ในค่ำคืนที่ฟ้าไร้ดาว

ในค่ำคืนที่ฟ้าไร้ดาว

SHASHAwriter

5.0
ความคิดเห็น
118.1K
ชม
143
บท

นายแพทย์ฐิรดลเดินตามหลังภัทรวรินทร์ไปแบบห่าง ๆ เขาทิ้งระยะให้พอตามได้ทัน แล้วถึงได้เห็นเด็กชายคนนั้นวิ่งเข้าไปกอดร่างของเธอแน่นทั้งยังเรียกภัทรวรินทร์ว่าแม่อีกด้วย คำถามผุดเข้ามาในหัวมากมาย ชายหนุ่มพบว่าขาของตัวเขาเองแข็งจนขยับไปยืนมองให้ชัด ๆ นั้นช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ความรู้สึกผิด ความรู้สึกเสียใจ ความรู้สึกเลวร้ายค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาครอบครองหัวใจของเขา เด็กชายภัทรวินทร์ละสายตาจากแม่มองไปยังคนที่ยืนขวางตรงทางเดินออกสู่รีสอร์ตด้วยดวงตาใสแจ๋ว ก่อนจะยิ้มกว้างอวดฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงาม แล้วส่งเสียงตะโกนเรียกด้วยความดีใจ “Hi Dad” ฐิรดลมองไปยังภัทรวรินทร์ด้วยสายตาเจ็บปวด นาทีต่อมาเด็กชายก็วิ่งตรงมาที่เขา

บทที่ 1 1

“พี่คีย์ ทางนี้ค่ะ วู่ ๆ พี่คีย์ น้องอยู่นี่”

สิ้นเสียงเรียกหาพี่ชายของฐิติชญา ก็ทำเอาหัวใจของเด็กสาววัยสิบห้าปีเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นในวินาทีนั้น

ภัทรวรินทร์เม้มปากน้อย ๆ มือที่กำลังลงสีบนแผ่นการ์ดของเพื่อนที่สั่งทำไว้เริ่มสั่นนิด ๆ และแน่นอนว่าสมาธิของเธอก็ค่อย ๆ แตกซ่านในที่สุด จนทำต่อไม่ไหว ตัดสินใจเปิดกระเป๋าผ้าสำหรับใส่สัมภาระที่ตัดเย็บด้วยตัวเอง จับการ์ดที่ยังทำไม่เสร็จดี ดันเข้าไปข้างในนั้น เปิดกระเป๋าเรียน เก็บของ ก้มหน้างุด ๆ บอกเพื่อนไปว่า

“เดี๋ยวพราวไปหาที่เงียบ ๆ ทำการ์ดก่อนนะครีม”

เจ้าของชื่อเล่น ‘ครีม’ รีบตะครุบแขนคนเตรียมหนีเอาไว้แน่น ยิ้มล้อเลียนใส่ ก่อนจะยื่นหน้าลงถามใกล้ ๆ น้ำเสียงยั่วเพื่อนไม่น้อยเลย

“จะรีบไปไหนเล่า นี่เขินพี่คีย์ใช่ไหมเนี่ย”

ภัทรวรินทร์หลุบตาเพื่อนมองลงที่โต๊ะร้องตอบไปว่า

“เปล่า ไม่ได้เขิน พราวจะเขินทำไม”

“ครีมรู้นะว่าพราวแอบชอบพี่คีย์ ก็เวลาพี่คีย์เข้ามาอยู่ในรัศมีสามเมตรทีไร พราวก็จะหน้าแดงแบบนี้ทุกที พี่คีย์คุยอะไรกับพราวด้วย พราวก็จะไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตาพี่คีย์ แบบนี้ไม่เรียกว่าแอบชอบ จะให้เรียกว่าอะไรจ๊ะ”

ฐิติชญาวิเคราะห์อาการของเธอเป็นฉาก ๆ สมกับเป็นบุตรสาวของแพทย์ชื่อดัง ไม่วายยื่นมือมาจับแก้มของเธอเบา ๆ เชิงหยอกเย้าไปด้วย แล้วปั้นหน้าสยอง บีบเสียงให้ดูน่ากลัว พูดเตือนไปว่า

“ครีมจะบอกความลับของพี่คีย์ให้พราวฟังนะ พี่คีย์น่ะเห็นแบบนั้นเถอะเวลาโกรธหรือเกลียดใครขึ้นมา พี่คีย์จำฝังใจแล้วก็จะหาทางเอาคืนเจ็บ ๆ เลยแหละ เพราะฉะนั้นถ้าได้ไปเป็นแฟนกับพี่คีย์แล้ว อย่าไปเผลอปลุกยักษ์ที่สิงในตัวขึ้นมาเด็ดขาดเลย”

ยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ เสียงถามก็ดังมาจากอีกทางของม้านั่ง “ใครชอบใคร เป็นแฟนกับใครหรือ”

มณีนาถ เพื่อนในกลุ่มอีกคน เดินเข้ามาพร้อมของกินในมือนั่งลงยังที่ว่างข้างฐิติชญา ถามจบก็เปิดกระเป๋าหยิบการบ้านของวิชาหนึ่งขึ้นมากางออกรอทำ อีกมือแกะถุงจิ้มสาคูไส้หมูเข้าปาก เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนเมื่อไม่มีใครตอบคำถามของตนเองเลยสักคน

ฐิติชญายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่แล้วว่า “ครีมไม่บอกหรอก”

มณีนาถชักสีหน้าไม่พอใจทันที “ตลอดเลยนะ สองคนนี้ชอบมีเรื่องอะไรแล้วไม่ยอมเล่าให้ฟังบ้างเลย”

“ไม่มีจริง ๆ” ฐิติชญาบอกปนขำ พร้อมกับจ้องตาเธอยิ้มยั่วใส่อีกต่างหาก

มณีนาถไม่ถามเซ้าซี้อีก ก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อไป แต่ใบหน้าดูออกว่ากำลังงอนเพื่อนทั้งสองคนอยู่ ฐิติชญาเลยหันไปสบตากับเธอ ก่อนจะย้ายไปนั่งเบียดกับคนแสนงอน บอกง้อ ๆ

“อะ ๆ ครีมบอกก็ได้”

“ครีม!” คนมีความลับรีบส่งเสียงดุ ๆ เรียกเพื่อนออกไปอีกครั้งด้วยอาการตกใจ ฐิติชญาเลยหัวเราะออกมาลั่นที่แกล้งเธอได้ ก่อนจะฉีกยิ้มหวานไปทางหลังของเธอ สนทนากับคนทางนั้นแทน

“พี่คีย์มานั่งนี่เร็ว”

ถึงได้รู้ในตอนนั้นว่าตนพลาดท่าเสียทีให้เพื่อนสนิทเข้าแล้ว เพราะมัวแต่โต้เถียงกันอยู่ จนไม่ได้มองเลยว่าพี่ชายของอีกฝ่ายเดินมาถึงโต๊ะที่พวกตนนั่งกันอยู่

ฐิรดลในชุดนักศึกษานั่งลงตรงข้างเธอ ภัทรวรินทร์เขยิบหนีด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเป็นสีแดงระเรื่อขึ้น

“เอ้า เอาไป”

ฐิรดลส่งของให้น้องสาว ฐิติชญารับมาแล้วก็แกล้งส่งสายตาล้อ ๆ มาที่เธอ บอกเสียงอ่อนเสียงเสียงหวานกับพี่ชายไปว่า

“ขอบคุณค่ะพี่คีย์ขา”

ฐิรดลทำหน้างงเล็กน้อยเมื่อน้องสาวพูดจาผิดจากที่เป็น เขาหันมามองทางเพื่อนของน้องที่นั่งข้าง ๆ กัน กำลังจะเอ่ยปากทัก แต่แล้วน้องสาวตัวดีก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน

“ครีมมีอะไรจะบอกพี่คีย์ด้วยแหละ”

ฐิติชญาหัวเราะเจ้าเล่ห์พร้อมกับมองมาที่เธอที่นั่งหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ฐิรดลมองน้องสาวของเขาแล้วก็ถามเสียงขรึมไปว่า

“เป็นอะไรของเราน่ะครีม หัวเราะอะไรนัก หึ”

“คืองี้พี่คีย์”

“ครีม!” ภัทรวรินทร์เรียกเพื่อน พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ด้วย แต่ทางนั้นกลับหัวเราะชอบใจตอบกลับมาแทน

“สองคนนี้ นินทาพี่ใช่ไหม” ฐิรดลถามน้องสาวก่อนจะมองไปยังเพื่อนของน้องด้วยสายตางุนงงหนักมากยิ่งขึ้น

“น่าเบื่อชะมัดเลย มีพี่ฉลาดแบบนี้เนี่ย” ฐิติชญาบ่นพี่ชายตัวเองเสร็จก็อมยิ้ม พูดยั่วเพื่อนซี้ไปว่า “ที่จริงน่ะ พราว...”

“พราว อาจารย์ต่ายเรียก”

ภัทรวรินทร์พ่นลมออกจากปากเบา ๆ หน้ายังคงแดงและร้อนนิด ๆ เมื่อได้ข้ออ้างเรื่องอาจารย์เรียกให้เธอได้ลุกออกจากตรงนี้ไป ก็ค่อยขยับหยิบของลนลานเล็กน้อย พร้อมกับพูดโดยไม่มองหน้าใครเลยสักคนที่โต๊ะ

“พราวไปหาอาจารย์ก่อนนะ”

คนชอบแกล้ง ร้องเรียกเพื่อนไป หัวเราะไม่หยุด “อ้าวพราว เดี๋ยวสิพราว ครีมจะบอกเลยนะ”

ฐิรดลมองตามหลังคนที่จากไปด้วยสายตาเสียดายเล็กน้อย หันมาถามน้องสาวของเขา “สรุปว่าเราขำอะไรกันแน่เนี่ย”

“ก็พราวน่ะสิคะ...” น้องสาวตัวดีพูดไปยิ้มไป “พราวบอกว่า...”

พูดกั๊ก ๆ เอาไว้เพื่อรอดูท่าทีของพี่ชายตนเองแล้วก็หยุดไป ไม่พูดต่อเสียอย่างนั้น

ฐิรดลนิ่งรอฟังอย่างตั้งใจ พอเห็นว่าน้องสาวทำเล่นแง่ใส่ก็รู้ในทันที ทำท่าจะลุกจากไปอีกคน สุดท้ายแม่ตัวดีเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง ดึงแขนพี่ชายให้อยู่ฟังก่อน “พราวบอกว่าพี่คีย์น่ะสูงอย่างกับเสาไฟฟ้า ตอนจบได้เป็นหมอ คงต้องนั่งหมอบกับพื้นถึงจะตรวจคนไข้ได้พอดีค่ะ”

ฐิรดลบอกอย่างรู้ทันกัน “ไม่ใช่เพื่อนเราหรอกที่พูด เรานั่นแหละ” แล้วยื่นมือออกไปขยี้หัวน้องสาว โดยมีสายตาของมณีนาถมองนิ่งอยู่อย่างนั้น พอเห็นฐิรดลหันมามองที่ตนบ้างก็หลบสายตาวูบลงที่การบ้านตรงหน้า ใจเต้นแรงหน้าแดงไม่ต่างจากภัทรวรินทร์เมื่อครู่นี้เลยสักนิด

ส่งของให้น้องแล้ว ฐิรดลขึ้นไปพบอาจารย์ที่ห้องของฝ่ายวิชาการ เพราะทางโรงเรียนนัดให้เขามาถ่ายรูปและสัมภาษณ์ลงในหนังสือของโรงเรียน เพื่อบอกกล่าวแก่รุ่นน้องว่าในรุ่นพี่ที่ผ่านมามีใครที่สอบเข้าที่ไหน พอเชิดหน้าชูตาโรงเรียนได้บ้างและฐิรดลก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ทางอาจารย์ขอความร่วมมือให้เข้ามาในวันนี้

จนเลิกเรียนแล้ว ภัทรวรินทร์โบกมือลาเพื่อนซี้ แล้วเดินแยกไปขึ้นรถสองแถวเพื่อกลับเข้าบ้านเหมือนอย่างทุกวัน

บ้านที่เธอพักอาศัยอยู่เป็นตึกแถวที่จงใจสร้างหน้าบ้านเชื่อมไปทางบ้านที่อยู่อีกตรอกได้ มีขนาดสี่คูหา ตั้งอยู่ในซอยลึกที่เป็นซอยตัน รอบด้านไม่มีบ้านของใครเลย ที่หน้าตึกแบ่งพื้นที่เป็นหน้าร้านเล็ก ๆ ที่ซึ่งเป็นร้านรับตัดเย็บซ่อมแซมเสื้อผ้า เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปยังด้านหลัง จะเป็นบ้านใหญ่ที่มีหญิงสาวมากมายคอยให้บริการชายทุกวัยที่มีเงินมากพอจะจ่ายให้พวกหล่อน

ภัทรวรินทร์สงสัยมาตลอดตั้งแต่จำความได้ ว่าทำไมต้องทำบ้านแบบนี้ แล้วก็ได้คำตอบเมื่อตอนอายุหกขวบจากใครสักคนในบ้านนั่นเอง

“บ้านของเราเป็นซ่องหรือจ๊ะ”

“ใครบอกแก”

“ใคร ๆ เขาก็พูดกันทั้งนั้น”

“เขาไม่ได้เรียกซ่องหรอกนังหนู”

“แล้วเขาเรียกว่าอะไรล่ะป้านง”

“เขาเรียกว่าเรือนมาลีโว้ย ที่นี่เรามีสาว ๆ ให้บริการความสุขกับพวกผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนนะที่เราจะให้ความสุขกับพวกนั้นน่ะ จะต้องเป็นคนมีเงิน มีหน้ามีตาในสังคมเท่านั้น จำไว้”

“ทำไมหนูต้องจำด้วย”

“เพราะว่าเดี๋ยวพอแกโตไป ก็ต้องทำแบบพวกพี่ ๆ เหมือนกันนั่นแหละ”

“ไม่มีทาง พราวไม่มีทางทำงานแบบนี้แน่”

“กูจะรอดู แม่มึงท้องมึงในนี้ คลอดมึงในนี้ มึงจะพ้นไปจากแม่ของมึงได้ยังไงวะอีพราว หน็อยทำมาตั้งชื่อยาวๆ ภัทรวรินทร์ ถุย ดัดจริต เหมือนแม่มึงนั่นแหละ”

คำพูดเหยียดหยันดังไล่ตามหลังเธอเสมอมา

ภัทรวรินทร์รู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเธอเป็นลูกของผู้หญิงคนหนึ่งในนี้ที่ทำงานไม่ต่างจากผู้หญิงที่คอยให้ความสุขกับเหล่าผู้ชายที่ในเรือนมาลีนี้เอง

แม่ของเธอคงตั้งครรภ์กับผู้ชายสักคนที่หลับนอนด้วย แล้วก็คลอดเธอออกมา ก่อนจะทิ้งเธอไป

เด็กสาวเคยถามหาแม่อยู่หลายครั้ง แต่แล้วใคร ๆ ก็ส่ายหน้า ไม่ให้คำตอบว่าแม่ของเธอคือใคร ภัทรวรินทร์ไม่รู้จักหน้าตาของแม่ตัวเอง ไม่มีรูปถ่าย มีแค่ชื่อในใบเกิดเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ตั้งแต่ที่ได้รับคำตอบในวันนั้น เธอก็ไม่ย่างกรายเข้าไปที่บ้านด้านหลังอีกเลย เด็กสาวใฝ่เรียน ใช้ชีวิต กิน นอน อ่านหนังสืออยู่แต่ที่ร้านตัดเย็บซ่อมเสื้อผ้าที่อยู่ส่วนหน้าของเรือนแห่งความสุขนั่นกับสมสมร

เช้าวันหยุดเด็กสาวจะตื่นไวกว่าเดิม เพื่อออกมาช่วยสมสมร จนบ่ายโมงได้ที่แว่วเสียงเรียกดังมาจากในร้าน “พราว”

“จ๋า”

“ไปซื้อของให้น้าหน่อย”

สมสมรไม่ได้ต่อต้านผู้หญิงในเรือนมาลีแบบเธอ ท่านรับซ่อมเสื้อผ้าให้ชาวบ้านในละแวก รวมถึงเสื้อผ้าของสาว ๆ เหล่านั้นอีกด้วย

สมสมรส่งเงินให้ พร้อมกำชับว่า

“นี่นะรายการทั้งหมด นี่ตังค์ เก็บดี ๆ อย่าทำหายล่ะ”

“จ้ะ” ตอบรับแข็งขัน แล้วเดินออกไปขึ้นรถสองแถว

เด็กสาวต้องนั่งรถสามต่อเพื่อไปซื้อของให้สมสมร ครั้งแรกท่านพาเธอไปก่อน พอเด็กสาวเริ่มรู้ภาษา พอจะไหว้วานใช้งานได้ ถัดมาจากนั้น ท่านก็ลองให้นั่งรถไปเอง

จนคล้อยหลังเด็กสาวแล้ว หนึ่งในสมาชิกของเรือนมาลีก็กอดอกพูดขึ้น “จะให้มันทำร้านเย็บผ้ากระจอก ๆ แบบนี้แทนพี่ไปจนตายเลยหรือยังไงวะ”

สมสมรไม่มองคนพูด จับผ้าเย็บตะเข็บพร้อมโต้กลับไปว่า

“พราวมันเก่ง มันจะต้องมีอนาคตที่ดี มันไม่มีทางทำงานแบบพวกมึงเด็ดขาด”

“กูจะคอยดูว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

เมียเก่าที่เขาไม่เคยรัก

โรแมนติก

5.0

ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"

ห้องลับของคุณรัชญ์

ห้องลับของคุณรัชญ์

โรแมนติก

5.0

"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

ตราบาปรัก ผู้ชายใจร้าย

โรแมนติก

5.0

คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

ชายาข้าเป็นหมอนิติเวช

เกาะครีต
4.9

วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

ร้อนรักคุณอามาเฟีย

ร้อนรักคุณอามาเฟีย

รดามณีนัฐฐ์
5.0

‘คทา’ มาเฟียหนุ่มวัย 32 ปีที่ต้องมาเป็นคุณอาแบบกะทันหัน เมื่อพี่ชายต่างมารดาได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกับภรรยา แต่ก่อนจะสิ้นใจเขาได้ฝากให้มาเฟียหนุ่มช่วยอุปการะบุตรสาวบุญธรรมวัยเพียง17ปีของเขา ‘มัสลิน’ เด็กสาวจำต้องกลายมาเป็นหลานสาวมาเฟียแบบไม่ทันตั้งตัว ทว่าเพียงแค่เห็นหน้าลูกสาวบุญธรรมของพี่ชาย มาเฟียหนุ่มก็คิดจะกินหลานสาวนอกไส้ของตัวเองเสียอย่างงั้น คทา แสงไท วัย 32 ปี มาเฟียหนุ่มโสดรูปหล่อ เจ้าของธุรกิจครบวงจร รวมทั้งผับและบ่อนคาสิโนมากมาย มัสลิน แสงไท หรือ อ้อน บุตรบุญธรรมของดนัย พี่ชายมาเฟียหนุ่ม สาวน้อยวัย 17 ปี ที่ร่างกายกำลังเข้าสู่วัยสาว หน้าตาดี ผิวพรรณขาวใสหมดจด กับรูปร่างที่โตเกินวัยเด็ก ส่วนเว้าโค้งเอวคอดกิ่ว หน้าอกหน้าใจล้นทะลักเกินตัว #สปอย “ เหอะ! แล้วใครบอกคุณ ว่าหนูจะไปอยู่ด้วยไม่ทราบ? ”  ใบหน้าสวยดวงตาใสไร้เดียงสาเชิดขึ้นสบกับดวงตาคมพร้อมกับน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ก่อนดวงตาคู่สวยจะเบนสายตาไปทางอื่นเพื่อหลบนัยน์ตาสีเข้มของมาเฟียหนุ่มที่จ้องมองมาไม่กระพริบ “ หึ...ดื้อ ” คทาหัวเราะเสียงต่ำในลำคอก่อนจะเอ่ยสั้นๆ “ หนูจะกลับบ้านของหนู ” “ ไม่ได้!! หนูจะต้องกลับไปกับอา ”   “ คุณไม่ใช่อาของหนูจริงๆซักหน่อย.. ” “.....”  คทานิ่งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าเด็กสาวจะกล้าเถียงเขาก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น “ จะใช่หรือไม่  อาก็ได้สิทธิ์เลี้ยงดูหนูอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ” “ หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครมาเลี้ยงดู..” “ อวดเก่ง..” “ เก่งอยู่แล้วค่ะ ไม่ได้อวด ” เด็กสาวตอบกลับอย่างไม่ลดละด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง   สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เมื่อสองอาหลานถกเถียงกันอยู่กลางฟลอร์อย่างไม่มีใครยอมใคร ต่อหน้าพนักงานทั้งผับ ____

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
3.8

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

แม่ทูนหัวโคตรเลิศ

Isolde Marsh
5.0

ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”

หนี้รักทาสเสน่หา

หนี้รักทาสเสน่หา

อัญญาณี
5.0

พิตตนันท์ถอยร่นจนแผ่นหลังชิดกับผนังปูน โดยมีร่างของชายหนุ่มที่ก้าวย่างเข้ามาใกล้ดั่งมัจจุราช แววตาของเขาทำให้เธอกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวจนเธอไม่สามารถบรรยายออกมาได้ “อย่าทำอะไรต้นข้าวเลย..ต้นข้าวกลัวแล้ว” เธอพูดทั้งน้ำตา ตอนนี้กัณติพัฒน์หาได้มีความสงสารและเมตตาไม่ เพราะว่าเขาถูกความโกรธและแรงโทสะ รวมทั้งความหึงหวงครอบงำ “มานี่” มือแกร่งกระชากร่างบางของเธออย่างแรง ลากจูงไปที่ห้องนอนของเขาก่อนจะโยนร่างบางไปบนเตียงกว้าง โดยมีร่างของเขาทาบทับอยู่ “เธอจะได้รู้จักความสุขจนแทบกระอัก ได้รู้จักความเจ็บปวดและทรมานอย่างที่ไม่เคยเจอ และนี่คือการตอบแทนที่เธอทอดร่างกายให้คนอื่นเชยชม” เขากัดฟันพูด ดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธ มือหนากระชากชุดคลุมของเธอออก แม้ว่ามันจะหนาแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา เพราะเพียงครู่เดียวเสื้อคลุมตัวสวยถูกฉีกขาดกระจุยลงไปอยู่ที่พื้น ตามด้วยชุดนอนตัวบางของเธอเป็นชิ้นต่อไป “ไม่..อย่า..คุณกันไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่” เธอกรีดร้องเสียงดังเมื่อความแข็งแกร่งของเขาคืบคลานเข้าไปในร่างกายเธออย่างรุนแรง กัณติพัฒน์ไม่สนใจเสียงที่แผดร้องและเสียงสะอื้นของพิตตนันท์ เพราะตอนนี้เขานึกเพียงสิ่งเดียวคือต้องการลงโทษเธอให้สาสม กับความเสียใจและผิดหวังของเขา แรงเคลื่อนไหวเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตามอารมณ์ของเขา ร่างกายสาวแทบแหลกสลาย ไม่ว่าจะเป็นทรวงอกอวบที่ถูกเขาบีบเคล้นจนแหลกคามือ ปลายถันที่เขาดูดกลืนและกัดมันเจ็บจนเธอน้ำตาเล็ด รอยฝากรักตามร่างกายกระจายไปทั่ว พิตตนันท์ไม่รู้ว่าเวลาที่โหดร้ายผ่านไปนานเท่าไหร่ หญิงสาวเองไม่อยากสนใจไม่อยากรับรู้ ขอเพียงเขาหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนนี้เร็วๆ ก็พอ

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ