Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
35K
ชม
100
บท

เมื่อสาวอกหัก ยอมมาเป็นเพียงแค่มดแดงแฝงพวงมะม่วง ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ชายที่รัก จนกว่าเขาจะแต่งงาน แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือการเปิดประตูพรหมลิขิตเข้าอย่างจัง ตึกๆ ตักๆ ตึกๆๆ ตักๆๆ จังหวะการเต้นของหัวใจนาราชานั้นถี่กระชั้นขึ้นจนเธอเหมือนจะเป็นลม ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมองธามด้วยซ้ำ แม้จะไม่ได้มองแต่เพราะตอนนี้อยู่ใกล้กันมากเกินไป ใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ของธามได้ “โอ๊ย! ใจจ๋า อย่าเต้นดังไป เดี๋ยวเขาได้ยินหมด” นาราชาที่ยังคงหลับตาเอ่ยบอกหัวใจที่ตอนนี้เต้นรัวยิ่งกว่ากลองเพลยามออกรบ แต่เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นักและพอรับรู้ว่าปลายนิ้วของธามกำลังขยับ นาราชาก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป “เอ่อ…ขะ…คุณธามคะ มันจำเป็นต้องจับตรงนั้นด้วยหรือคะ” “ตรงนั้นรู้เหรอว่าคือตรงไหน” “ก็ตรงที่คุณธามหยุดปลายนิ้วไว้น่ะค่ะ” เพราะยังคงหลับตา จึงไม่รู้ว่าตอนนี้มือธามอยู่ที่ไหน นั่นทำให้ธามอยากแกล้งคนรู้ดี “หึหึ…ถ้าไม่จับ แล้วฉันจะรู้ขนาดไหม” “หุ่นที่ปั้นนี่มันต้องรู้ขนาดของคนที่มาเป็นแบบ แบบเป๊ะๆ เลยเหรอคะ” “ใช่…ฉันชอบความเป๊ะ….” -------------------------------------------------------------------------------- “เสื้อเชิ้ตก็หอม เสื้อยืดก็หอม กางเกงยีนส์ก็ยังหอม โอ๊ย! เสื้อผ้าผู้ชายอะไรใส่แล้วยังหอมเหมือนยังไม่ได้ใส่ นี่ก็หอม เอ๊ย!” นี่ก็หอมที่ว่าคือบ็อกเซอร์สีขาวที่ตอนนี้อยู่ในมือเธอ แล้วเมื่อครู่เธอก็เอาเจ้านี่ขึ้นมาหอม มาดมไปตั้งหลายครั้ง หึหึ นาราชาเพ่งมองเจ้าบ็อกเซอร์สีขาวในมือ จินตนาการบางสิ่งบางอย่างก็โลดแล่นอยู่ในสมองอย่างไม่อาจห้ามได้ นั่นพลอยทำให้ใบหน้าเธอร้อนผ่าวๆ กับความคิดเชิงสิบแปดบวกของตัวเองในขณะนี้ “ยัยจิ้งบ้า คิดอะไรของหล่อน หล่อนเป็นผู้หญิงยิงเรือนะยะ” นาราชายิ้มเขิน แต่อยู่ๆ เสียงออดหน้าบ้านที่ดังขึ้นก็ทำให้คนที่กำลังเพ้อฝันถึงกับสะดุ้ง แล้วรีบออกไปดูทันที แต่พอเห็นว่าในมือกำลังถืออะไรติดมาด้วย ก็รีบเหน็บไว้กับขอบกางเกงพร้อมกับดึงเสื้อยืดตัวยาวที่สวมอยู่ลงมาปิด

บทที่ 1 เมื่อหัวใจเจ็บปวด

“ผมจะแต่งงานเร็วๆ นี้ครับ”

นี่คือประโยคที่เสียดแทงเข้าสู่หัวใจของคนฟังอย่างนาราชาอย่างจัง ประโยคนี้ทำเอาเธอหูอื้อไปเสียดื้อๆ รู้สึกอึนๆ อย่างบอกไม่ถูก อยากร้องไห้แต่กลับร้องไม่ออก เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มที่เธอเฝ้ามอบความรักให้ข้างเดียวเหมือนข้าวเหนียวนึ่งมานานหลายปีนั้น ได้ออกมาประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนว่าเขากำลังจะแต่งงาน! แต่งงาน! คำคำนี้ดังเป็นแอคโค่กึกก้องอยู่ในหัวของนาราชา

ข่าวที่ได้รู้ ทำให้เธอไม่อาจนิ่งเฉยได้ ในเมื่อหัวใจที่แสนเจ็บปวด มันเรียกร้องให้ต้องบินกลับมาเมืองไทยทันทีทั้งๆ ที่ขณะนั้นเธอกำลังเรียนต่อระดับปริญญาโทอยู่ที่ต่างประเทศ

ยังดีที่ตอนเกิดเรื่องเป็นช่วงค้นคว้าหาข้อมูลส่งงาน จึงไม่มีคลาสให้ต้องเข้าเรียนจริงๆ จังๆ แต่ก็ใช่ว่าเวลาจะมีมากนัก นั่นทำให้การกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ นาราชาตัดสินใจที่จะใช้เวลาอยู่กับชายหนุ่มที่เธอรักให้คุ้มค่า ก่อนที่เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในสายตาเธอ ผู้หญิงที่ถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีใครได้เห็นรูปร่างหน้าตา แต่เชื่อมั่นได้ว่าต้องเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจคว้าหัวใจของธามไปครอบครองได้เช่นนี้

“เฮ้อ! มันอิจฉารู้ไหม อิจฉาทุกที อิจฉาที่พี่รักเค้า ไม่รักใคร แอบตาร้อน ซ่อนเร้น อยากเป็นบ้างได้หม้าย อยากเป็นคนที่พี่ชาย รักคนเดียว…”

“อ้าว! ครึ้มอกครึ้มใจอะไร ถึงมานั่งร้องเพลง” พระแพงส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท ที่อยู่ๆ ก็ร้องเพลงขึ้นมาดื้อๆ แต่จะว่าไป เนื้อเพลงมันแปลกๆ ทะแม่งๆ หูอยู่นะ

“ครึ้มอกครึ้มใจซะที่ไหน อกหักอยู่ล่ะไม่ว่า เฮ้อ” ว่าแล้วเสียงถอนหายใจก็ดังมาจากนาราชาเฮือกใหญ่ ขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องมองไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน อดคิดไม่ได้ว่าป่านฉะนี้แล้วเจ้าของบ้านจะไปอยู่เสียที่ไหน เพราะนี่ก็หลายวันแล้วที่ไม่ได้เห็นหนุ่มในดวงใจกลับมาสักที

หรือเขามัวแต่ไปอยู่กับว่าที่เจ้าสาว คิดแบบนี้แล้ว นาราชาก็คอตกเหมือนดอกทานตะวันตอนบ่าย ออกแนวหงุดหงิด พานอยากจะติด จีพีเอสไว้บนตัวธาม ถ้าเมื่อไหร่อยากรู้พิกัด ก็แค่ใช้กูเกิ้ลค้นหาแต่ก็คงทำได้แค่คิด

“ร้องเพลงแล้วก็ให้เครดิตเจ้าของเพลงด้วย เดี๋ยวถูกฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์เพลง” พระเพื่อนตะโกนบอกออกมาจากห้องครัว เพราะรู้สึกหิวจึงเข้าไปหาอะไรลงท้อง

“ขอขอบคุณเพลงอิจฉา ของนักร้องบิว กัลยาณี อาร์ สยาม ที่มันโดนใจพี่มาก ฉึกๆ จนต้องขอซับน้ำตาแป๊บ” คิดแล้วคนอกหักก็ถอนหายใจยาว

“นี่ก็เอาจริง” พระแพงส่ายหน้าให้ทั้งเพื่อนสนิทและแฝดผู้พี่ ที่เล่นมุกส่งมุกกันอย่างถูกจังหวะ

“เฮ้อ! คิดแล้วก็อยากเห็นหน้าว่าที่ภรรยาคุณธาม”คนอกหักเพ้อแบบเจ็บๆ ออกมา ก่อนจะขยับแว่นสายตาที่สวมอยู่นิดหน่อย พระเพื่อนที่ตอนนี้กำลังเดินกลับมานั่งใกล้ๆ ทั้งคู่ได้ทีเอ่ยขึ้น

“เห็นแล้วได้อะไร”

“นั่นสิ เห็นแล้วได้อะไร พอเห็นคราวนี้แกก็จะยิ่งเจ็บช้ำระกำทรวงเข้าไปอีก อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว ขืนได้เห็นจากที่อิจฉาจะกลายเป็นริษยา”คำพูดของพระแพงก็ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาหนักๆ อีกครั้ง

“เฮ้อ! ตอนนี้บอกเลยว่าฉันเป็นทั้งสองคำที่แกพูดมาเลยแพงอิจฉาแรงมากจนกลายเป็นริษยาเข้าไปแล้ว ขนาดยังไม่ทันจะได้เห็นหน้า ก็ยังรู้สึกเกลียดผู้หญิงคนนั้นเข้ากระดูก ฮือๆ” นาราชาบอกไปตรงๆ เพราะถึงแม้จะทำใจมาส่วนหนึ่ง แต่เธอก็ใช่ว่าจะเป็นแม่พระ ถึงจะไม่รู้สึกอะไรก่อนจะทำเสียงร้องไห้ สงสารตัวเอง

“จะเกลียดก็ไม่แปลก เพราะตอนนี้ฉันมั่นใจว่า ผู้หญิงครึ่งค่อนประเทศก็มีอาการและความรู้สึกแบบเดียวกันกับแกเป๊ะ ใครๆ ก็คงอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ไหนกันสามารถคว้าหัวใจหนุ่มฮอตอย่างคุณธามไปครอง ถึงขนาดประกาศต่อหน้าสื่อว่าจะแต่งงานได้แบบนี้” แต่ถึงจะพูดแบบนี้ แต่พระเพื่อนก็เบ้ปากเบาๆ เพราะเธอคือผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่เอ่ยมาแน่ๆ นั่นธามไม่ใช่ชายในฝัน เพราะต่อให้เขาจะหล่อเหลามากแค่ไหน แต่สำหรับเธอไม่ใช่ก็คือไม่ใช่

“ไปโพสต์ให้นักสืบพันทิปช่วยไหมจิ้ง” พระแพงเสนอความคิดเห็น ที่อยู่ๆ วิธีนี้ก็ผุดขึ้นมาในสมอง

“บ้า…ใครจะมาสืบให้”พระเพื่อนแย้งขึ้น ก่อนจะมองน้องสาว ฝาแฝดที่แม้รูปร่างหน้าตาจะเหมือนกันจนใครต่อใครต่างแยกไม่ออกว่าคนไหนพี่คนไหนน้อง แต่เรื่องอุปนิสัยใจคอก็มีบางมุมที่ต่างกันบ้าง แต่ถ้าไม่สนิทจริงก็ยากจะแยกออกอีกตามเคย

เธอนั้นเป็นสาวประเภทชอบลุย ชอบเที่ยวป่า เที่ยวเขาคนเดียว แต่กลับชอบการทานเค้กเป็นชีวิตจิตใจ ใครโพสต์ว่ามีเค้กที่ไหนเด็ด ที่ไหนดัง เธอต้องหาเวลาไปชิมให้ได้แม้จะต้องข้ามเขาลงห้วย นั่งเรือไปก็ตามส่วนพระแพงนั้นขาลุยเช่นกัน แต่ชอบเที่ยวตามห้างสรรพสินค้าเที่ยวตามเมืองมากกว่า ชอบทานของหวานที่เป็นขนมไทยแต่ไม่ชอบทานเค้กซะอย่างนั้น

“เอ้า! เผื่อมีคนในสมาคมอกหักรักคุดเหมือนแกเยอะไง หูตานักสืบพันทิปเป็นสับปะรด อาจจะรู้เห็นมาก็เป็นได้นะเพื่อนว่าใครคือว่าที่เจ้าสาวคุณธาม”

“อย่าเลย เพราะอีกไม่นาน เพื่อนรับรองว่ายัยจิ้งต้องได้เห็นว่าที่ ศรีภรรยาของคุณธามแน่นอน ดีไม่ดีอาจได้เห็นเป็นคนแรก” พระเพื่อนยิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่วายถูกเบรกจากคู่แฝดของตัวเอง

“มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน” พระแพงฟังแล้วก็คิ้วขมวดชวนสงสัย

“ใช่…เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมง ยัยจิ้งต้องไปเป็นแม่บ้านให้คุณธาม แล้วแพงคิดดูว่าแฟนที่ไหนจะไม่มาบ้านคนรักบ้าง จริงไหม”

“เออใช่”ได้ฟังแล้วพระแพงพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนนาราชานั้นแค่นั่งฟังเฉยๆความรู้สึกมันก็เจ็บจี๊ดที่หัวใจจนทำให้ห่อเหี่ยว เฮ้อ! คนอกหักได้แต่นั่งถอนหายใจออกมา

“แล้วถ้าเจอเขาขึ้นมา แกจะทำไงจิ้ง” พระเพื่อนเอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งฟังเพราะตอนนี้ในสมองกำลังมโนภาพขณะที่เธอคว้าว่าที่เจ้าสาวของธามมาตบๆ แล้วก็ตบๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็แค่การคิดไปเอง ก่อนที่นาราชาจะพูดออกมาด้วยโทนเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเศร้า

“ยังคิดไม่ออกเลย ว่าถึงตอนนั้นจริงๆ ฉันจะทำตัวยังไง”

“แต่ฉันคิดออก”

“หืม…คิดออก ยังไง” นาราชาหันไปถามพระเพื่อน

“คิดออก ว่าแกได้ซดน้ำใบบัวบกเป็นสวนอีกน่ะสิ เอานี่ กินก่อนเลย จะได้เป็นภูมิคุ้มกัน” ว่าแล้วพระเพื่อนก็วางน้ำใบบัวบกที่หยิบตืดมือมาให้นาราชา ซึ่งเธอก็รับไปดื่มอย่างไม่มีท่าทีอิดออดให้เห็น

“คนแบบฉัน คงทำได้แค่แอบรักอยู่แบบนี้ละมั้งชีวิตมันเศร้าจริงๆ” เอ่ยเสร็จก็ซดน้ำใบบัวบกไปอีกอึกใหญ่

“เอาน่ะ อย่างน้อยๆ แกก็ได้ทำตามหัวใจเรียกร้องด้วยการไปเป็นแม่บ้านให้คุณธาม อนาคตแกนี่มดแดงแฝงพวงมะม่วงเป๊ะ” พระแพงส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท เพราะทุกอย่างรอบตัวของนาราชานั้นดูจะสมบูรณ์แบบไปหมด ยกเว้นเรื่องความรักเรื่องเดียว

“ก็เห็นเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมาตั้งหลายปี เฝ้ามอง เฝ้ารักจนเขาจะแต่งงานอยู่แล้ว ยังไม่เลิกรักอีก” พระเพื่อนส่ายหน้าให้ เธอนั้นศรัทธาในความรักที่นาราชามีให้ธาม เพราะนาราชาไม่มองใครอื่นเลย แต่สุดท้ายดูเหมือนธามจะไม่ใช่เนื้องอกเพื่อนรักของเธอเสียแล้ว

“ถ้าไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้อยู่ใกล้เขาน่ะสิ”คนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์รักเขาข้างเดียวเหมือนข้าวเหนียวนึ่งตัดพ้อเบาๆ แล้วตามด้วยเสียงถอนหายใจดัง เฮ้อ…แบบยาวเหยียด

“ไหนๆ ก็ตัดสินใจว่าจะลุยไปแล้วก็เอาให้รุ่ง ดีกว่ามานั่งเสียดายทีหลัง แล้วมาพูดว่ารู้แบบนี้น่าจะทำแบบนั้น แบบนี้ตั้งนานแล้ว” พระเพื่อนส่งยิ้มหวานให้นาราชา เพราะไม่ว่าเพื่อนคนนี้จะตัดสินใจยังไง เธอและพระแพงก็จะอยู่เคียงข้างเสมอ แบบนั้นถึงได้เรียกว่าเพื่อนกัน

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ วรนิษฐา / Miss sexy

ข้อมูลเพิ่มเติม
สวาทรักนายเหมืองภูภูมิ (ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ)

สวาทรักนายเหมืองภูภูมิ (ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ)

มหาเศรษฐี

5.0

ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร

 สวาทรักนายหัวภูตะวัน (ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ)

สวาทรักนายหัวภูตะวัน (ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ)

โรแมนติก

5.0

ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร

สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ (ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ)

สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ (ซีรีส์เมียข้าใครอย่าแตะ)

โรแมนติก

5.0

สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร

ระบำรักคนพาล

ระบำรักคนพาล

โรแมนติก

5.0

งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

เธอพลาดที่ทิ้งฉัน

Moritz Hearsum
5.0

ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
Kissing U : จูบปรารถนา
1

บทที่ 1 เมื่อหัวใจเจ็บปวด

25/02/2022

2

บทที่ 2 ไม่รอดก็ต้องรอด

25/02/2022

3

บทที่ 3 ใช้แรงงานเด็ก

25/02/2022

4

บทที่ 4 หล่อนเป็นผู้หญิงยิงเรือนะยะ

25/02/2022

5

บทที่ 5 อยากลองดี

25/02/2022

6

บทที่ 6 ผมกำลังจะแต่งงาน

25/02/2022

7

บทที่ 7 ตะ…แตกหมดเลย

25/02/2022

8

บทที่ 8 ซ่อนไว้ซะลืม

25/02/2022

9

บทที่ 9 หยุดจินตนาการ

25/02/2022

10

บทที่ 10 ระเบิดลง

25/02/2022

11

บทที่ 11 ไม่ได้บังคับ

28/02/2022

12

บทที่ 12 เพราะความรักของเพื่อนสนิท

28/02/2022

13

บทที่ 13 สุขภาพ

28/02/2022

14

บทที่ 14 แฮงเอาท์

28/02/2022

15

บทที่ 15 คำอวยพร

28/02/2022

16

บทที่ 16 หลงดีใจ

28/02/2022

17

บทที่ 17 แค่วันเดียว

08/03/2022

18

บทที่ 18 ผลประโยชน์

08/03/2022

19

บทที่ 19 ศึกใหญ่

08/03/2022

20

บทที่ 20 อิทธิพลของนมชมพู

08/03/2022

21

บทที่ 21 เจ้าบ็อกเซอร์

08/03/2022

22

บทที่ 22 ทูนหัวของจิ้ง

08/03/2022

23

บทที่ 23 ร่วมงานมงคล

08/03/2022

24

บทที่ 24 ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม

08/03/2022

25

บทที่ 25 ไม่เข้าใจ

08/03/2022

26

บทที่ 26 เป็นแค่แม่บ้าน

08/03/2022

27

บทที่ 27 ผู้ชายคงจะถนัดถอด

08/03/2022

28

บทที่ 28 ชดใช้

08/03/2022

29

บทที่ 29 ในหัวใจ

08/03/2022

30

บทที่ 30 จังหวะการเต้นของหัวใจ

08/03/2022

31

บทที่ 31 ไม่มีใครสั่งใครสอน

08/03/2022

32

บทที่ 32 ทูนหัวของจิ้ง

08/03/2022

33

บทที่ 33 ต้นกำเนิดของหายนะ

08/03/2022

34

บทที่ 34 ต้นกำเนิดของหายนะ 2

08/03/2022

35

บทที่ 35 ชวนสงสัย

08/03/2022

36

บทที่ 36 ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล

08/03/2022

37

บทที่ 37 ทิ้งระยะห่าง

08/03/2022

38

บทที่ 38 เฝ้าคิดหาวิธี

08/03/2022

39

บทที่ 39 แม่บ้านแม่เรือน

08/03/2022

40

บทที่ 40 ย้อมแมว

08/03/2022