Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ในค่ำคืนที่ฟ้าไร้ดาว

ในค่ำคืนที่ฟ้าไร้ดาว

SHASHAwriter

5.0
ความคิดเห็น
107.4K
ชม
143
บท

นายแพทย์ฐิรดลเดินตามหลังภัทรวรินทร์ไปแบบห่าง ๆ เขาทิ้งระยะให้พอตามได้ทัน แล้วถึงได้เห็นเด็กชายคนนั้นวิ่งเข้าไปกอดร่างของเธอแน่นทั้งยังเรียกภัทรวรินทร์ว่าแม่อีกด้วย คำถามผุดเข้ามาในหัวมากมาย ชายหนุ่มพบว่าขาของตัวเขาเองแข็งจนขยับไปยืนมองให้ชัด ๆ นั้นช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ความรู้สึกผิด ความรู้สึกเสียใจ ความรู้สึกเลวร้ายค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาครอบครองหัวใจของเขา เด็กชายภัทรวินทร์ละสายตาจากแม่มองไปยังคนที่ยืนขวางตรงทางเดินออกสู่รีสอร์ตด้วยดวงตาใสแจ๋ว ก่อนจะยิ้มกว้างอวดฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงาม แล้วส่งเสียงตะโกนเรียกด้วยความดีใจ “Hi Dad” ฐิรดลมองไปยังภัทรวรินทร์ด้วยสายตาเจ็บปวด นาทีต่อมาเด็กชายก็วิ่งตรงมาที่เขา

บทที่ 1 1

“พี่คีย์ ทางนี้ค่ะ วู่ ๆ พี่คีย์ น้องอยู่นี่”

สิ้นเสียงเรียกหาพี่ชายของฐิติชญา ก็ทำเอาหัวใจของเด็กสาววัยสิบห้าปีเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นในวินาทีนั้น

ภัทรวรินทร์เม้มปากน้อย ๆ มือที่กำลังลงสีบนแผ่นการ์ดของเพื่อนที่สั่งทำไว้เริ่มสั่นนิด ๆ และแน่นอนว่าสมาธิของเธอก็ค่อย ๆ แตกซ่านในที่สุด จนทำต่อไม่ไหว ตัดสินใจเปิดกระเป๋าผ้าสำหรับใส่สัมภาระที่ตัดเย็บด้วยตัวเอง จับการ์ดที่ยังทำไม่เสร็จดี ดันเข้าไปข้างในนั้น เปิดกระเป๋าเรียน เก็บของ ก้มหน้างุด ๆ บอกเพื่อนไปว่า

“เดี๋ยวพราวไปหาที่เงียบ ๆ ทำการ์ดก่อนนะครีม”

เจ้าของชื่อเล่น ‘ครีม’ รีบตะครุบแขนคนเตรียมหนีเอาไว้แน่น ยิ้มล้อเลียนใส่ ก่อนจะยื่นหน้าลงถามใกล้ ๆ น้ำเสียงยั่วเพื่อนไม่น้อยเลย

“จะรีบไปไหนเล่า นี่เขินพี่คีย์ใช่ไหมเนี่ย”

ภัทรวรินทร์หลุบตาเพื่อนมองลงที่โต๊ะร้องตอบไปว่า

“เปล่า ไม่ได้เขิน พราวจะเขินทำไม”

“ครีมรู้นะว่าพราวแอบชอบพี่คีย์ ก็เวลาพี่คีย์เข้ามาอยู่ในรัศมีสามเมตรทีไร พราวก็จะหน้าแดงแบบนี้ทุกที พี่คีย์คุยอะไรกับพราวด้วย พราวก็จะไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าสบตาพี่คีย์ แบบนี้ไม่เรียกว่าแอบชอบ จะให้เรียกว่าอะไรจ๊ะ”

ฐิติชญาวิเคราะห์อาการของเธอเป็นฉาก ๆ สมกับเป็นบุตรสาวของแพทย์ชื่อดัง ไม่วายยื่นมือมาจับแก้มของเธอเบา ๆ เชิงหยอกเย้าไปด้วย แล้วปั้นหน้าสยอง บีบเสียงให้ดูน่ากลัว พูดเตือนไปว่า

“ครีมจะบอกความลับของพี่คีย์ให้พราวฟังนะ พี่คีย์น่ะเห็นแบบนั้นเถอะเวลาโกรธหรือเกลียดใครขึ้นมา พี่คีย์จำฝังใจแล้วก็จะหาทางเอาคืนเจ็บ ๆ เลยแหละ เพราะฉะนั้นถ้าได้ไปเป็นแฟนกับพี่คีย์แล้ว อย่าไปเผลอปลุกยักษ์ที่สิงในตัวขึ้นมาเด็ดขาดเลย”

ยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ เสียงถามก็ดังมาจากอีกทางของม้านั่ง “ใครชอบใคร เป็นแฟนกับใครหรือ”

มณีนาถ เพื่อนในกลุ่มอีกคน เดินเข้ามาพร้อมของกินในมือนั่งลงยังที่ว่างข้างฐิติชญา ถามจบก็เปิดกระเป๋าหยิบการบ้านของวิชาหนึ่งขึ้นมากางออกรอทำ อีกมือแกะถุงจิ้มสาคูไส้หมูเข้าปาก เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนเมื่อไม่มีใครตอบคำถามของตนเองเลยสักคน

ฐิติชญายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่แล้วว่า “ครีมไม่บอกหรอก”

มณีนาถชักสีหน้าไม่พอใจทันที “ตลอดเลยนะ สองคนนี้ชอบมีเรื่องอะไรแล้วไม่ยอมเล่าให้ฟังบ้างเลย”

“ไม่มีจริง ๆ” ฐิติชญาบอกปนขำ พร้อมกับจ้องตาเธอยิ้มยั่วใส่อีกต่างหาก

มณีนาถไม่ถามเซ้าซี้อีก ก้มหน้าก้มตาทำการบ้านต่อไป แต่ใบหน้าดูออกว่ากำลังงอนเพื่อนทั้งสองคนอยู่ ฐิติชญาเลยหันไปสบตากับเธอ ก่อนจะย้ายไปนั่งเบียดกับคนแสนงอน บอกง้อ ๆ

“อะ ๆ ครีมบอกก็ได้”

“ครีม!” คนมีความลับรีบส่งเสียงดุ ๆ เรียกเพื่อนออกไปอีกครั้งด้วยอาการตกใจ ฐิติชญาเลยหัวเราะออกมาลั่นที่แกล้งเธอได้ ก่อนจะฉีกยิ้มหวานไปทางหลังของเธอ สนทนากับคนทางนั้นแทน

“พี่คีย์มานั่งนี่เร็ว”

ถึงได้รู้ในตอนนั้นว่าตนพลาดท่าเสียทีให้เพื่อนสนิทเข้าแล้ว เพราะมัวแต่โต้เถียงกันอยู่ จนไม่ได้มองเลยว่าพี่ชายของอีกฝ่ายเดินมาถึงโต๊ะที่พวกตนนั่งกันอยู่

ฐิรดลในชุดนักศึกษานั่งลงตรงข้างเธอ ภัทรวรินทร์เขยิบหนีด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย พร้อมกับใบหน้าที่เริ่มเป็นสีแดงระเรื่อขึ้น

“เอ้า เอาไป”

ฐิรดลส่งของให้น้องสาว ฐิติชญารับมาแล้วก็แกล้งส่งสายตาล้อ ๆ มาที่เธอ บอกเสียงอ่อนเสียงเสียงหวานกับพี่ชายไปว่า

“ขอบคุณค่ะพี่คีย์ขา”

ฐิรดลทำหน้างงเล็กน้อยเมื่อน้องสาวพูดจาผิดจากที่เป็น เขาหันมามองทางเพื่อนของน้องที่นั่งข้าง ๆ กัน กำลังจะเอ่ยปากทัก แต่แล้วน้องสาวตัวดีก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน

“ครีมมีอะไรจะบอกพี่คีย์ด้วยแหละ”

ฐิติชญาหัวเราะเจ้าเล่ห์พร้อมกับมองมาที่เธอที่นั่งหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ฐิรดลมองน้องสาวของเขาแล้วก็ถามเสียงขรึมไปว่า

“เป็นอะไรของเราน่ะครีม หัวเราะอะไรนัก หึ”

“คืองี้พี่คีย์”

“ครีม!” ภัทรวรินทร์เรียกเพื่อน พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ด้วย แต่ทางนั้นกลับหัวเราะชอบใจตอบกลับมาแทน

“สองคนนี้ นินทาพี่ใช่ไหม” ฐิรดลถามน้องสาวก่อนจะมองไปยังเพื่อนของน้องด้วยสายตางุนงงหนักมากยิ่งขึ้น

“น่าเบื่อชะมัดเลย มีพี่ฉลาดแบบนี้เนี่ย” ฐิติชญาบ่นพี่ชายตัวเองเสร็จก็อมยิ้ม พูดยั่วเพื่อนซี้ไปว่า “ที่จริงน่ะ พราว...”

“พราว อาจารย์ต่ายเรียก”

ภัทรวรินทร์พ่นลมออกจากปากเบา ๆ หน้ายังคงแดงและร้อนนิด ๆ เมื่อได้ข้ออ้างเรื่องอาจารย์เรียกให้เธอได้ลุกออกจากตรงนี้ไป ก็ค่อยขยับหยิบของลนลานเล็กน้อย พร้อมกับพูดโดยไม่มองหน้าใครเลยสักคนที่โต๊ะ

“พราวไปหาอาจารย์ก่อนนะ”

คนชอบแกล้ง ร้องเรียกเพื่อนไป หัวเราะไม่หยุด “อ้าวพราว เดี๋ยวสิพราว ครีมจะบอกเลยนะ”

ฐิรดลมองตามหลังคนที่จากไปด้วยสายตาเสียดายเล็กน้อย หันมาถามน้องสาวของเขา “สรุปว่าเราขำอะไรกันแน่เนี่ย”

“ก็พราวน่ะสิคะ...” น้องสาวตัวดีพูดไปยิ้มไป “พราวบอกว่า...”

พูดกั๊ก ๆ เอาไว้เพื่อรอดูท่าทีของพี่ชายตนเองแล้วก็หยุดไป ไม่พูดต่อเสียอย่างนั้น

ฐิรดลนิ่งรอฟังอย่างตั้งใจ พอเห็นว่าน้องสาวทำเล่นแง่ใส่ก็รู้ในทันที ทำท่าจะลุกจากไปอีกคน สุดท้ายแม่ตัวดีเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง ดึงแขนพี่ชายให้อยู่ฟังก่อน “พราวบอกว่าพี่คีย์น่ะสูงอย่างกับเสาไฟฟ้า ตอนจบได้เป็นหมอ คงต้องนั่งหมอบกับพื้นถึงจะตรวจคนไข้ได้พอดีค่ะ”

ฐิรดลบอกอย่างรู้ทันกัน “ไม่ใช่เพื่อนเราหรอกที่พูด เรานั่นแหละ” แล้วยื่นมือออกไปขยี้หัวน้องสาว โดยมีสายตาของมณีนาถมองนิ่งอยู่อย่างนั้น พอเห็นฐิรดลหันมามองที่ตนบ้างก็หลบสายตาวูบลงที่การบ้านตรงหน้า ใจเต้นแรงหน้าแดงไม่ต่างจากภัทรวรินทร์เมื่อครู่นี้เลยสักนิด

ส่งของให้น้องแล้ว ฐิรดลขึ้นไปพบอาจารย์ที่ห้องของฝ่ายวิชาการ เพราะทางโรงเรียนนัดให้เขามาถ่ายรูปและสัมภาษณ์ลงในหนังสือของโรงเรียน เพื่อบอกกล่าวแก่รุ่นน้องว่าในรุ่นพี่ที่ผ่านมามีใครที่สอบเข้าที่ไหน พอเชิดหน้าชูตาโรงเรียนได้บ้างและฐิรดลก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ทางอาจารย์ขอความร่วมมือให้เข้ามาในวันนี้

จนเลิกเรียนแล้ว ภัทรวรินทร์โบกมือลาเพื่อนซี้ แล้วเดินแยกไปขึ้นรถสองแถวเพื่อกลับเข้าบ้านเหมือนอย่างทุกวัน

บ้านที่เธอพักอาศัยอยู่เป็นตึกแถวที่จงใจสร้างหน้าบ้านเชื่อมไปทางบ้านที่อยู่อีกตรอกได้ มีขนาดสี่คูหา ตั้งอยู่ในซอยลึกที่เป็นซอยตัน รอบด้านไม่มีบ้านของใครเลย ที่หน้าตึกแบ่งพื้นที่เป็นหน้าร้านเล็ก ๆ ที่ซึ่งเป็นร้านรับตัดเย็บซ่อมแซมเสื้อผ้า เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปยังด้านหลัง จะเป็นบ้านใหญ่ที่มีหญิงสาวมากมายคอยให้บริการชายทุกวัยที่มีเงินมากพอจะจ่ายให้พวกหล่อน

ภัทรวรินทร์สงสัยมาตลอดตั้งแต่จำความได้ ว่าทำไมต้องทำบ้านแบบนี้ แล้วก็ได้คำตอบเมื่อตอนอายุหกขวบจากใครสักคนในบ้านนั่นเอง

“บ้านของเราเป็นซ่องหรือจ๊ะ”

“ใครบอกแก”

“ใคร ๆ เขาก็พูดกันทั้งนั้น”

“เขาไม่ได้เรียกซ่องหรอกนังหนู”

“แล้วเขาเรียกว่าอะไรล่ะป้านง”

“เขาเรียกว่าเรือนมาลีโว้ย ที่นี่เรามีสาว ๆ ให้บริการความสุขกับพวกผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนนะที่เราจะให้ความสุขกับพวกนั้นน่ะ จะต้องเป็นคนมีเงิน มีหน้ามีตาในสังคมเท่านั้น จำไว้”

“ทำไมหนูต้องจำด้วย”

“เพราะว่าเดี๋ยวพอแกโตไป ก็ต้องทำแบบพวกพี่ ๆ เหมือนกันนั่นแหละ”

“ไม่มีทาง พราวไม่มีทางทำงานแบบนี้แน่”

“กูจะรอดู แม่มึงท้องมึงในนี้ คลอดมึงในนี้ มึงจะพ้นไปจากแม่ของมึงได้ยังไงวะอีพราว หน็อยทำมาตั้งชื่อยาวๆ ภัทรวรินทร์ ถุย ดัดจริต เหมือนแม่มึงนั่นแหละ”

คำพูดเหยียดหยันดังไล่ตามหลังเธอเสมอมา

ภัทรวรินทร์รู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเธอเป็นลูกของผู้หญิงคนหนึ่งในนี้ที่ทำงานไม่ต่างจากผู้หญิงที่คอยให้ความสุขกับเหล่าผู้ชายที่ในเรือนมาลีนี้เอง

แม่ของเธอคงตั้งครรภ์กับผู้ชายสักคนที่หลับนอนด้วย แล้วก็คลอดเธอออกมา ก่อนจะทิ้งเธอไป

เด็กสาวเคยถามหาแม่อยู่หลายครั้ง แต่แล้วใคร ๆ ก็ส่ายหน้า ไม่ให้คำตอบว่าแม่ของเธอคือใคร ภัทรวรินทร์ไม่รู้จักหน้าตาของแม่ตัวเอง ไม่มีรูปถ่าย มีแค่ชื่อในใบเกิดเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ตั้งแต่ที่ได้รับคำตอบในวันนั้น เธอก็ไม่ย่างกรายเข้าไปที่บ้านด้านหลังอีกเลย เด็กสาวใฝ่เรียน ใช้ชีวิต กิน นอน อ่านหนังสืออยู่แต่ที่ร้านตัดเย็บซ่อมเสื้อผ้าที่อยู่ส่วนหน้าของเรือนแห่งความสุขนั่นกับสมสมร

เช้าวันหยุดเด็กสาวจะตื่นไวกว่าเดิม เพื่อออกมาช่วยสมสมร จนบ่ายโมงได้ที่แว่วเสียงเรียกดังมาจากในร้าน “พราว”

“จ๋า”

“ไปซื้อของให้น้าหน่อย”

สมสมรไม่ได้ต่อต้านผู้หญิงในเรือนมาลีแบบเธอ ท่านรับซ่อมเสื้อผ้าให้ชาวบ้านในละแวก รวมถึงเสื้อผ้าของสาว ๆ เหล่านั้นอีกด้วย

สมสมรส่งเงินให้ พร้อมกำชับว่า

“นี่นะรายการทั้งหมด นี่ตังค์ เก็บดี ๆ อย่าทำหายล่ะ”

“จ้ะ” ตอบรับแข็งขัน แล้วเดินออกไปขึ้นรถสองแถว

เด็กสาวต้องนั่งรถสามต่อเพื่อไปซื้อของให้สมสมร ครั้งแรกท่านพาเธอไปก่อน พอเด็กสาวเริ่มรู้ภาษา พอจะไหว้วานใช้งานได้ ถัดมาจากนั้น ท่านก็ลองให้นั่งรถไปเอง

จนคล้อยหลังเด็กสาวแล้ว หนึ่งในสมาชิกของเรือนมาลีก็กอดอกพูดขึ้น “จะให้มันทำร้านเย็บผ้ากระจอก ๆ แบบนี้แทนพี่ไปจนตายเลยหรือยังไงวะ”

สมสมรไม่มองคนพูด จับผ้าเย็บตะเข็บพร้อมโต้กลับไปว่า

“พราวมันเก่ง มันจะต้องมีอนาคตที่ดี มันไม่มีทางทำงานแบบพวกมึงเด็ดขาด”

“กูจะคอยดูว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ SHASHAwriter

ข้อมูลเพิ่มเติม
มี่ฮวน เมียยอดอกตัญญู

มี่ฮวน เมียยอดอกตัญญู

ประวัติศาสตร์

5.0

ผู้สืบทอดสำนักไฮว่ชั่วหายตัวไปอย่างลึกลับ โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ร่างสูงใหญ่โดดเดี่ยวในถ้ำมืด ถูกโซ่ตรวนล่ามัดเอาไว้ จนกว่าจะเลยวันเลือกเจ้าสำนักคนใหม่ มี่ฮวนอาสาขอเข้าไปเอาต้นสมุนไพร ‘โม่วยี’ ออกมาให้อาจารย์ จนไปเจอเข้ากับร่างดำโดดเดี่ยวร่างหนึ่งที่ในถ้ำมืด ที่ข้างกายของร่างดำโดดเดี่ยวร่างนั้นมีต้นสมุนไพรที่นางตามหา และทันทีที่นางเด็ดสมุนไพรต้นนั้นออกมา โซ่ตรวนที่ตึงร่างนั้นเอาไว้ก็ได้หลุดและปลดปล่อยร่างดำร่างนั้นออกมา ร่างนั้นข่มเหงนางอย่างเอาแต่ใจ กายสัมผัสลึกซึ้งต่อกัน มี่ฮวนจึงหอบเอาสายพันธุ์ลึกลับนั้นติดท้องของนางมา กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็พบว่าตนตั้งครรภ์แล้ว หลังจากตั้งครรภ์ มี่ฮวนถูกขับไล่ออกจากโรงหมอ นางใช้ชีวิตเลี้ยงตัวเองและลูกด้วยวิชาที่ได้มาจากอาจารย์ จนวันดีคืนดี นางถูกคนของสำนักไฮว่ชั่วพาตัวไปรักษาเจ้าสำนัก ทันทีที่ดวงตาคู่สีดำเหลือบแดงมองเห็นนาง ก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่ปลดปล่อยเขาออกมาจากโซ่ตรวน หัวใจแห้งผาก หัวใจที่เฝ้ารอมานาน พลันชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะพบว่านอกจากนางจะเอาน้ำเชื้อของเขาไปทำลูกแล้ว นางยังจำเขาไม่ได้อีกด้วย หากเรื่องพวกนั้นยังไม่ร้ายแรงมากพอ นางยังจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เขาต้องตามเช็ดตามล้างอีกต่างหาก นางช่าง… ช่างเหมาะสมกับที่เป็นเมียยอดอกตัญญูเสียจริง!

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

สุลต่านร้ายขังรัก ชุด ทัณฑ์ทราย

มหาเศรษฐี

4.9

เมื่อองค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ถูกวางยาปลุกกำหนัดในคืนวันอภิเษกสมรส... จิรัชยาเป็นเพียงลูกของนางบำเรอของอัครมหาเสนาบดีประจำมหานครฟาดิลาห์ หน้าที่ของลูกนอกสมรสอย่างหล่อนก็คือคอยรับใช้ ฮันนา ว่าที่องค์สุลตาน่า ความทุกข์แสนสาหัสเดียวในใจของหล่อนก็คือการแอบหลงรักจ้าวผู้ครองแคว้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วความฝันของหล่อนก็เป็นจริง เมื่อหล่อนได้นอนอยู่ใต้ร่างขององค์สุลต่านแห่งฟาดิลาห์ แต่คืนนั้นมันเป็นคืนแต่งงานของเขากับฮันนา...! “ยังไม่รีบไสหัวลงไปจากเตียงอีกหรือ!” กายสาวบอบช้ำยังไม่ทันได้ขยับลงจากแท่นบรรทมก็ถูกเขาผลักไสแรงๆ จนกลิ้งตกลงมากองกับพื้นห้องไม่ต่างจากเศษขยะสกปรก น้ำตาแห่งความปวดร้าวไหลพรากออกมาราวกับสายฝน “หม่อมฉัน... ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉัน...” จิรัชยาพยายามจะอธิบาย แต่เสียงเกรี้ยวกราดขององค์สุลต่านแผดดังก้องขึ้นเสียก่อน หล่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “เธอกล้ามากนะที่วางยาฉัน!” “หม่อมฉัน... ไม่รู้เรื่องนะเพคะ หม่อมฉัน... ไม่ได้ทำ...” หล่อนสะอื้นได้อย่างน่าเวทนา แต่ก็ไม่ได้รับความเมตตาจากชายผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย “ถ้าเธอไม่ได้ทำ งั้นก็คงเป็นแม่ของเธอสินะที่ทำ จิรัชยา!”

ติวสวาท ปิศาจร้อนรัก

ติวสวาท ปิศาจร้อนรัก

มหาเศรษฐี

5.0

“คุณช่วยสอนเรื่องอย่างว่าให้ฉันได้ไหม?” “ห๊ะ?!” ทันทีที่เธอพูดจบ ออสตินก็อย่างตกใจจนเกือบจะพลัดตกเก้าอี้แล้วด้วย ไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดเรื่องนี้กับเขา ออสติน เบรเดน ปิศาจหนุ่มผู้เจนจัดในเรื่องเริงรัก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินคำขอสุดพิศดารพันลึกจากปากของดรัลพร แก้วกานต์ เมื่ออยู่ๆ เธอก็บุกมาถึงห้องทำงานแล้วขอให้เขาช่วยรับหน้าที่ “ติวเตอร์” เพื่อสอน “บทเรียนพิศวาส” ให้เธอเป็น “ผู้หญิงเร่าร้อน” ในแบบที่เขาชอบ และเขาคงจะรับหน้าที่ดังกล่าว หากว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของเพื่อนสนิท และเป็นคนที่เขาพยายามเก็บไม้เก็บมือให้อยู่ห่างจากเธอมาตลอด เพราะเขาดันรู้สึกอยากครอบครองเธอตั้งแต่เธออายุได้เพียงสิบสามปีเท่านั้น! ทว่าคนอย่างดรัลพรผู้มุทะลุมีหรือจะยอมให้เขาปฏิเสธคำขอเธอง่ายๆ เมื่อเธอยั่วยวนเขาด้วยท่าทีไม่ประสีประสาจนเขาต้องหลวมตัวตกปากรับคำว่าจะเป็น “คุณครูกิตติมศักดิ์” สอนบทเรียนแสนพิเศษนั้นให้กับเธอ เพียงแต่เธอต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงลิบลิ่ว ด้วย “พรหมจรรย์” ที่เพียรรักษามานานของเธอ “คราวหลัง... อย่าได้คิดจะอ่อยผู้ชายคนอื่นอีก เข้าใจไหม?!” เขาถามเมื่อฟาดแส้ลงมาอีกครั้ง “แยกขาออกเดี๋ยวนี้!” “อื้อ!” ดรัลพรร้องอีกครั้งเมื่อเขาฟาดแส้ลงมาเพื่อเป็นการทำโทษและตักเตือนถึงผลของการขัดคำสั่งของเขา

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

เมืองแฟนตาซี

5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

แรงเสน่หาของอดีตภรรยา

แรงเสน่หาของอดีตภรรยา

โรแมนติก

4.8

นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

ฉันไม่มีทางยอมแพ้

โรแมนติก

5.0

เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ