ในคืนแต่งงานคนรักถูกสังหาร และนางถูกจับเป็นเชลยแขวนป้ายรับแขก ชีวิตนับจากนี้ของแพทย์หญิงซึ่งย้อนเวลามาอยู่ในร่างสตรีแสนอาภัพ ต้องหลบหนีให้พ้นเงื้อมมือทรราช ผู้เป็นทั้งบิดาเด็กในครรภ์ และพ่อสามี!
ค่ายทหารตระกูลตง ณ เมืองเหนี่ยว
หญิงสาวพยายามตั้งสติตนให้ได้เร็วที่สุด พร้อมรวบรวมพลังเพื่อปกป้องร่างกายใหม่จากคนพาล อีกฝ่ายส่งความใหญ่โตเข้ากระแทกกระทั้นส่วนบีบรัดอย่างรุนแรงราวกับจะทำให้ร่างกายบอบบางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
อ๊ะ...อื้อ... มะ ไม่...ไหว
เธอร้องประท้วง ทว่าเหตุใดเสียงถึงไม่ได้เล็ดลอดออกจากริมฝีปาก ราวกับหญิงสาวนั้นเป็นใบ้
คราแรกเธออยู่ในท่าคุกเข่าและหันหลังให้อีกฝ่าย ดูเหมือนเป็นสุนัขตัวเมียก็มิปาน ซึ่งคนผู้นั้นได้ซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง มือหนึ่งรวบผมยาวนางเป็นหางม้า แล้วดึงกระตุ้นให้เธอเคลื่อนไหวร่างกายไปมา
ส่วนอีกมือตบตีบั้นท้ายเธอเพื่อเป็นการออกคำสั่งให้เคลื่อนร่างกายเร็วขึ้น แรงขึ้น ตามความปรารถนาของเขา เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังเผียะๆ ๆ กึกก้องในหู
อนิจจาเธอเจ็บระบมไปหมด นั่นหมายความว่า อีกฝ่ายกระทำกับเธอราวกับเป็นเครื่องมือสนองตัณหา มิได้ใกล้คำว่าคนรัก หรือภรรยา อย่างที่เธอควรจะได้รับตำแหน่งนั้น
ที่น่าประหลาด เธอมั่นใจเรื่องราวเหล่านี้เป็นความฝัน ทว่ามันคือความฝันที่ยาวนานยิ่งนัก และดูคล้ายความจริงจนชวนให้หวาดกลัว อีกทั้งทุกความรู้สึกพร้อมสัมผัสแสนหยาบคาย ระคนความป่าเถื่อน ทำให้เธอสะอิดสะเอียด ทั้งมีความต่อต้านตลอดเวลา
กระทั่งเธอไม่อาจฝืนคุกเข่าในท่าทางคล้ายสุนัขได้อีกต่อไป ร่างกายหมดแรงลงจึงคิดนอนราบไปบนพื้น แต่เป็นเขาที่จับตัวพลิก แล้วจัดท่าทางให้นอนหงายหันหน้าเผชิญกัน
คนตัวโตแยกขาเรียวให้กว้างจนเผยให้เห็นทุกซอกทุกมุมอันบริสุทธิ์ คนผู้นี้พรากความสาวอันงดงามจากเจ้าของร่างที่วิญญาณของ เป่าเหลียน เข้ามาอาศัย
และเป็นเพราะเธอยังคงหลับตาปี๋ ด้วยไม่อาจสู้หน้าอีกฝ่ายได้ จึงไม่อาจล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครที่กำลังทำเรื่องอัปยศให้เธอต้องเสียขวัญ และอยู่ในสภาพน่าอับอาย
อย่างไรก็ถาม ยามนี้แม้จะรู้สึกซ่านสยิวเล็กๆ แต่ก็อดหวาดหวั่นไม่ได้ เธอถูกข่มเหง คำนี้คงกล่าวได้ถูกต้องที่สุด
กลิ่นเหงื่อจางๆ ผสมกลิ่นสุรา และเสียงสบถหยาบคาย รวมถึงการคำรามหลายหนติดต่อกันทำให้เป่าเหลียนนึกว่าตนจะต้องตายอีกหน ทว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เธอยังรองรับอารมณ์คนตัวโตที่สาดไอร้อน และแรงปรารถนาสู่ร่างกายงดงามไม่หยุด
จวบจนเขาหยุดเคลื่อนสะโพกเข้าออก และพินิจร่างที่ตนเองขึ้นคร่อมอยู่ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวจัด
“บัดซบ ใครส่งเจ้ามาหลอกลวงข้า ฮึ โง่เขลานัก ถูกป้อนน้ำแกงเพิ่มกำหนัดด้วยหรือ มิน่าถึงไร้อารมณ์ ข้าบอกให้ร้องคราง และหวีดเสียงเหมือนจะขาดใจตาย ทำไมเป็นรึไง!”
นี่คือคำหยาบคายที่เขาเอ่ยกับเธอ ก่อนโถมร่างสูงใหญ่เข้าใส่อย่างคนเถื่อน ไร้ความเมตตา
น้ำตาหญิงสาวไหลออกมาอีกระรอกใหญ่ ทั้งต้องกัดฟันอดทนต่อสิ่งที่เขากระทำซ้ำๆ ในการเคลื่อนไหวขาที่สามอันแข็งแกร่งของบุรุษ
“บัดซบ คณิกานางนี้ยังบริสุทธิ์ ข้าบอกแล้วใช่ไหม ให้เลือกคนที่เป็นงาน และไม่สำออยเข้ามารับใช้ แต่นางทั้งอ่อนแอ ไม่ได้เรื่อง หึๆ ๆ ข้าจะริบเงินเดือน และให้อดข้าว จากนั้นจับพวกผู้คุมที่ดูแลสตรีแขวนป้ายขังให้หมดทุกคน”
เขาต่อว่าลูกน้องจบ ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเธอให้หายใจได้สะดวกหรือพักผ่อนร่างกายที่บอบช้ำ
อึดใจเดียวกัน เขาใช้ปากบนยอดหน้าอกเธอ ทั้งดูด เม้ม แล้วขบ พอเธอตอบโต้ด้วยการข่วนร่างกายเขา การกัดรุนแรงก็เริ่มต้น ซึ่งก่อนหน้านี้หญิงสาวได้แสดงพฤติกรรมเยี่ยงสุนัขบ้า ด้วยขณะที่เขาต้องการจูบ เธออาศัยจังหวะนั้นลงเขี้ยวคมๆ ที่แก้มซ้ายเขา
แน่นอนมันเป็นเรื่องชวนสยองใจ เพราะทำให้ชายหนุ่มได้บาดแผลทันที ทว่าเขาไม่ได้รีบห้ามเลือด กลับทำเรื่องชวนท้อไส้ปั่นป่วน นิ้วยาวๆ ปาดที่แผลเหวอะหวะ แล้วชิมเลือดของตนเอง ก่อนใช้เลือดที่เหลือแต้มจุดกลางหน้าผากหญิงสาว
“เจ้าเป็นของข้า ถึงรับใช้จะไม่ได้เรื่อง ทั้งสมองทึบเบาปัญญา แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ไปทำเรื่องเสื่อมเสียดกับผู้อื่น เฮอะ...ริอยากแขวนป้ายรับใช้บุรุษ แต่มีสภาพไร้ชีวิตชีวามิต่างกับซากศพ บอกตามตรง หากเจ้าไม่งาม และมีเนื้อนุ่มนิ่ม กับส่วนหวานฉ่ำที่หอมหวานราวน้ำผึ้ง ป่านนี้ข้าถีบกระเด็นออกจากกระโจมแล้ว” ตงเยี่ยหรงสาดอารมณ์รุนแรงออกมาด้วยคำพูด และการกระทำ นั่นเป็นเพราะเขาเสี่ยเหลี่ยมให้ศัตรู ทหารเกือบหนึ่งพันชีวิตต้องสละชีพ เมืองเล็กๆ อีกสองเมืองถูกชาวเผ่ายึดไป
ทั้งหมดคือการอ่อนด้อยขององค์ชายสี่ หลี่หว่านอี้ เขาทำตัวไร้ประโยชน์เสมอ แต่จะปล่อยให้อีกฝ่ายสิ้นชีพในต่างแดนก็มิได้ เขาจึงต้องบุกเข้าไปชิงตัว สุดท้ายคือความล้มเหลว ที่ตงเยี่ยหรงรู้สึกเป็นทุกข์ จนดื่มสุราเมามาย
ยามนี้ ในวังหลวงฮ่องเต้ก็หูเบา เหล่าองค์ชายต่างชิงดีชิงเด่น หาคนรักชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงมิได้ ขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนเป็นกังฉิน ราษฎรจะจึงไร้ที่พึ่ง ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งปวดใจ
สุดท้ายเลยต้องการระบายความอัดแน่นในร่างกายออกมาให้หมด โดยหวังว่าสตรีสักคนจะมอบความสุขให้ได้ หากคืนนี้กับพบว่า หญิงสาวที่อุ่นเตียงด้วยนอกจากยังบริสุทธิ์ นางยังถูกวางยากำหนัด รู้เช่นนี้เลยไม่พอใจ นอกเหนือจากนั้น นางยังไม่รู้จักกลัวความตาย เพราะกล้ากัดใบหน้าเขาจนบาดเจ็บ
“บังอาจ เจ้าคิดว่าเป็นผู้ใด ถึงสร้างบาดแผลให้ข้า ฮึ แค่เชลยชั้นต่ำที่ถูกจับป้ายแขวนคอเป็นคณิกา”
เชลย!?
ยามนี้หลายสิ่งเริ่มปะติดปะต่ออย่างชัดเจน เธอไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ เป็นเพียงวิญญาณที่พลัดหลงมา
เป่าเหลียนส่ายหน้า ขณะเดียวกันภาพสุดท้ายก่อนจะมาอยู่ในร่างสตรีแสนบอบบาง ย้อนให้เห็น เธอกำลังลงไปช่วยอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ที่มีคนเจ็บหลายสิบคน แต่โชคร้ายที่มีรถกระบะที่คนขับเมา แล้วเร่งเครื่องมาด้วยความเร็ว จนเกิดเหตุร้ายแรงซ้ำซ้อน รวมถึงการที่เป่าเหลียนถูกชน แล้วกระเด็นตกไปอยู่ในคลอง
จากนั้นทุกอย่างก็ดำมืด กระทั่งเธอมาอยู่ในกระโจมของคนที่ใครๆ เรียกขานเขาว่า แม่ทัพตง ซึ่งเขาก็คือตงเยี่ยหรง ครั้งหนึ่งเธอเคยพบเขา เป็นผู้ชายที่เธอเคยอ่านพบในหน้าหนังสือนิยาย อีกทั้งชอบเขา เรียกว่าคลั่งไคล้คงไม่ผิด จนคิดพลิกบทบาทให้ตัวละครนี้เสียใหม่ ทว่าพอได้เข้ามาอยู่ในเรื่องราวจริงๆ เป่าเหลียนกับอยากฆ่าตัวละครนี้ให้ตายด้วยสองมือเล็กๆ ของตน นั่นเพราะตงเยี่ยหรง... เป็นได้แค่ตัวร้ายที่บังเอิญดวงดีจับฉลากได้บทพระเอกก็เท่านั้น
หนังสืออื่นๆ ของ kampann
ข้อมูลเพิ่มเติม