Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
หวานรักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว SET คุณพ่อลูกติด

หวานรักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว SET คุณพ่อลูกติด

สรีสามัญ ดวงดาหลา

5.0
ความคิดเห็น
68
ชม
14
บท

"หวานรักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว SET คุณพ่อลูกติด" นิยายรักพาฝันที่จะพาทุกคนมารู้จักพวกเขา ผลงานจากปลายปากกาของสรีสามัญ เมื่อดณิชา (เดย์) เป็นหนี้ท่วมหัว หญิงสาวกู้หนี้ยืมสินไปทั่วงานนี้เธอจึงต้องเอาตัวเข้าแลกด้วยการเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ให้กับมิกซ์ มาริค ชายหนุ่มที่เธอไม่ชอบหมอนี่ตั้งแต่แรกเห็น ร่วมพิสูจน์ความน่ารักของพวกเขาทั้งสามคนได้ในหนังสือเล่มนี้กับ "หวานรักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว SET คุณพ่อลูกติด" นิยายเล่มนี้สรีสามัญได้จับมือกับนักเขียนมากความสามารถหลายท่านเลยค่ะ ซึ่งนิยาย "หวานรักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว" นี้จะอยู่ใน SET คุณพ่อลูกติด โดยมีนิยายเรื่อง 1.) จีบได้ครับคุณพ่อของผมโสด #ญาธิดา 2.) ลุ้นรักแด๊ดดี๊เลี้ยงเดี่ยว #พิมรภัค 3.) หวานรักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว #สรีสามัญ 4.) คุณพ่อหนูโสดโปรดจีบเถอะค่ะ #ณชามา 5.) รักวุ่นวายของปะป๊า(แวนไพร์)เลี้ยงเดี่ยว #เพชรวิฬาร์ 6.) หยอดรักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว #cnkmidmile 7.) คุณน้าขา...คุณพ่อหนูเป็นประธานบริษัท #อรอินทุ์ 8.) คนนี้มามี้หนู #รณิชา 9.) ปะป๊าหนูโสด อยู่ในโหมดอยากได้แม่ใหม่ #Reenrin 10.) แฟนเก่าแด๊ดดี๊ คือมามี้คนใหม่ของหนู #พิมพ์พิรดา +++++++++++++++++++++++++++ โปรย ดวงตาสุกใสกลมโตเปล่งประกายระยับยามเมื่อเวลานี้เดย์กำลังมองเห็นสิ่งที่หล่อนต้องการอยู่เบื้องหน้าของเธอเอง มือเรียวยาวของเดย์เอื้อมหมายจะหยิบหนังสือท่องเที่ยวภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งขึ้น ทว่ามืออีกข้างที่ไวกว่าของคนข้าง ๆ กับฉวยหยิบหนังสือเล่มนั้นไปเสียก่อน หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่า ชายผู้ที่หยิบหนังสือไปต่อหน้าต่อตาของเธอนั้นช่างไร้มารยาทสิ้นดี ดวงตาสองข้างของหญิงสาวกวาดสายตามองบุรุษข้าง ๆ ที่สวมเสื้อโค้ทยาวคลุมตัว บนศีรษะของชายหนุ่มสวมหมวกปีกกว้างใบโตใบใหญ่สำหรับผู้ชาย ผู้ชายคนนี้แต่งตัวราวกับว่าหลุดออกมาจากแฟชั่นอีแมกกาซีน ออนไลน์ก็ไม่ปาน ใบหน้าของชายผู้นี้คมเข้ม คิ้วเรียวเรียงกันเป็นเส้นโค้ง จมูกของเขาโด่งรั้น เชิดขึ้นคล้ายกับลูกเสี้ยวชาวต่างชาติ ริมฝีปากของนายนั่นบางเฉียบแถมยังมีสีหวานอมชมพู ดูรวม ๆ แล้ว ชายหนุ่มคนนี้จัดได้ว่าหล่อเหลาปานวัวตายควายล้มได้เลย ติดก็แต่มารยาทนี่แหละที่ทรามที่สุด อย่างเดย์ไม่เคยเห็นใครเป็นมาก่อนในชีวิตนี้ "นี่คุณเล่มนี้ฉันเห็นก่อนนะ" เดย์เอ่ยท้วงเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก "แต่ผมว่าผมเห็นเล่มนี้ก่อนคุณนะครับ คุณผู้หญิง" เสียงเข้มกล่าวโต้ตอบอย่างไม่พอใจที่หญิงสาวตรงหน้าแสดงความเป็นเจ้าของหนังสือเล่มที่เขาจองเอาไว้มานานแล้ว "นี่คุณหมายความว่ายังไง" เดย์เอ่ยถามเขาพลางยกมือขึ้นยืนเท้าสะเอวขึ้นมาอย่างนึกฉุน "ใจเย็น ๆ กันก่อนนะคะคุณลูกค้า" พนักงานสาวแคชเชียร์ที่ยืนคิดเงินเอ่ยเสียงดังขึ้นทะลุกลางปล้อง "คุณผู้หญิงรับเล่มอื่นเถอะนะคะ พอดีเล่มนี้คุณผู้ชายเขาจองไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วค่ะ" พนักงานสาวสวยแคชเชียร์ที่ทำหน้าที่ยืนเครื่องคิดเงินกล่าว "แต่หนังสือมีตั้งหลายเล่มนะคะ" เดย์กล่าวอย่างชี้แจงอย่างไรเธอมาก่อน เธอเห็นมันก่อนและหญิงสาวควรจะได้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ก่อนชายสวมโค้ทผู้นี้ซิ มันถึงจะถูกต้อง! "ขออภัยค่ะคุณผู้หญิงแต่คุณผู้ชายเขาต้องการหนังสือเล่มที่มีหมายเลขสิบสามเท่านั้นค่ะ" พนักงานแคชเชียร์เอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่า เดย์ชะงักทันทีที่เห็นหมายเลขบนหนังสือนิตยสารท่องเที่ยวประเทศแอฟริกาใต้ เคปทาวน์ที่หล่อนกำลังหามาอ่านเพื่อเสริมความรู้นั้นมีหมายเลขระบุกำกับไว้เป็นเลขหนึ่งนำหน้า และเลขสามตามท้าย หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าโลกจะถล่ม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายบ้าบออะไรจองแม้กระทั่งเลขระบุตรงหน้าหนังสือ "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเอาเล่มอื่นก็ได้ค่ะ ถ้าเล่มนี้มีคนจองแล้ว" เดย์กล่าวอย่างตัดบทเมื่อเห็นสายตาดุคมทอดมองมายังเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "ขออภัยจริง ๆ นะคะ คุณผู้หญิง" หญิงสาวแคชเชียร์กล่าวพลางโค้งให้กับเดย์อย่างสุภาพ "ทางด้านคุณผู้ชายรับเพียงเล่มเดียวใช่ไหมคะ" พนักงานในร้านหนังสือชื่อดังเอ่ยถาม "อ๋อ ถ้าไม่รังเกียจผมขอเหมาทุกเล่มในชั้นนี้เลยครับ" ชายหนุ่มตรงหน้ากล่าวอย่างไม่รอรี ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณจากหัวใจ ดวงดาหลา นักเขียน ติดต่อนักเขียน : เพจ Agif ดวงดาหลา สรีสามัญ รติธร หรือ Facebook : Anchittha Riabroi [เเวะมาคอมเม้นพูดคุยกันได้นะคะ]

บทที่ 1 ไกด์ที่เริ่มซบเซา

ร้านก๋วยจั๊บบ้านป้าป้อม

“ขณะนี้เกิดการระบาดของโรคระบาดโควิดสิบเก้าทำให้บริษัทหลายบริษัทเลย์ออฟพนักงานเป็นจำนวนมากค่ะ คุณพาทิศ” เสียงของผู้ประกาศข่าวเอ่ยขึ้นดึงความสนใจของหญิงสาวที่กำลังนั่งเขี่ยผักไปมาอย่างไม่ชอบใจนัก

“อย่างนี้ก็แย่เลยนะซิครับคุณไข่ไก่ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอาชีพอะไรบ้างที่ถูกเลย์ออฟออกจากบริษัท ได้แก่ อาชีพไกด์มัคคุเทศก์ อาชีพครูสอนภาษา อาชีพ…”

เสียงโทรทัศน์รุ่นเก่ายังคงดังวนไปมาในหัวของหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลเข้มเหลือบทองอ่อน ๆ

“ป้า…เดย์ขออีกชาม” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วพลางยกมือชูนิ้วชี้ขึ้นเด่นหรา

“ได้ ๆ” เสียงของป้าป้อมผู้เป็นเจ้าของร้าน ก๋วยจั๊บป้าป้อม ร้านอาหารชื่อดังกลางซอยย่านสุขุมวิทเอ่ยขึ้น

ร้านอาหารป้าป้อมได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าเส้นก๋วยจั๊บของแกนั้นเหนียว นุ่ม อร่อยพอดีคำ เส้นก๋วยจั๊บไม่ยืดเกินไป ไม่กลมเกินไป และไม่แบนเกินไป

“อ้าวไอ้เดย์ เอ็งจะกินอะไรนักหนาว่ะ” ป้าป้อมกล่าวพลางกระแทกชามก๋วยจั๊บลงบนโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็ก ๆ ที่หญิงสาวเท้าคางนั่งอยู่อย่างเบื่อหน่าย

“แหมป้า…เดย์ก็แค่อยากกินก๋วยจั๊บย้อมใจ” เดย์ หรือ ดณิชากล่าวขึ้นพลางรับเอื้อมมือไปหยิบชามก๋วยจั๊บหอมกรุ่นมาวางไว้ตรงหน้า

มือเรียวของหญิงสาวเลื่อนถ้วยชามก๋วยจั๊บแรกออกไปให้พ้นจากตรงหน้า

“ย้อมจงย้อมใจอะไรของเอ็งไอ้เดย์ ข้าเคยเห็นแต่เขากินเหล้าย้อมใจ” ป้าป้อมกล่าวขึ้นอย่างนึกเอ็นดูในตัวของหญิงสาว

“อ้าวป้า นี่ป้าไม่รู้เหรอว่าบริษัทที่ฉันไปทำน่ะกำลังจะปิดตัววันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย” เสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้นอย่างที่สาวเจ้าไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัว

“อ้าวเหรอ…แย่เลยล่ะซิเอ็ง” ป้าป้อมกล่าวขึ้นด้วยความเศร้าใจและเวทนาแทนหญิงสาว

“แล้วเอ็งจะทำอย่างไรต่อไปล่ะไอ้เดย์” ป้าป้อมเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ยเศรษฐกิจก็ดี๊ดี…แถมไอ้โรคโควิดอะไรนี่ก็มาพังครืนไปเสียทุกอย่างอีก” ป้าป้อมยังบ่นไม่หยุด

“ใช่ป้า เดย์คงต้องหางานใหม่แล้ว” หญิงสาวกล่าวขณะเขี่ยไข่ต้มในชามไปมา

“เอ้อ ก็คงต้องยังงั้นแล้วล่ะ เอ็งจะไปทำไรได้นอกจากนี้” ป้าป้อมกล่าวขณะยืนเท้าสะเอวอยู่

มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมหยิบแก้วน้ำมาใกล้พลางกระดกน้ำลงไปในลำคอขาวนวลละเอียดรวดเดียว

“อ้าว...อิ่มแล้วเหรอไอ้เดย์” ป้าป้อมเอ่ยถามเมื่อเห็นเดย์วางแก้วน้ำพลาสติกร้านของตนเองลง

“อิ่มแล้วจ้ะป้า” เดย์กล่าวตอบพลางวางแก้วน้ำพลาสติกสีชมพูบานเย็นลง

“เออ พรุ่งนี้ค่อยมาจ่าย” ป้าป้อมกล่าวพลางทำท่าจะเดินไปเก็บจานที่โต๊ะสี่เหลี่ยมที่เดย์รับประทานเรียบไม่เหลือซาก

“จะดีเหรอป้า” เดย์เอ่ยขึ้นถามป้าป้อมผู้เป็นเจ้าของร้านอาหารที่หล่อนมักชอบมาสิงอยู่เป็นประจำ

“เอ้อ ข้าไม่คิดดอกเอ็งหรอกนะ” ป้าป้อมเอ่ยกับเดย์อย่างเย้าแหย่

“ขอบคุณจ้ะป้า” เดย์กล่าวพลางยกมือไหว้ป้าป้อมแล้วเดินออกจากร้านไป

รองเท้าผ้าใบของหญิงสาวเดินผ่านร้านค้าร้านรวงต่าง ๆ มาได้สักระยะหนึ่ง หญิงสาวเหลือบมองร้านหนังสือร้านใหญ่กลางซอยหมู่บ้าน

มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมือผลักประตูบานกระจกเข้าไปยังร้านหนังสือกลางหมู่บ้านประดับฟ้าแห่งนี้

ภายในร้านหนังสือตกแต่งสวยงาม ร้านหนังสือนี้ยังแบ่งประเภทหนังสือเป็นสัดส่วนชัดเจน…เดย์มักมาที่นี่เป็นประจำ เวลาที่เธออยากได้หนังสือภาษาอังกฤษล้วน ๆ หรือหนังสือนวนิยายสืบสวนสอบสวน

รองเท้าผ้าใบของหญิงสาวสืบเท้าไปยังชั้นหนังสือด้านในสุด บนป้ายหัวชั้นเขียนไว้ว่า ‘หนังสือท่องเที่ยวภาษาอังกฤษ’

ดวงตาสุกใสกลมโตเปล่งประกายระยับยามเมื่อเวลานี้เดย์กำลังมองเห็นสิ่งที่หล่อนต้องการอยู่เบื้องหน้าของเธอเอง

มือเรียวยาวของเดย์เอื้อมหมายจะหยิบหนังสือท่องเที่ยวภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งขึ้น ทว่ามืออีกข้างที่ไวกว่าของคนข้าง ๆ กับฉวยหยิบหนังสือเล่มนั้นไปเสียก่อน

หญิงสาวอดรู้สึกไม่ได้ว่า ชายผู้ที่หยิบหนังสือไปต่อหน้าต่อตาของเธอนั้นช่างไร้มารยาทสิ้นดี

ดวงตาสองข้างของหญิงสาวกวาดสายตามองบุรุษข้าง ๆ ที่สวมเสื้อโค้ทยาวคลุมตัว บนศีรษะของชายหนุ่มสวมหมวกปีกกว้างใบโตใบใหญ่สำหรับผู้ชาย

‘ผู้ชายคนนี้แต่งตัวราวกับว่าหลุดออกมาจากแฟชั่นอีแมกกาซีน ออนไลน์ก็ไม่ปาน’

ใบหน้าของชายผู้นี้คมเข้ม คิ้วเรียวเรียงกันเป็นเส้นโค้ง จมูกของเขาโด่งรั้น เชิดขึ้นคล้ายกับลูกเสี้ยวชาวต่างชาติ ริมฝีปากของนายนั่นบางเฉียบแถมยังมีสีหวานอมชมพู

ดูรวม ๆ แล้ว ชายหนุ่มคนนี้จัดได้ว่าหล่อเหลาปานวัวตายควายล้มได้เลย ติดก็แต่มารยาทนี่แหละที่ทรามที่สุด อย่างเดย์ไม่เคยเห็นใครเป็นมาก่อนในชีวิตนี้

“นี่คุณเล่มนี้ฉันเห็นก่อนนะ” เดย์เอ่ยท้วงเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก

“แต่ผมว่าผมเห็นเล่มนี้ก่อนคุณนะครับ คุณผู้หญิง” เสียงเข้มกล่าวโต้ตอบอย่างไม่พอใจที่หญิงสาวตรงหน้าแสดงความเป็นเจ้าของหนังสือเล่มที่เขาจองเอาไว้มานานแล้ว

“นี่คุณหมายความว่ายังไง” เดย์เอ่ยถามเขาพลางยกมือขึ้นยืนเท้าสะเอวขึ้นมาอย่างนึกฉุน

“ใจเย็น ๆ กันก่อนนะคะคุณลูกค้า” พนักงานสาวแคชเชียร์ที่ยืนคิดเงินเอ่ยเสียงดังขึ้นทะลุกลางปล้อง

“คุณผู้หญิงรับเล่มอื่นเถอะนะคะ พอดีเล่มนี้คุณผู้ชายเขาจองไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วค่ะ” พนักงานสาวสวยแคชเชียร์ที่ทำหน้าที่ยืนเครื่องคิดเงินกล่าว

“แต่หนังสือมีตั้งหลายเล่มนะคะ” เดย์กล่าวอย่างชี้แจงอย่างไรเธอมาก่อน เธอเห็นมันก่อนและหญิงสาวควรจะได้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ก่อนชายสวมโค้ทผู้นี้ซิ มันถึงจะถูกต้อง!

“ขออภัยค่ะคุณผู้หญิงแต่คุณผู้ชายเขาต้องการหนังสือเล่มที่มีหมายเลขสิบสามเท่านั้นค่ะ” พนักงานแคชเชียร์เอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่า

เดย์ชะงักทันทีที่เห็นหมายเลขบนหนังสือนิตยสารท่องเที่ยวประเทศแอฟริกาใต้ เคปทาวน์ที่หล่อนกำลังหามาอ่านเพื่อเสริมความรู้นั้นมีหมายเลขระบุกำกับไว้เป็นเลขหนึ่งนำหน้า และเลขสามตามท้าย

หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าโลกจะถล่ม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายบ้าบออะไรจองแม้กระทั่งเลขระบุตรงหน้าหนังสือ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเอาเล่มอื่นก็ได้ค่ะ ถ้าเล่มนี้มีคนจองแล้ว” เดย์กล่าวอย่างตัดบทเมื่อเห็นสายตาดุคมทอดมองมายังเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“ขออภัยจริง ๆ นะคะ คุณผู้หญิง” หญิงสาวแคชเชียร์กล่าวพลางโค้งให้กับเดย์อย่างสุภาพ

“ทางด้านคุณผู้ชายรับเพียงเล่มเดียวใช่ไหมคะ” พนักงานในร้านหนังสือชื่อดังเอ่ยถาม

“อ๋อ ถ้าไม่รังเกียจผมขอเหมาทุกเล่มในชั้นนี้เลยครับ” ชายหนุ่มตรงหน้ากล่าวอย่างไม่รอรี

คำพูดของชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้พนักงานสาวชะงักกึก เธอสัมผัสได้เพียงว่าเวลานี้คุณผู้หญิงตรงหน้าที่มัดผมรวบหางม้าสีน้ำตาลเข้มกำลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก

พนักงานสาวหันไปมองทางเดย์อย่างเห็นใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มสวมโค้ทตรงหน้ากำลังพยายามกลั่นแกล้งเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเดือนหน้าเดี๋ยวเดย์มาเอาใหม่นะคะ” หญิงสาวกล่าวพลางหุนหันออกจากร้านหนังสือไปอย่างอารมณ์เสีย

รองเท้าผ้าใบของหญิงสาวก้าวออกมายืนนอกร้านพลางมองไปยังชายหนุ่มในร้านที่ควักธนบัตรสีเทาสองใบออกมาจ่ายอย่างไม่รอรี

หน้าตาก็ดี๊ดี แต่ทำไมนิสัยทรามขนาดนี้ว่ะ ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอไอ้มนุษย์ผู้ชายหน้าหนาขนาดนี้ ไร้มารยาทแถมยังกวนประสาทสิ้นดี โธ่เว้ย!

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ สรีสามัญ ดวงดาหลา

ข้อมูลเพิ่มเติม
จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม  1  บัลลังก์สราเนีย

จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย

โรแมนติก

5.0

นิยายจอมใจฮิปปาเรียนี้จะถูกเรียกว่าหนังสือชุด #อาณาจักรฮิปปาเรีย ค่ะ โดยซีรีส์อาณาจักรฮิปปาเรียมีนิยายทั้งหมด 10 เล่ม ดังต่อไปนี้ 1.จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย 2. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 2 ผจญภัยป่าดงดิบฮานาบี 3. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 1 กำเนิดรัชทายาทฮิปปาเรีย 4. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 2 นางบรรณาการแคว้นดิมาเรีย 5. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ปราบกบฎบัลลังก์สราเนีย 6. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ห้าเจ้าหญิงผู้นำทางปริศนา 7. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 1 หนึ่งเดียวในหทัย 8. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 2 อาณาจักรฮิปปาเรีย 9. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 1 เจ็ดขุนนางผู้พิทักษ์ 10. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 2 ราชอาณาจักรฮิปปาเรีย นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการของ "ดวงดาหลา" เองค่ะ ดินแดนฮิปปาเรียเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนเฝ้าฝันถึง จอมใจฮิปปาเรีย มีสี่ภาค แต่ละภาคแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ รับรองค่ะว่า เข้มข้น หวานซึ้ง ตรึงใจทุกคนแน่นอนค่ะ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหน ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนียได้แล้ว ณ บัดนี้ Duangdala Talk ดวงดาหลากลับมาเเล้วค่ะ หลังจากติดภารกิจมานาน รี้ดทุกคนสามารถคอมเม้น หรือกดใจทั้ง 5 ให้ดวงดาหลาได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ #ดวงดาหลา ป.ล. นักอ่านท่านใด หรือ ใครอ่านเเล้วมารีวิว มาเม้นมาพูดคุยกันกับดวงดาหลา ได้น้า

วันดับนางริษยา

วันดับนางริษยา

โรแมนติก

5.0

ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ จุดเริ่มต้นความน่าสะพรึงกลัวของทุกสิ่งที่จารีย์ได้เจอนั้นมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าแห่งนี้ ภายนอกงดงามหากแต่ภายในกลับรกร้างราวกับไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน แรงแค้น แรงพยาบาท แรงอาฆาต ของสิ่งลี้ลับยังคงวนเวียนตามจองกรรมทวงถามความเป็นธรรมอย่างที่พวกมันรอคอยตลอดมา! +++ นรีกุลรับรู้ถึงอุณหภูมิที่กำลังทวีความคุกรุ่นในเรือนกายของหล่อน เรียวปากบางของเขาซอนไซ้ไปยังใบหูของนรีกุลจนหญิงสาวเผลอไผลร้องซี้ดปากด้วยความสุขใจ มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมปลดตะขอชุดที่นรีกุลสวมใส่อยู่ เขาแนบเรือนกายของหล่อนให้ผสานกับเขาอย่างลุ่มหลงในตัวของนรีกุล หญิงสาวปิดเปลือกตาของหล่อนลงอย่างพลั้งเผลอ ความหวามไหวแทรกไปทั่วอณูของนรีกุล ภรรยาของนัฐธวีร์ปิดเปลือกตาลงไปแล้ว หากแต่เวลานี้ดวงวิญญาณร้ายของกรวีร์ยังคงทำงานตามคำสั่งของเดรัจฉานต่อไป นิ้วเรียวของวิญญาณร้ายซอนไซ้เข้าไปยังปากถ้ำสวรรค์ของหญิงสาว นรีกุลบิดตัวแล้วครวญเสียงหวานจนนัฐธวีร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าความอ่อนเพลียจากการเดินทางในระยะเวลานานทำให้เขาฟุบหลับไป หนุ่มสาวสองคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของกรวีร์ได้เสพสมเรือนกายของนรีกุลอย่างอุกอาจ และดวงจิตของนัฐธวีร์ได้ถูกเรียกจิตไปโดยสัตว์ร้ายในคราบของสาวงามเสียแล้ว!

วันดับนางริษยา เล่ม 1

วันดับนางริษยา เล่ม 1

โรแมนติก

5.0

"วันดับนางริษยา" นิยายสยองขวัญกระตุกประสาท #ดวงดาหลา ที่จะพาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง เมื่อรักไม่อาจแบ่งใจนรีกุลจึงต้องแบกรับทั้ง นัฐธวีร์ คนเป็น และคนตายในคราเดียวกัน นรีกุลจะทำเช่นไรต่อไป...ความรัก แรงอาฆาตเปลวพยาบาทของพวกเขาจะเผาหญิงสาวให้ตายทั้งเป็นหรือไม่! มาร่วมค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ ++++++++++++ โปรปราย เวลานี้นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้อีกแล้วหากแต่ท้องของหล่อนกับปวดมากราวกับเป็นไส้ติ่งอักเสบ หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้รอดพ้นจากการเกาะกุมของวิญญาณร้ายที่เธอเชื่อว่าติดตามมา หญิงสาวเปิดตามองไปยังด้านบนก็พบว่าเธฮนอนใกล้คาน ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่อเวลานี้มีวิญญาณร้ายนั่งอยู่บนคานสูงเหนือหัวของเธอ วิญญาณร้ายที่นั่งแกว่งขาไป,kอยู่นั้นราวกับว่าจะเห็นเธอ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปเข้าจมูกของหญิงสาวอย่างจัง จนเธอต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหล่อนทำให้หญิงสาวช็อคสุดขีดเมื่อเวลานี้ศีรษะของวิญญาณร้ายค่อยๆห้อยลงมาจรดยังจมูกของเธอ นรีกุลหวีดร้องอย่างดังลั่นพลางออกปากไล่อย่างตระหนกสุดขีด หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

โชคชะตาของพระชายา

โชคชะตาของพระชายา

Raff Madison
3.8

ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

เมียผมน่ารักจัง

เมียผมน่ารักจัง

Penn Tofallis
4.9

กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ