คุณหนูไร้เดียงสากับนายบ้ากาม

คุณหนูไร้เดียงสากับนายบ้ากาม

nugkeanransawat

5.0
ความคิดเห็น
ชม
5
บท

แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p

บทที่ 1 โดนพม่าหลอกแต๊ะอั๋ง

คุณหนูไร้เดียงสากับนายบ้ากาม

ตอน โดนพม่าหลอกแต๊ะอั๋ง

แสงแดดยามสายอ่อนๆ สาดส่องต้องยอดต้นหมากสูงในอาณาบริเวณของคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่าที่ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยไร่ ผิวหินอ่อนขัดมันวาวสะท้อนแสงระยิบระยับบ่งบอกถึงความเก่าแก่และความมั่งคั่งของตระกูล เทวรัตนะวรกุล อากาศยามเช้าในเดือนพฤษภาคมของย่านชานเมือง แม้จะเริ่มอบอ้าวขึ้นบ้าง แต่ภายในคฤหาสน์กลับเย็นสบายด้วยร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วบริเวณ และระบบปรับอากาศอันทันสมัย

เบื้องหลังตัวคฤหาสน์ คืออาณาจักรแห่งความร่ำรวยที่แท้จริง โรงงานทอผ้าไหมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอย่างเงียบงัน เสียงเครื่องจักรทอผ้าดังคลอเบาๆ จากด้านใน เป็นบทเพลงแห่งการสร้างสรรค์ผืนผ้าไหมชั้นเลิศที่โด่งดังไปทั่วโลก ถัดไปเป็นโกดังเก็บผ้าไหมขนาดมหึมาที่บรรจุผืนผ้าหลากสีสันดุจขุมทรัพย์ และไม่ไกลกันนักคือสวนหม่อนกว้างใหญ่เขียวชอุ่มที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นแหล่งกำเนิดวัตถุดิบสำคัญสำหรับเลี้ยงตัวไหมนับแสนนับล้านตัว

ภายใต้ร่มเงาของตระกูลวรกุลแห่งนี้ คุณหญิงยายผู้สูงศักดิ์อาศัยอยู่กับหลานสาวสุดที่รักทั้งสามคน ชฎา ฤดี และรตา พวกเธอคือดรุณีแสนสวยที่เติบโตมาในความหรูหราและเพียบพร้อมทุกประการ

คุณชายกับคุณหญิง ผู้เป็นพ่อแม่แท้ๆ ของพวกเธอ ได้เดินทางไปตั้งบริษัทขยายกิจการส่งออกผ้าไหมของคุณหญิงยายอยู่ที่ต่างประเทศ นานๆ ครั้งถึงจะกลับมาบ้านเพื่อเยี่ยมลูกสาวทั้งสาม ปีละหนสองหน ทำให้คุณหญิงยายคือผู้ปกครองหลักของหลานสาวทั้งสามคน

ชฎา พี่สาวคนโต อายุยี่สิบปีเต็ม เธอคือภาพลักษณ์ของความสวยหวานสง่างาม ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นประกายทอประกายอ่อนโยน รอยยิ้มของเธอบางเบาดุจกลีบกุหลาบ บุคลิกของชฎาเป็นลุคคุณหนูผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทว่าภายใต้ความเรียบร้อยนั้น ร่างกายของเธอกลับอวบอิ่มซ่อนรูป มักจะสวมชุดกระโปรงยาวพลิ้วไหวสีพาสเทล ดูเรียบร้อยแต่ก็แฝงด้วยเสน่ห์เย้ายวนอย่างน่าค้นหา

ฤดีหลานสาวคนกลาง อายุสิบเก้าปีเต็ม เธอคือตัวแทนของความสวยเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ใบหน้าเรียวคม ดวงตาฉายแววมั่นใจและซุกซน ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสด บุคลิกของฤดีโดดเด่นและกล้าแสดงออก เธอชอบการแต่งตัวที่ทันสมัย โชว์รูปร่างที่หุ่นแซ่บ เอวคอดกิ่ว สะโพกผายได้รูป สวมเสื้อครอปตัวสั้นกับกางเกงยีนส์เอวสูง ดูทะมัดทะแมงแต่ก็แฝงด้วยความเซ็กซี่ที่ร้อนแรง

ส่วน รตา น้องคนเล็ก อายุสิบแปดปีเต็ม เธอคือภาพของความสวยแบ๊วใสไร้เดียงสา ใบหน้ากลมมน ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นสายตาสีชมพูทอประกายสดใส รอยยิ้มของเธอบริสุทธิ์ดุจเด็กน้อย รตานับเป็นสาวแว่นตัวเล็ก ร่างกายบอบบางน่าทะนุถนอม สวมเสื้อยืดสีสันสดใสกับกระโปรงพลีทสั้นเสมอเข่า ดูน่ารักและอ่อนเยาว์กว่าวัย

ภายในอาณาจักรอันกว้างใหญ่ของคฤหาสน์วรกุลแห่งนี้ มีคนงานและคนสวนชายหญิงหลายสิบชีวิตคอยดูแลความเรียบร้อย พรเช้าของแต่ละวันมักจะเริ่มต้นด้วยเสียงเครื่องจักรในโรงงานที่เริ่มทำงาน เสียงคนงานพูดคุยกันเบาๆ และเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากสวนดอกไม้ ความร่ำรวยของตระกูลวรกุลไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่ปรากฏชัดในทุกรายละเอียดของชีวิตประจำวันของหลานสาวทั้งสาม และคนงานอีกนับสิบชีวิตที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของคฤหาสน์แห่งนี้

เช้าวันหยุดที่แสงแดดอบอุ่นทาบทาผืนหญ้าสีเขียวสดใส รตา คุณหนูคนเล็กของบ้านวรกุล วัยสิบแปดปีเต็ม ในชุดเสื้อยืดสีขาวโอเวอร์ไซส์ตัวใหญ่คลุมสะโพก กับกางเกงขาสั้นผ้าคอตตอนสีชมพูอ่อนที่มองไม่เห็นภายใต้เสื้อตัวโคร่ง เธอสวมแว่นตากลมโตคู่ใจ พร้อมรอยยิ้มสดใสบริสุทธิ์ดุจเด็กน้อย กำลังปั่นจักรยานคันเล็กสีขาวไปตามทางเดินหินอ่อนรอบคฤหาสน์ ลมเย็นๆ พัดกระทบใบหน้า ปลุกให้เธอรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา

รตาชอบการปั่นจักรยานเล่นรอบคฤหาสน์กว้างใหญ่เป็นที่สุด นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว เธอยังได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามที่โอบล้อมบ้านของเธอ ดวงตาภายใต้แว่นกวาดมองไปทั่วบริเวณอย่างมีความสุข เธอมองเห็นแปลงดอกไม้หลากสีที่กำลังเบ่งบานชูช่ออวดความงาม และต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา

ขณะที่จักรยานคู่ใจเลี้ยวผ่านพุ่มกุหลาบสูงท่วมหัว สายตาของรตาก็เหลือบไปเห็นเงาร่างเล็กๆ กำลังวิ่งเล่นอยู่ริมสระน้ำ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอพลันกว้างขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้หนูมงคล ลูกชายวัยห้าขวบของ นายหม่องทองดี คนสวนชาวต่างด้าวร่างใหญ่ กำยำ และมีผิวคล้ำ ลูกชายของนายทองดีมีใบหน้าที่น่ารัก ดวงตากลมโตเป็นประกายซุกซนเหมือนพ่อ เด็กน้อยมักจะวิ่งเล่นไปมาในสวนอยู่เสมอขณะที่แม่ ซึ่งเป็นสาวทอผ้าในโรงงาน

รตากดเบรกจักรยานจนเสียงดังเอี๊ยด แล้วรีบกระโดดลงจากอานจักรยานคู่ใจ วางมันพิงไว้กับลำต้นหมากสูงใหญ่ เธอวิ่งเข้าไปหาไอ้หนูมงคลอย่างรวดเร็ว

"มงคล! มาเล่นกัน!" รตาตะโกนเรียกเสียงใส

ไอ้หนูมงคลหันมามองรตา ดวงตากลมโตเป็นประกายด้วยความดีใจ เขาวิ่งตรงเข้ามาหารตาอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดเข้ากอดขาเธอแน่น

"พี่รตา" เด็กน้อยร้องเรียกด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว

รตาหัวเราะคิกคัก เธอก้มตัวลงกอดไอ้หนูมงคล ก่อนจะผละออก แล้วเริ่มวิ่งไล่จับกันไปมาบนสนามหญ้าเขียวขจี เสียงหัวเราะสดใสของทั้งสองดังปะปนกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในสวน

รตาชอบเล่นกับไอ้หนูมงคลเสมอ เธอไม่เคยรังเกียจที่จะลงมาคลุกคลีกับลูกชายของคนสวนเลยแม้แต่น้อย ความไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำให้รตารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเขา

เสียงหัวเราะสดใสของรตากับไอ้หนูมงคลยังคงดังก้องไปทั่วสวน รตาวิ่งนำเด็กน้อยไปอย่างสนุกสนาน แต่แล้วจู่ๆ เท้าของเธอก็พลาดไปสะดุดเข้ากับรากไม้ใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นหญ้า ร่างบางเสียหลัก หกล้มอย่างแรง หัวเข่ากระแทกกับพื้นดินแข็งๆ จนเกิดเสียง "ตุบ!"

โอยยย! รตานั่งกอดเข่า น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บแสบร้อนจากแผลถลอก เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากผิวเนื้อขาว

"ฮือ! ๆ พี่รตา! พี่รตาเป็นอะไรไหมครับ! พี่เป็นอะไรไหม!"** ไอ้หนูมงคลร้องไห้เสียงดังลั่นสวน วิ่งเข้ามาหาพี่สาวด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยน้ำตาด้วยความเป็นห่วง

ทันใดนั้น ร่างกำยำของ นายหม่องทองดี คนสวนชาวต่างด้าว พ่อของไอ้หนูมงคล ก็วิ่งเข้ามาคุกเข่าข้างหน้ารตาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมเข้มของเขาฉายแววกังวลเมื่อเห็นคุณหนูตัวน้อยหกล้ม

"คุณหนู! เป็นอะไรไหมครับ!" นายทองดีถามด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อย เขามองไปยังหัวเข่าของรตาที่มีเลือดไหลซิบๆ

โดยไม่รอช้า นายทองดีก็รีบหยิบขวดน้ำดื่มที่พกติดตัวออกมา ก้มลงล้างแผลถลอกที่หัวเข่าของรตาอย่างเบามือ น้ำใสๆ ไหลชะล้างคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกไป

ด้วยท่าที่รตานั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้า ทำให้กางเกงขาสั้นร่นขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นเรียวขาอ่อนที่ขาวผ่อง และกางเกงในสีอ่อนที่โผล่พ้นออกมาทางขากางเกงเพียงเล็กน้อย แสงแดดยามสายสาดส่องกระทบผิวกาย ทำให้ทุกสัดส่วนดูเด่นชัดขึ้นในสายตาของนายทองดี

นายทองดีรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แล่นแปล๊บไปทั่วร่าง แท่งเอ็นในกางเกงของเขาเริ่มแข็งขืนจนเป้าตุงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขารีบก้มหน้าลง พยายามซ่อนสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนา

"ต้องรีบล้างแผลนะครับคุณหนู เดี๋ยวจะติดเชื้อเป็นหนองเอา" นายทองดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แฝงไปด้วยความหื่นกระหายที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความเป็นห่วง

"ค่ะ ล้างที่ไหนล่ะคะ" รตาถามเสียงแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวด

นายทองดีเงยหน้าขึ้นสบตากับรตา รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่มุมปาก "ไปบ้านพักผมก็ได้ครับ"

หัวใจของรตาเต้นแรงระรัว เธอไม่ทันได้คิดอะไรต่อ นายทองดีก็ช้อนร่างบางของเธอขึ้นมาอุ้มแนบท่อนแขน อย่างง่ายดาย ราวกับอุ้มตุ๊กตา แล้วพาเธอเดินตรงไปยังบ้านพักคนงานที่อยู่ด้านหลังโรงงานทอผ้า

"พ่อ! รอด้วย! รอผมด้วยพ่อ!" ไอ้หนูมงคลร้องเสียงดัง วิ่งตามหลังพ่อของเขาไปติดๆ ด้วยความเป็นห่วงพี่สาว...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ nugkeanransawat

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

ข้าเก็บภรรยาได้ที่ชายหาด (ภาคต่อ สามีข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง)

ข้าเก็บภรรยาได้ที่ชายหาด (ภาคต่อ สามีข้าจะเลี้ยงดูท่านเอง)

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

ชาติที่แล้วของไห่เฉิงเขาเป็นประมุขมารที่ไม่สมหวังในความรัก มาแสนภพแสนชาติ และภพชาติที่หนึ่งแสนของเขา มีเหตุให้ต้องทำลายดวงจิตมารของตนเอง และเหลือเสี้ยวดวงจิตเอาไว้เพียงน้อยนิด ดวงจิตที่เหลืออยู่เขาอ้อนวอนขอต่อมหาเทพขอให้เขาได้เกิดเป็นมนุษธรรมดา ที่สมหวังในความรักม่ีครอบครัวที่อบอุ่น และไม่ขอจดจำอดีตชาติของตัวเองอีกต่อไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ในดินแดนมนุษย์และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งกี่ภพกี่ชาติ ขอให้เขาได้สมหวังในความรักทุกภพทุกชาติไป

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ข้าเก็บสามีได้กลางป่า

ต้ายวี่
5.0

ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

นางบำเรอก้นครัว ชุด Sweet Temptations

เนื้อนวล
4.9

หล่อนถูกส่งมาบรรณาการในฐานะทาสบำเรอความใคร่ เพื่อแลกกับหนี้สินก้อนโต นอนกับเขาจนกว่าเขาจะเบื่อ แล้วเมื่อนั้นแหละหน้าที่บำเรอบนเตียงของหล่อนจึงจะหมดไป พะแพง ถูกส่งตัวมาเป็นนางบำเรอให้กับมหาเศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส หน้าที่ของหล่อนคือทำให้เดมอน ลินการ์ด มีความสุขที่สุดยามอยู่บนเตียง หล่อนก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ไม่นานเขาก็เบื่อหน่าย ขับไล่ไสส่งหล่อนออกไปจากชีวิต ข่าวงานแต่งงานของเขากับผู้หญิงคนใหม่ที่ทั้งสวยและแสนคู่ควรดังก้องคับแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนต้องหลบอยู่ในซอกหลืบของความมืดมิดเพื่อซ่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอาไว้อย่างรวดร้าวทรมาน

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ