Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
ลิขิตรักข้างรั้ว

ลิขิตรักข้างรั้ว

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
279
ชม
26
บท

เธอกับเขาจะทำอย่างไร เมื่อต้องสลับร่างกัน ความมันก็บังเกิด

บทที่ 1 1

“ว้าย! ไอ้บ้า ถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำระวังเป็นตากุ้งยิงนะ” อะตอมอุทานออกมา ก่อนจะเอามือกอดอก

“ก็เธอมานุ่งกระโจมอกอาบน้ำให้ฉันดูเอง” นัทธ์ที่ถือขันน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำอยู่ตอบโต้กลับไป เขานุ่งผ้าขาวม้าเดินมาอาบน้ำที่ตุ่มข้างบ้านของตนเองเหมือนเช่นทุกวัน

ทั้งสองมีบ้านใกล้กัน อาณาเขตรอบบ้านโอบล้อมด้วยต้นไม้และด้านหลังเป็นภูเขา ด้านหน้าคือแม่น้ำไหลผ่าน อากาศในยามเช้าสดชื่นยิ่งนัก

นัทธ์กับอะตอมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด แต่เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่มีชื่อเสียงพอสมควร เขากับเธอเรียนเอกพัฒนาชุมชน ชั้นปีที่สอง

“ฉันนี่นะมานุ่งกระโจมอกให้นายดู นี่แน่ะ ๆ” คนพูดตักน้ำในโอ่งสาดเข้าใส่เต็ม ๆ ทำเอานัทธ์ต้องร้องออกมา

“ฉันเปียกหมดแล้วยายตัวแสบ”

“อาบน้ำก็ต้องเปียกสิ คิกๆ” คนแกล้ง หัวเราะอย่างสะใจ ก่อนที่จะโดนน้ำถังใบใหญ่สาดเข้ามาเต็ม ๆ

“นี่นายเอาน้ำมาสาดฉันเหรอ”

“เป็นไงเย็นฉ่ำไหม” นัทธ์หัวเราะอย่างชั่วร้าย ไม่นานทั้งสองก็สาดน้ำใส่กันจนเลอะเทอะไปหมด

เสียงทะเลาะกับเสียงน้ำสาดใส่กัน ทำให้บิดามารดาของทั้งสองต้องส่ายหน้าให้กับความชอบทะเลาะกันของลูก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ทะเลาะกันตลอด แต่ก็เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้

“แม่ได้ยินเสียงอะไรเอะอะโวยวาย ทะเลาะกับตานัทธ์อีกแล้วเหรอ” รดาเอ่ยถามอะตอมผู้เป็นลูกสาว

“ก็ไอ้นัทธ์สิคะแม่กวนโมโห หนูเลยสาดน้ำใส่เสียเลย”

“แล้วเขาก็สาดกลับ ทะเลาะกันลั่นบ้านเหมือนทุกวัน” รดาดักคอ ในขณะที่อาคมได้แต่ยิ้มขำในขณะที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงหัวโต๊ะ พลางจิบกาแฟไปด้วย

“หืม... ขนมปังไส้สับปะรดของคุณแม่อร่อยจังเลยค่ะ” อะตอมหยิบมาชิมแล้วเอ่ยชมว่าอร่อย

“จะเอาไปฝากนัทธ์บ้างก็ได้นะ”

“เรื่องอะไรคะ ปากปีจอนัก ให้อดไปเลย”

“เรานั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปกับเขาทุกวัน ต้องมีน้ำใจตอบแทนเขาบ้างสิ”

“หนูก็ช่วยค่าน้ำมันรถแล้วไงคะ แต่เอาไปให้หมอนั่นก็ได้ เห็นชอบชมว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อย” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงแตรรถก็ดังอยู่หน้าบ้าน ทำเอาคนที่กำลังยกโกโก้ร้อนขึ้นดื่มถึงกับสำลัก

“แค่ก แค่ก แค่ก”

“ระวังหน่อยสิจ๊ะ” รดาลูบหลังลูกสาวเบาๆ

“หนูต้องไปแล้วนะคะ ขืนช้าหมอนั่นไอ้ทิ้งหนูแน่”

“อย่าวิ่งสิจ๊ะลูก เดี๋ยวก็สะดุดหกล้มหรอก” รดาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยิ้มออกมา

“จะบีบแตรอะไรนักหนาหึ” อะตอมรับหมวกกันน็อกมาสวมใส่ขณะที่ปากก็บ่นไปด้วย ก่อนจะยื่นแซนวิชไส้สับปะรดให้เพื่อน

“อะไร”

“แซนวิชไส้สับปะรด คุณแม่ทำเผื่อนายด้วย”

“ลาภปาก”

“ตะกละ”

“ก็มันอร่อยนี่นา เอานี่ไป”

“อะไร”

“คุณแม่ฝากขนมปังหน้าหมูมาให้”

“หูย... อยากกินอยู่พอดี” เธอยื่นมือไปรับขนมปังหน้าหมูจากเขา แต่กลับโดนดึงหนี

“อะไรของนายนี่”

“รับปากก่อนว่าจะช่วย”

“ช่วยอะไรของนายหึ”

“เธอก็รู้ว่าฉันชอบดาริน”

“แล้วไง”

“เป็นแม่สื่อให้หน่อย”

“เรื่อง”

“งั้นก็ไม่ต้องกิน”

“ก็ได้”

“เห็นแก่กินเหมือนกันนะ”

“งั้นไม่ช่วย ขนมปังหน้าหมูหน้ามหาวิทยาลัยก็อร่อย ฉันไปซื้อกินที่นั่นก็ได้ ฉันมีเงิน”

“เอาไป สัญญาแล้วนะว่าจะช่วย”

“อืม... แต่มันต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของนายด้วยนะ ฉันจะไปบอกให้แล้วกันว่านายชอบ” อะตอมถอนใจเฮือกใหญ่ เธอไม่ค่อยอยากสนับสนุนให้นัทธ์คบหากับดารินเลย มันเป็นเหตุผลที่เขาฟังแล้วอาจจะคิดว่าเธอใส่ร้ายเพื่อน เพราะคนกำลังหน้ามืดตามัว หรือเธอจะลองให้นัทธ์ไปเจอของจริงดู

“อย่าเพิ่งบอก”

“อ้าว... ทำไมล่ะ”

“ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี”

“เริ่มแบบที่บอกรักไปเลยไง ชอบเขาก็บอกรักเขาไปแล้ว จะไปอำพะนำอยู่ทำไม”

“ขอทำใจก่อนสิ”

“เบื่อจริง ๆ” เธอบ่นไม่จริงจังนัก ก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของเขา

“ทำไมนายไม่พารถยนต์ไปนี่ ฉันใส่กระโปรงมันนั่งยาก”

“รถยนต์ไม่แรงเท่ามอไซค์”

“วะ! ว้าย! อะไรของนายนี่” เธอรีบผวากอดเอวเขาเอาไว้แน่น เมื่อจู่ ๆ เขาก็ออกรถแบบไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว

“เกาะแน่นๆ สิ”

“ก็เกาะอยู่นี่ไง ดีนะที่ฉันเกาะเอวนายเอาไว้ ไม่งั้นตกลงไปคอหักกันพอดี” เธอตะโกนคุยกับเขา

“ก็เห็นว่าเกาะแล้วไง เลยออกรถ”

“นัทธ์ระวัง นั่นรถข้างหน้า กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของนัทธ์จะชนเข้ากับรถด้านหน้าโครมใหญ่

เสียงเบรกรถ เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่พลเมืองดีจะโทร. แจ้งตำรวจ และเรียกรถพยาบาลมายังที่เกิดเหตุ

บิดามารดาของทั้งสองรีบมายังโรงพยาบาลทันทีเมื่อรู้ว่าลูกประสบอุบัติเหตุรถชน

“ลูกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” รดาเดินไปมาตรงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างเป็นกังวล

“พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ตานัทธ์น่าจะขับรถเร็วแน่ ๆ บอกแล้วว่าอย่าขับรถเร็ว” ปานแก้วเอ่ยขอโทษออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก อีกทั้งยังเป็นกังวล เพราะเป็นห่วงลูกชายกับสาวน้อยข้างบ้านเพื่อนลูกชายสุดหัวใจ

“ลูกต้องไม่เป็นอะไรค่ะ เรามาสวดมนต์ให้ลูกปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ” รดาบีบมือของปานแก้วเอาไว้ จะโทษอีกฝ่ายก็จะทะเลาะกันเสียเปล่าๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษว่าเป็นความผิดของใคร แต่นี่คือเวลาที่ต้องสวดมนต์อธิษฐานให้ลูกๆ ปลอดภัย

“คุณหมอ ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ” ประณตตรงเข้าไปเอ่ยถามถึงอาการของลูกชาย

“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ยังไม่ฟื้น ตอนนี้จะเคลื่อนย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยนะครับ”

“แล้วลูกสาวผมล่ะครับ” อาคมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ปลอดภัยทั้งคู่นะครับ แต่ยังไม่ฟื้น หมอขอตัวก่อนนะครับ” ประโยคของคุณหมอ สร้างความโล่งใจให้ทุกคน ก่อนที่จะพากันเดินไปยังห้องพักผู้ป่วย ซึ่งสองหนุ่มสาวอยู่ห้องพักใกล้กัน บิดามารดาของทั้งสองจึงไปมาหาสู่กันได้

“นัทธ์ ลูกต้องไม่เป็นอะไรนะ” ปานแก้วนั่งอยู่ข้างเตียงลูกชาย ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา มองบาดแผลตามตัวแล้วให้รู้สึกใจหายยิ่งนัก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

ที่แท้เป็นผู้มีอิทธิพลระดับโลก

Odey Jagoe
5.0

เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"

ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

ทัณฑ์สวาทเมียบำเรอ

เทียนธีรา
5.0

เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

หยางจื้อซี เกิดใหม่ในหมู่บ้านป่าหมอก

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ขย่มรักอาจารย์ฮอตเนิร์ด

ซีไซต์
5.0

หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ