5.0
ความคิดเห็น
6.1K
ชม
10
บท

เพียงเพราะคำสบประมาทของหลานชายตัวแสบ ทำให้เขาต้องลดตัวมาจีบเลขามนุษย์ป้า จากเลขาหน้าห้องกลายเป็นแฟนสุดรักของเขา โดยมีหลานชายตัวแสบเป็นผู้ช่วยสำคัญ ------------------------------- กูต้องการเลขาไม่ใช่ยัยป้าที่ไหนก็ไม่รู้ ป้าแล้วไง หนักหัวส่วนไหนของคุณ

บทที่ 1 บทนำ

“จัดการหาเลขาคนใหม่มาให้ฉันด้วยนะ ไม่เอาแบบคนเก่านะ” เพลิงพิษเอ่ยสั่งขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาเอาเอกสารสำหรับประชุม ซึ่งรับหน้าที่เป็นเลขาชั่วคราวแทนคนเก่าที่เขาเพิ่งไล่ออกเมื่อวันก่อน เจ้าหล่อนไม่ใช่เพียงแค่อ่อยและยั่วเขาเท่านั้น ยังขยันสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เอาชื่อเขาไปข่มขู่คนอื่นอีก จนต้องเล่นยาแรง ยื่นใบลาออกให้เซ็นแบบโดยดี ถ้าหากไม่ยอม เขาก็จะสั่งให้ทุกบริษัทไม่ต้องรับเจ้าหล่อนทำงานและไม่มีที่ยืนในสังคม

เลขาแต่ละคนที่รับเข้ามา ไม่ได้เรื่องเลยสักคน

ไม่อ่อยเขา ก็อ่อยลูกน้อง หรือไม่ก็พนักงานในบริษัทนี่แหละ งานการก็ทำไม่เรียบร้อย จนเขาต้องจัดการเองทั้งหมด

“ครับ” ลูกน้องคนสนิทรับคำสั่ง พลางหมุนตัวเดินออกจากห้องแล้วไปยังฝ่ายบุคคลทันที เพื่อเร่งให้หาเลขาคนใหม่ให้เจ้านาย ก่อนที่ระเบิดชุดใหญ่จะลง

-------------

“แม่จ๋า... วันนี้หนูจะไปสัมภาษณ์งานเป็นเลขาของบริษัท xxx นะแม่” หญิงสาวเจ้าของเสียงนามว่า ‘ภารดา’ บอกกับมารดาขึ้น เมื่อเธอได้รับเมลตอบกลับจากบริษัทที่ส่งประวัติไปสมัครงานในตำแหน่งเลขา ทำให้เธอตื่นเต้นจนรีบตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปสัมภาษณ์โดยที่ยังไม่ได้บอกให้พ่อกับแม่รู้

“จะดีเหรอลูก นั้นบริษัทของมาเฟียเลยนะ” มารดาของภารดาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อลูกสาวคนเดียวของหล่อนบอกว่าจะไปสัมภาษณ์งานในบริษัทของมาเฟียทำเอาหล่อนรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา กลัวว่าบุตรสาวจะได้รับอันตราย แถมลูกสาวของหล่อนก็แทบไม่สู้คนด้วยซ้ำ

“ดีสิคะแม่ เงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็เพียบ โบนัสก้อนโตด้วย จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงล่ะคะแม่” ภารดากล่าวเมื่อนึกถึงผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าตำแหน่งอื่น ๆ จนทำให้เธอไม่อาจที่จะพลาดโอกาสนี้ไปได้ และยังช่วยให้พ่อแม่ของเธอไม่ต้องทำงานหนักอีกด้วย จะได้มีเวลาพักผ่อน

“คิดดีแล้วใช่ไหมลูก แม่ไม่อยากให้หนูทำงานหนักสักเท่าไร กลัวว่าจะไม่ได้พักผ่อนเอา” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ไม่คิดมากสิจ๊ะแม่ หนูทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกับแม่สบาย ถ้าทำให้แม่กับพ่อไม่ต้องเหนื่อย หนูถือว่าคุ้มมากเลยค่ะ” เนื่องจากท่านทั้งสองก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงด้วย ไม่อยากให้ทำขนมขายแบบนี้ทุกวัน เธออยากให้พวกท่านพักบ้าง เรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้านเธอจะเป็นคนจัดการเอง ถ้าหากได้งานนี้จะได้มีเงินพาพวกท่านไปเที่ยวพักผ่อนกัน

“แม่สงสารเอ็งเหลือเกินเลยภาที่ต้องมาลำบากแบบนี้” มือบางลูบศีรษะลูกสาวอย่างแผ่วเบา ภารดาเป็นเด็กดีมาตลอด เรียนก็เก่ง ขยันหาออร์เดอร์ขนมมาให้ สำหรับหล่อนแล้วคนเป็นแม่ย่อมมักเป็นห่วงลูกเสมอ ยิ่งรู้ว่าไปสมัครงานกับบริษัทของมาเฟียแล้วด้วย... ความเป็นห่วงมากเพิ่มทวีคูณ ไม่อยากให้ลูกต้องไปพบเจอกับอันตราย

“หนูไม่ลำบากเลยจ้ะแม่ หนูไปก่อนนะคะ ฝากบอกพ่อด้วย”

“โชคดีนะลูก แม่ขอให้ได้งานนะ” หล่อนกล่าว แล้วเดินไปทำขนมต่อ

ทางด้านของภารดาใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงโดยเรียกแท็กซี่จากแกรบมารับถึงหน้าบ้าน วันสัมภาษณ์งานไม่มีใครอยากไปสายกันหรอก ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดีแม้กระทั้งตอนออกมาจากบ้าน เธอถือเคล็ดข้อสำคัญนี้มาก

บริษัท XXX

“ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยถามพลางมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไร แล้วยังทำท่าทางเหม่อลอยราวจิตหลุด

“ดิฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ” ภารดาได้สติรีบบอกทันทีพลางส่งยิ้มให้กับอีกฝ่าย เมื่อกี้เธอกำลังตกตะลึงในความสวยของคนตรงหน้า คนอะไรช่างสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์จุติมาเกิด ทำเอาเธอละสายตาไม่ได้เลย จนเผลอแสดงความป้ำเป๋อของตัวเองออกมาจนขายขี้หน้า

“อ๋อ... เชิญตามมาทางนี้เลยค่ะ” หญิงสาวบอก แล้วเดินนำหน้าพาไปยังชั้นทำงานของท่านประธาน ซึ่งมีลูกน้องคนสนิทของท่านเป็นคนสัมภาษณ์เอง

ภารดาเดินตามอย่างรวดเร็ว เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจตัวเองให้มากที่สุด อีกไม่กี่วินาทีตรงหน้า เธอก็จะได้รู้แล้วตำแหน่งเลขาจะตกเป็นของเธอหรือเปล่า

เธอเหลือบตามองคนข้าง ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดด้วย

เมื่อประตูลิฟต์ถูกเปิด พนักงานประชาสัมพันธ์ก็พาเธอเดินตรงมานั่งโต๊ะทำงานของใครคนหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ตรงทางเดินหน้าห้อง โดยมีผู้ชายใบหน้าหล่อเหลากำลังนั่งอ่านเอกสารในมืออยู่

“สวัสดีค่ะคุณเอกภพ” หญิงสาวเอ่ยทักทายพลางส่งยิ้มให้

“สวัสดีครับ แล้วพาใครมาด้วย” ชายหนุ่มเงยหน้าตอบกลับ พลางหันมองผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความสงสัยปนตกใจ

“ผู้หญิงคนนี้บอกว่ามาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาของบอสค่ะ”

“อ๋อครับ... ขอบคุณมากครับที่เป็นธุระให้”

เสร็จหน้าที่ของตนเอง พนักงานสาวประชาสัมพันธ์เดินหันหลังไปยังลิฟต์ เพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ

“สวัสดีค่ะ” ภารดายกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พลางยกมือขยับแว่นให้เข้าที่

“เชิญนั่งลงก่อนเลยครับ ผมชื่อ เอกภพ หรือเรียกว่าเอกก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัว พลางมองสำรวจหญิงสาวที่จะมาสัมภาษณ์ในตำแหน่งเลขาของเจ้านายด้วยความตกใจอย่างมาก เขาขมวดคิ้วพลางมองสำรวจการแต่งกายของหญิงสาว ซึ่งไม่ต่างอะไรคุณป้าคุณยายเลยสักนิด กรอบแว่นสีดำหนาเตอะ กระโปรงตัวยาวกับคัชชูส้นสูง เสื้อสายดอกสีเหลืองอีกต่างหาก โอ้โฮ!!! มนุษย์ป้าของแท้เลย ซึ่งสวนทางกับอายุของหญิงสาวมาก

เขาสะบัดศีรษะเบา ๆ เพื่อมองชัด ๆ อีกรอบว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ตาฝาดหรือตาลายไปใช่ไหม หญิงสาวอายุเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น

ก็ยังวัยรุ่นอยู่เลย ทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้...

หรือว่ารสนิยมของคนเราไม่เหมือนกัน

“ฉันคือ ภารดา ชื่อเล่นชื่อว่า ภา ค่ะ” เธอแนะนำตัวกับชายหนุ่มตรงหน้า พลางส่งยิ้มเพื่อเป็นการผูกมิตร

“คุณรู้หรือเปล่าครับว่าจะมาทำงานให้กับใคร”

“รู้สิคะ ทำไมเหรอคะ” ถามกลับด้วยความสงสัย ทำงานกับมาเฟียแล้วไง ก็แค่เป็นเลขา ไม่ต้องออกไปสู้รบกับใคร

“เปล่าครับ ผมแค่กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาอีกรอบ” เอกภพยิ้มออกมาเล็กน้อยกับความใสซื่อของหญิงสาว

“มีปัญหายังไงเหรอคะ ภาต้องวิ่งหลบหนีกระสุนหรือว่าต้องเรียนการต่อสู้ไว้ เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาจะได้เอาตัวรอดได้” เธอบอกไปตามที่คิด เธอไม่เคยทำงานกับมาเฟียเลยไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง แต่ถ้าให้เธอจัดการผู้ชายหลาย ๆ คน เธอไม่เอาด้วยหรอกนะ เธอสู้ไม่ไหว จะให้วิ่งหลบหนีกระสุน เธอก็ไม่เอาด้วย ยิ่งวิ่งไม่เร็วเหมือนชาวบ้านชาวช่อง กลัวโดนยิงตายก่อนนะสิ

“ไม่ใช่ครับ เลขาคนก่อนทำเรื่องเอาไว้เยอะเลย แต่ผมคิดว่าคนอย่างคุณภาไม่น่าจะมีเรื่องอะไรให้ปวดหัวแน่นอน” เขายอมใจกับความคิดของผู้หญิงคนนี้เลยจริง ๆ คิดไปไกลยันสามโลก จนเขาถึงกับเหวออ้าปากค้าง

“ผู้หญิงเฉิ่ม ๆ อย่างภาจะไปทำอะไรได้คะ ภาน่ะไม่สนใจอะไรหรอกค่ะ ขอแค่มีงานทำก็พอแล้ว”

ทุกวันนี้มีข้าวให้กิน มีงานให้ทำ มีที่ซุกหัวนอน พ่อแม่อยู่สบาย เธอก็หมดห่วงแล้ว ใครจะบ้าบอหาเรื่องใส่ตัวเองล่ะ ยิ่งทำงานกับมาเฟียด้วย ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ดี ๆ เกิดทำอะไรไม่ถูกใจขึ้นมา เดี๋ยวจะโดนสั่งเก็บเอาได้ เธอกลัวตาย

“สมมุติว่าถ้ามีใครมาด่าคุณภาหรือจะทำร้าย คุณภาพร้อมสู้กลับไหมครับ” อันนี้เป็นคำถามสำคัญเลยก็ว่าได้ เขาต้องถามทุกครั้งเวลามีการสัมภาษณ์เลขาและส่วนใหญ่ก็ทำได้

“นิดหน่อยค่ะ ทำไมเหรอคะ” เธอเอียงคอเล็กน้อยถามด้วยความสงสัย

“ท่านประธานมีผู้หญิงมากมายเข้ามาพัวพัน ไม่ว่าจะเป็นนางแบบ ลูกคุณหนู คุณภารับมือไหวไหมครับ” เสียงทุ้มบอก ถ้าหากรับมือไม่ไหว เขาจะได้ให้ทดลองงานซะ 1 อาทิตย์ แล้วค่อยมาพิจารณาดูใหม่ว่าสมควรรับไว้ทำงานดีหรือเปล่า เพราะเลขาของเจ้านายเขาต้องสู้รบตบมือกับพวกผู้หญิงซะส่วนมาก ถ้าหากอ่อนแอไม่สู้คน ก็จะโดนผู้หญิงเหล่านั้นเล่นงานคืนเอาได้

“ไหวค่ะ แค่นี้สบายมากอยู่แล้ว” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่ลึก ๆ ก็อดกังวลไม่น้อย เธอไม่ค่อยตบหรือทะเลาะกับใครเลย กลัวว่าจะแพ้อีกฝ่ายได้ แต่เงินเดือนในตำแหน่งเลขาสูงลิบลิ่วขนาดนี้ คนอย่างภารดาพร้อมรับมือทุกรูปแบบ ต่อยมาต่อยกลับ ไม่ยอมให้ทำฝ่ายเดียวหรอกนะ!

“งั้นผมรับคุณภาเข้าทำงานครับ ส่วนเรื่องเงินเดือน บริษัทจ่ายให้เดือนละสองแสนบาท ไม่รวมสวัสดิการ โบนัส เบี้ยขยันและอีกสารพัด ถ้าหากคุณทำงานดี”

“สองแสน!!!! คุณไม่ได้ล้อภาเล่นใช่ไหมคะ” ร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจกับจำนวนเงินที่ได้รับ เล่นเอาเธอแทบเป็นลมล้มพับไปเลย

เงินเดือนขนาดนี้ ยังไม่รวมค่าต่าง ๆ อีก ไม่ต่ำกว่าสามแสนแน่ เธอสามารถเปิดร้านขนมให้พ่อกับแม่ได้เลยนะเนี่ย

“พูดจริงครับ เงินเดือนคุณภาสองแสนบาท” เขาอยากจะหัวเราะออกมากับท่าทางของหญิงสาวเมื่อกี้

“ภาจะเป็นลม ไม่คิดว่าเงินเดือนจะเยอะขนาดนี้ ตอนแรกในประกาศบอกว่าห้าหมื่นถึงหนึ่งแสน” มือบางล้วงยาหอมขึ้นมาสูดดมเข้าปอดลึก ๆ กลัวว่าจะเป็นลมเอาจริง ๆ

“แค่คุณภาทำงานของตัวเองให้ดีและจัดการพวกผู้หญิงของบอสได้ ผมถือว่าเงินเดือนแค่นี้ยังน้อยไปเลยครับ” เขาเชื่อมั่นเลยว่าหญิงสาวตรงหน้าจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยกว่าเลขาคนเก่า ๆ ที่ผ่านมา เพราะเขาเห็นถึงความตั้งใจในแววตาคู่นั้นและที่สำคัญเธอไม่มีทางอ่อยเจ้านายเขา รับประกันฟังธง!

“คุณเอกเชื่อในฝีมือภาได้เลยค่ะ ไม่มีวันผิดหวังแน่นอน แล้วจะให้ภาเริ่มทำงานได้วันไหนคะ”

“วันพรุ่งนี้เลยครับ วันนี้คุณภากลับไปพักผ่อนแล้วเตรียมตัวรับมือกับงานดีกว่านะครับ รับรองได้เลยว่าปวดหัวเข้าขั้นสมองระเบิด”

เพราะว่าพรุ่งนี้จะมีคู่ขาของบอสและพวกลูกคุณหนูหลายคนแวะเวียนมาหา อยากให้หญิงสาวได้กลับไปเตรียมอกเตรียมใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จะได้ตั้งรับไว้ถูก

“งั้นภาขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ สวัสดีค่ะ เอ่อ! ลืมบอกไปเลยค่ะว่าพ่อกับแม่ของภาขายขนมไทย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหิ้วมาฝากนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลาชายหนุ่มอีกครั้งแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างมีความสุขเมื่อได้งานทำเรียบร้อย โดยไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ต้องรับมือกับศึกหนักอันใหญ่หลวงตรงหน้าชนิดที่ว่า ยาพาราร้อยเม็ดก็เอาไม่อยู่

ช่วงบ่าย

“แม่จ๋า หนูกลับมาแล้ววว” เสียงหวานตะโกนลั่นบ้าน สองมือถือของใช้ส่วนตัวที่เพิ่งซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน

“เป็นยังไงบ้างนังหนู เอ็งได้งานหรือเปล่า” เสียงของบิดาเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่ภรรยาเดินมาบอกว่าลูกสาวไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาของมาเฟีย ทำให้เขาค่อนข้างเป็นห่วงและกังวลเล็กน้อย

“พ่อคิดว่ายังไงล่ะ” วางของลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างท่าน

“ได้อยู่แล้ว ลูกสาวพ่อเก่งจะตาย” บอกเลยว่าเรื่องอวยลูกเนี่ย เขามาที่หนึ่งเลย ชมลูกให้เพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงฟังไม่หยุดปาก

“ตามนั้นเลยค่ะพ่อ หนูได้งานแล้ว และรู้ไหมคะว่าเงินเดือนเท่าไร”

“ไม่รู้...” ส่ายหัวพลางมองหน้าลูกสาวอย่างรอคำตอบ

“สองแสนบาทค่ะ”

“สองแสนบาท เอ็งไม่ได้ล้อพ่อกับแม่เล่นใช่ไหมนังหนู”

ทั้งเขาและภรรยาต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พลางหันมองหน้ากันสลับมองหน้าลูกสาว จำนวนเงินเมื่อกี้ เขาได้ยินไม่ผิดแน่นอน ทำไมมันช่างมากมายขนาดนี้

“ใช่จ้ะ เงินเดือนหนูสองแสนบาท”

“แม่ไม่เคยเห็นใครได้เงินเดือนเยอะขนาดนี้มาก่อน เอ็งต้องตั้งใจทำงานให้ดี ๆ ละ รู้ไหม เจ้านายจะได้รักและเอ็นดูมาก ๆ” ไม่ลืมย้ำกำชับหนักแน่น

การได้ค่าตอบแทนมาก นั้นหมายความว่าลูกสาวเขาต้องมีคุณสมบัติมากพอที่ทางบริษัทยอมจ่าย

“จ้ะแม่ เงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็เพียบ ใครปล่อยให้หลุดมือก็บ้าแล้ว หนูจะพยายามทำอย่างเต็มที่ จะได้มีเงินมาเปิดร้านให้พ่อกับแม่ไงจ๊ะ”

“ไม่ต้องเลย... แค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้ว แค่เอ็งมีงานทำ พ่อกับแม่ก็สบายใจ”

“จ้า แต่ว่าตอนนี้มีอะไรให้กินบ้างจ๊ะ หิวมากเลย”

“ไปดูในตู้กับข้าวเลย แม่ทำของโปรดไว้ กินเสร็จจะได้มาช่วยแม่ทำขนมต่อ”

“รับทราบค่ะแม่” เธอยิ้มแล้วลุกจากเก้าอี้ หยิบถุงของใช้ส่วนตัวเดินขึ้นห้องนอนเพื่ออาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้สดชื่น แล้วค่อยมาลงกินข้าวและช่วยมารดาทำขนมให้เสร็จ ก่อนถึงเวลาจัดส่งให้ลูกค้า

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ เงาแห่งรัตติกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม
รอยแค้นซาตาน

รอยแค้นซาตาน

สมัยใหม่

5.0

แต่งงานกับผมนะคลาร่า” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบแหวนเพชรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวคนรักตรงหน้าอย่างรอคำตอบด้วยความตื่นเต้น เขานัดเธอขึ้นมาบนดาดฟ้าของบริษัทเพื่อขอแต่งงานในวันนี้ โดยแสร้งทำเป็นว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ตอนนี้ใจเขาเต้นตึกตักมากอย่างบอกไม่ถูก เขาเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว ถึงเวลาที่เขากับเธอจะได้สร้างชีวิตด้วยกันซะที “คลาร่าแต่งงานกับคุณไม่ได้จริงๆ ค่ะณอน” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ เธอก้มหน้าลงไม่กล้าสบสายตาเขา เธอได้ปฏิเสธสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการมากที่สุด “ทำไมล่ะครับ” เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย ทำไมกัน??? เธอถึงได้ปฏิเสธเขาทั้งๆ ที่เราสองคนได้คุยตกลงกันเรื่องนี้ไว้แล้วว่า จะแต่งงานกันหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ และตอนนี้เขาก็พร้อมหมดทุกอย่างแล้วเหลือเพียงแค่ขอแต่งงานเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาเพิ่งโดนปฏิเสธคำขอแต่งงานไปอย่างไม่รู้สาเหตุอะไร “ณอน ฟังคลาร่าดีๆ นะคะ เราเลิกกันเถอะ! ”

หนังสือที่คุณอาจชอบ

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.7

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

Roana Javier
4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ต้องมนต์บุปผา

ต้องมนต์บุปผา

ซีไซต์
5.0

หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ