หากมันเป็นไปได้(ดี)
ิทไร้กระทั่งแสงของดวงดาว แต่ดวงตายังสว
่งอยู่ข้างเตียงเฝ้ามองเด็กชายคนหนึ่งกำลังนอนหลับสนิท เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ของ
้อมกลิ่นของดินและหญ้าชื้นจากฝนที่
ื่อไหร่ เธอคิดพลางจ้องมองไปที่เด็กชายวัย 8 ขวบ นอนคุ้ดคู้ รวบผ้าห่มทั้งผืนเข้ามาก่ายเอาไว้ที่กลางลำตัวขณะหลับ
นที่เต็มไปด้วยร่องรอยการใช้งานอย่างดุเดือด รอยพับของกระดาษลึกจนเกือบจะขาด ถัดออกไปมีเรือใบสีดำนอนตะแคงตัวอยู่อย่างทุลักทุเล
ุ่มลื่นบนเตียงของลูกชายอย่างแผ่วเบา ไม
ราะคืนวันนั้นเป็นวันที่เธอได้มีโอกาสหยุดงาน อุตส่าห์เฝ้านึกภาพไปว่าลูกชายจะต้องดีใจสุด ๆที่จะได้ใช้เวลาก่อนนอนด้วยกัน อ
อ่อ .. ผมขอ .. เข้าคัดเลือกได้มั้ย ” ลูกชายวัย 8 ขวบ ถามแม่ด้วยเสียงแผ่วเบาแสดงคว
ยเรื่อง
พื่อสะกดกั้นอารมณ์ที่กำลังจะ
รนี่ มันไม่ช่วยอะไรกับอนาคตลูกได้หรอกนะ
กแน่น เพื่อต้องการตอกย้ำถึงควา
ยนพิเศษตอนเย็นและเพื่อน ๆคนอื่น ” เ
. ”
วใจที่เร่งเร้าข
้ำตาเอ่อล้นที่ดวงตาทั้งสองข้าง เด็กช
ได้เลย ” เธอตอบ
คร่ง กางเกงขาสั้นลายสมอเรือน้ำตาร่วงพรูออกมา จากเขื่อนที่
..
่เธอแบบนั้น นึกอยากฟิวส์ขาด เดินตามไปเ
แก่ตัว! คนในครอบครัวนี้สมควรได้รับค
้นอั้นใส่ลูกอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด สะกดข่มอารมณ์ที่พุ่งพล่านร้อนผ่า
้าถึงพื้นที่อันอบอุ่นในหัวใจของลูกชายเธอได้อีกแล้ว มันเหมือนมีกำแพงขนาดมหึมาที่มองไม่เห็
ไรทั้งนั้น เฝ้าทุ่มเททำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกชา
นแม่ที่ต้องเลี้
เธอไม่ควรจะเป็
เด็กที่เธอเคยปกป้องดูแลและรู้จักเป็น
็นลูกคนที่ 2 ในสมัยนั้นไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไรผู้คนส่วนมากถึงนิยมมีลูกเป็นโขยง เรื่อง
แม้เธอจะยังเด็กแต่ก็รับรู้ได้ว่า บรรยากาศภายในบ้านมันเหมือนมีมวลเมฆหมอกอะไรซักอย่างที่หนักอึ้ง วนเวียนลอยอยู่เป็นประจำ พ่อและแ
อครอบครัว ขนมของแม่เป็นขนมแบบโบราณที่ใช้วัตถุดิบเพียงน้อยอย่าง แต่ก็สามารถทำขนมออกมาได้อร่อยไม่เหมือนใคร จำได้ว่าบ่อยครั้งตอนที่เธอยังเล็กแม่มักจะหอบหิ้วเอาเธอไปขายขนมด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวสถานที่แปลกใหม่อยู่เสมอ เพราะแม่จะเปลี่ยนที่ขายขนมอยู่ตล
จะได้กินข้าวกันเร็วขึ้นและอาจโชคดีได้กินขนมเป็น
เด็ก ๆ เข้านอนกันได้เลยไม่ต้องรอแม่ พวกเธอและพี่น้อง
เข้ามาขออาศัยอยู่ เหตุที่ต้องอยู่ใต้ถุนบ้านยายนั้นก็อาจจะเป็นเพราะ สมัยสาว ๆแม่หนีตามพ่อไปทั้งที่ถูกผู้ใหญ่ห้ามปราม สุดท้ายก็กลับมาตายรังแถมยังหอบลูก ๆตามมากันเป็นพรวน พ่ว
มคิดของเธอก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติของครอบครัวทั่วไปที่ไหน ๆก็คงเป็นแบบนี้ ขอเพียงได้อยู่ด้วยกัน
้นทีละคน จาก 5 คนกลายเป็น 6 และแ
ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่ขวบกันแน่จำได้แต่ว่าอยู่ชั้นประถมต้น และงานที่ว่านี้ก็คือ การออ
ดก็แค่นั้นแหละ ” แม่พูดกับเธอและพี่สาวของเธอเสมออย่างน้อยก
ันแล้วคันเล่า ให้กับผู้คนที่นำรถเข้ามาจอด ทั้ง ๆที่ไม่ได้มีหน้าที่นี้เลยแต่คนในละแวกนั้นต่างก็เอ็นด
ยงสา อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก
ปนั่งเฝ้ารถให้ตอนเจ้าของเขาจอดรถทิ้งไว้ นั่งจุ้มปุ๊กรอ จนบรรดาเจ้าของรถเขาไปทำธุร
ลอดเลยค่ะ ” เธอฉีกยิ้มกว้าง ๆให้ ส่งเสี
ของรถคันหนึ่งหัวเราะในความไร้เดียงสา พูดรับ
ไหว้ย่อขาทำท่ากระดกตัวน่าเอ็นดู ยื่นมือไปรับเหรียญนั้นมาเก็บใส่กระเป๋ากางเก
แหละ อีก
ขามอบหน้าที่ให้เลย ( เพราะมันไม่มีหน้าที่นี้ต่างหาก ) ในว
งก็จะต้องรอแม่กลับจากการขายของ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตามเคยเพราะแม่ไม่เคยกลับ
รรยากาศภายในบ้านที่ว่ามันแปลกจะเกิดขึ้นเสมอ มันเหมือนกำลังจะมีพายุหรือมวลอะไรซักอย่างที่มองไม่เห็น ค่อย ๆก่อตัวขึ้นภายใน
ร้องใกล้ ๆ แล้วต้องร้องเพลงไปเรื่อย ๆห้ามหยุดร้องเด็ดขาด แต่น้องไม่ยอมร้องเพลงต่อคงจะด้วยค
วมักจะลุกลามบานปลายถึงขั้นตบตีแม่ของเธออยู่เสมอเท่าที่จำความได้ แม่ผู้ไม่เคยต
ก รังเกียจมนุษย์ผู้นั้นเหลือเกิน มนุษย์ผู้ที่เธอเร
ตีแม่ทำไม ” เด็กหญิงเฝ้าถามแม่ของเธออย
ตอบอะไรกล
่จะกลับมาอยู่ที่นี่อีกแล้ว มันก็คงจะมีหลายเหตุผลที่พ่อตัดสินใจแบบนั้น สุดท้ายแม่ก็เลือกจะหอบลูก ๆย้ายอ
สำหรับเธอช่างเป็นเหตุผลที่
ๆมีหนูคนเดียวที่สามารถเอาตัวรอดได้ และที่นี่
... เป็นเด็กดีเพื่อแม
ุกสิ่งทุกอย่างและเกลียดแม่ของเธอด
งนั้น และถึงยังไงอยู่กับยายเธอก็ต้องหาเลี้ยงตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนเดิมอยู่ดี
็ต้องหมดแรงเปล่า เพราะแม่ไม่
เด็กหญิงเฝ้าถามตัวเองซ้ำไป
เด็กหญิงในชุดนักเรียนสวมเสื้อตัวโคร่ง กระโปรงยาวเกือบครึ่งหน้าแข้ง นั่งห้อยขาอยู่ตรงชานพักริมคลองหลังบ้านพลางจ้องมองสายน้ำที่ถูกลมพัดไหว
ม่ที่สุ
ถึงทิ้งหนูอยู่ที่นี่คนเดียว หนูเกล
อก น้ำตาอุ่นๆก็ไหลพรากลงมาที่สองแ
ดถึงแม่ที่สุด คิดถึงพี่คิดถึงน้องทำไ
ะไม่มีทางทิ้งลูกไปไหนอย่างเด็ดขาด เธอได้ตั้งปณิธานไว้กับตัวเองอย่างแรงกล้า
ครบ 15 ปี วันหนึ่งเธอมีความคิดว่า.. หากเธอสามารถย้ายออกจากบ้านยายไปหางานทำแบบจริงจังและเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยต
ตอยู่ด้วยตัวเอง ออกไปหางานทำเป็นเรื่องเป็นราวกว่าที่ทำอยู่นี้ ถ้าเป็นบ้านอื่นคงจะผิดวิสัยที่เด็กผู้หญิงขอออกจากบ้านเพื่อไปหางานทำ เกิดไปพูดแบบนี้เข้า
ะไปสมัครงานในขณะ
องมากพอที่จะใช้เรียนหนังสือด้วย ใช้กินอยู่ด้วย ” เธ
มันก็มีอยู่ไม่กี่ทางเลือกนักหรอกและเส้นทางที่สมองส่วนการเอาตัวรอดของเธอแสกนได้ในเวลานั้นก็
ัยเด็กเธอยังเคยยืนร้องเพลงคนเดียวแบบไม่อายใครเลย เวลามีงานเทศกาลแถมมีคนใจดีหย่อนเศษตังใส่กระป๋องให้อีกต่างหาก ถึงจะเป็นเ
รค้าใจกลางเมืองหลวง ถนนแถวนั้นมีร้านประเภทนี้ตั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด แน่นอนมันไม่ถูกกฎหมายหรอ
ไรเสียเธอก็
ได้งานแล้วงั้นหรอ คงจะเป็นช่
้ระเบิดความดีใจที่มันท่วมท้นอยู่ในอก แต่เรื่องจริงทำได้เพียงยืนม