Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
สยบเสือใหญ่

สยบเสือใหญ่

BVMEOW

5.0
ความคิดเห็น
24.6K
ชม
41
บท

ตอนแรกก็มองเป็นน้องเป็นนุ่ง แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากมองตอนนุ่งแล้ว

บทที่ 1 ปฐมกถา

ก็นานแล้วที่พิลลาไม่ได้เลือดขึ้นหน้าถึงเพียงนี้ อย่างน้อยก็สามวันที่แล้ว จนกระทั่ง...

“แปดพัน!?”

“ครับ แปดพัน”

ผู้เป็นพี่พยายามสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด แล้วค่อยๆ ผ่อนออกเพื่อทำสมาธิ

หายใจเข้าพุทธ หายใจออก... “อยากตายเหรอ”

เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่พลั้งมือฉีกร่างของ ‘น้องชายแท้ๆ’ ออกเป็นชิ้นๆ หลังจากเด็กหนุ่มวัยสิบหกปีนำข่าวร้ายมาแจ้งให้ทราบ หากไม่มีโต๊ะคอมพิวเตอร์ขวางอยู่ หญิงสาววัยเบญจเพสคงได้กระชากคอเสื้อไอ้ลูกหลงของพ่อและแม่เพื่อระบายอารมณ์ไปแล้ว

พิรภพเพียงแค่ก้มหน้าก้มตาเพื่อน้อมรับความผิด

“เมื่อไรจะเลิกสร้างเรื่องให้ต้องเสียเงินเสียทอง ฮะ คิดว่าพ่อมึงเป็นสุลต่านหรือไง”

ใบหน้าละอ่อนเงยขึ้นมาสบตากับพี่สาวหน้าเต้าหู้ยี้ “พ่อตายแล้ว อย่าพาดพิงพ่อเลยครับ”

นิ้วถูกชี้ไปที่เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน “ระวังตัวไว้ให้ดี เดี๋ยวจะได้ไปอยู่กับพ่อ”

“...ขอโทษครับ”

เจ้าของร้านถ่ายเอกสารใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการสลัดโทสะทิ้ง เอ่ยถามเข้าประเด็น “เรื่องโทรศัพท์ จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ครับ ซื้อเครื่องใหม่ให้เขาแล้ว”

“ซ่อมไม่ได้?”

“โธ่พี่ มันจมน้ำ”

“ทำไมไม่ลงไปงม”

น้องชายอยากเถียงขาดใจว่าพี่สาวนั้นพูดเป็นลิเกไปได้ แต่ก็ไม่มีความกล้าพอจะเถียง ลำพังความผิดที่ติดตัวก็คิดว่าจะโดนยายเต้าหู้ยี้กินหัวไปอีกนาน

นัยน์ตาเรียวเล็กชั้นเดียวสีน้ำตาลเข้ม รับกับจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบางสีระเรื่อโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติก ใบหน้ารูปไข่ แก้มยุ้ยพอประมาณ ร้อยทั้งร้อยก็มองว่าผู้หญิงคนนี้น่ารัก แต่ใครเล่าจะรู้ อ้าปากทีมีแต่ความเถื่อน

ในบ้านเหลือกันอยู่สี่ชีวิต เสาหลักของครอบครัวคือพี่สาวคนนี้ และมีเขาที่ยังอยู่ในวัยเรียน คุณแม่วัยสี่สิบปลาย และคุณยายวัยชรา โดยที่ทุกคนล้วนให้เกียรติพี่สาวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง พิลลาว่าอย่างไร คนอื่นต้องว่าเช่นนั้น ทั้งสามชีวิตเชื่อฟังยายเต้าหู้ยี้หัวร้อนกันทุกคน แต่เขามันวัยซุกซน จึงโดนเล่นงานอยู่บ่อยครั้ง

มารดาและคุณยายช่วยอะไรเขาจากเงื้อมมือมารหน้าหมวยไม่ได้ เพราะทุกคนก็กลัวเธอด้วยกันทั้งนั้น

พิลลาส่งสายตาคาดโทษไปยังน้องชายที่คลานตามกันมา “แล้วทำไมไม่มาบอกแต่แรก เอาเรไรไปขายเพื่อ?”

“ไม่ได้ขายครับ แค่จำนำ”

“พ่อจะลุกขึ้นจากหลุมมาบีบคอมึงเข้าสักวัน” มือบางคว้าขวดหงส์ไทยมาเปิด ก่อนจะสูดดมฟอดใหญ่ “ค่าไถ่แปดพันเป๊ะๆ นะ”

“ครับ แต่-”

คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน “อะไรอีก ว้อย มีแต่เรื่อง”

“จริงๆ พี่เขาบอกว่าให้เวลาได้แค่เมื่อวานเป็นวันสุดท้าย แต่เมื่อวานพี่ต้องส่งค่ารถ ผมก็เลยไม่กล้าบอก”

“อ้าว งี้เรไรก็หลุดไปแล้วสิ”

“ไม่หรอกครับ ถ้าพี่เข้าไปคุยก็น่าจะคุยได้”

เส้นเลือดในสมองของเธอจะแตกตายอยู่แล้ว สามวันก่อนเด็กๆ ในโรงเรียนเตะลูกบอลมาโดนกระจกร้าน เมื่อวานจ่ายค่างวดรถยนต์จนกระเป๋าแห้ง วันนี้ยังมาถูกหวยรับประทานอีก มิหนำซ้ำน้องชายสุดที่รักยังหาเรื่องให้เสียเงินเกือบหมื่น แต่แม้จะโมโหมากขนาดไหนก็มีแต่ต้องยอมจ่าย เพราะเรไรคือของต่างหน้าพ่อที่เสียไปเมื่อสองปีที่แล้ว เธอจึงจำเป็นต้องไถ่ตัวเจ้านกกรงหัวจุกคืนมา

หญิงสาวยันปลายเท้าไปบนพื้น ลุกขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋าและกุญแจรถมาถือไว้ “เฝ้าร้าน ห้าโมงปิดแล้วกลับบ้าน อย่าเถลไถลที่ไหน”

“พี่จะไปพาเรไรกลับบ้านเหรอครับ”

“เออ แล้วอย่าทำกับมันเหมือนสิ่งของอีก ถ้าคิดว่ามันสำคัญก็ดูแลดีๆ”

“ครับ ขอโทษครับ”

ก่อนจะออกจากร้านยังมิวายหันมาหาตัวต้นเรื่อง “ต่อไปมีอะไรก็รีบมาบอก”

น้องชายตอบเสียงอ้อมแอ้ม “ก็กลัวพี่ด่า”

“เคยด่าหรือไง”

ถ้าต่อยเขาได้ คงต่อยไปแล้ว สีหน้าตอนเขามาสารภาพบาปก็บอกประมาณว่า ‘กูจะต้องเอาเลือดหัวไอ้เด็กเวรนี่ออกให้ได้’ แล้วยังมีหน้ามาถาม

พิลลาไม่อยู่ฟังคำตอบ ยื่นมือไปดันประตูให้เปิดออกแล้วพาตัวเองไปขึ้นรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ที่ต้องผ่อนอีกเกือบสองปีกว่าจะหมดเวรหมดกรรม ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจว่าหากพิรภพสร้างเรื่องเช่นนี้บ่อยๆ ระหว่างผ่อนรถหมดกับเธอหมดลมหายใจ อะไรจะเกิดขึ้นก่อนกัน

พิลลี่ หรือก็คือรถคู่ใจของเธอ มุ่งหน้าไปยังบ้านของเขา ผู้ชายหน้าดุที่เธอไม่เคยถูกชะตาด้วยเลย

จากร้านถ่ายเอกสารข้างโรงเรียนไปยังที่หมาย ซึ่งเปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ให้พวกวัยรุ่นจับกลุ่มเล่นกันนั้น ใช้เวลาประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ นอกจากเธอจะไม่ได้อยากมาเพราะมีแต่พวกผู้ชายแล้ว น้องชายที่ไม่ค่อยได้เรื่องก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้มา แต่เด็กสิบหก วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ห้ามอะไรก็ไม่ฟัง

ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงทำมือถือเพื่อนตกน้ำจนต้องซื้อให้ใหม่ และเด็กวัยนั้นก็ไม่มีเงินมากพอจะซื้อให้ เลยนำเจ้าเรไรไปจำนำกับเจ้าของโต๊ะสนุกเกอร์ ที่ก็มีงานอดิเรกคือการเลี้ยงนกกรงหัวจุกเพื่อแข่งขันชิงเงินรางวัล เธอไม่ทันสังเกตว่าเรไรหายไปจากที่บ้าน ถ้าพิรภพไม่มาสารภาพบาป เธอก็ลืมเสียสนิทใจ

โดยปกติแล้วเรไรจะอยู่ในส่วนหลังบ้าน ซึ่งบางวันเธอแทบไม่ได้เดินออกไปเลย และน้องชายก็รักนกตัวนี้มาก ใครจะไปคิดว่าจะยอมนำของต่างหน้าของพ่อไปจำนำได้ลงคอ

พิลลาจอดรถที่หน้าบ้านชั้นเดียวที่มีขนาดใหญ่ ทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านก็อาศัยอยู่เพียงลำพัง โดยที่ด้านหลังเป็นที่ตั้งของโต๊ะสนุกเกอร์ ด้วยเหตุนั้นแล้วต่อให้เจ้าของบ้านจะมีเพียงเขาคนเดียว แต่บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยขาดคน

หญิงสาวเดินไปทางข้างบ้านเพื่อไปยังส่วนหลังบ้าน เสียงจอแจของเหล่าหนุ่มๆ ดังกระทบโสตประสาท แม้ไม่อยากไป แต่ก็มีความจำเป็นให้ต้องก้าวขาเพื่อไปในที่แห่งนั้นอยู่ดี

จนกระทั่งมาหยุดอยู่ในส่วนหลังบ้านของเขา ถึงได้รู้ว่าที่นี่มีโต๊ะสนุกเกอร์ถึงห้าโต๊ะ วัยรุ่นแถวนี้ไม่ต้องไปไหนกันเลย บ้านหลังนี้พร้อมรองรับ

การมาของสาวหมวยเรียกสายตาของผู้คนได้อย่างดี แม้คนสวยจะหน้าบึ้งมากก็ตาม แต่ในสายตาคนอื่น พิลลาก็ยังน่ามองอยู่ดี

“พี่เสือใหญ่อยู่ที่นี่ไหม”

สิ้นประโยคคำถาม ทุกสายตาก็เหลียวไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านในสุด จุดกระทบของสายตานับสิบคือชายร่างใหญ่ที่เงยหน้ามาจ้องร่างบอบบางของหญิงสาวคนเดียว ณ ที่แห่งนี้ ควันสีขาวถูกพ่นออกก่อนมวนบุหรี่จะถูกปล่อยทิ้งลงพื้น ยกฝ่าเท้าเพื่อขยี้เชื้อไฟให้มอดสนิท โดยระหว่างนั้นนัยน์ตาคมไม่ละไปจากคนงามเลย

เหตุผลที่พัดพาพิลลาให้มาถึงที่นี่ เขาไม่คิดจะเสียเวลาคาดเดา

ขายาวก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าสาวสวย

ขยับปากเปล่งคำตอบด้วยสุ้มเสียงทุ้ม “อยู่”

ใบหน้านวลผินไปทางอื่น...ที่นี่มันบ่อนทำลายสุขภาพปอดชัดๆ

ก่อนจะผินหน้ากลับมาทางเดิม ความขึงขังยังคงฉายชัดอยู่บนหน้า ไม่สนสักนิดว่าตนกำลังตกเป็นรอง “เรไรอยู่ไหนคะ จีบมาพาเรไรกลับบ้าน”

สารินเพียงแค่นยิ้ม ยิ่งทำให้คนเลือดร้อนโมโหกว่าเดิม

“แปดพันใช่ไหมคะ เอาเลขบัญชีมาค่ะ เดี๋ยวโอนให้”

เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านยังคงนิ่ง ไม่หือไม่อือกับคำพูดของตน แม้ว่าเธอจะเปิดแอปพิเคชันของธนาคารรอแล้ว คิ้วสวยได้รูปก็ยิ่งขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบ

โดยปกติเธอก็ไม่ใช่พวกใจเย็นเสียด้วย เจอคนกวนตีนยิ่งแล้วใหญ่

“จะเอาไหมคะ แปดพันอะ”

“เอา”

ก็แค่นี้! ดึงเชิงอยู่ได้...“เลขบัญชีค่ะ”

“...”

“พี่-เสือ-ใหญ่” เธอไม่คิดปิดบังความขุ่นมัวของอารมณ์ “ขอเลขบัญชีด้วยค่ะ เป็นพร้อมเพย์ก็ได้ ที่โอนได้หมด เพราะจีบไม่มีเงินสด”

“พร้อมเพย์”

“ค่ะ”

“สาม” เธอตั้งท่าจะพิมพ์เลขไปตามคำบอกกล่าวของเขา แต่ก็ชะงักนิ้วอยู่ที่เดิม “ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์”

“คะ”

“สามหมื่น”

“หมายถึง?”

“โอนมาสามหมื่น”

พิลลาค้านหัวชนฝา “อย่ามั่วนะคะ พอใจมันบอกว่าจำนำไว้แค่แปดพัน เอาอะไรมาสามหมื่น”

“หลุดจำนำไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”

สิ้นเสียงของเขา หญิงสาวก็อดจะแค่นหัวเราะไม่ได้ “วันเดียวดอกมันพุ่งไปขนาดนั้นเลยเรอะ”

“ดอกไม่ได้พุ่งหรอก แต่ราคาของเรไรมันพุ่งน่ะ”

“ยังไงคะ”

“วันนี้พี่ขายมันไปแล้ว สามหมื่น” คล้ายมีมวลเมฆขมุกขมัวก่อตัวอยู่บนหัว ก่อนสายฟ้าจะฟาดลงกลางกบาลคนฟัง “นกมันสวย ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ อ้อ ถ้าจะไถ่คืนบางทีสามหมื่นก็ไม่น่าพอ คนซื้อซื้อสามหมื่น ถ้าจะขาย คงไม่ขายราคาซื้อ อย่างต่ำก็สี่หมื่น ถ้าพี่เป็นคนคุยให้ก็คงได้คืนในราคานี้นี่แหละ”

สาวหมวยมองหน้าเจ้าของบ้านอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา คำด่าหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนเลือกไม่ถูกว่าจะหยิบคำไหนมานิยามคนตรงหน้า และเธอก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ ได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างคนโกรธจัด

“เอ้อ เกือบลืมทุนพี่อีกแปดพันเลย หักทุนพี่แล้ว จีบก็เอาเรไรคืนไป”

สารินฉีกยิ้มให้คนสวย เอียงคอมองพร้อมเอ่ยปากถาม

“ไง จะโอนเลยไหม จะได้บอกเบอร์”

พิลลาได้แต่กำหมัดแน่น ยิ่งเขายิ้ม เธอก็ยิ่งโมโห

“สี่หมื่นแปดนะ ไม่ใช่แปดพัน”

ไอ้หมอนี่วอนโดนกระทืบแล้วไหมล่ะ

⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ BVMEOW

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

ซูเจิน นายหญิงแห่งพฤกษา

l3oonm@
5.0

“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

อย่าไปยุ่งกับทายาทสาวลึกลับ

Tripp Zakarison
5.0

อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
สยบเสือใหญ่
1

บทที่ 1 ปฐมกถา

01/08/2024

2

บทที่ 2 เจ้าป่าลายพาดกลอน (1)

01/08/2024

3

บทที่ 3 เจ้าป่าลายพาดกลอน (2)

01/08/2024

4

บทที่ 4 เจ้าป่าลายพาดกลอน (3)

01/08/2024

5

บทที่ 5 เจ้าป่าลายพาดกลอน (4)

01/08/2024

6

บทที่ 6 เจ้าป่าลายพาดกลอน (5)

01/08/2024

7

บทที่ 7 เขาเล็งคุณไว้แล้ว (1)

01/08/2024

8

บทที่ 8 เขาเล็งคุณไว้แล้ว (2)

01/08/2024

9

บทที่ 9 เขาเล็งคุณไว้แล้ว (3)

01/08/2024

10

บทที่ 10 เขาเล็งคุณไว้แล้ว (4)

01/08/2024

11

บทที่ 11 เขาเล็งคุณไว้แล้ว (5)

01/08/2024

12

บทที่ 12 คืนฝนพรำที่กำแพงแสน (1)

01/08/2024

13

บทที่ 13 คืนฝนพรำที่กำแพงแสน (2)

01/08/2024

14

บทที่ 14 คืนฝนพรำที่กำแพงแสน (3)

01/08/2024

15

บทที่ 15 คืนฝนพรำที่กำแพงแสน (4)

01/08/2024

16

บทที่ 16 คืนฝนพรำที่กำแพงแสน (5)

01/08/2024

17

บทที่ 17 ใครจะใหญ่กว่าเสือ (1)

13/08/2024

18

บทที่ 18 ใครจะใหญ่กว่าเสือ (2)

13/08/2024

19

บทที่ 19 ใครจะใหญ่กว่าเสือ (3)

13/08/2024

20

บทที่ 20 ใครจะใหญ่กว่าเสือ (4)

13/08/2024

21

บทที่ 21 ใครจะใหญ่กว่าเสือ (5)

13/08/2024

22

บทที่ 22 ปราบนักล่า (1)

13/08/2024

23

บทที่ 23 ปราบนักล่า (2)

13/08/2024

24

บทที่ 24 ปราบนักล่า (3) NC

13/08/2024

25

บทที่ 25 ปราบนักล่า (4) NC

13/08/2024

26

บทที่ 26 ปราบนักล่า (5) NC

13/08/2024

27

บทที่ 27 น้ำนิ่งไหลลึก (1) NC

13/08/2024

28

บทที่ 28 น้ำนิ่งไหลลึก (2)

13/08/2024

29

บทที่ 29 น้ำนิ่งไหลลึก (3)

13/08/2024

30

บทที่ 30 น้ำนิ่งไหลลึก (4)

13/08/2024

31

บทที่ 31 น้ำนิ่งไหลลึก (5)

13/08/2024

32

บทที่ 32 บทเรียนเด็กปากมอม (1)

13/08/2024

33

บทที่ 33 บทเรียนเด็กปากมอม (2)

13/08/2024

34

บทที่ 34 บทเรียนเด็กปากมอม (3) NC

13/08/2024

35

บทที่ 35 บทเรียนเด็กปากมอม (4) NC

13/08/2024

36

บทที่ 36 บทเรียนเด็กปากมอม (5) NC

13/08/2024

37

บทที่ 37 จวนฟ้าจะสาง (1)

13/08/2024

38

บทที่ 38 จวนฟ้าจะสาง (2)

13/08/2024

39

บทที่ 39 จวนฟ้าจะสาง (3)

13/08/2024

40

บทที่ 40 จวนฟ้าจะสาง (4)

13/08/2024