Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
นิสิตพิชิตรัก

นิสิตพิชิตรัก

nugkeanransawat

5.0
ความคิดเห็น
48
ชม
12
บท

เรื่องสั้นแนวpwp (ncทุกตอน) แอบเป็นชู้ รับงาน เรื่องราวของจัสมิน นักศึกษาเรียนดีที่อาภัพทุน ระหว่างที่ครอบครัวประสบปัญหาการเงิน คนสวยจึงหารายได้ด้วยการรับสอนพิเศษแบบตัวต่อตัวที่บ้านเด็กๆ ทว่าวันนึงเกิดพลาดท่าหลวมตัวไปมีอะไรกับพ่อของเด็กๆเข้า นับจากนั้นเธอจึงคิดหาเงินใช้ด้วยวิธีใหม่ นั่นคือการติวไปด้วยนวดไปด้วย ***คำเตือน นิยายเรื่องนี้นางเอกไม่ใช่คนดีนะจ๊ะ

บทที่ 1 สอนพิเศษ

นิสิตพิชิตรัก

ตอน สอนพิเศษ

แสงแดดสีแดงรำไรส่องลอดเข้ามาในหน้าต่างหอชั้นบนสุดห้องหัวมุม เสียงนกที่เกาะกิ่งไม้ส่งเสียงคุยกันดังเจื้อยแจ้ว

มองจากกิ่งไม้เข้าไปทางหน้าต่างเห็นสาวสวยวัยยี่สิบกำลังนอนหงายอยู่บนเตียงในห้องเช่าราคาถูก ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดานด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

เรือนร่างอิ่มสวยทอดยาวอยู่บนที่นอนสีชมพู ลำขาอวบใหญ่เลยพ้นออกมาจากชายกระโปรงพลีทสียดำอย่างยั่วยวน สองเต้านูนใหญ่แน่นเสื้อนิสิตนักศึกษา มือน้อยกำสมาร์ทโฟนแนบแก้มขาว

"ช่วงนี้แม่ไม่มีจริงๆจัส ค่าหอยืมเพื่อนก่อนได้ไหมลูก" เสียงแม่บังเกิดเกล้าตอบสายหลังจากลูกสาวคนสวยโทรไปขอเงิน

"ใครเค้าจะให้ยืมล่ะแม่ เค้าก็ต้องจ่ายค่าห้องค่ากินเหมือนกัน นี่เลยกำหนดจ่ายค่าหอมาสองวันแล้วนะ ป้าเจ้าของหอเค้าบอกพรุ่งนี้จะตัดน้ำตัดไฟแล้วด้วย" ลูกสาวตอบ

"โถ่ว แกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้เลยรึยัยจัสมิน" คุณแม่

"แม่อ่ะ ไหนว่าส่งไหวไง หนูอยู่ปีสองแล้วนะ อีกสองปีก็จะจบแล้ว หนูอุส่าห์เรียนได้3.5ทุกเทอม" คนสวยบ่นแม่

"ก็เดือนนี้พ่อแกขับรถไปชนเค้า จ่ายค่าเสียหายไปเยอะ หาหยิบยืมใครไปก่อนสักเดือนไม่ได้เชียวรึ นี่อย่าบอกนะว่าแกเอาแต่เรียนไม่มีเพื่อนไม่มีฝูง" แม่บ่น

"บอกว่าเรียนแค่ให้จบได้ใบวุฒิพอ จะเอาทำไมเกียรตินิยงนิยม เอาให้สมัครงานได้พอ"

"จะบอกแม่ไม่มีแล้วหนูผิดที่เรียนดีงี๊ โถ่ว ถ้าบอกว่าส่งเรียนไม่ไหวแต่แรกหนูจะได้จบมอหกแล้วไปทำงานเลย ไม่ต้องมาเรียนให้เสียเวลาแบบนี้ตั้งสองปี" จัสมินเถียงแม่

"เอ้อ งัันแกก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยไม่ได้หรือ เห็นลูกยัยแต๋วมันยังทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย" แม่ปิ๊งไอเดียจากลูกชายป้าข้างบ้าน

"รู้แล้วหนูคิดไว้แล้ว ถ้าพ่อกับแม่ใช้เงินเยอะแบบนี้ ยังไงหนูก็ต้องหาเงินเอง" จัสมิน

"รู้ดีจังนะยัยลูกรัก" คุณแม่

"อย่าคิดนะว่าหนูไม่รู้เรื่องพ่อแทงบอล แม่เล่นไพ่ แค่นี้ล่ะ บาย"

ตู๊ด! ๆ ๆ คนสวยตัดสายแม่ทิ้งไปดื้อ ๆ เธอนอนคิดหาทางออกโดยไม่กินข้าวเย็นจนหลับไปคาเตียงในชุดนักศึกษาตัวเดิม

แฮ่ก! ๆ ๆ คนสวยตื่นขึ้นมาตอนตีหนึ่งด้วยอาการเหงื่อโชก หิวข้าวจนตาลาย เธอกลิ้งตัวให้หล่นลงข้างๆเตียงแล้วคลานมาหยิบซอสมะเขือเทศที่แถมมากับขนมคราก่อน ฉีกซองแล้วดูดกินซอสประทังชีวิต

ขณะนั่งพิงข้างเตียงคนสวยก็กอดเข่าเอาคางวางบนหัวเข่าตัวเองและร้องไห้กระซิกๆ

ติ๊ง! ๆ ๆ จู่ๆข้อความแชทของพี่รหัสก็เด้งเข้ามาในมือถือ

"จัสมิน พรุ่งนี้ไปติวเด็กแทนพี่หน่อยได้ไหม เห็นเคยบอกว่าอยากหารายได้เสริมนี่" แชทจากพี่แจม

"ได้ค่ะ ที่ไหนคะ ส่งโลมาเลย ชั่วโมงเท่าไรคะ" คนสวยพิมแชทตอบข้อความจากสวรรค์ มืออีกข้างปาดน้ำตาที่เลอะใบหน้าอันสดสวย

"พี่ยกให้เต็มเลยไม่หัก ชั่วโมงละ500 พอดีพี่จะไปดูคอนเสิร์ต แฮร่" พี่แจมตอบ

"โอเคค่ะ ส่งโลมาเลยนะคะ" จัสมินตอบรับและนับนิ้วมือคำนวณรายได้ก่อนจะบ่น

"ไม่พอค่าหอนี่นา"

"พี่แจมคะ เพื่อนพี่ก็ไปดูคอนใช่ไหม ให้หนูรับงานแทนเพื่อนพี่ด้วยนะคะ หนูร้อนเงิน"

"ได้นะ แต่ไหวเหรอ"

"ไหวค่ะ สองสามบ้านเลยก็ได้"

"เคจ๊ะ เดี๋ยวส่งที่อยู่ไปทางแชทนะ" รุ่นพี่ตอบ

ฟู่วส์! คนสวยเงยหน้าเลอะน้ำตามองเพดานและถอนหายใจแรง

"รอดแล้วเรา ตีเนียนไปสอนแทนก่อน อีกหน่อยรับสอนเองไปเลย ฮิ"

รุ่งเช้าวันต่อมา จัสมินหยุดเรียนเพื่อที่จะไปสอนพิเศษเด็กป.หกที่กำลังเตรียมสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนม.ต้นชื่อดังของประเทศ เธอเลือกชุดที่สวยที่สุดมารีดแล้วแขวนไว้ที่หน้าตู้ผ้า ทว่าพอเข้าห้องน้ำก็พบว่าน้ำไม้ไหลเสียแล้ว

"ยัยป้าเอาจริงหรือเนี่ย หนอย เดี๋ยวเย็นนี้จะเอาเงินมาฟาดหน้าเลย" เด็กสาวบ่นอย่างโมโหเมื่อโดนตัดน้ำ

เธอฉีดน้ำหอมกลบกลิ่นตัวที่ไม่อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น จากนั้นสวมชุดเดรสสีครีมลงจากหอ วิ่งไปขึ้นสองแถวจนถึงหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง

กว่าจะเดินเข้ามาถึงบ้านเด็กก็เหงื่อโชกพอดี เนื้อตัวที่อวบอิ่มแน่นหนับฉบับสาวซ่อนรูปยิ่งแนบกับชุดเดรสชุ่มจนเซ็กซี่ขยี้ใจ

พอเดินมาถึงบ้านราคาแปดหลักก็มีเด็กชายชั้นป.หกวิ่งออกมาเปิดประตูรับเข้าบ้าน เค้าชื่อว่าน้องโน๊ต

จัสมินลงมือสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้เด็กน้อยที่โซฟารับแขกได้ราวๆหนึ่งชั่วโมงก็ให้เค้าลองทำแบบฝึกหัดด้วยตัวเอง จากนั้นเธอก็ปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำของบ้านหรูแล้วแอบแก้ผ้าอาบน้ำ

"ขนาดห้องน้ำยังใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านเราเลย เกิดเป็นลูกคนรวยที่มันสบายดีจริงจริ๊ง" จัสมินพึมพำขณะเปิดน้ำฝักบัวฉีดล้างเรือนร่างอันแน่นอิ่มซ่อนรูป เธอแอบบีบครีมอาบน้ำเพียงน้อยนิดมาลูบไล้ผิวกายอันเนียนขาวเพื่อชำระล้างครางสกปรกและดับกลิ่นกาย

"โหว มีอ่างอาบน้ำด้วย" คนสวยเอ่ยเมื่อรูดม่านกั้นห้องน้ำแล้วเจอกับอ่างจากุชชี่

ซ่า! ๆ เธอแอบเปิดน้ำลงอ่างแล้วลงมานอนแช่อย่างสบายตัว ร้องเพลงเบาๆขณะยกขาขาวพาดขอบอ่าง ใช้มือลูบเต้านมใหญ่ที่นูนเป็นภูเขาสองลูกเหนือผิวน้ำ ทว่าร้องเพลงไม่ทันจบสาวสวยก็พลอยหลับไปในท่าพาดท้ายทอยบนขอบอ่าง

เอี๊ยด! จู่ๆ รถหรูก็เเล่นเข้ามาจอดในบ้าน

"สวัสดีฮะป๊า" เสียงน้องโน๊ตดังแว่วเข้ามาแผ่วเบา

หนุ่มนักธุรกิจเดินถอดเสื้อเข้ามาในห้องน้ำที่ไม่ได้ล็อคลูกบิดประตู เค้าถอดกางเกงและเสื้อผ้าออกจนหมดก่อนจะเปิดน้ำฝักบัวอาบโดยไม่ได้มองข้างหลัง

ซ่า! ๆ ๆ น้ำอุ่นอาบร่างสูงยาวผอมปราดเปรียวของหนุ่มหล่อผิวแทน หยดน้ำกระเด็นมาโดนใบหน้าสาวสวยจนเธอลืมตาตื่น

ว๊าย! คนสวยกรี๊ดลั่น

เห้ย! พ่อน้องโน๊ตหันขวับมามองทะลุม่านใสด้วยความตกใจ ทว่าเค้าก็เห็นสาววัยเจริญพันธ์นอนแช่อยู่ในน้ำใสในสภาพเปลือยเปล่าจนเห็นไปทุกสัดส่วนอย่างเต็มตา

"ขะ ขอโทษค่ะ" จัสมินยกมือไหว้หนุ่มรุ่นพ่อ

"หมะ ไม่เป็นไรเลยครับ อาบเลยครับ อาบเลย" หนุ่มหล่อตอบในสภาพแท่งเอ็นแข็งตรง ปลายหัวบานแดงชี้มาที่หน้าสาวรุ่นลูก

"หนูจะออกแล้วค่ะ" จัสมินลุกออกจากอ่างจะหยิบผ้า แต่หนุ่มตัวสูงยืนบัง

"รอผมอาบแปบนะครับ เดี๋ยวค่อยออกพร้อมกัน" หนุ่มหล่อเอ่ยรั้งสาวนักศึกษาน่าฟัดขณะก้มมองเนินหน่าวที่นูนโหนกสลับกับสองเต้าใหญ่ที่ยังไงมือน้อยก็ไม่มีทางปิดได้มิดชิด

"หนูอาบเสร็จแล้วค่ะ ขอชุดให้หนูนะคะ"

"เอ่อ นี่ครับ" คุณพ่อหยิบชุดเดรสมายื่นให้ จัสมินกอดผ้าแนบอกแล้วก้มมุดลอดแขนของเค้าเพื่อจะออกทางประตูที่โดนยืนขวาง

จู่ๆพ่อน้องโน๊ตก็คว้าข้อแขนเล็กๆบีบจนแดงคามือแล้วเสนอข้อต่อรอง

"คือว่า ผมถามจริงๆเลยนะครับ ผมให้ห้าพัน ทำให้ผมทีได้ไหมครับ"

"แค่ใช้มือให้ผมเสร็จก็พอ เราไม่ได้เอากันนี่นา ไม่ใช่การนอกใจแน่นอนครับ" หนุ่มเจ้าเล่ห์รึบหว่านล้อมต่อ

"หะ ห้าพัน เลยเหรอคะ" คนสวยตาโต เธอจับใจความได้เพียงยอดเงิน

"ไม่พอเหรอครับ หกพันก็ได้ เสร็จแล้วผมจะไม่บอกใครเลย จ่ายสด" นักธุรกิจใหญ่เอ่ยแล้วใช้มือกำรูดแท่งเอ็นตัวเองจนแดงเถือก

ตุ๊บ! สาวสวยคุกเข่าลงกับพื้นห้องน้ำ เอามือกำหลวมๆรอบหัวดอกเห็ดที่บานฉ่ำ จากนั้นเงยหน้ามองพ่อลูกศิตย์ตัวเองก่อนจะหมุนข้อมือลูบส่วนปลายเบาๆ

ตุ๊บ! ๆ ๆ รู้สึกว่าปลายแท่งเอ็นของพ่อน้องโน๊ตกำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ในกำมือของเธอ แก้มโตแดงระเรื่อทันที หัวใจเต้นแรงสูบฉีดเลือดสาวไปทั่วเรือนกายจนรู้สึกร้อนรุ่ม ใบหน้าชาเหมือนโดนตบก็ไม่ปาน มือน้อยก็สั่นรนไปหมด

"ชักมันสิครับ รูดเลย"

"เดี๋ยวผมก็แตกแล้ว" หนุ่มใหญ่ก้มกระซิบหู จมูกโด่งของเค้าจิ้มแก้มสาวน้อยนมโตแดงเป็นจ้ำๆ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ nugkeanransawat

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

คุณหนูปกปิดตัวตนไม่ได้แล้ว

Critter
5.0

เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

บุตรเช่นข้า หาได้ต้องการบิดาเช่นท่าน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก

พิษรักร้าย Toxic Love

พิษรักร้าย Toxic Love

Kim Nayeol
5.0

"พี่ริก" นินิวเรียกคนที่เข้ามาในห้องเธอ ฉันอยากจะกรี๊ดและกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ฉันลืมไปสนิทว่าริกเป็นคนที่เข้าออกคอนโดของเธอได้อย่างง่ายดาย "ออกไป ถ้าไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกห้องคนอื่นในยามวิกาล" นินิวบอกริกมาเสียดังด้วยสีหน้าโกรธจัด ที่ริกเข้าห้องเธออย่างถือวิสะ "ไม่ไป ในเมื่อที่นี่คือห้องเมียฉัน ทำไมฉันต้องออก" ร่างสูงบอกมาด้วยเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ "ห้องฉันไม่ใช่ห้องของยัยโมเน่ เมียคนปัจจุบันของพี่ ถ้าพี่ยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่บ้างก็ออกไปจากห้องฉันคะ" แต่ริกกับไม่สนใจคำพูดนินิวเลยซักนิด ร่างสูงเดินเข้ามาหาคนตรงหน้า นินิวที่เห็นเช่นนั้นถึงกับจับที่ชายผ้าขนหนูเอาไว้แน่นขึ้น เพราะคนตรงหน้านั่นดูอันตรายสำหรับเธอ "อย่านะพี่ริก เรื่องของเรามันจบไปแล้ว" นินิวบอกมาด้วยเสียงสั่นเพราะสายตาที่เขามองเธอมามันน่ากลัวมากจริงๆ "ชอบฉันไม่ใช่เหรอ เอาฉันแล้วจะไปอ่อยคนอื่น อีกทำไม ฉันเห็นเต็มสองตาว่าเธอจูบกับไอ้ไทม์" "ในเมื่อพี่เห็นเช่นนั้น พี่ก็เลิกยุ่งกับฉันเสียสิ ฉันจะอ่อยจะจูบกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม ฉันบอกพี่ไม่กี่ร้อยครั้งแล้วว่าเราเลิกกันแล้ว เพราะพี่มันเลว ฉันเลยไม่อยากได้พี่แล้ว " นินิวบอกคนใจร้ายอย่างคนเหลืออด เธอระเบิดอารมณ์ใส่คนตรงหน้าอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว สำหรับริกตอนนี้เธอมองเขาเป็นแค่เศษฝุ่นที่รู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่าแมลงสาบ ริกถึงกับกัดฟันกอดด้วยความโกรธและโมโห เชตเรื่องหนุ่มๆวิศวะทั้ง 4 หนุ่มนะคะ พันธะร้ายนายวิศวะ เรียวตะ x เชอรีน (มีให้อ่านจบเรื่อง) พิษรักร้าย Toxic Love ริกกี้ x นินิว พลาดรักร้ายนายวิศวะ อรัณ x มิริณ คลั่งรักร้ายนายวิศวะ ริว x เจนิส โลกสวยไม่เหมาะกับนิยายเรื่องนี้ ข้ามไปได้เลยจ้า นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้แต่ง ห้ามขัดลอกเรียนแบบใดๆ ทั้งสิ้นเขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียนเท่านั้น นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหารุนแรงในบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ

ทวงสวาท ทายาทเมียเก็บ

ทวงสวาท ทายาทเมียเก็บ

ภัคร์ภัสสร
5.0

+++++++++++++ “อือ... พริบีนา... จะ...เจ็บค่ะ” “ฉันชอบ... เวลาเธอเจ็บเพราะฉัน” สิ้นคำเขาก็ขบอีกครั้ง จนร่างของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงๆ เหมือนกลีบกุหลาบช้ำๆ “คนบ้า!” “ฉันดูดเธอได้ทั้งคืน... ดูดแรงๆ ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว...” ‘รวิสรา’ ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่อจู่ๆ ‘พริบีนา เอล เชสตัค’ มกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาแห่งเอล มอร์เรเวีย ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า และบอกว่าเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของเพนต์เฮาส์หรูใจกลางปารีส ที่แม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากเรื่องกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... เมื่อรู้ว่าน้องชายวัยขวบเศษของเธอ คือทายาทที่เกิดจากการขโมยสเปิร์มของเขา หญิงสาวจึงจำใจสุ่มเสี่ยงต่อความหวั่นไหว แล้วยอมใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน กับเจ้าชายหนุ่มผู้เร่าร้อนตลอดหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในตัวเด็กน้อย โดยไม่ให้สูญเสียพรหมจรรย์ของตัวเอง

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ