แม่บ้านวัยกระเตาะ

แม่บ้านวัยกระเตาะ

อัณณากานต์

5.0
ความคิดเห็น
3.4K
ชม
15
บท

♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ

บทที่ 1 ตอนที่ 1 วันพิเศษ

โต๊ะม้าหินอ่อนตั้งอยู่ใต้ต้นหูกวางแผ่กิ่งก้านร่มรื่น แม้ใบของมันจะร่วงหล่นให้เก็บกวาดอยู่ตลอดแต่ก็คุ้มค่ากับแรงกายที่ลงไป มันเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาแก่บ้านหลังน้อยมาหลายสิบปี ที่ตรงนี้มีความทรงจำมากมายโดยเฉพาะกับเด็กหญิงคนหนึ่ง

“จะห้าโมงแล้ว ยัยหนูคงใกล้จะถึงบ้านแล้วมั้ง” บิดามองเวลาแล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้น

เขาลางานครึ่งวันเพื่อวันพิเศษโดยเฉพาะ หนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียวก็ต้องทำให้มันแตกต่างจากวันอื่นสักหน่อยแถมไม่เคยลาไม่เคยสายขอแค่ปีละหนึ่งวันเท่านั้นจริงๆ

“คงใกล้แล้วค่ะ ไม่น่าเกินห้าโมงครึ่ง เอมกลับเวลานี้ตลอด” มารดาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ลูกสาวของเธอเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยสร้างเรื่องให้ปวดหัวปวดใจ เมื่อเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านไม่มัวเถลไถล

“คุณไม่เหนื่อยเหรอคะ วิ่งวุ่นทั้งวัน ไปนั่งพักข้างในก่อนก็ได้นะคะ” ภรรยาถามสามีที่นั่งไม่ติดตั้งแต่มาถึงบ้าน ดูเหมือนคนจัดงานจะตื่นเต้นกว่าเจ้าของงานเสียอีก

“ไม่เหนื่อยเลย คุณว่าลูกจะชอบไหม”

“ชอบแน่นอนค่ะ ลูกไปยืนดูร้านนี้ทุกครั้งตอนไปตลาด”

เอมอรเคยเป็นครูแต่พอมีลูก สามีก็ให้ลาออกจะได้ดูแลลูกได้เต็มที่ เอ็ดการ์เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไปไม่มีสิ่งใดพิเศษแต่เงินที่หาได้ก็พอเลี้ยงครอบครัวให้อยู่สบายตามอัตภาพ เขาพบเอมอรตอนไปประชุมที่โรงแรมแห่งหนึ่งแล้วติดต่อกันเรื่อยมาเพราะถูกชะตากัน

จากที่คุยแค่เรื่องงานก็ค่อยๆ ขยับหัวข้อเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้นจนสุดท้ายก็กลายเป็นความรัก

ทุกอย่างดูราบรื่นแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อตกลงปลงใจสร้างครอบครัว พ่อแม่ของเอมอรเห็นด้วยและอวยพรลูกสาวด้วยคำมงคลส่วนพ่อแม่ของเอ็ดการ์ไม่มาเหยียบเมืองไทยไม่มาร่วมงานแต่งแถมยังด่าทออีกหลายคำ

เอ็ดการ์เสียใจที่พ่อแม่ไม่เข้าใจและกีดกันความรักแต่เขาเลือกเอมอรกับลูก สักวันพวกท่านจะเห็นเองว่าเอมอรไม่ใช่ผู้หญิงหน้าเงินแบบที่เข้าใจกัน

น่าเสียดายที่ท่านไม่ได้เห็นความน่ารักของหลานสาว ถ้าท่านยังอยู่ต้องหลงเอมิลี่จนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ

เอ็ดการ์อยู่ประเทศไทยมาหลายสิบปี จึงพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้เจ้าของภาษา ต้องขอบคุณภรรยาที่เป็นครูประจำตัวคอยแนะนำพร่ำสอนอยู่ตลอด สมกับเป็นครูเหลือเกิน

เอมิลี่มีความทรงจำเกี่ยวกับตายายไม่มากนัก เธอเคยพบพวกท่านตอนยังเด็กเหลือเกิน แม่เล่าว่าทั้งสองรับขวัญหลานด้วยกำไลข้อเท้าหนักหนึ่งบาทแถมเงินขวัญถุงด้วย เงินนั้นไม่อยู่แล้วเพราะแม่นำไปฝากธนาคารเหลือไว้แค่ถุงกำมะหยี่สีแดงที่ตากับยายใส่เงินมาให้

ยังไม่ทันจะรู้ความดีตากับยายก็จากไป เอมิลี่จึงโตมากับพ่อและแม่โดยแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดที่ลูกจะโตมากับพ่อและแม่แต่สำหรับเอมิลี่แตกต่างนิดหน่อยเพราะเธอเป็นลูกครึ่ง หน้าตาผิวพรรณร่างกายจึงไม่เหมือนเด็กคนอื่น เธอตัวสูงบอบบาง ผิวขาวเหมือนไข่ปอก นัยน์ตาสีเทา ผมสีน้ำตาลอ่อน

ความต่างนี้ทำให้เธอแปลกแยกจากคนอื่น เอมิลี่ไม่มีเพื่อนสนิทเพราะเพื่อนผู้หญิงชังน้ำหน้าเธอทุกคน เพื่อนผู้ชายคอยแต่ล้อเลียนและฉวยโอกาสทำรุ่มร่ามใส่ ทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเธอสักนิด

เอมิลี่จึงสบายใจกับการอยู่คนเดียวและเธอดีใจมากที่ยังมีพ่อกับแม่เพราะทั้งสองคนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

วันหนึ่งเธอไปตลาดกับแม่ตามปกติแล้วเห็นว่า ตึกหลังหนึ่งที่ปิดร้างไม่มีคนเช่าหลายปีวันนี้เปิดพร้อมบริการ กระจกบานใหญ่ใสแจ๋ว มีผ้าม่านลูกไม้แขวนประดับ

“แม่จ๋า ดูสิ สวยจังเลย” เอมิลี่ไปยืนชิดริมกระจกเพราะอยากเห็นขนมสีสวยให้ชัดๆ

“สวยจริง เค้กของพวกฝรั่งจริงๆ”

“เค้กก็เป็นของฝรั่งอยู่แล้วนี่จ๊ะ”

“เจ้าของร้านเป็นชาวฝรั่งเศส เขาว่ากันแบบนั้นนะ แม่ก็ไม่มั่นใจ”

“จริงเหรอจ๊ะ หนูอยากเห็นจัง”

“คุณเขาไม่ใช่ตัวประหลาดสักหน่อย จะอยากพบอยากเจอไปทำไม เรามาตลาดแทบทุกวัน จะเห็นเดี๋ยวก็เห็นเองแหละลูก”

“จ้ะแม่” เอมิลี่ตอบเสียบอ่อยๆ เธอควรจะเข้าใจดีที่สุดว่าการโดนมองว่าเป็นตัวประหลาดรู้สึกแย่เพียงใด

“ไปกันเถอะลูก เราค่อยแวะวันหลังดีกว่า เปิดวันแรกๆ น่าจะวุ่นวายอยู่”

“จ้ะแม่” เอมิลี่รับคำแต่เสียดายอยู่ในใจ เธออยากเข้าไปดูในร้านใจจะขาด

“สวัสดีค่ะ เปิดวันแรกมีเค้กให้ชิมฟรีด้วยค่ะ แวะก่อนได้นะคะ” เจ้าของร้านเปิดประตูออกมาเชื้อเชิญลูกค้าที่ยืนลังเลอยู่ข้างหน้า

“ขอบคุณค่ะ” เอมิลี่แอบกระโดดตัวลอยอยู่ในใจแต่ความจริงก็คือเดินอย่างเรียบร้อยให้สมเป็นกุลสตรีตามที่แม่พร่ำสอน

มาดามมักซีมคือเจ้าของร้านเค้ก เธอถูกชะตากับเอมิลี่เด็กหญิงผมเปียเอามากๆ อาจเพราะเป็นลูกครึ่งลูกค่อนเหมือนกันแถมนัยน์ตายังสีเดียวกันอีก

“วันนี้ไม่ต้องจ่ายเงินค่ะ เปิดวันแรกอยากให้มาชิมกันก่อนว่าถูกใจไหม” มาดามมักซีมบอกเอมอรเมื่อเห็นเธอเตรียมหยิบกระเป๋าเงิน

“คนไทยเขาถือกันค่ะว่าลูกค้าคนแรกต้องซื้อ ฉันเดาว่าเราสองแม่ลูกน่าจะเป็นลูกค้ารายแรกแน่ๆ ยังเช้าอยู่เลย”

“เหรอคะ แย่จัง ฉันไม่น่ารบกวนคุณเลย”

“ไม่รบกวนเลยค่ะ ฉันว่าจะแวะอยู่แล้วแต่เห็นยังเช้าอยู่คิดว่าคงยังวุ่นๆ ว่าจะแวะวันหลังแต่วันนี้แวะแล้วก็ต้องประเดิมค่ะ เอมเลือกสิลูก หนูอยากกินชิ้นไหน” เอมิลี่อยากรับประทานทุกอย่างที่อยู่ในตู้แต่เธอรู้ว่าแม่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือจึงเลือกชิ้นที่ถูกที่สุด

“มาดามคะ เอมเลือกแค่ชิ้นสีฟ้าค่ะ” เอมอรบอกเมื่อเห็นมาดามมักซีมหยิบเค้กสีชมพูขึ้นมา

“ชิ้นนี้แถมค่ะ พิเศษสำหรับลูกค้าคนแรก”

หลังจากวันนั้นสองแม่ลูกก็แวะร้านนี้เรื่อยๆ แต่เอมิลี่ก็ไม่เคยเลือกขนมที่แพงเกินกำลังที่แม่จะจ่ายไหว เธอสัญญากับตัวเองว่าเมื่อมีเงินมากพอจะซื้อเค้กก้อนใหญ่สีชมพูประดับด้วยผลไม้และครีมหลากสีให้พ่อกับแม่ได้รับประทาน

แต่สาวน้อยเอมิลี่ในวัยสิบห้าปีไม่รู้ตัวเลยว่าเค้กแสนสวยก้อนนั้นกำลังรอท่าอยู่ใต้ต้นหูกวาง

“กลับมาแล้วค่ะแม่” ห้าโมงยี่สิบนาที เอมิลี่ก็มาถึงบ้าน เธอถอดรองเท้านักเรียนวางไว้ที่ตู้หน้าบ้านแล้วเดินเข้ามาด้านในแต่ไม่พบใครเลย ปกติแม่จะนั่งเย็บผ้าอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่นหรือไม่ก็อยู่ในห้องครัว

“แม่คะ” เธอเดินไปที่บันไดแล้วเรียกอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบ แม่ต้องอยู่บ้านแน่นอนเพราะประตูไม่ได้ล็อก

“กระเป๋าของพ่อนี่นา” เมื่อเดินไปที่เก้าอี้หวายก็พบกระเป๋าเอกสารของพ่อวางอยู่ เธอเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

พ่อไม่เคยกลับบ้านเร็วขนาดนี้และที่สำคัญไม่มีทางมาถึงบ้านแน่ๆ เพราะพ่อเลิกงานห้าโมง ถ้าถึงบ้านพร้อมๆ กับเธอ พ่อต้องเหาะมาแน่นอน

แต่พ่อกลับมาแล้วแน่ๆ กระเป๋าของพ่อวางอยู่และเมื่อเช้าไม่มีแน่ๆ เพราะเธอนั่งตรงนี้เพื่อใส่ถุงเท้าส่วนพ่อออกไปแล้ว

“ลูกเห็นรึยัง” เอ็ดการ์ถามภรรยาที่แอบมองอยู่ข้างหน้าต่าง

“เห็นกระเป๋าคุณแล้วค่ะ มองหาใหญ่เลยว่าคุณอยู่ไหน” เอมอรรายงานให้สามีฟัง

เอมิลี่มองไปรอบๆ แล้วพบว่าประตูหลังบ้านไม่ได้ปิด

“พ่อ ! ทำไมกลับเร็วคะ ไม่สบายเหรอ”” เมื่อชะโงกหน้าออกไปก็เห็นพ่อกับแม่ยืนยิ้มหวานอยู่

“วันเกิดลูกสาวทั้งคน จะกลับช้าได้ยังไง” เอ็ดการ์ตอบ

“หนูตกใจหมดเลย แล้วมาทำอะไรกันตรงนี้คะ”

เอมิลี่บอกพ่อกับแม่ว่า งานวันเกิดค่อยจัดทีหลังก็ได้เพราะวันเกิดของเธอตรงกับวันทำงาน จัดช้าไปวันสองวันไม่ใช่ปัญหาเธออยากให้อยู่พร้อมหน้ากันมากกว่า

“ขอบคุณมากนะคะ แม่ทำอะไรคะ หนูกำลังหิวเลย”

“ของโปรดหนูทั้งนั้นแต่แม่ว่า วันนี้เรากินของหวานก่อนดีกว่า” เอมอรถอยไปด้านข้างเพื่อให้เค้กแสนสวยได้อวดโฉม

เอมิลี่พูดไม่ออกได้แต่เอามือปิดปาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเค้กจากร้านไหน เธอเฝ้าฝันถึงมันมาเป็นปีๆ อยากเห็นใกล้ๆ อยากลิ้มชิมรสว่าเนื้อเค้กก้อนนั้นจะอร่อยแค่ไหน

“ขอบคุณนะคะ หนูดีใจมากเลยแต่เกรงใจจัง พ่อกับแม่หมดเงินเยอะเลยเพื่อซื้อเค้กก้อนนี้”

“มาดามมักซีมลดให้สิบห้าเปอร์เซ็นต์จ้ะ ตามอายุหนู กินเลยไหมจ๊ะ”

“กินค่ะ ขอบคุณนะคะ” เอมิลี่กอดพ่อกับแม่แล้วหลับตาขอพร

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ อัณณากานต์

ข้อมูลเพิ่มเติม
กรรมกรอ้อนรัก

กรรมกรอ้อนรัก

สมัยใหม่

5.0

“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

ทั่วหล้าฟ้าดิน ข้าคือผู้ครอง

Coupling Shim
5.0

ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

เสด็จอาเลิกตามใจพระชายาสักทีเถอะ

Pinkygirl
4.8

ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!

คุณนาย ประธานมาขอคืนดีอีกแล้ว

คุณนาย ประธานมาขอคืนดีอีกแล้ว

Apogean Spark
5.0

【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”

คลับรัก รักนะครับที่รักของผม

คลับรัก รักนะครับที่รักของผม

bankpan
5.0

อาร์ม>>>นักศึกษาปี4 คณะวิศวะ สุดหล่อที่โคตรใจร้อนไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนนอกจากน้องสาวอย่างแอมแปร์และเพื่อนรักอย่างน้ำฝน "เด็กแพทย์กูนึกว่ามีแต่คนเรียบร้อย แต่คนนี้กูว่ามาร้อยก็เรียบ" เมเบิ้ล>>>นักศึกษาปี4 คณะแพทย์ สาวสวยประจำคณะ เพื่อนสนิทของน้ำขิง สวยแรง เก่ง ฉลาด "เรียนแพทย์เขาใช้สมองนะ ไม่ใช่การแต่งตัว" ดีม>>>นักศึกษาป.โท คณะวิศวะ เพื่อนสนิทของอานนต์ เพลย์บอย เจ้าชู ไม่เคยจริงจังกับใคร "ก็พี่อยากรับผิดชอบหนูนี่คะ" แอมแปร์>>>นักศึกษาปี1 คณะบริหารสาวสวยที่พี่ชายโคตรหวง น่ารัก นิสัยดี แต่ดวงซวยเสียทีให้ผู้ชายในผับของพี่ตัวเอง "จะตามหนูเป็นเงาเลยรึไงคะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ