วิวาห์ตัวสำรอง ชุด เจ้าสาวพรหมจรรย์ของมหาเศรษฐี

วิวาห์ตัวสำรอง ชุด เจ้าสาวพรหมจรรย์ของมหาเศรษฐี

เนื้อนวล

4.9
ความคิดเห็น
460.5K
ชม
53
บท

เคลวิน แม็คคลาเรน ถูกคู่หมั้นหักหน้าด้วยการประกาศแต่งงานกับชายคนอื่น ด้วยความคั่งแค้นที่ถูกหยามหน้า ทำให้เขาว่าจ้างเด็กสาววัยกำดัดที่ตนเองอุปการะเอาไว้มาแต่งงานด้วย เพื่อเอาคืนคนเคยรักให้กระอักเลือด เพราะบุญคุณล้นหัว ทำให้เฌอปรางต้องยอมลงชื่อในสัญญาจ้างแต่งงาน แทนที่ผู้หญิงคนนั้นที่เขารักมาก "เธออ่านสัญญาละเอียดหรือยัง" "หนูอ่านละเอียดแล้วค่ะ" "ถ้าอ่านละเอียดแล้ว เธอคงรู้ข้อห้ามทั้งสามข้อที่เธอต้องทำให้ได้แล้วใช่ไหม" "ค่ะ หนูทราบแล้วค่ะ" "งั้นลองบอกฉันมาสิ ว่าข้อห้ามมีอะไรบ้าง" หล่อนช้อนตาขึ้นมองผู้มีพระคุณด้วยสายตาที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้แทบไม่มิด "ข้อแรก หนูไม่มีสิทธิ์ในตัวของคุณค่ะ" "ถูกต้อง" เขายิ้มอย่างพอใจ "แล้วข้อสองล่ะ" หล่อนกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก "ห้ามรักคุณค่ะ" เขายิ้มอย่างพอใจอีกแล้ว "แล้วข้อสามล่ะ" "ห้าม... เอ่อ... ห้ามปล่อยให้ท้องค่ะ เพราะถ้าท้อง คุณจะไม่รับผิดชอบ" "ถูกต้อง และฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด" หล่อนไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนยิ้มออกไป "แล้วถ้าครบสัญญาหกเดือนแล้ว เอ่อ... หนูต้องไปจากที่นี่ไหมคะ" "ฉันคิดว่ามันจะดีสำหรับเรา หากไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก หรือเธอคิดว่าไง" ท่าทางของเขาเย็นชา ไร้หัวใจ ทำราวกับกำลังเจรจาธุรกิจไม่มีผิด "เอ่อ หนูแล้วแต่คุณค่ะ" เธอทำได้แค่ฝืนยิ้ม ซ่อนน้ำตา ให้กับผู้ชายที่ตรเองทั้งรักทั้งบูชาเท่านั้น แต่ใครจะรู้เล่าว่า เมื่อสัญญาจบสิ้นลง เธอได้เดินจากไปพร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา

บทที่ 1 ตอนที่ 1

เฌอปราง อิสเรศ เด็กสาววัยสิบแปดปีบริบูรณ์ ดวงหน้าขาวเนียนรูปหัวใจ สองพวงแก้มที่ผุดผ่องสดใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยภายใน มีลักยิ้มบุ๋มน่ามองยามเจ้าตัวแย้มยิ้ม เรือนร่างอรชรถูกซ่อนเร้นเอาไว้ใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ ความสูงหนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ดเซนติเมตร ทำให้หล่อนดูตัวเล็กมากหากยืนอยู่ใกล้ผู้ชายสูงสง่าอย่าง เคลวิน แม็กคลาเรน เจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือและในประเทศไทย

เด็กสาวคือลูกสาวของคนงานในไร่ที่เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ ทำให้เป็นกำพร้า และก็ต้องตกมาอยู่ในการดูแลของเคลวินตั้งแต่อายุสิบขวบ ระยะเวลาแปดปีเต็มที่ผ่านมา ความเอาใจใส่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อที่มีให้นั้น ทำให้เด็กสาวอย่างหล่อนซาบซึ้งใจนัก และมันก็ทำให้หัวใจไร้เดียงสารู้จักคำว่ารักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สนามหญ้าหลังบ้านไม้สักหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงเคลวิน แม็กคลาเรน คือสถานที่ที่หล่อนมักจะมานั่งทอดอารมณ์ และมองดวงอาทิตย์ที่กำลังปีนป่ายขึ้นจากขอบฟ้าเสมอ แต่หลายวันมานี่มันต่างไปจากเดิม เมื่อสนามหญ้าหลังบ้านไม่ได้เป็นที่ส่วนตัวของหล่อนอีกต่อไปแล้ว

เรือนกายสูงสง่าล่ำสันของพ่อเลี้ยงเคลวินกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้สีขาวที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของโต๊ะไม้ที่มีลักษณะทรงกลมสีเดียวกัน บนโต๊ะไม้มีขวดเหล้า ถังใส่น้ำแข็ง และแก้วใสทรงสวยที่มีหยาดน้ำสีอำพันเจืออยู่ที่ก้นของมัน

หล่อนรู้ตัวว่าควรจะเดินจากไป เพราะมั่นใจว่าเคลวินกำลังต้องการความเป็นส่วนตัว แต่สองขากลับไม่ยอมขยับเคลื่อนไหว ดวงตาจ้องเขม็งไปที่ผู้มีพระคุณด้วยความเห็นใจ

หล่อนรับรู้เรื่องราวเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเคลวินไม่ต่างจากคนงานทุกคนในไร่ชาแห่งนี้

คุณณิชา คนรักที่เคลวินรักมาก พวกเขาคบหากันมายาวนาน และทุกคนก็มั่นใจว่าพวกเขาจะต้องแต่งงานกันในตอนสุดท้าย แต่ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด เมื่อจู่ๆ คุณณิชาก็ส่งการ์ดแต่งงานมาถึงเคลวิน และบอกว่าจะแต่งงานกับเศรษฐีฝรั่งคนหนึ่งที่เพิ่งเจอกันได้เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น

หล่อนรู้ดีว่าเคลวินจะต้องช็อกมากๆ และก็คงเสียใจจนแทบเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อผู้หญิงที่เขารักมากดั่งดวงใจมาสะบั้นรักลงกะทันหันแบบนี้

ตอนแรกหล่อนเป็นห่วงมาก กลัวว่าเคลวินจะเสียใจจนเสียผู้เสียคน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่อย่างนั้น เคลวินแสดงความเสียใจให้ทุกคนเห็นก็จริง แต่ภายใต้ความเสียใจนั้น ชายหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นจนน่ากลัว

แกรก...

หล่อนขยับเท้า และก็บังเอิญไปเหยียบท่อนไม้แห้งที่อยู่ด้านหลังจนหัก เกิดเสียงดังขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าคนที่นั่งดื่มเหล้ามองแสงตะวันยามเช้าอยู่ต้องได้ยิน

เคลวินมองมาที่หล่อน...

ร่างเล็กกะทัดรัดของเฌอปรางคล้ายกับถูกคำสาปให้ยืนนิ่งไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้

ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมายังร่างของหล่อนนั้นมืดลึกและอ่านความรู้สึกไม่ออก

หล่อนพยายามตั้งสติ แต่การเผชิญหน้ากับเคลวินมันสร้างความประหม่าให้กับหล่อนเสียทุกครั้ง ตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าตกหลุมรักเขาเข้าเต็มหัวใจ

กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง มือเล็กที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวชุ่มชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ

หล่อนระมัดระวังการแสดงออกของความรู้สึกตนเองเสมอ ไม่มีวันที่หล่อนจะทำให้เคลวินลำบากใจกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของหล่อนแน่นอน

เพราะหล่อนรู้ดีว่าเขาไม่เคยต้องการ...

“สวัสดีตอนเช้า เฌอปราง”

น้ำเสียงสบายๆ ของเคลวินที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยทำให้เฌอปรางต้องรีบรวบรวมสติ และก้าวเข้าไปหาเขาอย่างไม่มีทางเลือก

“สวัสดีตอนเช้าค่ะ พ่อเลี้ยง”

เคลวินระบายยิ้มออกมา และมองหล่อนด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากทุกวัน ซึ่งมันก็ทำให้หล่อนทั้งประหม่าทั้งรู้สึกขัดเขินจนเผลอบิดตัวไปมา

“นั่งก่อนสิ”

“เอ่อ... หนู...”

หล่อนกำลังจะปฏิเสธ เพราะการเผชิญหน้ากับเคลวินมันทำให้หล่อนอ่อนแอและอ่อนไหวเหลือเกิน

“เดี๋ยวนี้เธอดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเสวนากับฉันเลยนะ เฌอปราง”

“ไม่... ไม่ใช่ค่ะพ่อเลี้ยง”

“งั้นก็นั่งลงสิ ฉันคิดว่าเรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน”

หล่อนจำต้องหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ ตัวตรงกันข้ามกับเขา หัวใจสาวเต้นแรงระรัว แข้งขาก็อ่อนแรง เมื่อได้อยู่ใกล้ๆ กับผู้ชายเจ้าของดวงใจ

เคลวินหล่อมาก...

นี่คือคำจำกัดความเดียวที่หล่อนมอบให้เขาได้

หล่อเถื่อนๆ หล่อแบบมีพลังทำลายล้างสูงลิบ

เฌอปรางพยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองไม่ให้หอบกระชั้นจนคนตรงหน้าสังเกตเห็น

“นี่ฉันไม่ได้เห็นเธอนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย”

“ก็น่าจะ... สองสามอาทิตย์ค่ะ”

ซึ่งมันก็คือช่วงเวลาที่หล่อนเข้าไปพักที่หอพักในเมืองเพื่อสอบภาคเรียนสุดท้ายของชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก

“ก็ไม่นานนะ ทำไมเธอดูโตเป็นสาวจัง”

พวงแก้มนวลแดงระเรื่อ และก้มหน้าหลบสายตาเข้มเป็นประกายของผู้ชายที่หล่อวัวตายควายล้ม ลงมองปลายเท้าของตนเองด้วยความเขินอาย

“ก็... หนูสิบแปดแล้วนี่คะ”

หล่อนอ้อมแอ้มตอบออกไปเสียงแผ่วเบา

เคลวินหัวเราะในลำคอ พิศมองดวงหน้าขาวผ่องของเด็กสาววัยกำดัด เจ้าหล่อนมีรอยยิ้มสดใสที่ให้ความรู้สึกเหมือนแสงตะวันยามเช้า มันทั้งอบอุ่นและสดใส

ริมฝีปากที่อยู่ใต้จมูกโด่งเชิดพองามอวบอิ่มจนดูเหมือนจะหนาเกินไป ไม่ได้เป็นรูปกระจับเหมือนที่สาวๆ นิยมกัน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันดูเย้ายวนเชิญชวนให้ชายลิ้มลอง

ดวงตากลมโตสีดำขลับสดใส แววตาของหล่อนไร้เดียงสาไม่ต่างจากเด็กสาววัยแรกรุ่นทั่วไป แต่ทุกครั้งที่นัยน์ตาหวานทอดมองมายังเขา เขาก็สัมผัสได้ถึงความเทิดทูนบูชาจากเจ้าหล่อนได้อย่างชัดเจน และเพราะแบบนี้ไง เขาถึงมีความคิดเห็นแก่ตัวอย่างนี้ขึ้นมาในสมอง

“นั่นสินะ เธอมีอายุสิบแปดปีแล้ว”

“เอ่อ... เมื่อกี้พ่อเลี้ยงบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับหนูใช่ไหมคะ”

“อืม”

ใบหน้าหล่อลากไส้ผงกขึ้นลงตอบเพียงสั้นๆ ในขณะที่หล่อนรู้สึกกังวลแปลกประหลาด

“เอ่อ... เรื่องมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ”

เคลวินเคยบอกกับหล่อนเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าหลังจากที่หล่อนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เขาจะส่งหล่อนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่หล่อนต้องการเรียนต่อแค่ที่เชียงใหม่เท่านั้น

“ไม่ใช่”

ดวงตากลมโตของเฌอปรางเบิกกว้างเล็กน้อย และก็เต็มไปด้วยความแปลกใจ เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ เคลวินยังจะมีเรื่องอะไรคุยกับหล่อนอีกล่ะ ในเมื่อปกติแล้ว เขาไม่ค่อยจะสนใจเสวนากับหล่อนสักเท่าไหร่

“เอ่อ... แล้วเรื่องอะไรเหรอคะพ่อเลี้ยง”

ดวงตาสีน้ำตาลของเคลวินจ้องมองมาที่หล่อนนิ่งนาน นานจนหล่อนรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

เคลวินไม่เคยมองหล่อนด้วยสายตาแบบนี้ และไม่เคยมองนานแบบนี้ด้วย

“หนูยินดีทำทุกอย่างตามคำสั่งพ่อเลี้ยงค่ะ”

หล่อนตัดสินใจพูดออกไป เพื่อให้ผู้ชายตรงหน้ายอมเฉลยสิ่งที่ค้างคาใจเสียที

หล่อนเห็นเขาพ่นลมออกจากปากเฮือกใหญ่สองสามครั้ง ก่อนที่จะเริ่มต้นพูดขึ้น

“ฉันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากเธอน่ะ”

“ค่ะ”

ดวงตากลมโตจ้องมองเขา มองอย่างรอคอยใจจดจ่อ

“เธอน่าจะพอรู้มาบ้างแล้วล่ะ เรื่องณิชาน่ะ”

“เอ่อ... หนู... พอ... พอทราบค่ะ”

หล่อนอึกอักไม่อยากจะพูดออกไปนัก เพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจของผู้ชายตรงหน้า

“มันเป็นเรื่องที่น่าบัดซบมากที่จู่ๆ ฉันถูกคนรักที่คบกันมาสิบกว่าปีสลัดทิ้ง แถมยังได้รับการ์ดเชิญแต่งงานมาให้แสลงใจอีก”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ เนื้อนวล

ข้อมูลเพิ่มเติม
พันธกานต์เลขาเฉิ่ม

พันธกานต์เลขาเฉิ่ม

มหาเศรษฐี

4.8

อนลควรจะทำยังไง เมื่อจู่ๆ แม่เลขาเฉิ่มของพี่ชาย เข้ามาในห้องพักของเขาด้วยความเมามาย และก็ชักชวนให้เขาเป็นคนแรกของเธอ...!!! เขาควรปฏิเสธ หรือว่าเดินหน้าขย่มแม่สาวแว่นให้จมเตียงดีล่ะ?!!! “อ๊ะ... อย่า... คุณอนล... อื้อ...” เขาไม่สนใจการต่อต้านของหล่อนเลย เพราะวินาทีต่อจากนั้น ปากร้อนจัดก็กลืนกินทุกเสียงต่อต้าน พร้อมกับความเป็นชายที่ถูกปลดปล่อยจากเป้ากางเกง และพุ่งทะยานเข้ามาในกายสาว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความเร่าร้อนรุนแรง การต่อต้านขัดขืนจางหายไป เมื่อปากถูกจูบดูดดื่ม พร้อมกับบั้นเอวแกร่งที่โยกคลึงเข้าหาอย่างหนักหน่วง อา... สติของหล่อนจางหายไปหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่หล่อนรับรู้ถึงมันได้ ก็คือความแข็งแกร่งที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ภายในร่องสาวเท่านั้น แต่พอเช้าวันต่อมา แม่เจ้าประคุณดันหนีหน้าหายไป แถมพอเจอกันก็บอกให้ลืมๆ เรื่องเร่าร้อนเมื่อคืนไปซะ เหอะ!!! คิดว่าเขาจะยอมหรือไง ในเมื่อแม่สาววัตถุโบราณ หวานฉ่ำไปทั้งตัวทั้งตัวแบบนี้...

รอยสวาทเจ้าชายทมิฬ

รอยสวาทเจ้าชายทมิฬ

มหาเศรษฐี

5.0

เพราะความเข้าใจผิดทำให้เขาคิดว่าเธอโสเภณีราคาถูก เพราะพิษรักทำให้เธอดำดิ่งลงสู่อเวจีแสนหวานไปชั่วนิรันดร์ “คุณยั่วจนผมสติแตกได้ทุกทีสิน่า...” เขาพึมพำ ขณะล้วงลิ้นเข้าไปในอุ้งปากหวานที่เผยออ้าออกรับอย่างเต็มใจ ร่างกายหยัดขึ้นหาร่างหนาด้วยความต้องการเต็มหัวใจ ยาห์มิลครางออกมา นี่เขาจะทนต่อสัมผัสที่เรียกร้องของสาวน้อยไร้เดียงสาแบบบัวบุษบาได้นานเพียงไหนกัน “ผมต้องการคุณมาก... บัวบุษบา ต้องการจนแทบจะทนไม่ได้...” เขาพึมพำแทรกจุมพิตที่เกือบจะเรียกได้ว่าบ้าคลั่งออกมา ขณะที่ร่างกายแนบสนิทแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน มือหนาซุกซนลูบไล้ต่ำลงไปที่แถวหน้าขา สอดใต้ชายกระโปรงขึ้นไปกอบกุมความอวบของเนินสาวที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงชั้นในเนื้อบางเบา “ตอนนี้ผมภาวนาขอให้เราถึงบ้านพักให้เร็วที่สุด ก่อนที่ผมจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว และร่วมรักกับคุณในรถคันนี้”

เธอคือของหวง

เธอคือของหวง

โรแมนติก

5.0

เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา

คุณหมอทำไมร้าย

คุณหมอทำไมร้าย

โรแมนติก

5.0

นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี

อาจารย์แซ่บไม่ไหว

อาจารย์แซ่บไม่ไหว

โรแมนติก

5.0

ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม

เด็กเลี้ยงของภาวินทร์

เด็กเลี้ยงของภาวินทร์

โรแมนติก

5.0

พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"

หนังสือที่คุณอาจชอบ

จวนร้างแห่งนี้มีสตรีถูกทิ้ง

จวนร้างแห่งนี้มีสตรีถูกทิ้ง

pailinnaka591
5.0

ซ่งจื่อเหยียนถูกน้องสาววางแผนร้าย ในงานวันเกิดองค์หญิงหกกลับพบว่านอนกอดก่ายอยู่กับเว่ยเซียวหยาง แต่เขารังเกียจสตรี แต่งกับนางหรือฝันเฟื่องหรือไง นางจึงถูกไล่ไปอยู่จวนร้างไกลเมืองหลวงถึงห้าสิบลี้ หลี่จื่อเหยียนมาถึงทั้งทีก็สวมบทคุณแม่เลย  ซ่งจื่อเหยียนเจ้าของร่างเดิมจากไปขณะคลอดลูก  แล้วฉันทำไมต้องมาเบ่งแทนวะ ให้ไปแม่น้ำเหลืองเลยไม่ได้หรือไง มันเจ็บนะโว้ย ฮือๆๆๆ สาวใช้ของนางพยายามช่วย ป้าหูอายุห้าสิบแล้ว เป็นชาวบ้านครอบครัวเดียวที่อยู่แถวนั้น "คุณหนูเบ่งอีกนิดเจ้าค่ะ  ฮือๆที่นี่อยู่ไกลนักไม่มีหมอตำแยสักคน" "เอาน่าแม่นางเย่วเล่อ ข้าไม่เคยทำคลอดแต่ข้าก็เคยคลอดลูกแหละน่า นี่ๆอาซ้อซ่งเจ้าเบ่งอีกหน่อย แล้วอย่าสลบไปแบบเมื่อกี้เล่า อดทนหน่อย "อ๊ายย  โอ๊ยเจ็บโอ๊ยเวรกรรมฉิบหายยังไม่ทันมีผัว  ไม่ทันได้รู้รสชาติการป๊าบๆกับผู้ชายเลย  ก็ต้องมาเบ่งลูก  อื้อเจ็บ  อ๊ะ อ๊ายยย" "คุณหนู  ท่านเบ่งอีกนิด  น้ำร้อนเตรียมแล้ว  เย่วหลีกำลังไปเอาเจ้าค่ะ  เหตุใดท่านอ๋องพระทัยร้ายนักฮือๆๆ" "พอแล้ว ไอ้อ๋องสุนัขนั่นสมควรไปตายซะ อ๊าย ข้าเจ็บจะตายเจ้าจะมารำพึงรำพันอะไรเย่วเล่อ  ออกแล้วข้าคลอดแล้ว  อ๊ะ อ๊ายยย" หลี่จื่อเหยียนคลอดบุตรชายของร่างเดิมออกมาหนึ่งคน  จากนั้นนางก็เพลียจนหลับไป

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

คุณนายฟู่ กรุณาเซ็นต์หย่า

คุณนายฟู่ กรุณาเซ็นต์หย่า

Harper
5.0

ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

Lewie Parenti
5.0

"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
วิวาห์ตัวสำรอง ชุด เจ้าสาวพรหมจรรย์ของมหาเศรษฐี
1

บทที่ 1 ตอนที่ 1

07/01/2022

2

บทที่ 2 ตอนที 2

07/01/2022

3

บทที่ 3 ตอนที่ 3

07/01/2022

4

บทที่ 4 ตอนที่ 4

07/01/2022

5

บทที่ 5 ตอนที่ 5

07/01/2022

6

บทที่ 6 ตอนที่ 6

07/01/2022

7

บทที่ 7 ตอนที่ 7

07/01/2022

8

บทที่ 8 ตอนที่ 8

07/01/2022

9

บทที่ 9 ตอนที่ 9

07/01/2022

10

บทที่ 10 ตอนที่ 10

07/01/2022

11

บทที่ 11 ตอนที่ 11

10/01/2022

12

บทที่ 12 ตอนที่ 12

10/01/2022

13

บทที่ 13 ตอนที่ 13

10/01/2022

14

บทที่ 14 ตอนที่ 14

10/01/2022

15

บทที่ 15 ตอนที่ 15

10/01/2022

16

บทที่ 16 ตอนที่ 16

10/01/2022

17

บทที่ 17 ตอนที่ 17

10/01/2022

18

บทที่ 18 ตอนที่ 18

10/01/2022

19

บทที่ 19 ตอนที่ 19

10/01/2022

20

บทที่ 20 ตอนที่ 20

10/01/2022

21

บทที่ 21 ตอนที่ 21

10/01/2022

22

บทที่ 22 ตอนที่ 22

10/01/2022

23

บทที่ 23 ตอนที่ 23

10/01/2022

24

บทที่ 24 ตอนที่ 24

10/01/2022

25

บทที่ 25 ตอนที่ 25

10/01/2022

26

บทที่ 26 ตอนที่ 26

10/01/2022

27

บทที่ 27 ตอนที่ 27

10/01/2022

28

บทที่ 28 ตอนที่ 28

10/01/2022

29

บทที่ 29 ตอนที่ 29

10/01/2022

30

บทที่ 30 ตอนที่ 30

10/01/2022

31

บทที่ 31 ตอนที่ 31

10/01/2022

32

บทที่ 32 ตอนที่ 32

10/01/2022

33

บทที่ 33 ตอนที่ 33

10/01/2022

34

บทที่ 34 ตอนที่ 34

10/01/2022

35

บทที่ 35 ตอนที่ 35

10/01/2022

36

บทที่ 36 ตอนที่ 36

10/01/2022

37

บทที่ 37 ตอนที่ 37

10/01/2022

38

บทที่ 38 ตอนที่ 38

10/01/2022

39

บทที่ 39 ตอนที่ 39

10/01/2022

40

บทที่ 40 ตอนที่ 40

10/01/2022