แม่บ้านวัยกระเตาะ

แม่บ้านวัยกระเตาะ

อัณณากานต์

5.0
ความคิดเห็น
3.4K
ชม
15
บท

♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ

บทที่ 1 ตอนที่ 1 วันพิเศษ

โต๊ะม้าหินอ่อนตั้งอยู่ใต้ต้นหูกวางแผ่กิ่งก้านร่มรื่น แม้ใบของมันจะร่วงหล่นให้เก็บกวาดอยู่ตลอดแต่ก็คุ้มค่ากับแรงกายที่ลงไป มันเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาแก่บ้านหลังน้อยมาหลายสิบปี ที่ตรงนี้มีความทรงจำมากมายโดยเฉพาะกับเด็กหญิงคนหนึ่ง

“จะห้าโมงแล้ว ยัยหนูคงใกล้จะถึงบ้านแล้วมั้ง” บิดามองเวลาแล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้น

เขาลางานครึ่งวันเพื่อวันพิเศษโดยเฉพาะ หนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียวก็ต้องทำให้มันแตกต่างจากวันอื่นสักหน่อยแถมไม่เคยลาไม่เคยสายขอแค่ปีละหนึ่งวันเท่านั้นจริงๆ

“คงใกล้แล้วค่ะ ไม่น่าเกินห้าโมงครึ่ง เอมกลับเวลานี้ตลอด” มารดาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ลูกสาวของเธอเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยสร้างเรื่องให้ปวดหัวปวดใจ เมื่อเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านไม่มัวเถลไถล

“คุณไม่เหนื่อยเหรอคะ วิ่งวุ่นทั้งวัน ไปนั่งพักข้างในก่อนก็ได้นะคะ” ภรรยาถามสามีที่นั่งไม่ติดตั้งแต่มาถึงบ้าน ดูเหมือนคนจัดงานจะตื่นเต้นกว่าเจ้าของงานเสียอีก

“ไม่เหนื่อยเลย คุณว่าลูกจะชอบไหม”

“ชอบแน่นอนค่ะ ลูกไปยืนดูร้านนี้ทุกครั้งตอนไปตลาด”

เอมอรเคยเป็นครูแต่พอมีลูก สามีก็ให้ลาออกจะได้ดูแลลูกได้เต็มที่ เอ็ดการ์เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไปไม่มีสิ่งใดพิเศษแต่เงินที่หาได้ก็พอเลี้ยงครอบครัวให้อยู่สบายตามอัตภาพ เขาพบเอมอรตอนไปประชุมที่โรงแรมแห่งหนึ่งแล้วติดต่อกันเรื่อยมาเพราะถูกชะตากัน

จากที่คุยแค่เรื่องงานก็ค่อยๆ ขยับหัวข้อเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้นจนสุดท้ายก็กลายเป็นความรัก

ทุกอย่างดูราบรื่นแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อตกลงปลงใจสร้างครอบครัว พ่อแม่ของเอมอรเห็นด้วยและอวยพรลูกสาวด้วยคำมงคลส่วนพ่อแม่ของเอ็ดการ์ไม่มาเหยียบเมืองไทยไม่มาร่วมงานแต่งแถมยังด่าทออีกหลายคำ

เอ็ดการ์เสียใจที่พ่อแม่ไม่เข้าใจและกีดกันความรักแต่เขาเลือกเอมอรกับลูก สักวันพวกท่านจะเห็นเองว่าเอมอรไม่ใช่ผู้หญิงหน้าเงินแบบที่เข้าใจกัน

น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้เห็นความน่ารักของหลานสาว ถ้าท่านยังอยู่ต้องหลงเอมิลี่จนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ

เอ็ดการ์อยู่ประเทศไทยมาหลายสิบปี จึงพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้เจ้าของภาษา ต้องขอบคุณภรรยาที่เป็นครูประจำตัวคอยแนะนำพร่ำสอนอยู่ตลอด สมกับเป็นครูเหลือเกิน

เอมิลี่มีความทรงจำเกี่ยวกับตายายไม่มากนัก เธอเคยพบพวกท่านตอนยังเด็กเหลือเกิน แม่เล่าว่าทั้งสองรับขวัญหลานด้วยกำไลข้อเท้าหนักหนึ่งบาทแถมเงินขวัญถุงด้วย เงินนั้นไม่อยู่แล้วเพราะแม่นำไปฝากธนาคารเหลือไว้แค่ถุงกำมะหยี่สีแดงที่ตากับยายใส่เงินมาให้

ยังไม่ทันจะรู้ความดีตากับยายก็จากไป เอมิลี่จึงโตมากับพ่อและแม่โดยแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่ลูกจะโตมากับพ่อและแม่แต่สำหรับเอมิลี่แตกต่างนิดหน่อยเพราะเธอเป็นลูกครึ่ง หน้าตาผิวพรรณร่างกายจึงไม่เหมือนเด็กคนอื่น เธอตัวสูงบอบบาง ผิวขาวเหมือนไข่ปอก นัยน์ตาสีเทา ผมสีน้ำตาลอ่อน

ความต่างนี้ทำให้เธอแปลกแยกจากคนอื่น เอมิลี่ไม่มีเพื่อนสนิทเพราะเพื่อนผู้หญิงชังน้ำหน้าเธอทุกคน เพื่อนผู้ชายคอยแต่ล้อเลียนและฉวยโอกาสทำรุ่มร่ามใส่ ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเธอสักนิด

เอมิลี่จึงสบายใจกับการอยู่คนเดียวและเธอดีใจมากที่ยังมีพ่อกับแม่เพราะทั้งสองคนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

วันหนึ่งเธอไปตลาดกับแม่ตามปกติแล้วเห็นว่า ตึกหลังหนึ่งที่ปิดร้างไม่มีคนเช่าหลายปีวันนี้เปิดพร้อมบริการ กระจกบานใหญ่ใสแจ๋ว มีผ้าม่านลูกไม้แขวนประดับ

“แม่จ๋า ดูสิ สวยจังเลย” เอมิลี่ไปยืนชิดริมกระจกเพราะอยากเห็นขนมสีสวยให้ชัดๆ

“สวยจริง เค้กของพวกฝรั่งจริงๆ”

“เค้กก็เป็นของฝรั่งอยู่แล้วนี่จ๊ะ”

“เจ้าของร้านเป็นชาวฝรั่งเศส เขาว่ากันแบบนั้นนะ แม่ก็ไม่มั่นใจ”

“จริงเหรอจ๊ะ หนูอยากเห็นจัง”

“คุณเขาไม่ใช่ตัวประหลาดสักหน่อย จะอยากพบอยากเจอไปทำไม เรามาตลาดแทบทุกวัน จะเห็นเดี๋ยวก็เห็นเองแหละลูก”

“จ้ะแม่” เอมิลี่ตอบเสียบอ่อยๆ เธอควรจะเข้าใจดีที่สุดว่าการโดนมองว่าเป็นตัวประหลาดรู้สึกแย่เพียงใด

“ไปกันเถอะลูก เราค่อยแวะวันหลังดีกว่า เปิดวันแรกๆ น่าจะวุ่นวายอยู่”

“จ้ะแม่” เอมิลี่รับคำแต่เสียดายอยู่ในใจ เธออยากเข้าไปดูในร้านใจจะขาด

“สวัสดีค่ะ เปิดวันแรกมีเค้กให้ชิมฟรีด้วยค่ะ แวะก่อนได้นะคะ” เจ้าของร้านเปิดประตูออกมาเชื้อเชิญลูกค้าที่ยืนลังเลอยู่ข้างหน้า

“ขอบคุณค่ะ” เอมิลี่แอบกระโดดตัวลอยอยู่ในใจแต่ความจริงก็คือเดินอย่างเรียบร้อยให้สมเป็นกุลสตรีตามที่แม่พร่ำสอน

มาดามมักซีมคือเจ้าของร้านเค้ก เธอถูกชะตากับเอมิลี่เด็กหญิงผมเปียเอามากๆ อาจเพราะเป็นลูกครึ่งลูกค่อนเหมือนกันแถมนัยน์ตายังสีเดียวกันอีก

“วันนี้ไม่ต้องจ่ายเงินค่ะ เปิดวันแรกอยากให้มาชิมกันก่อนว่าถูกใจไหม” มาดามมักซีมบอกเอมอรเมื่อเห็นเธอเตรียมหยิบกระเป๋าเงิน

“คนไทยเขาถือกันค่ะว่าลูกค้าคนแรกต้องซื้อ ฉันเดาว่าเราสองแม่ลูกน่าจะเป็นลูกค้ารายแรกแน่ๆ ยังเช้าอยู่เลย”

“เหรอคะ แย่จัง ฉันไม่น่ารบกวนคุณเลย”

“ไม่รบกวนเลยค่ะ ฉันว่าจะแวะอยู่แล้วแต่เห็นยังเช้าอยู่คิดว่าคงยังวุ่นๆ ว่าจะแวะวันหลังแต่วันนี้แวะแล้วก็ต้องประเดิมค่ะ เอมเลือกสิลูก หนูอยากกินชิ้นไหน” เอมิลี่อยากรับประทานทุกอย่างที่อยู่ในตู้แต่เธอรู้ว่าแม่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือจึงเลือกชิ้นที่ถูกที่สุด

“มาดามคะ เอมเลือกแค่ชิ้นสีฟ้าค่ะ” เอมอรบอกเมื่อเห็นมาดามมักซีมหยิบเค้กสีชมพูขึ้นมา

“ชิ้นนี้แถมค่ะ พิเศษสำหรับลูกค้าคนแรก”

หลังจากวันนั้นสองแม่ลูกก็แวะร้านนี้เรื่อยๆ แต่เอมิลี่ก็ไม่เคยเลือกขนมที่แพงเกินกำลังที่แม่จะจ่ายไหว เธอสัญญากับตัวเองว่าเมื่อมีเงินมากพอจะซื้อเค้กก้อนใหญ่สีชมพูประดับด้วยผลไม้และครีมหลากสีให้พ่อกับแม่ได้รับประทาน

แต่สาวน้อยเอมิลี่ในวัยสิบห้าปีไม่รู้ตัวเลยว่าเค้กแสนสวยก้อนนั้นกำลังรอท่าอยู่ใต้ต้นหูกวาง

“กลับมาแล้วค่ะแม่” ห้าโมงยี่สิบนาที เอมิลี่ก็มาถึงบ้าน เธอถอดรองเท้านักเรียนวางไว้ที่ตู้หน้าบ้านแล้วเดินเข้ามาด้านในแต่ไม่พบใครเลย ปกติแม่จะนั่งเย็บผ้าอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่นหรือไม่ก็อยู่ในห้องครัว

“แม่คะ” เธอเดินไปที่บันไดแล้วเรียกอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบ แม่ต้องอยู่บ้านแน่นอนเพราะประตูไม่ได้ล็อก

“กระเป๋าของพ่อนี่นา” เมื่อเดินไปที่เก้าอี้หวายก็พบกระเป๋าเอกสารของพ่อวางอยู่ เธอเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

พ่อไม่เคยกลับบ้านเร็วขนาดนี้และที่สำคัญไม่มีทางมาถึงบ้านแน่ๆ เพราะพ่อเลิกงานห้าโมง ถ้าถึงบ้านพร้อมๆ กับเธอ พ่อต้องเหาะมาแน่นอน

แต่พ่อกลับมาแล้วแน่ๆ กระเป๋าของพ่อวางอยู่และเมื่อเช้าไม่มีแน่ๆ เพราะเธอนั่งตรงนี้เพื่อใส่ถุงเท้าส่วนพ่อออกไปแล้ว

“ลูกเห็นรึยัง” เอ็ดการ์ถามภรรยาที่แอบมองอยู่ข้างหน้าต่าง

“เห็นกระเป๋าคุณแล้วค่ะ มองหาใหญ่เลยว่าคุณอยู่ไหน” เอมอรรายงานให้สามีฟัง

เอมิลี่มองไปรอบๆ แล้วพบว่าประตูหลังบ้านไม่ได้ปิด

“พ่อ ! ทำไมกลับเร็วคะ ไม่สบายเหรอ”” เมื่อชะโงกหน้าออกไปก็เห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มหวานอยู่

“วันเกิดลูกสาวทั้งคน จะกลับช้าได้ยังไง” เอ็ดการ์ตอบ

“หนูตกใจหมดเลย แล้วมาทำอะไรกันตรงนี้คะ”

เอมิลี่บอกพ่อกับแม่ว่า งานวันเกิดค่อยจัดทีหลังก็ได้เพราะวันเกิดของเธอตรงกับวันทำงาน จัดช้าไปวันสองวันไม่ใช่ปัญหาเธออยากให้อยู่พร้อมหน้ากันมากกว่า

“ขอบคุณมากนะคะ แม่ทำอะไรคะ หนูกำลังหิวเลย”

“ของโปรดหนูทั้งนั้นแต่แม่ว่า วันนี้เรากินของหวานก่อนดีกว่า” เอมอรถอยไปด้านข้างเพื่อให้เค้กแสนสวยได้อวดโฉม

เอมิลี่พูดไม่ออกได้แต่เอามือปิดปาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเค้กจากร้านไหน เธอเฝ้าฝันถึงมันมาเป็นปีๆ อยากเห็นใกล้ๆ อยากลิ้มชิมรสว่าเนื้อเค้กก้อนนั้นจะอร่อยแค่ไหน

“ขอบคุณนะคะ หนูดีใจมากเลยแต่เกรงใจจัง พ่อกับแม่หมดเงินเยอะเลยเพื่อซื้อเค้กก้อนนี้”

“มาดามมักซีมลดให้สิบห้าเปอร์เซ็นต์จ้ะ ตามอายุหนู กินเลยไหมจ๊ะ”

“กินค่ะ ขอบคุณนะคะ” เอมิลี่กอดพ่อกับแม่แล้วหลับตาขอพร

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัณณากานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
กรรมกรอ้อนรัก

กรรมกรอ้อนรัก

สมัยใหม่

5.0

“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด

ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด

ซีไซต์
5.0

ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P โปรดดาวน์โหลดตัวอย่างก่อนอ่านค่ะ ภาคต่อของนิยายเรื่องนี้คือเรื่อง Trigger warning: 3P

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ท่านแม่ทัพข้าคือศรีภรรยา NC25+

ซีไซต์
5.0

องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

เจ้าหญิงน้อยของพี่ๆ ทั้งสาม

Silas Thorn
5.0

ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ