Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
Impossidble love  ( ความรักที่เป็นไปไม่ได้ )

Impossidble love ( ความรักที่เป็นไปไม่ได้ )

คานากิ

5.0
ความคิดเห็น
ชม
14
บท

ความรักที่มาพร้อมกับคำว่าบุคคลต่างชนชั้น เมื่อเด็กหนุ่มธรรมดาผู้แสนจะยากจนข้นแค้น ได้มาพบกับคนที่เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตยามที่ลำบาก และเกิดตกหลุมรักขึ้นมา ซึ่งมันก็บังเอิญกับที่ชายหนุ่มผู้เป็นเหมือนแสงสว่างให้กับเขา ก็ตกหลุมรักเขาเหมือนกันความรักของเขาทั้งสองเป็นเหมือนดั่งเทพนิยาย ที่เจอกันและรักกันอย่างมีความสุข แต่!! ความรักมันไม่ได้สวยงามและง่ายดายขนาดนั้น เมื่อมีรัก ก็ย่อมมีอุปสรรคเกิดขึ้น ฐานะที่ต่างกัน ความเห็นต่างของครอบครัวทำให้รักกันไม่ได้เพราะถูกกีดกันจนหมดหนทาง เขาจึงตัดสินใจที่จะหนีออกไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ความบังเอิญหรือเพราะโชคชะตา ก็ทำให้เขาทั้งสองคนกลับมาพบเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี ด้วยความรู้สึกที่ยังคงเดิม แต่สถานะได้ต่างกันออกไป แล้วแบบนี้เขาสองคนจะยังรักกันได้ไหม ติดตามได้ใน Impossidble love ( ความรักที่เป็นไปไม่ได้ ) นิยายรักโรแมนติกดราม่า ที่จะทำให้คุณ เศร้า เสียน้ำตา และอบอุ่นหัวใจไปในคราเดียวกัน....

บทที่ 1 จุดเริ่มต้น

บทเริ่มเรื่อง

ในวันที่อากาศปกคลุมไปด้วยหิมะในยามฤดูหนาวได้มีร่างของคนสองคน ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง

"เย่วซิน...ฉันขอถามนายหน่อย ที่ผ่านมา นายเคยรักฉันบ้างไหม!!"

เสียงตะโกนเรียกร้องจนสุดเสียงดังขึ้นท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บจนตัวสั่นเทา

"รักกัน....แล้วมันกินเข้าไปได้ไหมละ!!! หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว!!"

ร่างบาง ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าหนาพอสมควร หันมามองซีห่าว แล้วตะโกนกลับไป พร้อมกับใบหน้าที่ฉีกยิ้มออกมาบางๆ เพื่อต้องการจะตอกย้ำคำพูดนั้นให้อีกฝ่าย ที่กำลังทรุดตัวลงไปนั่งกับกองหิมะ เชื่อว่านี่คือคำพูดที่ออกมาจากใจของเขาจริงๆ.........

ณ หมู่บ้านเล็กๆเเห่งหนึ่ง ในประเทศจีน

หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมแบบเก่าในสมัยของหลายราชวงศ์ บ้านเป็นหินสีขาวมีหลังคากระเบื้องสีเทาตัดกันอย่างสวยงาม ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการแวะมาเยี่ยมดอกพีชที่บานสะพรั่งตัดกับต้นชาสีเขียว แต่ในเวลานี้เป็นช่วงของฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ หิมะที่ร่วงหล่นลงมา ทำให้เด็กชายคนหนึ่งต้องหนาวสั่นแล้วหาที่ซุกตัว

เย่วซิน เด็กน้อยอายุราวๆ17-18 ปี ร่างกายผอมบางผิดขาวซีด ยืนตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางพายุหิมะที่โหมกระหนำ เหตุผลที่เขาต้องมายืนหลบหิมะใต้กองฟางข้างทางอยู่แบบนี้ เพราะเขาต้องออกไปที่ตลาดซึ่งห่างจากบ้านเขามากถึง5กิโลด้วยการเดินเท้าเปล่า เพื่อออกไปซื้อเนื้อวัวมาทำกับข้าวให้กับครอบครัวของเขาในเย็นนี้ แต่ทว่าเกิดพายุหิมะขึ้นระหว่างการเดินทางกลับ เขาเลยต้องวิ่งไปหาที่หลบจนตอนนี้ผ่านไปนับชั่วโมงแล้วที่เขาติดอยู่ตรงนั้น

"หวัดดี นายกำลังหลบพายุอยู่หรอ"

เสียงของใครคนหนึ่ง ทำให้เย่วซิน แหงนหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพบกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ร่างกายสูงผิวขาวผุดผ่องดูปราดเดียวก็รู้ว่าคงไม่ใช่คนแถวนี้ ยืนถือร่มพร้อมกับเสื้อผ้าที่หนาดูแล้วคงจะอบอุ่นน่าดู เด็กหนุ่มค่อยๆนั่งลงตรงหน้าของเย่วซิน เเล้วยื่นร่มกับผ้าพันคอสีเขียวที่หนานุ่มให้กับเย่วซินช้าๆ

"นายรับนี่ไว้นะ ที่พักฉันอยู่แค่นี้เองเดี๋ยวฉันวิ่งไปเเปบเดียวก็ถึงเเล้ว นายคงหนาวน่าดูสินะ"

เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปทันที

หลังจากที่ได้รับร่มและผ้าพันคอนั้นแล้ว พอดีกับที่พายุเริ่มจะสงบลง เย่วซินจึงรีบวิ่งเพื่อกลับให้ถึงบ้านของตัวเองทันที โดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณเด็กหนุ่มคนนั้นสักคำ

โคร่ม!!!

"ฉันให้แกไปซื้อวัวมาทำอาหารแค่นี้ ทำไมแกถึงได้กลับมาช้านัก ไอ่ลูกคนนี้!!!"

อาเหม่า พ่อของเย่วซินเมื่อเห็นเขากลับมาถึงเเล้ว กลับเขวี้ยงข้าวของภายในบ้านใส่ตัวของเย่วซิน จนเกิดเสียงดังโครมครามขึ้น

"พ่อครับ ข้างนอกเกิดพายุหิมะขึ้น ซิน แค่ไปหลบแปบเดียวเองนะครับ"

ร่างเล็กๆของเด็กน้อยค่อยๆลุกขึ้นมาหลังจากที่พึ่งถูกผลักลงไปกับพื้น พร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการทุบตีของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเขา

"ยังจะเถียงอีกเรอะ ไอ่ตัวดี แกมานี่เลยนะ!!!"

อาเหม่าคว้ามือมาจับตัวของเย่วซินได้ เขาใช้กิ่งไม้ที่ล่วงหล่นตามพื้นดิน ตีไปที่หน้าขาเย่วซินซ้ำๆไปมาอยู่แบบนั้นหลายสิบที

"พ่อ...ซินเจ็บนะครับ ปล่อยซินไปเถอะนะ ฮืออ..."

เด็กน้อยเย่วซินร้องไห้คร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด..น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย แต่ก็ไม่ได้ความเห็นใจจากผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย

"อาเหม่า!!! หยุดตีลูกได้แล้ว..เห็นไหมว่าซินมันช้ำไปทั้งตัวหมดแล้ว พี่ไม่สงสารลูกบ้างหรอ!!"

เจียอีแม่ของเย่วซิน และเป็นเมียของอาเหม่าเข้ามาห้ามเหตุการ์ณเอาไว้

"แม่ครับ..ฮืออ.."

"พอเถอะนะพี่ถือว่าฉันขอร้อง ซิน เข้าไปในบ้านเถอะลูก"

"เอ้า!!!! เอาเนื้อวัวนี่ไปแล้วรีบไปทำกับข้าวมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!!!" อาเหม่าเขวี้ยงถุงที่บรรจุเนื้อวัวเอาไว้ให้เย่วซิน ก่อนจะไล่ให้ไปทำกับข้าว

อาเหม่า ถึงเขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเย่วซินแต่หาใช่พ่อแท้ๆไม่ เขาเป็นเพียงพ่อเลี้ยงที่มีนิสัยขี้เหล้าเมายา ขี้โมโหและมักจะทำร้ายเย่วซินกับแม่อยู่ตลอดเวลา ถึงเจียอีจะเคยพยายามเลิกกับอาเหม่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่อาเหม่าก็ไปตามกลับมาแล้วทุบตีรุนแรงทุกครั้งโดยเฉพาะเย่วซิน และหากยังคิดจะไปจากเขากันอีก อาเหม่าก็ขู่ว่าจะฆ่าทั้งคู่ให้ตายไปตามๆกัน นั้นทำให้เย่วซินต้องอดทนอยู่ในสภาพแบบนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้เป็นแม่และตัวเขานั้นเอง

"ซิน...เจ็บมากไหมลูก" เจียอีที่เดินตามลูกเข้ามาในห้องครัว ที่เริ่มจะพุพังเต็มที พูดขึ้น

"ฮึก!!!..ซะ..ซินไม่เป็นไรครับแม่ เเม่ไม่ต้องห่วงซินนะครับ"

"แม่ขอโทษนะซิน ทั้งหมดมันเป็นเพราะแม่ แม่ไม่น่า.."

"แม่ครับ ซินไม่เป็นไรจริงๆ แม่เข้าไปข้างในบ้านเถอะครับ ตรงนี้อากาศเย็นเดี๋ยวจะป่วยเอาได้ เดี๋ยวซินทำกับข้าวเสร็จ จะรีบยกเข้าไปให้นะครับ"

เย่วซินหันไปบอกกับผู้เป็นแม่แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน..

"ซิน...ฮึก!! แม่ขอโทษ!!"

เจียอีโถมตัวเข้าไปกอดลูกชายตัวเล็กของเธอ ด้วยความรู้สึกผิด เธอไม่น่าทิ้งพ่อของเย่วซินเพื่อไปแต่งงานกับอาเหม่าเลย ทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอคนเดียว..

โคร่ม!!! เสียงถีบประตูดังลั่นพร้อมกับอาเหม่าที่เดินเข้ามา

"นี่พวกมึงจะกอดกันร้องไห้อีกนานไหม!! กูหิวข้าว เมื่อไหร่จะเสร็จ ห๊ะ!!"

"สะ..เสร็จแล้วครับพ่อ ซินกำลังจะยกออกไป พ่อไปรอข้างนอกก่อนนะครับ"

"เออ!!! รีบๆกูหิว!!"

หลังจากนั้น เย่วซินก็ยกกับข้าวไปให้อาเม่าที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่หยุด

เช้าวันต่อมา

"ไอ่ซิน!!!! มึงอยู่ไหน!!"

เสียงอาเหม่าเอะอะโวยวายเเต่เช้าเรียกหาเย่วซิน ทำให้เด็กน้อยที่หลับอยู่ สดุ้งตัวลุกขึ้นก่อนวิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อ

"ครับ ครับพ่อ"

"มึงออกไปซื้อเหล้ามาให้กูเพิ่มซิ!! มันหมดแล้ว!!"

"แต่ซินไม่มีเงินแล้วนะครับพ่อ ซินไม่ได้ไปทำงานมา2วันเเล้ว เงินที่เหลือก็เอาไปซื้อเนื้อวัวให้พ่อเมื่อวานหมดแล้ว"

"นี่แกกล้าขัดฉันหรอไอ่ซิน!!" อาเหม่ากำลังจะพุ่งตัวเข้ามาทำร้ายเย่วซินอีกครั้ง

"หยุดนะอาเหม่า!!! ซิน..มาเอาเงินที่แม่ไปก่อนแล้วกันนะลูก"

เจียอี รีบเข้ามาห้ามเอาไว้แล้วยื่นเงินที่มีอยู่น้อยนิดให้เย่วซินไป

เมื่อเย่วซินมองออกไปข้างนอก หิมะสีขาวยังร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน เขาเลยวิ่งเข้าไปในห้องนอน เเล้วหยิบเอาร่มกับผ้าพันคอสีเขียว ของเด็กหนุ่มตัวโตคนนั้น ที่เป็นคนหยิบยื่นให้เขาแล้วออกเดินทางท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บนั้น

"อากง เอาเหล้าหนึ่งไหครับ" เย่วซินพูดขึ้นเมื่อถึงร้านค้าในหมู่บ้าน

"อั้ยหยาา!!! อาเย่วซิน ทำไมถึงได้มาซื้อเหล้าแต่เช้าแบบนี้กันละ ไออาเหม่ามันใช้เองมาอีกแล้วใช่ไหม"

"ครับกง"

เย่วซินพูดแล้วก้มหน้าลงเพื่อปกปิดรอยเเผลฟกช้ำบนใบหน้า

"เฮ้อ...เจียอีนะเจียอี ไม่น่าหลงผิดมาเอาไออาเหม่าเป็นผัวเลย สงสารมันจริงๆ"

"เท่าไหร่ครับกง"

"อะๆๆ กงไม่คิดเงินแล้วกัน ส่วนเงินที่จะเอามาซื้อเหล้าให้ไอ่เหม่า เองก็เอาไปซื้อกับข้าวกับปลามากินกับเเม่เองซะนะ กงให้ๆ"

"ขอบคุณนะครับกง อ๊ะ!!"

ระหว่างที่เย่วซินรับไหเหล้าจากอากงแล้ว เขาก็ดันถอยหลังไปชนกับใครบ้างคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเขาหันหน้าไปมอง เขาก็พบกับเด็กหนุ่มตัวโตคนเดิม ที่ให้ร่มกับผ้าพันคอเขาเมื่อวาน

"นี่นายดื่มเหล้าด้วยหรอ" เด็กหนุ่มถามขึ้นแล้วมองไปที่ไหเหล้าในมือเย่วซิน

"อ๊ะ!! เปล่า เปล่านะ ซินแค่มาซื้อไปให้พ่อ" เย่วซินรีบปฏิเสธทันที

"อืม..นายอยู่แถวนี้หรอ"

"อื้ม!! ใช่"

"แล้วนายชื่ออะไรละ"

"เออ..เย่วซิน ฉันชื่อเย่วซิน"

"เย่วซิน ที่แปลว่าดวงจันทร์แห่งความสุขสินะ แต่นายดูไม่มีความสุขเลยนะเย่วซิน" เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับจ้องไปตามร่างกายที่มีแต่รอยฟกช้ำของเย่วซิน

"หืม..นายรู้จักความหมายชื่อของเราด้วยหรอ"

"อืมม...เคยอ่านมานะ ฉันชื่อ ซีห่าว ที่แปลว่าความสามารถและมุ่งมั่น"

"ความหมายชื่อของนายเท่จังเลย"

"อืมม...นั่นสินะ"

"แล้วซีห่าวมาทำอะไรที่หมู่บ้านชนทบแบบนี้เหรอ ซินไม่เคยเห็นหน้าเลย"

"ฉันตามป๊าม๊ามาทำธุระแถวนี้นะ เลยมาเดินเล่นนิดหน่อย เมื่อวานก็ดันไปเจอลูกกระต่ายน้อยหลบอยู่ที่กองฟาง ไม่คิดว่าวันนี้จะยังเจออีก"

"ซีห่าวหมายถึงซินหรอ"

"555 ก็ใช่ไง นายนั้นแหละ"

"อื้มม......ขอบใจนะเรื่องเมื่อวาน"

"ไม่เป็นไรหรอก แล้ว.."

"อ๊ะ!!! ตายซิ ซินออกมานานเกินไปแล้วขอตัวก่อนนะซีห่าว แล้วเจอกันใหม่นะ"

เย่วซินรีบกุลีกุจอวิ่งออกไปทันที โดยที่ซีห่าวยังไม่ทันจะพูดจบ

"อ๊ะ..เดี๋ย..!!"

"เฮ้ออ...น่าสงสารอีจริงๆนะ อาเย่วซินเนี่ย ดูเนื้อตัวสิมีแต่แผลชกช้ำเต็มไปหมด"

"นั้นสิกง ไม่น่าเลยนะ ไม่รู้จะได้เรียนต่อกับเขารึเปล่า นี้ก็ใกล้จะจบม.6แล้วด้วย"

"อั๊ยหยา!! อีจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อละ ขนาดแค่เรียนมัธยมอียังต้องทำงานส่งตัวเองเรียนเลย"

เสียงของอากงและชาวบ้านแถวระเวกนั้นพูดขึ้นด้วยความสงสารในตัวของเย่วซินกันทั้งนั้น

โดยที่มีซีห่าวยืนฟังเรื่องราวของเย่วซินอยู่แบบนั้นเงียบๆ ก่อนค่อยๆเดินออกไป....

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ คานากิ

ข้อมูลเพิ่มเติม
เงาแค้น

เงาแค้น

โรแมนติก

5.0

ความรักที่มาพร้อมกับความแค้น เมื่อแฟนสาวที่คบกันมานานมาดันมาฆ่าตัวตายในวันที่พึ่งคลอดลูกของตัวเอง ความเศร้าเข้ามาเยือนภายในจิตใจ และเริ่มเปลี่ยนเป็นความแค้น เขาจึงเก็บความแค้นนี้เอาไว้ในใจเพื่อรอวันที่จะชำระให้ตายตกไปตามกัน แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ค้นพบว่าใคร คือสาเหตุที่ทำให้คนรักของเขาเลือกที่จะจบชีวิตลง การแก้แค้นจึงได้เริ่มต้นขึ้น!!! เขาจงใจที่จะใช้ตัวเองเพื่อเข้าหาคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แล้วหลอกให้รักทำให้เฟมือนตายทั้งเป็นเพียงเพื่อแก้แค้นให้คนที่จากไป แต่เรื่องกลับไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะเขาดันตกหลุมรักให้กับศัตรูที่ไม่ควรรัก เรื่องราวอึดอัดใจจึงได้เกิดขึ้น เขาจะแก้แค้นต่อ หรือหยุดการกระทำเลวทรามที่กำลังทำอยู่ลง มาลุ้นไปพร้อมๆกันใน เงาแค้น นิยายโรแมนติกดราม่า ที่จะทำให้คุณเศร้าเคล้าน้ำตาไปกับเรื่องราวการแก้แค้นและฟินไปกับฉากของพระนางยามรักไปพร้อมๆกัน

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ประวัติศาสตร์

4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

จิตวิญญาณข้าถูกผนึก

จิตวิญญาณข้าถูกผนึก

โรแมนติก

5.0

อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

โรแมนติก

5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

นางบำเรออุ้มรัก

นางบำเรออุ้มรัก

มหาเศรษฐี

5.0

ณัฐรวีเป็นได้เพียงนางบำเรอไร้ราคา เปรียบดังผืนหญ้าให้เมฆาย่ำยียิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย ทุกการกระทำของเขาอัดแน่นไปด้วยความแค้นที่แฝงความรักไม่รู้ตัว ในวันที่หล่อนจากไป หล่อนไปแต่ตัวและลูกน้อยในครรภ์ ............ แควก...แควก “กรี๊ด! อย่าค่ะ อย่าทำรวีแบบนี้...ฮือ” เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้น ตามด้วยเสียงกรีดร้อง อ้อนวอนของณัฐรวี ทว่าคนกระทำหาได้ฟังเสียงหล่อน เขายังคงออกแรงฉีกเสื้อผ้าจนขาดติดมือมาอีกหลายครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวหล่อนเหลือเพียงชุดชั้นในท่อนบนและท่อนล่าง “รวีกลัวแล้ว ต่อไปรวีจะไม่ใส่ชุดนี้อีก...ฮือ...พี่เมฆอย่าทำอะไรรวีเลยนะคะ” กระแสเสียงสั่นเครือ เจ้าของประโยคคำพูดน้ำตาไหลอาบแก้ม ยกมือไหว้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว “เธอไม่มีสิทธิ์ใส่ชุดนี้ ชุดนี้ฉันซื้อให้แก้วตา ไม่ได้ซื้อให้เธอใส่” เสียงเขาเดือดดาล ก่อนกระชากแขนเรียวเล็กสุดแรง ร่างณัฐรวีลอยขึ้นตามแรงฉุด “อย่าเอาตัวเธอไปเทียบกับแก้วตา เธอมันก็แค่เศษดินเศษหญ้าที่รองมือรองเท้าฉัน เป็นได้แค่นางบำเรอ แต่แก้วตาคือว่าที่เมียฉัน จำใส่หัวไว้” พูดจบ ณัฐรวีรับรู้ถึงแรงเหวี่ยง เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างงามกระทบกับที่นอนเต็มแรง หล่อนเจ็บไปทั้งตัว แต่นี่มันเป็นแค่ความเจ็บปวดเริ่มต้น ความปวดร้าวระบมร่างกายและจิตใจกำลังตามมาชุดใหญ่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่เคยชาชินสักครั้ง

สุดที่รักของจักรพรรดิ

สุดที่รักของจักรพรรดิ

โรแมนติก

5.0

หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ