผลให้สะอาดนะ” ฟรานหยิบผ้าที่เตรียมมาชุบน้ำและเช็ดตรงหัวเข่าซึ่งน่าจะได้แผลนี้มาตอนล้มลงไป ใบหน้าของซึฮากิที่มีรอยช้ำหลายจุดฝุ่นเกาะเต็มไปหมด และชาญก็นำเจลประคบเย็นจากในกล่องปฐมพยาบาลออกมาและใช้ประคบไปที่ตาซ้ายของซึฮากิ ส่วนแผลที่หัวเข่าชาญก็ใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำยาฆ่าเชื้อ เมื่อฆ่าเชื้อเสร็จ ก็ใช้ผ้าก๊อซหุ้มสำลีแล้วก็ปิดพลาสเตอร์ไว้ทั้งสองข้าง

“เท่านี้ก็เรียบร้อย ที่เหลือก็ปล่อยเขานอนไปนั่นแหละ” ชาญกับฟรานกำลังจะออกไป แต่ในขณะที่ฟรานกำลังลุกขึ้นนั้นผมก็ได้ดึงมือเธอไว้

“ฟ-ฟรานเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็แค่การเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่หรอก” เธอหันมามองและนั่งลงอีกครั้งพร้อมกับจับมือของซึฮากิและกุมมือนั้นไว้ ความอบอุ่นจากมือของฟรานที่ทำให้ซึฮากิรู้สึกผ่อนคลายลงได้ถึงจะเล็กน้อยก็ตาม

“กิจังไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะเดี๋ยวพวกเราจะจัดการให้เอง” เธอวางมือของซึฮากิไว้ที่เดิม

เธอพูดเหมือนกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่แต่สิ่งที่เธอพูดมันไม่มีทางหรอก พวกเธอทำอะไรมันไม่ได้หรอกอย่างมากก็แค่ตักเตือน แทนที่จะปล่อยผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ พวกเธอจะทำให้มันแย่ลงอีก แต่ช่างเถอะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และ ฟรานก็เดินออกจากห้องไปปล่อย ซึฮากิไว้คนเดียว

เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนเสียงออดสุดท้ายดังขึ้นพวกนักเรียนต่างก็เริ่มทยอยกลับบ้านกัน พอได้ยินเสียงซึฮากิก็เลยลุกขึ้นจากเตียงวางเจล ประคบเย็นไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ แล้วเดินกลับบ้าน ที่ที่เขาอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเลยไม่จำเป็นต้องนั่งรถรับส่งจะได้ประหยัดเงินไปในตัว

“สวัสดีครับคุณอายะ” เมื่อมาถึงบ้านหลังใหญ่ของพวกซึฮากิ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับคุณอายะซึ่งเป็นคนดูแลที่นี่จึงรีบยกมือไหว้ทันที

“กิ! หน้าเธอไปโดนอะไรมา ไหนจะหัวเข่านั่นอีก” เธอตกใจทันทีเมื่อเห็นสภาพของซึฮากิและมือของเธอจับไหล่ทั้งสองข้างพยายามถามผมในขณะที่เธอก็มองไปรอบ ๆ ตัวผมเพื่อหาจุดอื่น

“แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะครั–” เขาพยายามที่ไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่

“นี้เรียกว่านิดหน่อยเหรอ” เธอรีบพูดแทรกขึ้นมาทันทีในขณะที่ผมยังพูดไม่จบ เธอจ้องตาเขม่งเหมือนจะโมโหหนัก

“อะ! นั่นพี่กินี่” เอหนึ่งในเด็กกำพร้าที่พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ คุณอายะจึงได้รับมาดูแลเพราะเขาไม่มีญาติคนอื่นเลย ผมค่อนข้างที่จะสนิทกับพวกเด็ก ๆ แล้วก็เป็นพี่เลี้ยงคนหนึ่งที่คอยดูแลพวกเขา

เอวิ่งตรงเข้ามาพยายามดึงมือผมให้ไปเล่นด้วยกัน

ขอบใจมากเลยเอ น้องรัก ซึฮากิคิดในใจและมองไปที่เอ

ได้เสมอพี่ชาย เอคิดในใจขณะที่ทั้งคู่จ้องตากันเหมือนโทรจิตกันได้ [ทั้งสองคนยิ้มชั่วร้ายอยู่ในใจ]

“พวกเรากำลังเล่นซ่อนแอบกันอยู่ พี่กิก็มาเล่นด้วยกันสิ” เอลากผมไปหาเด็กคนอื่นๆ ซึ่งผมก็ตามไปโดยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด อย่างน้อยก็หลบมาจากคุณอายะได้ พวกเราเล่นซ่อนแอบกันอยู่สักพักก็ได้เวลาข้าวเย็น อาหารส่วนหนึ่งก็ได้มาจากการบริจาคแล้วยังมีข้าวก้นบาตรจากวัดใกล้ ๆ อีกด้วย

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ไม่ใช้ของรัฐจึงไม่มีงบมากพอและมีเด็กกำพร้าอยู่ถึงสิบเจ็ดคน ส่วนใหญ่อายุจะอยู่ประมาณห้าถึงสิบขวบ หลังจากทานอาหารกันจนอิ่มพวกเด็ก ๆ ก็แยกย้ายกันไปนอน เหลือผมที่จะคอยทำความสะอาดล้างจานก่อนที่จะไปทำการบ้านถึงจะได้นอน

28พฤษภาคม พ.ศ. 2575

เช้าวันต่อมาผมต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อมาช่วยคุณอายะทำอาหารสำหรับมื้อเช้า และยังมีลูกสาวของคุณอายะ เธอทำงานรับข้าราชการเป็นคุณครูสอนภาษา ซึ่งเธอก็มาช่วยดูแลเหมือนกัน บางครั้งเธอก็สอนหนังสือพวกเด็ก ๆ

“ถ้าเธอไม่อยากบอก ฉันก็จะไม่ถามแต่เธอก็ควรรู้ขีดจำกัดของตัวเองบ้างนะ” คุณอายะหันมาพูดกับซึฮากิโดยที่เธอก็กำลังคนข้าวที่อยู่ในหม้อสำหรับข้าวต้มในมื้อเช้านี้ น้ำเสียงของเธอพยายามจะสื่อว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ตั้งแต่สัปดาห์แรกเธอก็สังเกตเห็นรอยช้ำหลายแห่งแต่เธอก็รู้ดีว่าซึฮากิเป็นคนอย่างไรจึงพยายามที่จะไม่ไปยุ่ง

“ครับ” ผมตอบกลับด้วยคำสั้น ๆ และไปเตรียมชามสำหรับใส่ข้าวต้ม หลังจากพวกเราทานมื้อเช้าเสร็จแล้วผมก็เดินมาโรงเรียนเหมือนเดิม

“ไง ซึฮากิ” ซันนี่ที่กำลังจะเดินเข้าโรงเรียนหันมาเห็นเลยโบกมือทักทายผม ผมก็โบกมือทักทายกลับเช่นกัน

ผมที่กำลังจะเข้าโรงเรียนโดยที่ซันนี่ก็ยืนรอผมอยู่หน้าโรงเรียนแต่ก็รู้สึกเหมือนมีใครตามหลังผมมา ถึงมันจะเป็นแค่ความรู้สึกแต่ก็ต้องหันไปดู

“อ๊ะ! ส-สวัสดี” พีชหญิงสาวผมสั้นพร้อมด้วยแว่นตาคู่ใจผู้เป็นสมองของโรงเรียน เธอตกใจสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ผมหันไปมอง ตาของเธอก็ล่อกแล่กไปมาแต่พอทักทายเสร็จ เธอก็รีบวิ่งนำผมไปหาซันนี่ทันที

พวกผมสามคนก็เดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน ระหว่างทางที่เดินอยู่บนฟุตบาทผมก็เหลือบสายตาไปรอบข้างซึ่งเป็นสนามกีฬา ที่นั่นก็มีพวกที่เล่นฟุตบอลกันอยู่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีชาญอยู่ด้วย เขามักจะชอบเล่นฟุตบอลกันตอนเช้า เมื่อเดินเข้ามาถึงตัวอาคารแล้วผมมักจะไปนอนที่โต๊ะใต้ถุนตึก ผมจึงแยกกับพวกซันนี่ตรงนั้น ส่วนเธอสองคนก็คงจะไปทานข้าวเช้าที่โรงอาหาร

“กิ…จัง ๆ” ผมได้ยินเสียงใครบางคนเรียกจากที่ก้มหน้าหลับอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองหาที่มาของเสียง ตาก็ยังพร่ามัวอยู่เล็กน้อย คนที่เรียกก็คือ ฟราน

“แผลดีขึ้นหรือยังจ๊ะ” เสียงของเธอที่ถามผมด้วยความเป็นห่วงและยิ้มให้ด้วย รอยยิ้มนั้นทำให้ผมตาสว่างขึ้นมาทันที โดยที่ข้าง ๆ เธอนั้นก็มีผู้ชายอีกคนอยู่

เขามีชื่อว่า ซากิ หนุ่มหล่อสุดฮอตประจำโรงเรียนนี้ โคตรพ่อโคตรแม่หล่อกันเลยทีเดียว ฐานะทางบ้านก็ดี เรียนก็เก่ง ช่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ เลย

“อืม ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวมันก็หาย” ท่าทางของเธอที่ดูเป็นห่วงก็ลดลง

“รีบไปกันเถอะฟราน เดี๋ยวสาย” ซากิจับมือฟรานและพาเธอออกไป

“อ๊ะ ไว้เจอกันนะกิจัง” เธอพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป

เห้อ…ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันซะจริง ๆ เลย เขาได้แต่มองตามหลังของทั้งคู่ที่เดินจับมือกันไป

เสียงออดแรกของวันดังขึ้น พวกนักเรียนต่างก็เดินกันวุ่นวาย ดังนั้นซึฮากิจึงนั่งรอต่อไป รอคนน้อยลงก่อนค่อยไปเรียน ถึงแม้มันจะต้องเข้าสายนิดหนึ่งก็ตาม

“นักเรียนเคารพ สวัสดีครับ / ค่ะ คุณครู” ยังดีที่ผมเข้าห้องทันก่อนที่ครูจะมาถึง หัวหน้าห้องนี้คือซันนี่เอง พวกฟรานก็อยู่ห้องเดียวกันกับเราหมดรวมทั้งถั่วเน่าก็เช่นกัน

“ก่อนที่เราจะเรียนครูจะทบทวนเรื่องพื้นฐานให้ก่อนนะ การกำเนิดเอกภพนั้นมีทฤษฎีที่มีการยอมรับมากที่สุดคือ บิกแบง...บรา บา บรา บา” วิชาแรกของวันนี้คือดาราศาสตร์ เมื่ออธิบายครูก็เริ่มเขียนบนกระดานเป็นเหมือนสรุปมายด์แม็ปให้

“เอาละที่นี้เราก็จะมาเรียนต่อกัน”

เรียนไปเรียนมาชักเริ่มง่วงคงเป็นเพราะต้องตื่นแต่เช้าแน่เลย ในขณะที่ผมสัปหงกอยู่นั้นเสียงของครูก็เริ่มไม่ค่อยได้ยิน ตาที่เริ่มเบลอลงเรื่อย ๆ แต่แล้วก็มีแสงสีขาวสว่างขึ้นที่กลางห้องเรียนและมันก็เริ่มสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนแสบตาไม่สามารถมองได้ ผมได้แต่หลับตาไว้ แต่สุดท้ายผมก็เผลอหลับไปจริง ๆ

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าที่ที่ผมอยู่ไม่ใช่ในห้องเรียนแต่กลับนอนอยู่กับพื้นดินโดยที่ถูกมัดมือ มัดขา มีเทปกาวปิดปาก รวมแม้กระทั่งตาที่ถูกผ้าปิดไว้ ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ จนคิดว่าอาจจะฝันแต่ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งคัน ทั้งหยาบ กลิ่นของดินทุกอย่างมันคือของจริง เห็นได้ชัดว่ามันคือการลักพาตัวอย่างแน่นอน

[เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : บิกแบง หรือ BigBang คือ ทฤษฎีการกำเนิดเอกภพที่ว่าด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเอกภพโดยเริ่มจากอนุภาคพื้นฐานจนเป็นกาแล็กซีในปัจจุบัน]

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
STARCIN
1

บทที่ 1 ภาคที่1 HIN ตอนที่1 ความเคยชิน

02/01/2022

2

บทที่ 2 ภาคที่1 HIN ตอนที่ 2 กลิ่นที่ไม่เหมือนเดิม

02/01/2022

3

บทที่ 3 ภาคที่1 HIN ตอนที่ 3 เริ่มการฝึกของจริง

02/01/2022

4

บทที่ 4 ภาคที่1 HIN ตอนที่ 4 สิ่งที่อยู่ติดตัว

02/01/2022

5

บทที่ 5 ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 5 มัวหมอง

03/01/2022

6

บทที่ 6 ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 6 ลองดี

03/01/2022

7

บทที่ 7 ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 7 วิถีธรรมเนียมปฏิบัติ

03/01/2022

8

บทที่ 8 ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 8 กัดฟัน

03/01/2022

9

บทที่ 9 ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 9 รันทด

03/01/2022

10

บทที่ 10 ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 10 NC 18 หมดหวัง

03/01/2022

11

บทที่ 11 ภาคที่ 1 HIN ตอนที่ 11 ยัง

03/01/2022

12

บทที่ 12 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 1 เริ่มใหม่

03/01/2022

13

บทที่ 13 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 2 ใกล้เคียง

03/01/2022

14

บทที่ 14 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 3 เสี่ยง...คุ้ม

03/01/2022

15

บทที่ 15 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 4 ทุ่มสุดตัว

03/01/2022

16

บทที่ 16 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 5 กลัวที่จะเผชิญ

03/01/2022

17

บทที่ 17 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 6 เกินเลย

03/01/2022

18

บทที่ 18 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 7 เอ่ยออกมา

03/01/2022

19

บทที่ 19 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 8 ลาก่อน

03/01/2022

20

บทที่ 20 ภาคที่ 2 GAMES START ตอนที่ 9 ย้อนวันวาน

09/01/2022