Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
5.0
ความคิดเห็น
1.3K
ชม
15
บท

แม้ปวดร้าวก็ปักใจรัก

บทที่ 1 ตอนที่ 1 คนสำคัญ

หลายปีก่อน

คฤหาสน์มหเดชภักดีคือตึกสีเหลืองนวลมีหน้าต่างไม้บานสูงหลายสิบบานเพื่อเปิดรับลม เสาปูนเป็นทั้งโครงสร้างและสิ่งประดับเพราะมีลวดลายวิจิตรบรรจง ผู้คนย่านนี้เรียกขานคฤหาสน์ใหญ่โตว่าตึกนวลจนติดปาก

ตึกนวลเป็นที่รับรองคนใหญ่คนโตมาหลายสิบปีเพราะเจ้าของที่ปลูกสร้างคือข้าราชการชั้นสูงแต่ลูกหลานรุ่นต่อมาหันไปทำอาชีพอื่นตึกนวลจึงเงียบเหงาไม่มีรถยนต์สวยๆ วิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนแต่ก่อน

ผ่านมานานหลายปี ลมฝนดินฟ้าทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไปรวมถึงตึกนวลที่ทรุดโทรมลงตามเวลา มาวันนี้ชาวบ้านในละแวกได้มีเรื่องใหม่ให้สนใจเพราะตึกนวลมีการทาสีและต่อเติมโครมครามมาพักใหญ่แล้ว

“เขาว่าลูกชายจะกลับมาจากอังกฤษ เลยทำบ้านครั้งใหญ่” ชาวบ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตึกนวลคุยกับเพื่อนที่เจอในตลาด

“คุณพงศ์พลน่ะหรือ หายไปนานเลยนะ คิดว่าจะไม่กลับมาแล้ว”

“ก็ใช่สิ จะใครไปได้ล่ะ ท่านกำพลมีลูกชายอยู่คนเดียว”

“ข่าวว่าไปได้กับฝรั่งหัวทองไม่ใช่เหรอ ท่านกำพลหัวเสียน่าดู”

“โอ๊ย ! นั่นมันข่าวสมัยพระเจ้าเหาจ้ะเธอ คุณพงศ์พลพบรักกับสาวไทยที่ร่ำรวยเหมือนกัน ได้ยินว่าครอบครัวฝั่งผู้หญิงเป็นเชื้อสายโดยตรงของขุนนางเลยนะ”

“โอ้โฮ ! ขนาดนั้นเชียว ขุนนางคนไหน รู้ไหม”

“ไม่รู้หรอก ขุนนางมีตั้งเยอะแยะใครจะไปจำได้แต่ที่สำคัญก็คือ เขาลือกันว่ากลับมาคราวนี้เพราะจะมาแต่งงาน”

“แต่งงาน !”

“ชู่ว ! อย่าเอ็ดไปสิ เขาพูดกันข้างใน”

“แล้วเธอรู้ได้ยังไงแม่อิ่ม”

“ก็ตาพวยนั่นไง วันก่อนไปตัดต้นไม้ที่ตึกนวลแล้วได้ยินคนครัวคุยกัน”

“ตายจริง ! สงสัยท้องโตกลับมาแน่ๆ ถึงได้รีบร้อนแต่ง”

“ฉันก็คิดยังงั้นแหละ”

ทั้งสองคุยไปเลือกผักไปแล้วสักพักแม่ค้าผักก็เข้าร่วมวงสนทนาด้วย ลูกค้าคนต่อมาได้ยินเรื่องน่าสนใจจึงยืนฟังแล้วแม่ค้าพ่อค้าแผงข้างๆ ก็ค่อยๆ เข้ามาเพิ่มเติม ไม่ถึงชั่วโมงข่าวลูกชายตึกนวลทำผู้หญิงท้องก็ลามไปทั่วทุ่ง

กว่าจะถึงวันงานฝ่ายหญิงก็เสียหายยับเยินเพราะโดนกล่าวหาไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าจงใจปล่อยท้องเพราะอยากจับผู้ชาย เลยเถิดไปจนถึงหน้าตาขี้ริ้วก็ยังมีทั้งที่ความจริงยังไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตาของผู้หญิงแม้แต่คนเดียว

การรอคอยอันยาวนานของชาวบ้านผู้สอดรู้จบสิ้นแล้วเพราะวันนี้บุตรชายของกำพลเดินทางถึงบ้านเกิดโดยสวัสดิภาพ คฤหาสน์มหเดชภักดีเปิดเพลงลีลาศตั้งแต่หัววัน รถยนต์คันโก้วิ่งเข้าออกเป็นว่าเล่น

“ไม่เห็นต้องจัดงานให้วุ่นวายเลยครับคุณพ่อ” พงศ์พลมองงานเลี้ยงใหญ่โตที่พ่อเตรียมให้ก็รู้สึกเกรงใจ เขาไม่อยากให้มันเอิกเกริกใหญ่โตเพราะอีกไม่นานก็จะมีงานใหญ่

“วุ่นวายอะไร คนในบ้านดีใจกันทั้งนั้นที่บ้านกลับมาคึกคักเหมือนสมัยก่อน”

“แค่ผมกลับมาเหยียบบ้านคุณพ่อก็เสียเงินแล้ว ผม …”

“เงินมันมีไว้ใช้ จะให้พ่อเอาเก็บไว้ยัดข้างโลงรึไง ที่เก็บหอมลอมริบไว้ก็เหลือเฟือใช้ไปได้หลายชาติ ให้พ่อมีความสุขสักหน่อยไม่ได้รึ”

“ขอบคุณครับคุณพ่อ” พงศ์พลไม่อยากเถียงให้เสียบบรรยากาศและมันก็เป็นเงินของพ่อจริงๆ พ่อจะใช้ทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของท่าน

“คงใกล้มาถึงกันแล้ว” กำพลตื่นแต่เช้าเพื่อมากำกับดูแลงานเลี้ยงด้วยตัวเองเพราะไม่อยากให้มีสิ่งใดบกพร่อง

“มาพอดีเลยครับคุณพ่อ” พงศ์พลตื่นเต้นจนหัวใจแทบทะลุอกเมื่อจะได้พบคนรัก หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน

“สวัสดีครับท่านอำนาจ ท่านพิมล คุณพลอยลดา”

“โอ๊ย ! ท่านอะไรกัน จะดองกันอยู่แล้ว เรียกชื่อกันเฉยๆ ก็พอ”

“ยินดีต้อนรับครับ ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าหากมีสิ่งใดผิดพลาด บ้านเราไม่ได้จัดงานมานานแล้วครับแต่ก็ทำกันสุดฝีมือเลย”

“อันที่จริงไม่น่าลำบากเลยค่ะ แค่กินข้าวกันก็พอ”

“ไม่ได้หรอกครับ พวกคุณให้เกียรติมาเยี่ยมทั้งที ไหนจะคุณหนูพลอยลดาอีก น้อยกว่านี้ไม่ได้เลย”

“ขอบพระคุณค่ะคุณลุง” พลอยลดาไหว้อย่างชดช้อยสมกับลูกผู้ดีมีตระกูล

“วันนี้เรียกคุณลุงได้แต่วันหน้าไม่ได้แล้วนะ” กำพลบอกพร้อมยิ้มรื่น จะไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไรเพราะมีแต่เรื่องดีๆ ลูกชายกลับบ้านแถมกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝากับหญิงสาวที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งคู่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก

“ภาพสวยเหมือนมีชีวิตเลยค่ะ” พลอยลดารวมทั้งพ่อแม่ของเธอหยุดชื่นชมรูปวาดที่โถงทางเดิน

“ถ้าไม่มีคุณก้อย รูปนี้คงน่าเกลียดพิลึก” กำพลบอกแล้วมองภรรยาสุดที่รัก

“ไม่หรอกค่ะ คุณลุงก็รูปงามไม่เป็นรองใคร” พลอยลดาชมจากใจไม่ใช่เพื่อประจบประแจง ไม่แปลกที่คนรักของเธองามตาไร้ที่ติเพราะพ่อกับแม่ดีพร้อมสมส่วนราวเทพบรรจงปั้น

“คุณพลอยลดาก็ชมคนแก่เกินไปครับ”

“เรียกหนูว่าพลอยก็พอค่ะคุณลุง”

“เสียดายนะครับที่คุณแม่ไม่ได้เห็นวันนี้” พงศ์พลมองมารดาด้วยความคิดถึง

“คุณแม่ท่านมองอยู่ข้างบนจ้ะ” พิมลให้กำลังใจว่าที่ลูกเขย

“ขอบคุณครับคุณแม่ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าไหมครับ”

“นั่นไง ! ไอ้พงศ์มันยังเรียกแม่เลย หนูพลอยก็เรียกพ่อบ้างสิ”

“พลอยเรียกพ่อว่าลุงก็ถูกแล้วครับ ส่วนผมจะให้เรียกคุณแม่ว่าคุณป้าหรือเรียกคุณพ่อว่าคุณลุงไม่ได้แน่ๆ เพราะทั้งสองท่าน ไม่เหมือนลุงกับป้าสักนิด ยังหนุ่มสาวกันอยู่เลย”

“เอ้า ! ไอ้พงศ์ แกว่าพ่อแก่หง่อมเรอะ”

“เปล่านะครับ พ่อพูดเอง” พงศ์พลทำหน้าเป็นใส่บิดา

“เข้าข้างในกันดีกว่าค่ะคุณพ่อ” พลอยลดาบอกแล้วกำพลก็ยิ้มหน้าบาน

ประมุขของบ้านให้เด็กสาวควงแขนแล้วกุมมืออย่างทะนุถนอม อีกไม่นานเธอก็จะมาเป็นนายหญิงที่นี่ กำพลจึงเล่าความเป็นมาของคฤหาสน์มหเดชภักดีให้เธอฟังส่วนพงศ์พลก็เล่าความเป็นอยู่ของคนที่นี่ให้พ่อกับแม่คนรักได้ฟัง

พงศ์พลเกิดที่นี่ เกิดจริงๆ ไม่ใช่คำเปรียบเปรย วันนั้นกรพินท์ผู้เป็นมารดาเจ็บท้องตอนใกล้รุ่ง กำพลจึงให้คนในบ้านเตรียมรถแต่รถเสียเครื่องไม่ติด ระหว่างที่หาทางไปโรงพยาบาลทารกเพศชายก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ผู้คนในบ้านดีใจกันยกใหญ่

พอสายๆ หมอก็มาดูแลแม่กับลูกซึ่งทั้งสองคนแข็งแรงไม่มีสิ่งใดให้กังวล

พงศ์พลเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักแม้มารดาจะจากไปก่อนแต่เขาก็ไม่เคยลืมมารดาแสนสวยแสนใจดี

เขายังจำได้ขึ้นใจไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหวานใสยามเธอร้องเพลงกล่อมนอน อาหารมากมายที่ใครทำก็ไม่อร่อยเท่า เสื้อผ้าชุดพิเศษที่เธอตัดเย็บเอง เธอเป็นแม่เป็นครูคนแรกและเพื่อนคนแรกเช่นกัน

“ใหญ่โตจนพลอยรู้สึกว่าตัวหดเหลือนิดเดียวเลยค่ะคุณพ่อ” เมื่อมาถึงห้องอาหาร พลอยลดาถึงกับอ้าปากค้างเพราะหรูหราหาที่เปรียบไม่ได้ เธอเองก็มีเรือนหลังใหญ่แต่เทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย

“วันธรรมดาก็ไม่ได้ใช้ห้องนี้หรอกลูก ปกติใช้ห้องด้านหลังมีแค่หกที่นั่งแต่วันนี้วันพิเศษต้อนรับคนสำคัญพ่อเลยให้จัดห้องนี้”

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” กำพลพาเด็กสาวไปส่งที่เก้าอี้ถัดจากหัวโต๊ะแล้วมาเชิญพิมลไปนั่งข้างลูกสาว

“พลอยอยากลองชิมไหมครับ”

“มังคุดใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ ไม่รู้ว่าพลอยเคยกินมาก่อนรึเปล่า แกงเขียวหวานมังคุด”

“ไม่เคยค่ะแต่ต้องอร่อยแน่ๆ เลย”

“เป็นยังไงครับ”

“อร่อยค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะอร่อยขนาดนี้ เสียดายจังที่มารู้จักของดีเอาป่านนี้ คุณแม่ลองชิมรึยังคะ”

“ลองแล้วจ้ะ อร่อยจริงๆ สงสัยต้องมาขอวิชาจากที่นี่บ้าง จานนี้ใช่ยำใหญ่รึเปล่าคะคุณกำพล”

“ใช่ครับคุณพิมล พอจะถูกปากไหมครับ คนครัวเราทำกันสุดฝีมือเลย”

“ถูกปากทุกอย่างเลยค่ะ จริงไหมคะพี่อ่ำ กินเงียบเชียว”

“อร่อยครับปากไม่ว่างคุยเลย ต้องขอโทษด้วย”

“ไหนๆ ก็ได้หน้าแล้ว ขอแนะนำแม่ครัวมือหนึ่งของบ้านเราเลยแล้วกัน ยายชื่นครับ” กำพลแนะนำแม่ครัวที่อยู่คู่คฤหาสน์มานานหลายปี

“ขอบคุณมากนะคะยายชื่นที่ทำอาหารแสนอร่อยให้พวกเรากิน” พิมลบอกหญิงสูงวัยที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังโต๊ะอาหาร

“และที่ขาดไม่ได้ก็คือลูกมือคนสำคัญ ประนอมกับประณีตครับ” กำพลแนะนำอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างชื่น

“ขอบคุณมากนะ วันหน้าฉันคงได้มารบกวนขอวิชา ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ” พลอยลดาดีใจมากที่ได้เจอคนรุ่นเดียวกันเพราะทั้งบ้านเจอแต่คนอายุมากกว่า เมื่อมาอยู่ที่นี่หน้าที่ของเธอก็คือเป็นแม่เรือนคอยดูแลสามีหากได้มีเพื่อนคุยบ้างคงจะคลายเหงาลง

“มิบังอาจค่ะ” ประณีตรีบพูดเพราะเจ้านายสบตากับเธอโดยตรง

“แปลว่าอะไรเหรอคะคุณแม่” พลอยลดากระซิบถามมารดา

“เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนครัวส่วนหนูเป็นเจ้านาย จึงไม่กล้าสอนหรือแนะนำสิ่งต่างๆ จ้ะ”

“ไม่เป็นไรนะประณีต เธอกับฉันน่าจะอายุเท่าๆ กัน ถ้าไม่รบกวนเกินไป ฉันต้องให้ประณีตสอนหลายอย่างเลย”

“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” ประนอมผู้เป็นพี่ออกเสียงแทนเพราะน้องสาวตัวแข็งจนอ้าปากไม่ขึ้น

ปกติถ้ารับประทานอาหารที่ห้องเล็กจะมีแค่ยายชื่นคอยดูแลความเรียบร้อยแต่วันนี้เป็นงานใหญ่และใช้ห้องพิเศษ ยายชื่นจึงให้ลูกมือวัยสาวเดินเหินคล่องแคล่วมาช่วยงาน

“เรียนฉันว่าพลอยก็พอจ้ะ”

“ได้ค่ะคุณพลอย”

“ไม่มีอะไรแล้วเราให้พวกเขาไปพักดีไหมครับคุณพ่อ ถ้าจะตักข้าวเติมน้ำผมจัดการให้เอง”

“ยายชื่นครับ พากันไปพักผ่อนเถอะเหนื่อยกันมานานแล้ว บ่ายๆ เย็นๆ ค่อยมาเก็บก็ได้ครับ”

ทั้งสามเดินออกไปอย่างเงียบเชียบแล้วพิมลก็ชมฝีมือทำอาหารอีกยกใหญ่

“สองคนนั้นเป็นแม่ลูกกันเหรอคะคุณพ่อ” พลอยลดาถามกำพล

“เปล่าจ้ะ ประนอมเป็นพี่สาวส่วนประณีตเป็นลูกหลงอายุห่างกับพี่สิบสองปี ใครๆ ก็คิดว่าประณีตเป็นลูกสาวทั้งนั้น”

“ดีจริงเชียวที่รู้ก่อน ไม่อย่างนั้นหนูขายขี้หน้าแน่ๆ ถ้าไปทักว่าเป็นแม่ลูกกัน”

หลังจากรับประทานอาหารเจ้าบ้านก็พาออกไปเดินเล่นด้านนอกเพื่อชื่นชมไม้ดอกนานาพรรณ กำพลอยากให้ครอบครัวอีกฝ่ายได้เห็นความเป็นอยู่ของที่นี่เพื่อช่วยในการตัดสินใจเรื่องการร่วมหอ

แม้มันจะโอ่โถงแต่ถ้าหากผู้อยู่ไม่สุขใจก็ไร้ประโยชน์ ดั่งคำที่ว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หนังสืออื่นๆ ของ อัณณากานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ