“เพ่ยอินเหยาข้านี่แหละยอดขุนพลสตรี เล่ม 1” นิยายรักจีนโบราณสายบู๊และบุ๋น ‘อินตูตู’ ขุนพลสตรีผู้มีศักดิ์เป็นแม่ทัพคุมค่ายพลทหารชาวฉินเพื่อออกรบในสมรภูมิทีเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแคว้นฉี หากการมาแคว้นฉีไม่ได้มีเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น ทว่าการมาครั้งนี้ของนางมาเพื่อแก้ปมปริศนาสตรีที่หายไปในแคว้นฉินด้วยต่างหาก สงครามระหว่างแคว้นฉินและฉีจะจบลงเช่นไร แล้วใครกันเป็นผู้บงการเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ท้ายหมู่บ้านเซิงหยาง
“เอาของข้ามานี่นะ” เสียงเข้มของเพ่ยอินเหยาดังขึ้นพลางยื้อแย่งตุ๊กตาผ้ามาจากกลุ่มเด็กชายสามคนที่กำลังทำตัวเป็นอันธพาลครองเมือง
“นี่อินเหยา…เจ้าไม่มีวันสู้แรงข้าได้หรอก ยอมแพ้ข้าซะเถอะ” เสียงเข้มของเสี่ยววู่เอ่ยพลางโยนตุ๊กตาเพียงตัวเดียวของเพ่ยอินเหยาทิ้งอย่างไม่ไยดี
“ไม่…นี่ของข้า” เพ่ยอินเหยาเอ่ยพลางผลักเสี่ยววู่ออกไปจนล้มลงไปกระแทกกับแผงขายของอย่างแรง
ร่างยักษ์ของเสี่ยววู่กระแทกแผงขายผักอย่างจังจนผ้าเนื้อดีของเด็กหนุ่มตัวใหญ่ฉีกออกไปติดกับตะปูที่ตอกบนแผงขายของ
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของเด็กหนุ่มตัวใหญ่ทำให้โทสะของเสี่ยววู่เดือดดาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ไหนแต่ไรมา…เขาไม่เคยเจอดรุณีนางใดที่ร้ายกาจเท่าเพ่ยอินเหยา สตรีที่อาจหาญมาต่อกรกับเสี่ยววู่ บุตรชายหัวหน้าหมู่บ้านเซิงที่ยิ่งใหญ่มาก่อน
ความไม่พอใจที่ฉายชัดผ่านแววตากลมโตของเพ่ยอินเหยายิ่งทำให้เสี่ยววู่หมดความอดทนราวกับฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลงทันใด
เสี่ยววู่เหลียวมองดูแขนเสื้อของเขาที่ขาดอย่างเกรี้ยวกราดกว่าเดิม ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงราวกับลูกมะเขือเทศสุกจัด
“เพ่ยอินเหยา…เจ้านี่บังอาจมาก” เสี่ยววู่กล่าวพลางลุกขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจในดรุณีวัยเยาว์ตรงหน้าที่มองพวกเขาอย่างไม่กระพริบตา
“เจ้านั่นแหละที่บังอาจ” เพ่ยอินเหยากล่าวอย่างไม่กลัวเกรงในอำนาจที่มีทั้งหมดของอีกฝ่าย
ยามนี้นางไม่ผิดนางย่อมมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวของนาง และชิงชิง ตุ๊กตาผ้าของนาง
อินเหยายืนสงบนิ่งท่ามกลางเด็กหนุ่มทั้งสามที่ย่างเท้าหมายจะทำร้ายนางอย่างไม่กลัวเกรงต่อบุรุษผู้ใด
แววตาของดรุณีวัยเยาว์สาดประกายวาววับราวกับราชสีห์จ้องตะครุบเหยื่อเพียงแค่รอเหยื่อให้ตายใจ…ไวเท่าธูปหมด ร่างของเสี่ยววู่ก็กระเด็นลงไปกองกับพื้นด้วยแรงทั้งหมดของเพ่ยอินเหยา
เสี่ยวชิง และ เสี่ยวฮ่าวที่เห็นลูกพี่ของตนเสี่ยววู่ลงไปนอนกองกับพื้นดินทำให้พวกเขารีบขอโทษเด็กสาวที่ยืนกำหมัดแน่น
“ข้าไม่คิดว่า…เจ้าจะมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้” เสี่ยวฮ่าวกล่าวพลางเข้าไปสนทนากับอินเหยาอย่างประจบสอพลอ
“เจ้าทำให้เสี่ยววู่ลงไปกองกับพื้นได้อย่างไรอินเหยา” เสี่ยวชิงเอ่ยพลางเดินไปหยิบตุ๊กตาที่ถูกทิ้งขว้างลงกับพื้นอย่างไม่ไยดีส่งให้นาง
อินเหยารับตุ๊กตาชิงชิงที่ได้มาจากมือเล็กของเสี่ยวชิงอย่างรวดเร็ว
“ฝากไว้ก่อนเถอะเพ่ยอินเหยา” เสียงเข้มของเสี่ยววู่ตะโกนออกมาแล้วรีบสาวเท้าวิ่งหนีออกไปด้วยความหวาดกลัวในพละกำลังของดรุณี
“ข้าไม่ได้ทำอะไรมากหรอก…แค่โกรธนะ” เพ่ยอินเหยากล่าวพลางรับตุ๊กตามาจากเสี่ยวฮ่าวด้วยมือข้างขวา นางกำตุ๊กตาผ้าไว้แน่นราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้จะหลุดลอยหายลับเข้ากลีบเมฆาเสี่ยนี่
“เสี่ยววู่เป็นคนเช่นนั้นมานานแล้ว…ข้าว่าลูกพี่อย่าใส่ใจเขาเลยจะหาเรื่องเดือดร้อนมาสู่ท่านเปล่า” เสี่ยวชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวราวกับว่ากลัวใครจะมาได้ยินเข้า
อินเหยาคิ้วกระตุกข้างขวาทันทีที่เสี่ยวชิงถือโอกาสเรียกนางว่าลูกพี่ ดวงหน้าของดรุณีวัยเยาว์หันขวับมาทางเสี่ยวชิง
“ข้าสองคนต้องขออภัยในความมีตาหามีแววไม่ด้วยขอรับ
“ทำไมเสี่ยววู่ถึงเป็นคนเช่นนั้นเล่า” เหยาเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหากแต่หนักแน่นในคราเดียวกัน
แม้เพ่ยอินเหยาจะเคยได้ยินมาว่าสกุลวู่จะมีบุตรชายคนโตและคนเล็กแต่ก็ไม่คิดว่าเสี่ยววู่ หรือวู่อู่เจิ้น จะมีนิสัยร้ายกาจน่ารังเกียจเช่นนี้มาก่อน
“อินเหยาเจ้าเหม่ออันใด” สำเนียงคุ้นหูของบุรุษหนุ่มดังขึ้นใกล้สตรีผู้หนึ่งที่กำลังคุกเข่าเฝ้ามองเศษผ้าที่แหลกลาญอย่างไม่มีชิ้นดี
“ขออภัยท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าเพียงแต่ไตร่ตรองบางสิ่งอยู่เท่านั้น” เพ่ยอินเหยาเอ่ยกลับพลางหยิบเศษผ้าที่ขาดวิ่นขึ้นมาเพ่งดู
“เจ้าคิดเช่นไรอินเหยา” แม่ทัพจินหู่เอ่ยถามสตรีตรงหน้าที่กำลังเพ่งสายตาอ่านตัวอักขระที่เขียนขยุกขยิกอยู่
เศษผ้าขาดวิ่นที่อินเหยาตูตูถืออยู่มิอาจทำให้ใจของแม่ทัพใหญ่จินหู่สงบลงได้เลย โลหิตสีแดงฉานอาบอาภรณ์ไปครึ่งเสี้ยว
“ข้าน้อยเพียงแต่คิดว่านี่เป็นเศษอาภรณ์ของสตรีที่ถูกพวกมันจับมาสังหารอย่างโหดเหี้ยม” เพ่ยอินเหยาเอ่ยผ่านหมวกเกราะรบที่นางสวมใส่
แม่ทัพจินหู่ยกยิ้มขึ้นพลางมองดูทหารรับใช้ตนเองที่นับวันเริ่มฉายรอยความฉลาดมากกว่าเดิม เดิมทีเพ่ยอินเหยากับเซี่ยจินหู่เคยสาบานเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกันมานาน
ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงวันที่แม่ทัพจินหู่ พยัฆค์ร้ายผู้หยิ่งทระนงจะตกหลุมรักตูตูไปเสียแล้ว
เพ่ยอินเหยาเป็นบุตรีของพ่อค้าคหบดีสหายรักของบิดาของแม่ทัพเซี่ยจินหู่ บิดาของเหยาเอ๋อร์ฝากฝังนางไว้กับบิดาของเขา ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดาของเขาตามใจนางเสียจนเขาอยากจะฟาดนางให้ขาลาย
แต่เยาว์วัยเหยาเอ๋อร์เป็นดรุณีอัปลักษณ์ แม้นางจะมีดวงหน้าหมดจดแต่กลับมีปานแดงที่ใหญ่มากข้างแก้มซ้ายของนางทำให้ถูกต่อว่าเป็นตัวอัปลักษณ์อยู่บ่อยครั้ง แม้เขาเองก็คิดเช่นนั้น
ทว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปปานแดงที่แก้มซ้ายของดรุณีหายราวกับไม่เคยเกิดขึ้นสร้างความประหลาดใจให้กับบิดาของเขาอย่างมาก
เพ่ยอินเหยากลายเป็นสตรีผู้งดงามที่สุดในจวนแม่ทัพเซี่ย
ดวงตาของนางสุกใสราวกับหยาดน้ำค้างยามรุ่ง ริมฝีปากหยักบางไร้ซึ่งการแต้มสีชาดแต่อย่างใด
เมื่ออยู่จวนอินเหยามักปล่อยผมของนางทิ้งตัวลงอย่างเป็นอิสระ หากมีแขกเหรื่อขุนนางใหญ่มาจวนเท่านั้น นางจึงค่อยทำตามธรรมเนียม
ฟิ้ว
ลูกดอกลูกหนึ่งพุ่งฝ่าวงล้อมของพวกเขา อินเหยาที่ได้สติก่อนจึงรีบดึงร่างกำยำของแม่ทัพเซี่ยให้หมอบลง
“ท่านแม่ทัพระวัง” อินเหยาตะโกนด้วยความตระหนกพลางรีบดึงร่างกำยำให้ก้มหมอบลงใกล้นาง
แม้ในระยะประชิดแม่ทัพเซี่ยกลับได้กลิ่นหอมอ่อนจางจากเรือนไหมที่ม้วนซ่อนใต้หมวกเกราะรบของนาง
ดวงตาคู่คมของเซี่ยจินหู่ลอบมองไปยังตูตูตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง ทว่าไม่ว่าแม่ทัพจินหู่ผู้นี้จักอุตสาหะมากเพียงใด หากแต่คงทำได้เพียงแต่มองเห็นนางอย่างไกล ๆ
“แม่ทัพเซี่ยท่านเป็นอันใดหรือไม่” อินตูตูเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมเมื่อเห็นแม่ทัพใหญ่นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์สงครามเมื่อครู่
เสียงของอินเหยาที่เอ่ยเรียกแม่ทัพจินหู่เมื่อครู่กลับดังก้องกว่าเดิม ยามเมื่อนางเห็นว่าแม่ทัพที่เป็นดั่งสหายของนางเอาแต่จับจ้องมองมายังอินเหยาอย่างตะลึงงัน
“ท่านแม่ทัพเซี่ย อินตูตู ทัพของเราถูกล้อมไว้หมดขอรับ” ทหารกล้าผู้หนึ่งกล่าว
แม่ทัพเซี่ยจินหู่ได้ยินก็พลันอดรู้สึกตกใจไม่ได้ ทว่าอินตูตูที่ได้สติเร็วกว่ารีบเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว
“ข้ากับท่านแม่ทัพขอปรึกษากันชั่วครู่” เพ่ยอินเหยากล่าวพลางรีบพยุงร่างกำยำสูงโปร่งของแม่ทัพจินหู่ให้ลุกขึ้น
“ขอรับอินตูตู” ทหารกล่าว
“เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรเพ่ยอินเหยา” แม่ทัพจินหู่เอ่ยถามอินตูตูอย่างประเมินขุนพลสตรีเบื้องหน้า
“ข้าเห็นควรให้ตีบุกฝ่าวงล้อมออกไปทางด้านหน้า” อินตูตูเอ่ย
“ช้าก่อน ศัตรูอยู่ทางด้านหลังแต่เจ้าให้ไปตีด้านหน้าเช่นนั้นรึ” แม่ทัพจินหู่เอ่ยถามอย่างขับข้องใจ
“ท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว ข้าเลือกวิธีนี้กลับถึงจวนท่านค่อยไต่ถามข้าก็ยังได้” ขุนพลสตรีเอ่ยพลางกระชับหมวกเกราะรบไว้แน่นกว่าเดิม
“เช่นนั้นตามเจ้าแล้วกัน” แม่ทัพจินหู่เอ่ยพลางกระชับอาวุธในมือแน่นพลางเร่งสาวเท้าออกมาเพื่อสั่งการ
“สั่งการตามนี้ให้ให้นำทัพบุกตีฝ่าไปด้านหน้าเท่านั้น พวกเจ้าเข้าใจที่ข้าเอ่ยหรือไม่สหาย” แม่ทัพเซี่ยจินหู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขึงขัง
“รับคำสั่งท่านแม่ทัพ”
รองเท้าของเพ่ยอินเหยาสืบไปด้านหน้าอย่างระแวดระวัง ขุนพลสตรีกระชับง้าวในมือแน่นแล้วจ้วงฟันลงไปยังกิ่งพฤกษาด้านหน้าอย่างระแวดระวัง
อ้ากกกกกก
เสียงเข้มของบุรุษหวีดร้องลั่นพลางล้มลงไปดีดดิ้นอย่างทุรนทุราย โลหิตสีแดงฉานไหลอาบเจิ่งนองไปทั่งพื้นสีขาวหิมะ
ไม่ทันที่ขุนพลสตรีจะกระชากง้าวออกจากศพเนื้อส่วนท้องของทหารฝ่ายศัตรู อาวุธเล่มคมก็พุ่งเข้ามาหมายจะปลิดชีวิตของนาง
เพ่ยอินเหยาไม่รอช้ารีบชักอาวุธง้าวคมของนางออกแล้วจ้วงแทงทหารฝ่ายศัตรูอีกคนจนขาดใจตายทันที
แม่ทัพจินหู่ไม่รอช้า ร่างสูงโปร่งกำยำรีบนำกำลังทหารออกปะทะกับกองกำลังฝ่ายศัตรูนับสิบทันที
ง้าวในมือของแม่ทัพจินหู่จ้วงแทงทหารนับสิบที่เข้ามาฟาดฟันอย่างไม่วางมือ
แม่ทัพจินหู่ได้ฉายาว่าพยัคฆ์ทองคำไร้พ่ายมาตั้งแต่เขาก้าวขึ้นมาตำแหน่งแม่ทัพใหญ่
ด้วยความเร็วที่ว่องไวผสมผสานกับกำลังของร่างกำยำทำให้เขากลายเป็นพยัคฆ์ทองคำที่ไร้เทียมทาน น่าเกรงขามเป็นที่หวาดหวั่นแก่ข้าศึก ด้วยเหตุนี้ทำให้ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยมากในการวางตำแหน่งเซี่ยจินหู่ไว้ใกล้พระหัตถ์ขององค์เอง
เซี่ยจินหู่หันไปมองอินตูตูด้วยความเป็นห่วง นางเพิ่งได้รับแต่งตั้งตำแหน่งตูตูได้ไม่นาน
แม้ไหวพริบของนางจะเป็นเลิศแต่การศึกไม่ได้ง่ายและจำเป็นต้องใช้กำลังเป็นอย่างเดียว
นับเป็นโชคดีที่อินตูตูฉลาดและมีไหวพริบปราดเปรื่องทันกลศึกมิเช่นนั้นพวกเขาคงพ่ายแก่ทัพแคว้นอื่นเสียแล้ว
เพ่ยอินเหยาใช้กลศึกอั้นตู้เฉินชางถึงตีนำทัพมาได้ นางรู้อย่างแน่ชัดว่าหากนำทัพฝ่าไปด้านหลังสหายและพี่น้องทหารคงเสียชีวิตมากกว่าสองคนเป็นแน่
ในสมรภูมิรบมิมีผู้ใดได้เปรียบจนกว่าจะมีผู้ใดเสียเปรียบ นี่เป็นคำพร่ำสอนของผู้เป็นบิดาของแม่ทัพเซี่ยจินหู่
ทหารนับร้อยเข้าโจมตีกองกำลังทหารของฝ่ายศัตรูจนแตกพ่ายและฝ่าวงล้อมออกมายังพื้นที่ใหม่ที่ห่างไกลออกไปแล้วถอยกลับไปตั้งรับในอีกแคว้นศัตรูได้อย่างแยบยล
บทที่ 1 บทนำ
12/07/2024
บทที่ 2 ศัตรูล้อมกาย(1)
12/07/2024
บทที่ 3 ศัตรูล้อมกาย(2)
12/07/2024
บทที่ 4 ล้วงความลับจารชน
12/07/2024
บทที่ 5 เผยความลับ
12/07/2024
บทที่ 6 แผนลับของฟางกุ้ยเฟย
12/07/2024
บทที่ 7 หมินผิน
12/07/2024
บทที่ 8 ขอทรงไตร่ตรองด้วยเถิด
12/07/2024
บทที่ 9 ทำลายแคว้นฉี
12/07/2024
บทที่ 10 กลซ่อนกล
12/07/2024
หนังสืออื่นๆ ของ สรีสามัญ ดวงดาหลา
ข้อมูลเพิ่มเติม