ลิขิตรักข้างรั้ว

ลิขิตรักข้างรั้ว

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
279
ชม
26
บท

เธอกับเขาจะทำอย่างไร เมื่อต้องสลับร่างกัน ความมันก็บังเกิด

บทที่ 1 1

“ว้าย! ไอ้บ้า ถ้ำมองคนอื่นอาบน้ำระวังเป็นตากุ้งยิงนะ” อะตอมอุทานออกมา ก่อนจะเอามือกอดอก

“ก็เธอมานุ่งกระโจมอกอาบน้ำให้ฉันดูเอง” นัทธ์ที่ถือขันน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำอยู่ตอบโต้กลับไป เขานุ่งผ้าขาวม้าเดินมาอาบน้ำที่ตุ่มข้างบ้านของตนเองเหมือนเช่นทุกวัน

ทั้งสองมีบ้านใกล้กัน อาณาเขตรอบบ้านโอบล้อมด้วยต้นไม้และด้านหลังเป็นภูเขา ด้านหน้าคือแม่น้ำไหลผ่าน อากาศในยามเช้าสดชื่นยิ่งนัก

นัทธ์กับอะตอมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด แต่เป็นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่มีชื่อเสียงพอสมควร เขากับเธอเรียนเอกพัฒนาชุมชน ชั้นปีที่สอง

“ฉันนี่นะมานุ่งกระโจมอกให้นายดู นี่แน่ะ ๆ” คนพูดตักน้ำในโอ่งสาดเข้าใส่เต็ม ๆ ทำเอานัทธ์ต้องร้องออกมา

“ฉันเปียกหมดแล้วยายตัวแสบ”

“อาบน้ำก็ต้องเปียกสิ คิกๆ” คนแกล้ง หัวเราะอย่างสะใจ ก่อนที่จะโดนน้ำถังใบใหญ่สาดเข้ามาเต็ม ๆ

“นี่นายเอาน้ำมาสาดฉันเหรอ”

“เป็นไงเย็นฉ่ำไหม” นัทธ์หัวเราะอย่างชั่วร้าย ไม่นานทั้งสองก็สาดน้ำใส่กันจนเลอะเทอะไปหมด

เสียงทะเลาะกับเสียงน้ำสาดใส่กัน ทำให้บิดามารดาของทั้งสองต้องส่ายหน้าให้กับความชอบทะเลาะกันของลูก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ทะเลาะกันตลอด แต่ก็เป็นเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้

“แม่ได้ยินเสียงอะไรเอะอะโวยวาย ทะเลาะกับตานัทธ์อีกแล้วเหรอ” รดาเอ่ยถามอะตอมผู้เป็นลูกสาว

“ก็ไอ้นัทธ์สิคะแม่กวนโมโห หนูเลยสาดน้ำใส่เสียเลย”

“แล้วเขาก็สาดกลับ ทะเลาะกันลั่นบ้านเหมือนทุกวัน” รดาดักคอ ในขณะที่อาคมได้แต่ยิ้มขำในขณะที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงหัวโต๊ะ พลางจิบกาแฟไปด้วย

“หืม... ขนมปังไส้สับปะรดของคุณแม่อร่อยจังเลยค่ะ” อะตอมหยิบมาชิมแล้วเอ่ยชมว่าอร่อย

“จะเอาไปฝากนัทธ์บ้างก็ได้นะ”

“เรื่องอะไรคะ ปากปีจอนัก ให้อดไปเลย”

“เรานั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปกับเขาทุกวัน ต้องมีน้ำใจตอบแทนเขาบ้างสิ”

“หนูก็ช่วยค่าน้ำมันรถแล้วไงคะ แต่เอาไปให้หมอนั่นก็ได้ เห็นชอบชมว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อย” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงแตรรถก็ดังอยู่หน้าบ้าน ทำเอาคนที่กำลังยกโกโก้ร้อนขึ้นดื่มถึงกับสำลัก

“แค่ก แค่ก แค่ก”

“ระวังหน่อยสิจ๊ะ” รดาลูบหลังลูกสาวเบาๆ

“หนูต้องไปแล้วนะคะ ขืนช้าหมอนั่นไอ้ทิ้งหนูแน่”

“อย่าวิ่งสิจ๊ะลูก เดี๋ยวก็สะดุดหกล้มหรอก” รดาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยิ้มออกมา

“จะบีบแตรอะไรนักหนาหึ” อะตอมรับหมวกกันน็อกมาสวมใส่ขณะที่ปากก็บ่นไปด้วย ก่อนจะยื่นแซนวิชไส้สับปะรดให้เพื่อน

“อะไร”

“แซนวิชไส้สับปะรด คุณแม่ทำเผื่อนายด้วย”

“ลาภปาก”

“ตะกละ”

“ก็มันอร่อยนี่นา เอานี่ไป”

“อะไร”

“คุณแม่ฝากขนมปังหน้าหมูมาให้”

“หูย... อยากกินอยู่พอดี” เธอยื่นมือไปรับขนมปังหน้าหมูจากเขา แต่กลับโดนดึงหนี

“อะไรของนายนี่”

“รับปากก่อนว่าจะช่วย”

“ช่วยอะไรของนายหึ”

“เธอก็รู้ว่าฉันชอบดาริน”

“แล้วไง”

“เป็นแม่สื่อให้หน่อย”

“เรื่อง”

“งั้นก็ไม่ต้องกิน”

“ก็ได้”

“เห็นแก่กินเหมือนกันนะ”

“งั้นไม่ช่วย ขนมปังหน้าหมูหน้ามหาวิทยาลัยก็อร่อย ฉันไปซื้อกินที่นั่นก็ได้ ฉันมีเงิน”

“เอาไป สัญญาแล้วนะว่าจะช่วย”

“อืม... แต่มันต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของนายด้วยนะ ฉันจะไปบอกให้แล้วกันว่านายชอบ” อะตอมถอนใจเฮือกใหญ่ เธอไม่ค่อยอยากสนับสนุนให้นัทธ์คบหากับดารินเลย มันเป็นเหตุผลที่เขาฟังแล้วอาจจะคิดว่าเธอใส่ร้ายเพื่อน เพราะคนกำลังหน้ามืดตามัว หรือเธอจะลองให้นัทธ์ไปเจอของจริงดู

“อย่าเพิ่งบอก”

“อ้าว... ทำไมล่ะ”

“ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี”

“เริ่มแบบที่บอกรักไปเลยไง ชอบเขาก็บอกรักเขาไปแล้ว จะไปอำพะนำอยู่ทำไม”

“ขอทำใจก่อนสิ”

“เบื่อจริง ๆ” เธอบ่นไม่จริงจังนัก ก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของเขา

“ทำไมนายไม่พารถยนต์ไปนี่ ฉันใส่กระโปรงมันนั่งยาก”

“รถยนต์ไม่แรงเท่ามอไซค์”

“วะ! ว้าย! อะไรของนายนี่” เธอรีบผวากอดเอวเขาเอาไว้แน่น เมื่อจู่ ๆ เขาก็ออกรถแบบไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว

“เกาะแน่นๆ สิ”

“ก็เกาะอยู่นี่ไง ดีนะที่ฉันเกาะเอวนายเอาไว้ ไม่งั้นตกลงไปคอหักกันพอดี” เธอตะโกนคุยกับเขา

“ก็เห็นว่าเกาะแล้วไง เลยออกรถ”

“นัทธ์ระวัง นั่นรถข้างหน้า กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของนัทธ์จะชนเข้ากับรถด้านหน้าโครมใหญ่

เสียงเบรกรถ เสียงกรีดร้องดังขึ้น ก่อนที่พลเมืองดีจะโทร. แจ้งตำรวจ และเรียกรถพยาบาลมายังที่เกิดเหตุ

บิดามารดาของทั้งสองรีบมายังโรงพยาบาลทันทีเมื่อรู้ว่าลูกประสบอุบัติเหตุรถชน

“ลูกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” รดาเดินไปมาตรงหน้าห้องฉุกเฉินอย่างเป็นกังวล

“พี่ต้องขอโทษด้วยนะ ตานัทธ์น่าจะขับรถเร็วแน่ ๆ บอกแล้วว่าอย่าขับรถเร็ว” ปานแก้วเอ่ยขอโทษออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก อีกทั้งยังเป็นกังวล เพราะเป็นห่วงลูกชายกับสาวน้อยข้างบ้านเพื่อนลูกชายสุดหัวใจ

“ลูกต้องไม่เป็นอะไรค่ะ เรามาสวดมนต์ให้ลูกปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ” รดาบีบมือของปานแก้วเอาไว้ จะโทษอีกฝ่ายก็จะทะเลาะกันเสียเปล่าๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษว่าเป็นความผิดของใคร แต่นี่คือเวลาที่ต้องสวดมนต์อธิษฐานให้ลูกๆ ปลอดภัย

“คุณหมอ ลูกผมเป็นยังไงบ้างครับ” ประณตตรงเข้าไปเอ่ยถามถึงอาการของลูกชาย

“พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ยังไม่ฟื้น ตอนนี้จะเคลื่อนย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยนะครับ”

“แล้วลูกสาวผมล่ะครับ” อาคมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ปลอดภัยทั้งคู่นะครับ แต่ยังไม่ฟื้น หมอขอตัวก่อนนะครับ” ประโยคของคุณหมอ สร้างความโล่งใจให้ทุกคน ก่อนที่จะพากันเดินไปยังห้องพักผู้ป่วย ซึ่งสองหนุ่มสาวอยู่ห้องพักใกล้กัน บิดามารดาของทั้งสองจึงไปมาหาสู่กันได้

“นัทธ์ ลูกต้องไม่เป็นอะไรนะ” ปานแก้วนั่งอยู่ข้างเตียงลูกชาย ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา มองบาดแผลตามตัวแล้วให้รู้สึกใจหายยิ่งนัก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม
คู่หมั้นไร้เสน่หา

คู่หมั้นไร้เสน่หา

โรแมนติก

5.0

เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’

หนังสือที่คุณอาจชอบ

เจ้าบ่าวหลุดจอง

เจ้าบ่าวหลุดจอง

เฌอเลียร์
5.0

เจ้าบ่าวหลุดจองเป็นเรื่องของคุณกระทิงกับหมี่ที่ต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นคู่บ่าวสาวกัน เหตุผลก็เพราะเงินตัวเดียว มาตามอ่านกันค่ะ ว่าการแต่งงานปลอมๆ จะนำรักแท้มาสู่ทั้งสองหรือไม่ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ มัญชุพรเลือกชุดไทยศิวาลัยสีงาช้าง ต่อมาคือชุดเจ้าสาว เว็ดดิ้งแพลนเนอร์แนะนำชุดแบบเรียบหรู ทิ้งชายหางปลานิด ๆ ไม่ฟูฟ่องมาก หญิงสาวใส่แล้วอึดอัดที่อกนิดหน่อย คิดว่าน่าจะพอดีกับอกน้องสาว “ลองเดินดูนะคะ” เธอถูกจูงมาจนถึงห้องโถง พงศพัศในชุดสูทยืนอยู่ตรงนั้น แม้เสื้อผ้าเรียบโก้ แต่ไม่อาจกลบความดุดันของเขาลงได้ มัญชุพรเห็นแล้วคิดว่าเขาเป็นเจ้าบ่าวที่ ‘แนว’ ใช้ได้ “มีชุดที่โชว์อกน้อยกว่านี้ไหม เห็นนมเจ้าสาวตั้งขนาดนี้ เดี๋ยวฉันใจแตก ไม่ได้เข้าหอกันพอดี” พงศพัศมีความสามารถพิเศษเรื่องปากเสียหรืออย่างไร เขาว่าจนทำหน้ามัญชุพรซับสีเลือด “เดี๋ยวแก้ตรงอกให้นะคะ” “เอาแบบคลุมยาวถึงคอหอยไปเลย” เขาเพิ่งรู้สึกสนุกก็ตอนนี้ เมื่อเห็นเธอตอบโต้อะไรไม่ได้ หนุ่มชาวไร่ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย “ฉันเอาแบบนี้แหละค่ะ” ชักเข้าใจความรู้สึกอยากหนีของพรสรวงแล้ว นายตัวโตคนนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเจ้าบ่าวใครเลย นอกจากหน้าดุแล้วยังไร้มารยาท “เปลี่ยนซะ ฉันไม่ชอบ” พงศพัศเห็นเธอเงียบหงิม ไม่คิดว่าจะแผลงฤทธิ์ได้ “เอาตัวนี้เลยค่ะ” “น้องสาวเธอเป็นคนใส่ในงานแต่งนะ ไม่ใช่เธอ เจ้าบ่าวอย่างฉันต้องออกความเห็นได้สิ” มัญชุพรสบตาคมดุ “มุกให้สิทธิ์ขาดฉันเลือกแทนแล้ว ชุดไหนที่ฉันชอบ น้องก็ต้องชอบด้วย ถ้าคุณไม่ชอบก็อย่ามองสิคะ” +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

รอยรักรอยร้าว

รอยรักรอยร้าว

Del Goodman
5.0

เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ