Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เสน่หาภรรยาเช่า

เสน่หาภรรยาเช่า

จินต์พิชา

5.0
ความคิดเห็น
4K
ชม
34
บท

หนึ่งล้านบาทกับเวลาหนึ่งเดือนจากนั้นทุกอย่างก็จบ เงื่อนไขง่ายๆ ที่ใครก็อยากจะได้รับ และมนต์มีนาก็ผู้คนโชคดีคนนั้น เธอคิดว่าทุกอย่างจบ แต่เขาก็กลับมาหาเธออีกครั้งครั้งด้วยเงินที่เยอะกว่าเดิม แต่มนต์มีนาไม่ต้องการเงินอีกแล้วเธอต้องการแค่ใจ ใจต้องแลกด้วยใจแล้วเขาจะกล้าแลกกับเธอไหม

บทที่ 1 เหนื่อยก็แค่นอนพัก

“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้ ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วเจอกันใหม่โอกาสหน้านะคะ ขอบคุณทุกท่านมากๆ ค่ะ สวัสดีค่ะ”

เสียงปรบมือดังขึ้นและค่อยๆ เงียบหายพร้อมกับไฟบนเวทีดับลง มนต์มีนาถอนหายใจและเดินลงมาด้านหลังเวทีไหล่ผึ่งผายด้วยความสง่างามยามเมื่ออยู่กลางแสงไฟลู่ลงใบหน้าสวยไร้รอยยิ้ม

“ไหวมั้ยมีน” ชาลิดาเดินมาประคองเพื่อนให้นั่งลงบนเก้าอี้

“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละออย” มนต์มีนายิ้มอ่อน

“ออยว่าช่วงนี้มีนรับงานหนักมากเกินไปแล้วนะ วันนี้ก็ตั้งสามงาน” หญิงสาวพูดด้วยความเป็นห่วงเพราะแต่ละงานก็ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะและต้องยื่นนานๆ ขนาดตัวเองรับแค่งานเดียวยังเหนื่อยแทบแย่

“ขนาดมีนรับงานเยอะอย่างนี้ เงินยังไม่พอใช้หนี้เลยนะออย ตอนนี้บ้านก็กำลังจะถูกยึดแล้ว ส่วนเงินที่ไปกู้มาตอนรักษาแม่ดอกเบี้ยก็โหดเหลือเกินที่ทำทุกวันนี้แทบจะไม่ได้ส่งเงินต้นด้วยซ้ำ”

“เงินตั้งมากมายขนาดนั้นออยก็ไม่รู้จะช่วยมีนยังไงนะเหมือนกันนะเฮ้อ...” เพราะทางบ้านของชาลิดาเองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรมากนัก ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันและวันนี้มนต์มีนาก็มาทำงานพิธีกรให้กับผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้า โดยชาลิดาตามมาคอยดูแลเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ทั้งสองคนก็ไปเป็นพริตตี้ให้กับผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่งมาแล้วถึงสองงาน แม้วันหนึ่งรายได้จะได้เยอะมากเมื่อเทียบกับงานพาร์ตไทม์ทั่วไปแต่มันก็ยังไม่พอกับภาระหนี้สินที่มนต์มีนาต้องจ่าย

“พรุ่งนี้มีนว่าจะเข้าไปที่โมเดลลิงสักหน่อย เผื่อว่าพี่ปานจะมีงานอะไรเพิ่ม ออยไปด้วยกันไหม”

“ได้สิ แต่วันนี้รีบกลับไปพักผ่อนกันนะดีกว่าพรุ่งนี้เจอกันสักสิบโมงเช้าดีไหม”

“ได้ๆ งั้นแยกกันตรงนี้นะเดี๋ยวรถเมล์จะหมดเสียก่อน”

“โอเคพรุ่งนี้เจอกันนะมีน กลับไปก็รีบนอนพักล่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

มนต์มีนารีบเดินออกมาหน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อขึ้นรถเมล์กลับไปยังบ้านของเธอ

บ้านของหญิงสาวอยู่ในซอยลึกเมื่อลงรถเมล์หน้าปากซอยก็ยังต้องนั่งจักรยานยนต์เข้าไปแต่ส่วนใหญ่เธอเลือกจะเดินเข้าไปเองมากกว่าเพราะอยากประหยัดให้มากที่สุด

เมื่อลงจากรถเมล์วินจักรยานยนต์รับจ้างที่รู้จักกันก็ทักทายหญิงสาวขึ้น

“กลับดึกอีกแล้วนะมีน”

“ค่ะลุงศักดิ์ แล้วลุงศักดิ์ล่ะคะ ดึกแล้วทำไมยังอยู่ที่วินอีกล่ะ”

“เมื่อกี้ลุงเพิ่งไปส่งลูกค้ามาก็เลยแวะมาเอากระติกน้ำแล้วก็จะกลับบ้านเหมือนกัน มีนขึ้นมาเลยเดี๋ยวลุงไปส่ง” ลุงสมศักดิ์ขึ้นไปนั่งบนรถเตรียมจะออก

“ไม่เป็นใครหรอกค่ะ ลุงหนูเกรงใจ”

“จะเกรงใจทำไมในเมื่อลุงก็ต้องกลับบ้าน แล้วมันก็ผ่านบ้านหนู ตอนแม่หนูยังอยู่ก็เอื้อเฟื้อทำอาหารให้ลุงกับที่บ้านลุงกินประจำ มีนขึ้นมาเลยลูกไม่ต้องเกรงใจ”

“หนูขอจ่ายค่าโดยสารได้ไหมคะ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ลุงไม่มีเงินทองมากมายช่วยหนูใช้หนี้ก็มีแต่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก็นี่แหละหนูอย่าคิดมากเลยจ้ะ”

“ขอบคุณค่ะลุงศักดิ์”

มนต์มีนาขึ้นไปนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์จากนั้นลุงสมศักดิ์ก็พาเธอมาส่งหน้าบ้าน

“ถ้ามีอะไรให้ลุงกับป้าช่วยก็บอกนะ”

“ค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะ มีนฝากขนมให้เจ้าตัวเล็กสองคนด้วยนะคะ” หญิงสาวหยิบขนมที่ได้มาจากการทำงานวันนี้ให้กับลุงสมศักดิ์

“แล้วหนูไม่เก็บไว้กินเองหรือมีน” ลุงสมศักดิ์มองขนมในมือที่มีอยู่หลายชิ้น รู้สึกว่าราคาของมันคงจะแพง

“ลูกค้าให้มาเยอะเลยค่ะลุงศักดิ์แบ่งไปให้น้องๆ แล้วหนูก็ยังเหลืออีกหลายชิ้นค่ะ”

“ขอบใจนะมีน”

“หนูเข้าบ้านแล้วนะคะ”

“จ้ะ ลุงไปก่อนนะ”

เมื่อลุงสมศักดิ์ไปแล้วมนต์มีนาก็เปิดประตูรั้วเข้ามายังบ้านหลังเล็กที่แต่ก่อนมันเคยเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่พอมารดาไม่อยู่เธอก็รู้สึกว่าบ้านหลังเล็กมันกว้างขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนกลิ่นอายของมารดาก็ยังมีอยู่เต็มไปหมด

ตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่กับมารดาที่บ้านหลังนี้มาตลอดมารดาของเธอเป็นแม่ค้าขายขนมหวานในตลาด รายได้ก็พอเลี้ยงเธอได้เพราะนอกจากจะขายขนมหวานในตลาดแล้วยังทำส่งที่ร้านอาหารเยอะใหญ่ๆ อีกด้วย

มนต์มีนามีนามีความสุขในบ้านหลังนี้มากๆ จนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้วมารดาตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สามและการทำคีโมหลายๆ ครั้งก็ไม่เป็นผล

มารดาของเธอสุขภาพแย่ลงจนทำขนมไม่ไหว ทำให้ต้องเอาบ้านไปจำนองแต่มันก็ยังไม่พอ หญิงสาวเลยไปกู้เงินจากเจ๊เจ้าของตลาดมาอีกสามแสนบาทเพื่อรักษามารดา เธอยอมจ่ายค่ายาแพงๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย มารดาของเธอต่อสู้กับโรคมะเร็งปีครึ่งท่านก็จากไปโดยที่ยังไม่ทันเห็นความสำเร็จของเธอเลย

หญิงสาวเพิ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่สามเหลืออีกเพียงแค่หนึ่งปีก็จะจบมาเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษตามที่ตั้งใจไว้ แต่มาถึงตอนนี้มนต์มีนาไม่รู้ว่าจะสานฝันนั้นเพื่อใครในเมื่อเธอเหลือแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเปิดเทอมนี้จะทำยังไงต่อกับชีวิต จะกัดฟันหาเงินเรียนต่อให้จบหรือจะหาเงินมาใช้หนี้ ยังมีเวลาปิดเทอมอีกเกือบสี่เดือนแต่หนี้มากมายขนาดนั้นมันก็ยากเหลือเกินผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวจะหาเงินมาชำระให้หมดภายในระยะเวลาสั้นๆ

เสียงถอนหายใจดังเฮือกใหญ่จากนั้นมนต์มีนาก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนพรุ่งนี้เธอจะเข้าไปโมเดลลิงที่ตนเองสังกัดอยู่เพื่อถามทางเจ้าของว่าพอจะมีงานอะไรให้เธอทำมากกว่านี้อีกไหมเพราะช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมเธออยากทำงานให้มันเต็มที่ เพื่อหวังจะลดหนี้ลงได้บ้าง ถ้าหากมันเป็นตามที่หวังเปิดเทอมก็จะเรียนต่อให้จบ

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ จินต์พิชา

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

เจ้าสาวจำยอม สามีเศรษฐีนอกสายตา

Roana Javier
4.9

ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

หลังหย่าเธอกลายเป็นมหาเศรษฐี

Lewie Parenti
5.0

"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ

พ่ายเกมสวาท

พ่ายเกมสวาท

พาวิจิตร
5.0

เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
เสน่หาภรรยาเช่า
1

บทที่ 1 เหนื่อยก็แค่นอนพัก

14/09/2024

2

บทที่ 2 งานนี้เงินดี

14/09/2024

3

บทที่ 3 ขอให้ได้

14/09/2024

4

บทที่ 4 คนที่เลือก

14/09/2024

5

บทที่ 5 ฝากดูแล

14/09/2024

6

บทที่ 6 สัญญา

14/09/2024

7

บทที่ 7 เงินก้อนแรก

14/09/2024

8

บทที่ 8 ยกเลิกไม่ทันแล้ว

14/09/2024

9

บทที่ 9 ปลดหนี้

14/09/2024

10

บทที่ 10 หนึ่งเดือนนับจากนี้

14/09/2024

11

บทที่ 11 คนนี้ตรงสเปก

14/09/2024

12

บทที่ 12 อยู่อย่างอิสระ

14/09/2024

13

บทที่ 13 ทำความรู้จัก

14/09/2024

14

บทที่ 14 ผิดสัญญา

14/09/2024

15

บทที่ 15 รู้สึกว่าคุ้มมาก nc

14/09/2024

16

บทที่ 16 มันดีมาก nc

14/09/2024

17

บทที่ 17 สเปก

14/09/2024

18

บทที่ 18 เธอแตกต่าง

14/09/2024

19

บทที่ 19 คนเดียวที่จะถอด

14/09/2024

20

บทที่ 20 ผิดหวังที่เขาเป็นแบบนี้

14/09/2024

21

บทที่ 21 รู้หน้าที่ของตัวเองดี nc

14/09/2024

22

บทที่ 22 อยากให้ทำบ่อยๆ nc

14/09/2024

23

บทที่ 23 แค่นอนเฉยๆ

14/09/2024

24

บทที่ 24 รู้สึกยังไงทำไมไม่บอก

14/09/2024

25

บทที่ 25 ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้

14/09/2024

26

บทที่ 26 ตามใจทุกอย่าง nc

14/09/2024

27

บทที่ 27 ครบกำหนด

14/09/2024

28

บทที่ 28 ได้แต่คิดถึง

14/09/2024

29

บทที่ 29 ทำไมคุณเหมือนคนรักของฉัน

14/09/2024

30

บทที่ 30 ความทรงจำที่จะฝากไว้

14/09/2024

31

บทที่ 31 ของแถม nc

14/09/2024

32

บทที่ 32 กี่ล้านก็ไม่รับ

14/09/2024

33

บทที่ 33 รักได้ก็เลิกรักได้

14/09/2024

34

บทที่ 34 ตอนจบ

14/09/2024