Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ปาหนันมันต์ทิรา(Mpreg)

ปาหนันมันต์ทิรา(Mpreg)

Lalalyy

5.0
ความคิดเห็น
207
ชม
5
บท

ปาหนันเป็น'เพศรอง' หรือชายท้องได้ผู้มีใบหน้างดงามแต่เขากลับตกหลุมรักเพศรองด้วยกันที่เป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เล็กนามว่า 'มันต์ทิรา' ทว่าการแอบรักข้างเดียวเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกไปเมื่อมีคำว่าเพศมากีดขวาง แล้วมันต์ทิรายังมีใจให้บุรุษคนอื่น "สิ่งที่บุรุษทำได้ ข้าก็ทำให้ได้" "ข้า..ขอโทษ" "เจ้าชอบมันเสียขนาดนั้น ถ้าข้าขอให้เจ้าเลือกข้าเจ้าจักยอมเลือกข้าหรือ" "..." "หากยังไม่มั่นใจเจ้าอยากลองกับข้าดูไหมล่ะ เพศรองก็ถือเป็นชายแล้วไยจักทำให้เจ้าท้องไม่ได้" *** Talk เอาเรื่องสั้นแนวพีเรียดโรมานซ์มาเสิร์ฟค่ะ หน้าปกคือพระเอกเรื่องนะคะ พอ.เรื่องนี้มีจริตคนสวยสูงมากไม่ใช่สายกล้ามร่างหนาแต่รับประกันความหลัว ภายในเรื่องพูดถึงความรักของชายท้องได้ด้วยกันแต่ไม่ได้ดราม่ามาก ไม่อิงประวัติศาสตร์ภาษาใช้คำเข้าใจง่าย อ่านแบบจอยๆได้เลยค่ะ #ปาหนันมันต์ทิรา

บทที่ 1 ปาหนันมันต์ทิรา

ก้นเครื่องถ้วยเบญจรงค์ลายกนกกระแทกวางบนโต๊ะไม้เคลือบกว้างกลางเรือนใหญ่โต น้ำในแก้วกระฉอกหกออกเปื้อนขอบบางส่วนหยดลงบนโต๊ะ มือเล็กขาวเนียนปลายเล็บดั่งลำเทียนกอบกุมเครื่องถ้วยที่เป็นต้นตอของเสียงเมื่อครู่

“เหตุใดถึงมิปลดขุนนางพวกนั้นออกให้หมด”

“ปาหนัน สำรวมกิริยาหน่อยเถิด เรื่องภายในหาใช่กงการของลูกไม่”

บนเรือนไม้ประดับใหญ่โตโอ่อ่ายกตัวสูงเป็นเครื่องบ่งบอกฐานันดรผู้อาศัย ที่แห่งนี้ถูกปกครองโดยเจ้าคุ้มเมืองเหนือผู้ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ช่วงยังหนุ่มยังแน่นจนตอนนี้อายุอานามเริ่มมากขึ้น ทำให้นอกจากเป็นผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงยังเป็นขุนนางผู้ใหญ่สร้างคุณงามและผลงานไว้มากมายให้หลายคนนับหน้าถือตา

“ขออภัยเจ้าค่ะคุณพี่” น้ำเสียงอ่อนน้อมจากคุณหญิงบุษบาผู้เป็นภรรยาหันไปขอโทษขอโพยแทนบุตรเพศรองแก่สามีที่เป็นถึงเจ้าคุ้ม

ในสมัยที่เพศเป็นตัวแบ่งหน้าที่ ปาหนันคิดว่าตนไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจ บุรุษเป็นผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับราชการได้รับการศึกษาอ่านเขียนหนังสือ สตรีเพศหน้าที่คือคอยปรนนิบัติสามีคอยดูแลงานบ้านงานเรือนให้สงบร่มเย็น และเพศรองถือเป็นเพศที่หายาที่สุด ขนานนามว่าชายท้องได้แต่มีหน้าตางดงามกลิ่นกายหอมและมีหน้าที่เดียวกับสตรี

เจ้าคุ้มเมืองเหนือมีภรรยาถึงสามคนไม่นับเมียบ่าว เมียกลางเมืองคนแรกคือ ‘กันดา’ นางมีลูกชายซึ่งเป็นบุตรคนโตของเรือน ‘มิ่งหล้า’ บุตรคนนี้ชาญฉลาดมีแววได้เป็นขุนนางใหญ่โตตั้งแต่เล็กเนื่องจากถูกอบรมเรื่องการเมืองมาอย่างดี อีกทั้งนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่คอยดูแลน้องๆ ต่างมารดาโดยไม่คิดท้วงติงจึงเป็นที่พึ่งพาใจสำหรับบุตรคนอื่น

เมียพระราชทานคนที่สอง ‘บุษบา’ พื้นเพนอกจากจะเป็นลูกขุนนาง นางยังได้มีโอกาสเข้าไปเป็นชาววังคอยรับใช้พระสนมเอกก่อนที่กษัตริย์จะส่งมอบให้เป็นเมียพระราชทาน บุษบามีลูกเพศรองคนเดียวในบ้าน นั่นก็คือ ‘ปาหนัน’ เหตุนี้ทำให้เขาถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน มีคนคอยประคบประหงมฟูมฟักตั้งแต่เยาว์วัย ถูกเลี้ยงดูจากมารดาและเหล่าแม่ของพี่น้องมาให้มีความเพียบพร้อมด้านงานเรือนและมารยาท

หากแต่ไม่มีใครเคยถามว่านั่นคือสิ่งที่ปาหนันต้องการจริงๆ หรือไม่

เมียกลางเมืองคนสุดท้าย ‘คำเอื้อย’ มีบุตรชายคนสุดท้องห่างจากปาหนันเพียงหกปีชื่อว่า ‘เจ้าสาง’ แม้ยังเด็กดูเป็นคนร่าเริงแต่เขาถูกอมรบไม่ต่างจากพี่ชาย และถูกคาดหวังให้เจริญรอยตามเป็นขุนนางในอนาคต

“พวกนั้นทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ต่อให้เป็นบ่าวไพร่ในเรือนแต่เขาก็เป็นชนชั้นถูกปกครอง เป็นคนที่ชนชั้นอย่างเราต้องดูแลมิใช่หรือขอรับคุณพ่อ”

“แม่บอกให้เงียบ” นางหันมาเอ็ดบุตรตนรอบที่สอง เป็นที่รู้กันว่าเรื่องนี้สตรีกับเพศรองไม่สมควรออกความเห็น บริเวณที่นั่งแถวหัวโต๊ะไม้กว้างคือชายมีอายุหากแต่ยังน่ายำเกรงซึ่งเป็นเจ้าคุ้มเมืองเหนือ ‘อินทร์แปง’ พ่อของปาหนัน

“ขออภัยขอรับ”

เป็นปาหนันที่ต้องเอ่ยปากขอโทษ เขาเพียงแต่อยากแสดงความคิดหากมองตนในฐานะบ่าวคนหนึ่งก็เท่านั้น วันหยุดช่วงบ่ายแก่คนเริ่มหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องงานภายในอย่างปาหนันทำให้มารดาตนไม่พอใจ

ยามเด็กปาหนันเคยตั้งคำถามและเอ่ยมันออกไปเมื่อเห็นพี่มิ่งหล้ากับเจ้าสางถูกอบรมต่างจากตนจนเห็นได้ชัด

‘ข้าอยากเล่าเรียนแบบพี่มิ่งหล้าบ้าง พ่อสอนข้าด้วยไม่ได้หรือ’

‘เจ้าเป็นเพศรอง นี่มิใช่หน้าที่ที่เจ้าควรทำ กลับเรือนไปอยู่กับแม่เจ้าเสีย’

‘เพราะอะไรขอรับ ข้าเป็นเพศรองแล้วเหตุใดถึงทำแบบพี่มิ่งหล้าทำไม่ได้ เพศรองกับบุรุษต่างกันตรงไหนหรือขอรับ’ เด็กน้อยถามด้วยความใสซื่อ หากแต่มันเป็นคำถามที่ผู้ใหญ่ไม่สามารถตอบเขาได้ จนกระทั่งปาหนันเติบโตอายุราวสิบแปดปีเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบ

“คุณท่านเจ้าขา คุณหนูมันต์ทิรามาเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่างท้วมผิวคล้ำอมแดงจากการทำงานหนัก คลานเข้ามาภายใต้ชายคาที่มีนายทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันอยู่

“มันต์ทิรารึ”

เขาถามซ้ำพร้อมกับรอยยิ้มดีใจก่อนที่ร่างระหงงดงามจะหันไปกล่าวลาพ่อแม่เพื่อไปหาผู้มาเยือนเรือน ‘มันต์ทิรา’ เป็นบุตรของขุนนางระดับขุนจอม อีกทั้งยังเป็นเพศรองเหมือนปาหนัน ถึงตำแหน่งฝ่ายพ่อของปาหนันจะยศสูงกว่ามากแต่พวกเขาสนิทสนมกันตั้งแต่เล็กจึงมักไปมาหาสู่กันเช่นนี้ประจำ

อีกฝ่ายมีหน้าตางดงามผิวขาวราวไข่มุก ยามยิ้มแย้มมันสุกสว่างเสียยิ่งกว่าพระอาทิตย์ ร่างกายสะโอดสะองน่ามอง ทั้งมันต์ทิราและปาหนันล้วนมีคุณสมบัติทั่วไปของสตรีกับเพศรองที่บุรุษนิยมชมชอบทั้งคู่

มันต์ทิราใส่ผ้าไหมกับสวมเครื่องประดับเมืองน่าน มือขาวสะอาดเอาผมทัดหูระหว่างจัดแจงขนมใส่เครื่องถ้วยที่ตนตั้งใจทำมาจากเรือน ปาหนันเมื่อมาถึงเผลอไผลมองการกระทำอ่อนหวานอย่างหลงใหล นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเพศรองเสมือนกำลังเคลิบเคลิ้ม

เขากับมันต์ทิราใครๆ ก็มองว่าเป็นมิตรสหาย

แน่นอนว่ามันต์ทิราก็คงคิดเช่นนั้นแต่ใครเล่าจะรู้ความจริงว่าปาหนันแอบหลงรักเพศเดียวกันมานานตั้งแต่เล็กและไม่กล้าเอ่ยปากบอกใครเพราะกลัวคำว่าสถานะเพศรองของตัวเอง มันเป็นสิ่งขวางกั้นความต้องการเขาทุกอย่างแม้กระทั่งความรัก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ Lalalyy

ข้อมูลเพิ่มเติม
มาสืบคดีแตเจอแวมไพร์เป็นฆาตกร(BL)

มาสืบคดีแตเจอแวมไพร์เป็นฆาตกร(BL)

นิยายวาย

5.0

'[กรุณายืนยันทำภารกิจ]' 'เอก' นักสืบพาร์ทไทม์วัยสิบห้าปีจากบริษัทนักสืบเอกชนมีระบบเก็บแต้มสืบสวนที่ไม่รู้ว่ามันเก็บแต้มไว้เพื่ออะไร ได้แฝงตัวเข้าไปสืบคดีฆาตกรรมในโรงเรียนประจำที่มีกฎเคร่งครัด คือห้ามนักเรียนออกจากหอหลังสองทุ่ม  แต่ยังเริ่มสืบไม่ทันไรก็มารู้ว่าฆาตกรเป็นแวมไพร์.. แล้วทำไมไอสารวัตรนักเรียนหน้านิ่งจอมเผด็จการ 'โอดิน' ศัตรูคู่(แอบ)อาฆาตของเอกตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอ คนเจ้ากี้เจ้าการเรื่องกฎโรงเรียนนักหนามันดันเป็นแวมไพร์ไปด้วยวะนั่น! 'หัวหน้า! ฆาตกรเป็นแวมไพร์จริงด้วย' 'ฉันใส่ไม้กางเขนไว้ในกระเป๋าให้แล้ว ขอให้โชคดี..' หัวหน้าsaid: ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ💅 *เรื่องนี้เป็น ชายxชาย* … !!คำเตือน!! คำหยาบ/เลือด/สภาพศพ/ความรุนแรง/ปีศาจ/ความเชื่อ/การทารุณกรรม/ฉากเพศสัมพันธ์ุ/มีเพศสัมพันธุ์หมู่โดยไม่ยินยอม/ทำร้ายร่างกาย

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

เจ้าสาวไม่ผ่านรัก

เจ้าสาวไม่ผ่านรัก

dexnarak
5.0

"คุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม" "นี่อะไร" ศิวัฒน์ชูเอกสารในมือขึ้น "คุณก็เห็นว่ามันคืออะไร" เธอตอบโดยไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเกี่ยวกับเขาถึงยังไงเขาก็ต้องรู้ "หึ" เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ "เธอคิดว่าเล่นขายของอยู่หรือไง ที่จะเลิกเล่นตอนไหนก็ได้" "คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากหย่าตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันก็ยอมเซ็นใบหย่าให้คุณแล้วเราไปอำเภอกันพรุ่งนี้เลยฉันเตรียมเอกสารครบแล้ว" "มันสายไปแล้ว" เขาบีบต้นแขนเธอแน่น "อยากเป็นเมียก็จะให้เป็น" "ฉันเจ็บนะคุณไตร" เธอพยายามแกะมือของเขาออก "อยากหย่ากับฉันมากละสิ เสียใจด้วยตอนนี้ฉันไม่อยากหย่าแล้ว" น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่กำลังโกรธ ซึ่งฉัตรนลินทร์ก็ไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกแล้วแท้ ๆ "คุณจะทำอะไร" ฉัตรนลินทร์ร้องถามพลางเอามือดันอกเขาไว้ เมื่ออยู่ ๆ เขาก็พยายามกอดเธอ ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเธอ "ทำหน้าที่สามีไง จะทำทุกคืนให้คุ้มค่ากับเงินที่แม่ของฉันจ่ายให้เธอ" แม้จะเห็นใบหน้านวลตรงหน้านั้นกำลังซีดเผือดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ "ไม่นะ...ปล่อยฉันลงสิคุณไตร" เธอร้องสุดเสียงเมื่อโดนศิวัฒน์อุ้มขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปที่เตียงนอน อึก!! ................................ "เธออยากหย่าขนาดนั้นเลย" "ใช่ค่ะ ไม่หย่าวันนี้วันหน้าก็ต้องหย่าอยู่ดี" ................................. "ถอยไปดิ อย่ามาขวาง" เธอไม่สนใจลูกชาย "อ้อ เอกสารของบริษัททั้งหมดอยู่ในห้องทำงานนะ ฉันยกให้แกหมดเลย" "แม่!!" "ไม่ต้องเรียก ฉันไม่มีลูกโง่อย่างแก" ................................. "เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วนะ เรามาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกันเถอะ" เธอหันไปเผชิญหน้ากับศิวัฒน์ "ฉันขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธแม่ของคุณในวันนั้น ขอโทษที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันไม่อยากให้เรารู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันย้อนไม่ได้เราก็เดินไปข้างหน้าเพื่อลืมเรื่องราวของกันและกันเถอะ" ....................................

ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่

ย้อนเวลากลับมาเป็นท่านแม่

Zuey
5.0

เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ