5.0
ความคิดเห็น
356
ชม
13
บท

เธอคือภรรยา...ที่หาแต่เรื่องให้สามีต้องหมดเรี่ยวแรงทุกวัน

บทที่ 1 Intro

“ทำไมพวกเราสามคนต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ด้วยวะ” อิงนรีเอ่ยขึ้นหลังยกแอลกอฮอล์ในแก้วตัวเองสาดลงคอไปจนหมดเกลี้ยง เพื่อนสาวอีกสองคนก็ได้ตั่งมองตาแป๋ว อีกคนก็หัวเสียไม่แพ้กัน ส่วนอีกคนด้วยความที่เป็นคนหัวอ่อนเธอไม่ได้ร้อนใจกับเรื่องที่เพิ่งจะระบายกันสักเท่าไหร่

“แกยังดีหยาด อย่างน้อยก็เคยเห็นหน้าค่าตากันบ้าง ว่าเจ้าบ่าวเป็นใครมาจากไหน ฉันสิ...จนจะต้องบินไปหาเขาที่เชียงใหม่แล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่า ว่าที่ผัวเนี่ยชื่ออะไร” อิงนรีเอ่ยขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาแก้วเหล้าของเพื่อนที่ดูไม่มีวี่แววจะยกขึ้นดื่มมาสาดลงคอ

“อิงใจเย็น ๆ” เจ้าของแก้วรีบร้องห้าม

“ไม่ต้องมาห้ามฉันเลยนะยายแก้ว แกมัวแต่นั่งฟังฉันกับยายหยาดไม่ยอมยกสักที จนมันจืดหมดแล้วเนี่ย”

“แกจะมาบอกว่าฉันดีกว่าแก เพราะรู้จักกันกับไอ้หมอสิบนั่นก็ไม่ได้หรอกนะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันกับมันไม่ถูกกันมาตั้งแต่มัธยม คนเกลียดกันจะแต่งงานกันได้ยังไง” หยาดฟ้าโวยขึ้นบ้าง

“อย่างน้อยแกก็มั่นใจได้ ว่าหมอสิบทิศน่ะหล่อ แล้วก็ร่างกายครบสามสิบสองส่วน เป็นคนแข็งแรงสมบูรณ์ดี ฉันสิ...พิการหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องขี้ริ้วขี้เหร่จนไม่มีใครเอาแน่ แม่ถึงต้องมาหาจับผู้หญิงไปคลุมถุงชนกับลูกชายแบบนี้”

“อิง...ใจเย็น ๆ เขาอาจจะไม่ได้แย่แบบนั้นก็ได้ ดูพวกเราสิ ก็แค่ไม่มีแฟนเลยโดนบังคับแต่งงาน เขาเองก็อาจจะไม่มีแฟนสักที แม่เลยบังคับแต่งงานก็ได้” มาลาแก้วที่ดูจะใจเย็นที่สุดกับเรื่องนี้พูดขึ้น ทั้งอิงนรีและหยาดฟ้าต่างหันไปฟาดสายตาลงที่คนพูดพร้อมกัน

“อย่ามาโลกสวยแถวนี้นะยายแก้ว คนอย่างไอ้หมอสิบน่ะ ถ้ามันจะไม่มีแฟนก็เพราะปากกับนิสัยมันนั่นแหละ ใครจะเอา”

“นี่ไง อย่างน้อยแกก็ยังรู้ ว่าหมอสิบทิศเขาเป็นคนยังไง ฉันไม่รู้อะไรเลยนะ” อิงนรีแทรกขึ้น

“เหอะ ถ้าฉันเลือกได้นะ ขอแต่งกับคนที่ไม่รู้จักแบบแกดีกว่า ไปเรียนรู้กันใหม่ ไม่ใช่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดี แบบนี้ เป็นตายยังไงฉันก็ไม่ยอมแต่งหรอก แกล่ะ”

“ฉันจะไปขัดป้าได้ยังไง อีกอย่างคิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน แต่งแล้วก็ต้องไปอยู่ที่โน่น ป้าจะได้ไม่มาบ่นอะไรฉันอีก” อิงนรีปลงเสียแล้ว เรื่องถูกป้าจับคลุมถุงชน เธอเหนื่อยหน่ายที่จะต้องถูกลากไปดูตัวอยู่บ่อย ๆ แล้ว แต่ง ๆ ไปให้มันจบ ๆ ดีกว่า ไม่แต่งกับคนนี้ ป้าของเธอก็ต้องหาคนนั้น คนโน้น มาบังคับให้เธอแต่งเหมือนเดิม

“แล้วแกล่ะยายแก้ว ยังไง” หยาดฟ้าหันไปถามเพื่อนอีกคน

“ก็คิดเหมือนอิง ว่าแต่ง ๆ ไปให้มันจบ ๆ ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แม่เลือกมาแล้วว่าดี มันก็น่าจะดีแหละ”

“แกดูใจเย็นกับเรื่องนี้มากนะ เฮ้อ!!!” หยาดฟ้าถอนหายใจ ก่อนจะยกแก้วที่อิงนรีเพิ่งเทน้ำสีทองเติมให้ซดจนหมด

“เบา ๆ แกขับรถกลับเองไม่ใช่หรือไง” คนรินว่าพร้อมกับดึงแก้วออกมาจากมือของเพื่อนสนิท

“ก็ฉันเครียดนี่"

"เครียดน่ะรู้ แต่มันอันตราย พอเลยนะแกไม่ต้องกินแล้ว" อิงนรีว่าพร้อมกับหันไปเทน้ำสีทองที่เหลือใส่แก้วตัวเองจนหมด

"แล้วนี่แกจะไปเชียงใหม่เมื่อไหร่" มาลาแก้ว คนที่ดื่มน้อยที่สุดในโต๊ะเอ่ยถามขึ้น

"น่าจะอีกไม่กี่วันนี้แหละ เห็นป้าโทรคุยกับเพื่อนทุกวัน"

"อ๋อ..."

"กลับยัง? แม่โทรตามแล้ว" หยาดฟ้าเอ่ยถามขึ้น เธอดูจะเมามากแล้ว อิงนรีหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนเพื่อขอความเห็น แต่มาลาแก้วก็ทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมาเท่านั้น

"เดี๋ยวฉันไปส่งแกดีกว่า รถก็จอดไว้นี่แหละ ฉันว่าแกขับรถไม่ไหวแล้วนะหยาด" อิงนรีเสนอขึ้น

"ไม่ต้อง!! ฉันไหว พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน จอดรถไว้นี่แล้วฉันจะไปทำงานยังไง แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ระดับหยาด กินได้ก็กลับบ้านได้ สบายใจหายห่วง"

"จะไม่ห่วงยังไง นั่งยังไม่ตรงเลยเนี่ย"

ครืดดด ครืดดด

-คุณป้าขา-

"ป้าโทรตามแล้ว รีบกลับเถอะ ฉันขี้เกียจจะโดนบ่นอีก" อิงนรีหันไปบอกกับมาลาแก้ว ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบรับว่าเห็นด้วย สามสาวพากันเดินออกมาจากร้านอย่างทุลักทะเลเพราะต้องคอยประคองคนเมา

"แกกลับไม่ไหวหรอกหยาด เชื่อฉันเถอะ กลับแท็กซี่กับยายแก้ว แล้วจอดรถไว้นี่ซะ"

"ไม่!! ฉันไหว"

"หยาดอย่าดื้อได้ไหม เป็นอะไรขึ้นมามันไม่คุ้มหรอกนะ"

"นี่พวกแกจำวันเกิดพี่ต้อมแฟนเก่าฉันไม่ได้เหรอ เมายิ่งกว่านี้อีกฉันยังกลับถึงบ้านปลอดภัยเลย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กลับบ้านดี ๆ นะ บ๊ายบาย"

"เอ้า!! หยาด!! เฮ้ยเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ" เผลอแวบเดียวเท่านั้นหยาดฟ้าก็เปิดประตูรถแล้วหนีเพื่อน ๆ สองคนเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย ทิ้งให้อิงนรีและมาลาแก้วยืนงุนงงกับเหตุการณ์กันสองคน

"คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วมั้ง อิงก็ขับรถกลับดี ๆ นะ"

"แล้วแกล่ะ"

"แก้วนั่งแท็กซี่แป๊บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าถึงแล้วจะไลน์บอกนะ"

"อืม ๆ กลับดี ๆ" หลังล่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามสาวก็แยกย้ายกันกลับ ส่วนอิงนรีนั้นขับรถไม่ค่อยจะเป็นสุขเท่าไหร่ เพราะมีเสียงโทรศัพท์สั่นตามจิกจนถึงบ้าน

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ลุ่มหลง

ลุ่มหลง

Xmaniac
5.0

วังวนแห่งกามราคะ หากเผลอกายถลำใจ ก็ยากนักจะถอนตัว ยิ่งอยากหยุดกลับยิ่งโหยหาลุ่มหลง เพียงสบตา ก็เปียกแฉะร้อนฉ่าไปหมดแล้ว... ++++++++++++++++ EX 1 : “ พี่อาร์มขา ” “ ขา ” “ เราควรจบแค่นี้ หยุดมัน แล้วปล่อยเรไปเถอะนะคะ ” เธอวอนขอเขาอย่างหมดท่า แต่สุ้มเสียงกระเส่าสั่นกับร่างกายที่กำลังอ่อนระทวยมันขัดกับคำพูดเหลือเกิน เธอถูกรั้งเข้าสู่อ้อมอกกว้าง และถูกเขาซุกไซ้ไปทั่วซอกคอ ดมดอม ดูดเม้ม ขณะที่มือหนึ่งล้วงเข้าใต้ชายเสื้อ อีกข้างสอดซุกลงในขอบกระโปรง “ พี่อาร์ม ได้ยินที่เรพูดไหมคะ ” “ ได้ยินค่ะ ” “ ได้ยินแล้วทำไมไม่หยุด ” “ เรอยากให้พี่หยุดจริงเหรอ ” “ จริง... จริงสิคะ ” “ ถ้าอยากให้พี่หยุดจริง มือเรคงไม่กุมเป้ากางเกงพี่แน่นขนาดนี้หรอก ” ................................... EX 2 : เธอซ่านเสียวจนหูอื้อตาลายเมื่อถูกความแข็งแกร่งโอฬารทั้งสามทะลวงลึกทั้งรูหน้า รูหลัง และโพรงปาก ลีลากระทั้นบั้นเด้าที่ไม่มีใครยอมใคร เข้าสุด ออกสุด หนักแน่น ถาโถมจนไม่ได้หายใจหายคอ ส่งเธอสู่จุดหมายปลายทางนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนที่พวกเขาจะหลั่งในตัวเธอบ้าง เสียงคำรามลึกแหบห้าวประสานเมื่อพบกับความสุขสมอันร้อนเร่า น้ำใคร่ขาวขุ่นเอ่อล้นในทุกรูร่อง แต่ยัง พวกเขายังไม่พอ ราตรีบนรถทัวร์นี้ยังอีกยาวไกล คืนครบรอบแต่งงานทั้งที ต้องจัดของขวัญให้ภรรยาคนดีอย่างสาสม !

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

เทพเจ้าแห่งอสูร: พิชิตทุกพิภพด้วยหมื่นภูตผี

Daniel
5.0

-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

Arvin Bikoff
5.0

หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”

ภรรยา(ไม่)ไร้เสน่หา

ภรรยา(ไม่)ไร้เสน่หา

นลพรรณ
5.0

ขวัญรดาไม่รู้ว่าเช้าวันแรกของชีวิตแต่งงานสำหรับผู้หญิงคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่สำหรับเธอ มันมีแต่ความหวาดหวั่นและไม่มั่นใจเอาเสียเลย... --------- ‘เอามาปั๊มลูกเฉยๆ ไม่ได้แต่งมาเป็นเมียเชิดหน้าชูตา เรื่องนี้คนวงในเขารู้ เขาอยากให้มีทายาทรุ่นสามหลายคน เธอสังเกตหรือเปล่าว่าที่ผ่านมาพวกเขามีลูกชายแค่คนเดียว ส่วนลูกสาวก็ไม่มีสักคน เหมือนพวกเขามีกรรม เธอลองไปค้นข่าวเก่าๆ ดู ท่านประธานแต่งงานกับแม่ของคุณติณณ์ไม่กี่ปีก็หย่า มีลูกคือคุณติณณ์คนเดียว พอแต่งงานใหม่ก็กลายเป็นว่าภรรยาใหม่มีลูกไม่ได้ เพราะมดลูกไม่แข็งแรง’ คนที่ถูกยัดเยียดให้กลายเป็นผู้ลอบฟังเกือบหลุดเสียงอุทาน... คนอะไรรู้ถึงมดลูกของคนอื่น บ้ากันหรือเปล่า ------- ‘หนูอยู่ในนี้ใช่ไหม แม่ยังไม่บอกเรื่องของหนูให้ใครรู้ แต่อีกไม่นานหรอก แม่จะพาหนูไปรู้จักกับคุณตาคุณยาย พวกท่านจะต้องดีใจที่หนูมาแล้ว อ้อ! หนูยังมีคุณป้าคนสวยด้วยนะ’ มือบางวางทาบบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ เธอทักทายลูกน้อยด้วยการไล้วนรอบๆ ท้องอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน ขวัญรดาเชื่อว่าชีวิตน้อยๆ ที่ก่อเกิดขึ้นมาสามารถรับรู้สิ่งที่เธอสื่อไปถึง เธอพูดคุยและสัมผัสลูกทุกวันตั้งแต่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ในท้องของเธอ ‘ส่วนพ่อของหนู...’ ก้อนบางอย่างถูกกลืนลงในลำคอ ขวัญรดาส่ายหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ‘พ่ออยู่กับเรา พ่ออยู่ใกล้ๆ เราทุกวัน แต่แม่ยังไม่บอกพ่อว่าแม่มีหนูแล้ว... แม่โกหกพ่อว่าแม่คุมกำเนิด แม่ไม่รู้ว่าถ้าพ่อรู้ความจริง เขาจะโกรธแม่ที่ปิดบังเขาหรือเปล่า’

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ