้เกิดใหม่ครั้งนี้ไม่ขอมีผัวคนเดิม

้เกิดใหม่ครั้งนี้ไม่ขอมีผัวคนเดิม

buablue

5.0
ความคิดเห็น
368
ชม
10
บท

เธอเก็บเขามาจากข้างทาง เขาทั้งตาบอดและความจำเสื่อม เธอดูแลเขาอย่างดี ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาให้เขา ในที่สุดเขาก็หายดี ตาก็ไม่บอดแล้ว เขาบอกรักเธอ สัญญาว่าจะอยู่กับเธอตลอดไป แต่เมื่อความทรงจำกลับมาเขาก็ทิ้งเธอไป วันหนึ่งเธอจากไปด้วยโรคมะเร็ง พอลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองย้อนเวลามาวันแรกที่เจอเขา ในเมื่อสวรรค์ให้โอกาสเธอ งั้นเกิดใหม่ครั้งนี้จะไม่ขอมีผัวคนเดิม

บทที่ 1 ตอนที่ 1

ชายหนุ่มผิวขาวผมหยักศกสีดำ ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว ลูบหัวหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามอย่างอ่อนโยน หญิงสาวคนนั้นโผเข้ากอดแล้วหอมแก้ม ผู้ชายก็กอดตอบภาพที่คนอื่นมอง ทั้งสองช่างเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แล้วทั้งคู่ก็จูงมือกันเข้าไปในร้านอาหาร สั่งอาหารเสร็จก็จ้องตากันหวานเยิ้ม พออาหารมาเสริฟผู้ชายก็ตักอาหารใส่จานของผู้หญิงส่วนผู้หญิงก็ป้อนอาหารให้ผู้ชาย ช่างมีความสุขกันเหลือเกิน

ชาริสามองดูภาพตรงหน้าน้ำตาเอ่อคลอ ผู้ชายตรงหน้าคือสามีของเธอเอง เลิกงานเธอแวะตลาดซื้อของสดทำ เพื่ออาหารไว้รอเขาเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้เธอแวะมาซื้อขนมที่เขาชอบแถวนี้ด้วย ไม่คิดว่าจะมาเจอเขาอยู่กับผู้หญิงอื่น ชาริสาปาดน้ำตาขึ้นสองแถวกลับห้องพักไป

มาถึงห้องพักเธอยังคงทำทุกอย่างเป็นปกติเข้าครัวทำอาหารไว้รอเขา ทำไปน้ำตาก็ไหลไป ภาคินทร์กลับบ้านมาตอนสี่ทุ่ม เห็นชาริสานั่งรออยู่ที่มุมห้อง ข้างหน้าเป็นโต๊ะญี่ปุ่นที่วางอาหารอยู่2-3อย่าง ถัดมามีโรตีสายใหมอยู่ด้วย เขาเดินเข้ามาหาเธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม ชาริสาควบคุมอารมณ์พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ฝืนยิ้มให้เขาถามคำถามเดิมเหมือนอย่างเคย

" มาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้กลับช้าหล่ะ ฉันทำแกงแพนงของโปรดไว้รอ รีบกินเถอะ "

ชาริสาตักข้าวใส่จานส่งให้เขา รู้ทั้งรู้ว่าเขากินมาแล้วและคงอิ่มไปทั้งกายทั้งใจ แต่เธอก็อยากจะรู้ว่าเขาจะกินข้าวกับเธออีกไหม ภาคินทร์มองเธอสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมรับจานข้าวมา เห็นเขานิ่งไม่ยอมกินเธอเลยตักแกงใส่จานข้าวให้เขา เขาตักข้าวใส่ปากเธอมองเขาน้ำตาคลอ เขาฝืนกินเธอรู้

" ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ "

"กินข้าวก่อนเถอะมีอะไรไว้ค่อยพูด "

ชาริสากลัวว่าเขาจะบอกเลิก เธอไม่อยากได้ยินไม่พร้อมยอมรับ ตักข้าวเข้าปากไม่รับรู้รสชาติใดๆ มีแต่ความขื่นขมน้ำตาก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ไหลลงมาใส่จานข้าว ภาคินทร์ชะงักก่อนเอ่ยถาม

" เป็นอะไรไป"

" เปล่า "

ภาคินทร์ถอนหายใจหนักๆ แม้เขาจะรู้สึกผิดกับเธอแต่ก็ไม่อยากยืดเยื้ออีกต่อไป ปีก่อนเขาประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อมได้ชาริสาช่วยเอาไว้ ความใกล้ชิดทำให้เขากับเธอมีความสัมพันธ์กัน และเขาก็ได้จดทะเบียนสมรสกับเธอ แต่ตอนนี้เขาจำทุกอย่างได้แล้วว่าเขาเป็นใคร เขาไม่ใช่ภาคินทร์ของเธอ แต่เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมชื่อดัง ที่สำคัญเขามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ก่อนเกิดอุบัติเหตุเขาทะเลาะกับโสรยาคู่หมั้นของเขาจึงได้ดื่มจนเมาขาดสติ และขับรถเร็วจนเกิดอุบัติเหตุ เขากับโสรยาคบกันตั้งแต่เรียนมหาลัย ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้และให้หมั้นกันไว้ก่อนพอเรียนจบแล้วค่อยแต่ง แต่โสรยายังไม่อยากแต่ง เธอขอไปเที่ยวเล่นเมืองนอกสักปีก่อน พอเธอกลับมาเขาก็ทวงสัญญาเรื่องแต่งงาน แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงจนเราทะเลาะกัน

" คุณจำทุกอย่างได้แล้วใช่ไหม "

เสียงพูดของชาริสาดึงสติของเขาให้กลับมา เขาพยักงาน

" ใช่ ผมจำทุกอย่างได้แล้ว ผมไม่ใช่ภาคินทร์ผมชื่อธนดล "

" ผู้หญิงคนนั้น ที่อยู่ในร้านอาหาร "

" เธอชื่อโสรยาเป็นคู่หมั้นของผม เราคบกันมาหลายปีตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยปี1 ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุผมกับเธอกำลังจะแต่งงานกัน"

" แล้วฉันหล่ะ "

" ผม ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียเวลากับผมไปเป็นปี ผมจะชดใช้ให้ "

ชาริสาปล่อยโฮ เขาบอกว่าจะชดใช้ให้เธอ 1ปีที่เธอเสียเวลาไปกับเขา 1ปีที่เธอทุ่มเทหัวใจรักเขา ทำทุกอย่างเพื่อเขา ตอนนั้นเขาตาบอดชั่วคราวอยู่6เดือน เธอคอยปลอบโยนเขาเป็นกำลังใจให้เขา เป็นดวงตาให้เขา ดูแลเขาทุกอย่าง ไม่เพียงตาบอดแต่ขาข้างซ้ายยังหัก เธอต้องคอยประคองเขาเวลาไปไหนมาไหน ดูแลแม้กระทั่งอาบน้ำเข้าห้องน้ำก็ไม่เคยรังเกียจ เธอทำงานเป็นพนักงานจัดเลี้ยงในโรงแรมแห่งหนึ่ง ทุกวันช่วงพักเธอจะนั่งวินมอไซค์กลับมาที่พักเพื่อดูแลป้อนน้ำป้อนข้าวเขา หลังเลิกงานเธอต้องทำงานพิเศษต่อ เพื่อหาเงินผ่าตัดให้เขา ที่เขาตาบอดเพราะมีลิ่มเลือดอุดตันกดทับเส้นปราสาทบริเวณศีรษะ พอเขาได้รับการผ่าตัด ตาของเขาก็เริ่มกลับมามองเห็นอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างของเขา ค่าเดินทางไปโรงพยาบาลค่ารักษาค่ายาล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ เพราะเธอรักเขาและคิดว่าเขาก็คงรักเธอเช่นกัน เธอก็ลืมคิดไป ว่าวันนึงหากเขาจำทุกอย่างได้ เขาก็คงจะทิ้งเธอ ผู้หญิงจนๆจะไปสู้คุณหนูที่ร่ำรวยได้ยังไง

" เราหย่ากันเถอะ ผมจะให้เงินคุณ10ล้านชดใช้กับ1ปีที่ คุณช่วยดูแลผม "

" ไหนคุณเคยบอกว่ารักฉัน บอกว่าจะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต คุณลืมไปแล้วเหรอ "

" ผม ตอนนั้นผมยังจำอะไรไม่ได้ ผมเป็นภาคินทร์ ไม่ใช่ธนดลเหมือนตอนนี้ "

ชาริสาแค่นหัวเราะ นั่นสินะตอนนั้นเขาคือภาคินทร์ ชายความจำเสื่อมตาบอดขาหัก ไม่ใช่ผู้ชายตรงหน้าเธอ ตอนนี้เขาชื่อธนดลตาเขามองเห็นแล้ว ขาที่หักก็ใส่เหล็กดามเอาไว้แล้ว เงินเธอทั้งนั้น เธอยิ้มทั้งน้ำตาให้เขา

" คนพูดไม่เคยจำ แต่คนฟังไม่เคยลืม ตอนที่คุณพูด คุณพูดเพราะสงสารอยากตอบแทนบุญคุณฉัน เลยพูดไปแบบนั้นให้ฉันรู้สึกดี เพราะคุณรู้ว่าฉันชอบคุณใช่ไหม ที่จริงแล้วคุณไม่เคยคิดอะไรกับฉันเลย คุณเห็นฉันเป็นที่พึ่ง เลยหลอกให้ฉันรักให้ฉันดูแล พอคุณหายดีก็ถีบหัวฉันส่ง "

ธนดลนิ่งเงียบเม้มปากไม่กล้าสบตาเธอ ในใจเขารู้สึกหน่วงแปลกๆ เขาตอบไม่ได้ว่ารักเธอไหม เขารู้แต่ว่าเขาก็รู้สึกดีที่มีเธออยู่ด้วย ตอนนั้นที่เขาบอกรักเธอเขาก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจ พอเขาจำทุกอย่างได้ เขาก็ยังมีโสรยาอีกคน เขาผูกพันธ์กับโสรยามากกว่า และเขาทิ้งเธอไม่ได้ถึงต่อให้เขาไม่เลิกกับชาริสา ยังไงพ่อกับแม่ของเขาก็ต้องบังคับให้เราเลิกกันอยู่ดี ฐานะเราสองคนต่างกัน ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันหรอก

" พรุ่งนี้คุณพร้อมไหม "

ชาริสาเงยหน้ามองเขา น้ำตาหลั่งรินมาไม่ขาดสาย ธนดลใจกระตุกวูบเมื่อเห็นเธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร เอื้อมมือจะไปเช็ดน้ำตาให้ แต่เมื่อคิดถึงโสรยาขึ้นมาก็ชักมือกลับ

" ดึกแล้วคุณเข้านอนเถอะ "

เขาหันหลังกลับไป มือดึงประตูเปิดออก ชาริสากลืนก้อนสะอื้นรีบพูดก่อนเขาจะไป

" พรุ่งนี้เจอกันที่เขต "

ธนดลหันกลับมามอง เธอก็เดินเข้าห้องนอนไปแล้ว

ชาริสานอนกอดตุ๊กตาร้องให้ เสียงรถเขาไปนานแล้ว แต่น้ำตาก็ไม่มีทีท่าจะหยุดไหลซะที ร้องให้ให้พอแล้วพรุ่งนี้เธอจะไม่ร้องให้อีก เขาไม่รักไม่แคร์เธอเลยสักนิด ถ้าเธอรู้ว่าการได้พบเขาได้รักเขา แล้วตัวเองต้องทุกข์ทรมานแบบนี้ วันนั้นเธอจะไม่ช่วยเขาเลย เธอปาดน้ำตาออกจากหน้า กอดปลอบตัวเอง

"ไม่เป็นไรนะ มีความสุขกับการหย่านะ ชาริสา"

ชาริสาไม่ได้นอนทั้งคืนเธอลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า มองดูตัวเองในกระจกดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้หนัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอกดรับสาย

" ฮัลโหล "

" หือ ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น วันนี้ทำไมไม่มาทำงาน แกเป็นอะไรรึเปล่า "

" ฉันลาหน่ะ "

" เป็นอะไรไม่สบายตรงไหนแล้วไปหาหมอรึยัง "

" ไม่ได้เป็นอะไร ฉันกำลังจะไปหย่า "

" อะไรนะ ทำไมถึงหย่าหล่ะ แกทะเลาะกับคินเหรอ มีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากันดีๆบางที "

" เขาจำทุกอย่างได้แล้ว "

ชาริสาพูดแทรกขึ้นมา กวินนาถึงกับนิ่งอึ้ง

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ buablue

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

คุณสามีเป็นผู้พิการ

คุณสามีเป็นผู้พิการ

Devocean
4.9

"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

จากเมียส้มหล่นสู่หญิงแกร่ง

Arvin Bikoff
5.0

หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”

พวกเจ้าคอยดู ข้าไม่ปล่อยไว้แน่

พวกเจ้าคอยดู ข้าไม่ปล่อยไว้แน่

Ellary Delossa
5.0

หยุนม่านชิง บุตรสาวของฮูหยินเอกจากจวนโหวหวยอัน ซึ่งถูกสลับตัวตอนอายุยังน้อย และเติบโตในชนบท เมื่อนางได้กลับมาที่จวนท่านโหวหวยอัน นางคาดหวังความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาจวนโหวถูกยึดครองโดยหยุนโหรวเจียที่เป็นลูกสาวปลอม ในการวางแผนของลูกสาวปลอมและคู่หมั้นของนาง หยุนม่านชิงต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา ต้องทำตัวนอบน้อมและก้มหัวให้ทุกคนเพื่อเอาใจคนในบ้าน นางคิดว่าจะได้ความรักและความสามัคคีในครอบครัว แต่กลับต้องถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจนถึงแก่ชีวิตเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาสู่วันที่เปลี่ยนโชคชะตาของนาง หยุนม่านชิงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป นางค่อยๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวปลอม ไม่ได้ต้องการความรักที่เป็นเพียงภาพลวงอีก และได้เรียกคืนทุกสิ่งที่เป็นของนางทีละนิดเมื่อนางตัดสินใจที่จะตัดขาดจากจวนท่านโหวอย่างสิ้นเชิง คนทั้งจวนกลับคุกเข่าขอร้องไม่ให้นางจากไป!

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ