Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
เจ้าสาวของชเยศ

เจ้าสาวของชเยศ

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
825
ชม
23
บท

โปรย เจ้าสาวของชเยศ เพราะเธอช่วยพี่สาวให้หนีไป คีติกาจึงต้องแต่งงานกับว่าที่พี่เขยของตัวเอง ทำให้เขาโกรธมาก จากที่เธอคิดว่าเขาจะยกเลิกการแต่งงาน เขากลับแต่งงานและรับเธอเป็นเมียแทน ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ฉันไม่อยากเป็นเมียคุณ” “อยากไม่อยากก็เป็นไปแล้ว” เขาไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ ชเยศมองหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง ทำเอาคีติกาต้องเม้มปากเข้าหากันเมื่อเห็นท่าทีของเขา “ฉันไม่ได้ขู่ แต่ฉันเอาจริง อยากเข้าไปในนอนในคุกก็เอาสิ คนแบบฉันสามารถทำให้เธอเข้าไปนอนในคุกได้สบาย ๆ หรือเธออยากจะลองดู” “อย่ามาขู่นะ ฉันไม่กลัวคุณหรอก” “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ขู่ หรือจะลอง” “ก็ได้ อยากได้อะไรก็บอก ฉันจะดูแลคุณก็ได้ แต่ไม่ใช่ในฐานะเมียคุณนะ แต่ฐานะที่ฉันทำให้คุณเจ็บตัวก็แล้วกัน” เสียงเธออ่อนลง เธอไม่ควรลองดีกับเขา นี่สิถึงจะถูก รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี เคยมีคนสอนเธอเอาไว้ “ฉันปวดฉี่” “คะ” เธอมองหน้าเขาแล้วกัดปากตัวเอง ก่อนหน้านี้เพิ่งเช็ดตัวเสร็จ และเมื่อกี้เพิ่งกินข้าว นี่จะเข้าห้องน้ำอีกแล้ว ป้อนข้าวไม่เท่าไหร่ แต่เช็ดตัวนี่สิ คนบ้าเรียกให้เธอไปถอดเสื้อผ้าให้ พอเธอไม่ทำ เขาก็จัดการแก้ผ้าตัวเองเสียเลย น่าอายที่สุด ไอ้คนบ้าลามก! เธอด่าเขาอยู่ในใจ “ค่ะ” เธอรับคำ พลางกัดฟันกรอด จัดการพาเขาเข้าห้องน้ำ “ฉันรอคุณอยู่ข้างนอกนะ” “ห้ามไปไหนไกลล่ะ เดี๋ยวเรียกแล้วไม่ได้ยิน” “คุณก็รีบทำธุระให้เสร็จสิ” เธอหันหลังให้เขา พลางทำหน้าเมื่อย “เสร็จแล้ว เธอมาช่วยฉันหน่อย” “ช่วยอะไร” “ก็มาก่อนสิ” “ว้าย! อะไรของคุณนี่” เธอร้องขึ้นเมื่อเดินเข้าไปหาเขาก็ยังอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย “ช่วยล้างอนาคอนด้าให้ฉันหน่อย” “ก็ล้างเองสิ ไอ้บ้า คุณนี่มั่นหน้ามากนะ เรียกของตัวเองว่าอนาคอนด้า โหย... ไอ้หนอนชาเขียว” “หน็อย... เธอว่าฉันเป็นหนอนชาเขียวอย่างนั้นเหรอ คอยดูหนอนชาเขียวอย่างฉันจะทำให้เธอครางได้ไหม” “ไอ้บ้า ไอ้ลามก ฉันไม่ยอมเป็นเมียคุณหรอก” “ก็ลองดูกันไป” เขากระชากเธอมาหา ก่อนจะพูดชิดใบหน้านวลเนียนของเธอ คีติกาดิ้นหนีเขาก็กดเธอไปกับผนังห้องน้ำก่อนจะบดจูบเธออย่างดุเดือด เพียะ! เสียงตบดังขึ้น ใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบ เขาก็ดึงเธอมากอดจูบอย่างดุเดือดอีกรอบ เธอก็ตบเขาอีกรอบ “ชอบตบจูบก็ไม่บอก” เขาจับเธออุ้มขึ้นพาดบ่า ความจริงอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งนานแล้ว แต่ที่เขายังอยู่โรงพยาบาลเพราะอยากแกล้งคีติกา “ไอ้บ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอกรีดร้องดีดดิ้นเมื่อเขากดเธอลงไปบนเตียงนอนของโรงพยาบาล “ไม่ปล่อย มีปัญญาดิ้นก็ดิ้นไปสิ” “ไหนคุณบอกว่ายังปวดหัวอยู่ไง” เขาบอกว่ายังป่วยอยู่ ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน แล้วนี่อะไรกัน “ฉันป่วยน่ะใช่ แต่ฉันก็อยากปราบพยศเธอ” “โอ๊ย!” ชเยศร้องเสียงหลงเมื่อโดนกัดเข้าที่บ่า “นึกว่าจะหนีรอดอย่างนั้นเหรอ โอ๊ย!” ชเยศร้องอีกรอบ รอบนี้เขาโดนเข่ากระแทกเข้าที่กล่องดวงใจ “สมน้ำหน้า” แนวนิยาย นิยายรักโรแมนติกหวานละมุน ซาบซึ้งตรึงใจ ตลกเบาสมอง พ่อแง่แม่งอน ตบจูบ พระนางชอบกัดกันเอาชนะกัน จบแบบสุขนิยม น่ารักไม่เครียด...

บทที่ 1 1

ชเยศฟื้นขึ้นมาบนเตียงของโรงพยาบาล โดยมีผ้าสีขาวพันเอาไว้บนศีรษะ

เขากวาดสายตามองไปรอบห้องก็สะดุดเข้ากับร่างของเจ้าสาวหมาดๆ ที่เขาเพิ่งแต่งงานด้วย

เธอเองก็ดีใจที่เขาฟื้นขึ้นมาเช่นกัน แต่เขานี่สิปวดหัวจนแทบระเบิด

“คุณเป็นยังไงบ้าง” เธอเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น ถ้าเขาตายไป เธอติดคุกแน่

“ฉันยังไม่ตาย” เขาเอ่ยตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะหลับตาลงเพราะปวดหัว

“ปากดี” เธอเบ้หน้าใส่เขา

“ฉันจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย”

“ก็คุณอยากมาปลุกปล้ำฉันก่อนทำไม”

เธอช่วยให้พี่สาวหนีไปกับคมฉกรรจ์เพราะสงสารในชะตากรรมของพี่สาวที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และเธอก็เคารพรักคมฉกรรจ์เป็นอันมาก เพราะเขาเคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ในตอนเด็ก สิ่งไหนที่จะตอบแทนเขาได้ เธอจึงช่วยเขาอย่างเต็มที่ ดังนั้นเธอจึงให้เขาลักลอบเข้ามาพาตัวพี่สาวออกไปจากห้องนอน โดยการวางยาสลบ ในขณะที่เธอปลอมตัวเป็นพี่สาวเข้าพิธีแต่งงานกับชเยศแทน

เธอคิดว่าชเยศไม่ได้ตัวพี่สาวของเธอ เขาก็คงยกเลิกงานแต่ง แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เขายังคงแต่งงานต่อไป อาจเพราะรักษาหน้า เธอคิดไปอีกทางหนึ่ง พอเสร็จงานก็คงแยกย้าย แต่ที่ไหนได้ เขาแก้แค้นเธอ ที่เธอช่วยให้คมฉกรรจ์พาพี่สาวเธอหนีไป จะเข้ามาปลุกปล้ำเธอ ทวงสิทธิ์ว่าเป็นสามีแต่งงานกันแล้ว เธอต่อสู้ก็เลยเอาโคมไฟฟาดหัวเขาจนหัวแตก

เธอตกใจมากกลัวเขาตาย จึงรีบเรียกให้บิดามารดาเอารถออกเพื่อพาเขามาโรงพยาบาล และโชคดีที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่หัวแตกเท่านั้น

แต่ปากไม่ได้แตกตามไปด้วย ถึงยังปากดีอยู่แบบนี้

“จำไม่ได้หรือไงว่าเธอแต่งงานกับฉันแล้ว เธอเป็นเมียฉัน ฉันจะนอนกับเมียมันผิดตรงไหน”

“ผิดสิ เพราะฉันกับคุณไม่ได้รักกัน คนที่คุณจะแต่งงานด้วยคือพี่สาวของฉัน”

“อ้อ... รู้ด้วยใช่ไหมว่าคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยคือพี่สาวของเธอ เธอก็ยังจะช่วยให้คมฉกรรจ์พาคีตาหนีไป”

“ฉัน...” เธออึกอัก ยอมรับว่าทำแบบนั้นจริงๆ ตอนทะเลาะกับเขา เธอเผลอคายความลับนี้ออกมา ไม่น่าเลยจริงๆ ถ้าเธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาก็ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนช่วยคมฉกรรจ์พาพี่สาวของเธอหนีไป

ปากพาจนแท้ๆ เลยยัยเพลิน

แต่ช่างหัวมัน เธอไม่ยอมรับผิดซะอย่าง ใครจะทำไม

“คุณนั่นแหละผิด พี่สาวของฉันรักอยู่กับพี่คม คุณก็ยังจะมาแย่งเขาไป ทำทุกวิถีทางบีบบังคับให้พี่สาวของฉันแต่งงานกับคุณ พี่คมพาพี่เพลงหนีไปน่ะถูกต้องแล้ว พี่เพลงจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักอย่างคุณ”

“อ้อ... เหรอ คนที่บีบบังคับพี่สาวของเธอคือพ่อแม่ของเธอไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่จีบ แต่คนที่ทำให้พี่สาวของเธอแต่งงานกับฉันคือพ่อแม่เธอนะคีติกา”

คีติกาเม้มปากเข้าหากัน เขาพูดก็ถูก บิดามารดาเล่นใหญ่ไฟกะพริบ ดราม่าน้ำตาแตก แถมยังยอมลงทุนโดนซ้อม แล้วพี่สาวที่รักพ่อแม่เหนือเกล้าเหนือหัวอย่างคีตาจะยอมทนให้พ่อแม่ลำบากอย่างนั้นเหรอ ไม่แน่นอน คีตาจึงเลยยอมตกลงแต่งงานกับชเยศ ในขณะที่คมฉกรรจ์เดินทางไปทำงานต่างจังหวัด และเธอก็ไม่ได้อยู่บ้านในช่วงนั้น

“ก็เพราะคุณมาจีบพี่สาวฉันไง พ่อแม่เลยบังคับพี่เพลง ถ้าคุณรู้ว่าพี่สาวของฉันมีคนที่รักอยู่แล้ว คุณมีคุณธรรมสักนิด ก็คงไม่คิดแย่งผู้หญิงของคนอื่นหรอก คุณเองก็หน้าตาดี การศึกษาดี ฐานะก็ดี คงไม่ขาดแคลนผู้หญิงหรอกใช่ไหม”

“ก็ใช่ ว่าฉันไม่ขาดแคลนผู้หญิง แต่ตอนนั้นฉันพบพี่สาวของเธอ ฉันก็ตกหลุมรักในทันที ก็เลยจีบ ใครจะไปรู้ล่ะว่าพี่สาวของเธอมีคนรักอยู่แล้ว พี่สาวของเธอก็ไม่ได้เอาป้ายมาแขวนคอไว้เสียหน่อยว่ามีว่าที่ผัวแล้ว”

“คุณนี่มัน” เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปากร้าย ปากจัดยิ่งกว่าผู้หญิงก็นายชเยศนี่แหละ เธอไม่เคยพบเคยเจอคนบ้าอะไรเถียงเก่งแถเก่งเหมือนเขามาก่อนเลย

“ฉันทำไม”

“ปากดีแบบนี้คุณคงดูแลตัวเองได้แล้ว และฉันขอบอกตรงนี้เลยว่าฉันจะไม่ยอมเป็นเมียคุณเด็ดขาด” เธอ

กับเขาเจอกันเป็นทะเลาะกัน ถ้าให้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ คงทะเลาะกันตายแน่ ๆ ที่สำคัญก็คือเธอไม่ชอบหน้าเขาเอามากๆ

“ถ้าเธอขืนก้าวออกไปจากห้องนี้ รับรองได้เลยว่าฉันจะให้คนของฉันแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายแน่ ๆ ที่สำคัญก็คือเธอเป็นเมียฉันแล้ว ยังไงก็ต้องดูแลผัว มันเป็นหน้าที่และเป็นการชดใช้กับสิ่งที่เธอทำกับฉัน”

“ฉันไม่อยากเป็นเมียคุณ”

“อยากไม่อยากก็เป็นไปแล้ว อีกอย่างพี่สาวเธอหนีไปกับชายอื่น ฉันคงไม่เอาของเหลือเดนของใครแน่ แต่คนที่ฉันจะเอาก็คือเธอนี่แหละ เธอต้องชดใช้กับสิ่งที่เธอทำเอาไว้กับฉัน” เขาไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ ชเยศมองหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง ทำเอาคีติกาต้องเม้มปากเข้าหากันเมื่อเห็นท่าทีของเขา

“ฉันไม่ได้ขู่ แต่ฉันเอาจริง อยากเข้าไปในนอนในคุกก็เอาสิ คนแบบฉันสามารถทำให้เธอเข้าไปนอนในคุกได้สบาย ๆ หรือเธออยากจะลองดู”

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม
เสน่หาเมียแสนรัก

เสน่หาเมียแสนรัก

โรแมนติก

5.0

โปรย เสน่หาเมียแสนรัก ฉากหน้าคือการที่เขาถูกบังคับให้แต่งงาน แต่ฉากหลังคือเขาหึงหวงและห่วงเธอสุดหัวใจ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน "คงมีความสุขมากสินะที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้" เขมนัทต์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทำให้บงกชเพชรต้องหันไปดูที่มาของเสียง "คุณนัทต์ อุ๊ย! ปล่อยนะคะ" บงกชเพชรดันร่างของเขาออกห่าง แต่เขายิ่งดึงเธอมากอดรัดเอาไว้แนบอก "อยากให้ปล่อยจริงๆ น่ะเหรอ เธออยากให้ฉันกอดจูบมากกว่าล่ะมั้ง" เขมนัทต์ยื่นหน้าเข้าไปหา แต่บงกชเพชรเบี่ยงหลบพร้อมทั้งดันปลายคางของเขาออกห่าง "ถอยไปนะ" สีหน้าเหมือนรังเกียจของเธอทำให้เขายิ่งอยากเอาชนะ "อื้อ..." ปากน้อยโดนบดจูบอย่างดูดดื่ม ไม่ว่าจะร้องประท้วงเพียงใด คนเอาแต่ใจก็ยังบดจูบจนปากแทบช้ำ เพียะ! ใบหน้าของเขมนัทต์หันไปตามแรงตบ เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเพราะรู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ ก่อนที่จะรวบร่างเธอมาจูบอย่างดุเดือด เพียะ! ใบหน้าของเขมนัทต์หันไปตามแรงตบอีกรอบ เขาดึงเธอมากอดจูบอย่างดุเดือดกว่าเดิม บงกชเพชรดิ้นรนจนหลุดจากอ้อมแขนแกร่ง ก่อนที่จะวิ่งหนี แต่เธอโดนกระชากเข้าไปบดจูบอีก "อื้อ... คนบ้าป่าเถื่อน" เธอดิ้นหนีใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากของตัวเองอย่างรังเกียจ มองเขาอย่างตกตะลึงไม่คิดว่าเขมนัทต์จะกล้าทำอะไรป่าเถื่อนกับเธอแบบนี้ "เป็นไงรสชาติตบจูบของฉัน" "คนสารเลว" บงกชเพชรกัดปากตัวเองจนเจ็บ มองเขาอย่างเจ็บใจ "แต่งงานเธอจะโดนหนักกว่านี้อีก โดนจูบทั้งตัว!" ประโยคของเขาทำเอาเธอหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู "บัวเกลียดคุณนัท" "แล้วไง เธอออดอ้อนคุณย่าบีบบังคับให้ฉันแต่งงานด้วย ก็อยากโดนฉันกอดจูบสักครั้งไม่ใช่เหรอ ฉันก็กอดจูบให้เอาบุญแล้วไง" "ความคิดสกปรก ถ้าคุณไม่อยากแต่งงานก็ควรบอกคุณย่าไปตรง ๆ ไม่ใช่เอาความโกรธมาลงที่ฉันแบบนี้" บงกชเพชรพูดอย่างเจ็บใจ

รักไหมถามหัวใจดู

รักไหมถามหัวใจดู

โรแมนติก

5.0

โปรย รักไหมถามใจดู พลอยไพลินแอบหลงรักพี่เพชร พี่สาวข้างบ้านสุดหัวใจ เธอพยายามตามไปตอแยเพราะอยากให้อีกฝ่ายเห็นเธออยู่ในสายตาตลอด แม้พี่เพชรของเธอจะรำคาญแค่ไหน แต่ก็ยังเก็บสาวน้อยข้างบ้านไว้ข้างกายเสมอ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน เธอค่อย ๆ ย่องเข้าไปในห้องนอนกว้างของเพชร อีกฝ่ายกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ "พี่เพชรขา ให้พลอยช่วยไหมคะ" พลอยไพลินรีบเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับเพชร ทำเอาเพชรถึงกับสะดุ้ง "ยายตัวแสบเข้ามาได้ยังไงนี่" เพชรตะครุบมือสาวน้อยข้างบ้านอย่างตกใจ ในขณะที่กำลังกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเก่งอยู่ "เดินเข้ามาทางประตูค่ะพี่เพชร" สาวน้อยทำหน้าเป็นอย่างแสนซน เพชรทำตาดุใส่สาวน้อย แต่พอเห็นใบหน้าสวยหวานนั้นก็ทำให้ถึงกับอึ้งไปเลย แก้มนวลใสทำให้อดใจแทบไม่ไหว เพชรเบือนหน้าหนีแต่ต้องอุทานออกมา "อุ๊ย!" เพชรโดนสาวน้อยหอมแก้มเข้าให้ฟอดใหญ่ พลอยไพลินยิ้มแสนซน ยกมือขึ้นจะจับแก้มของเพชร แต่โดนอีกฝ่ายรวบมือเอาไว้ "จะทำอะไร" "พี่เพชรน่ะ ดุจัง" "อย่าทำรุ่มร่ามสิ" เพชรทำเสียงดุ "คิดถึงค่ะ" เธอยื่นปากไปจุ๊บปากของเพชร "อุ๊ย!" เพชรยกมือขึ้นแตะปากตัวเอง "เป็นสาวเป็นนาง" เพชรดุอีก "พี่เพชรก็เป็นสาว" เธอยิ้มหน้าเป็น ก่อนที่จะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับใบหน้าของเพชร "แถมยังเป็นสาวที่หล่อมากๆ เลยด้วย" เพชรเดินหนี แต่พลอยไพลินเดินไปดักหน้าก่อนที่จะช่วยกลัดกระดุมเสื้อให้อีกฝ่าย "โอ๊ย! พี่เพชรตีมือพลอยทำไมคะ" "พี่กลัดกระดุมเอง" "ทำไมพี่เพชรต้องหวงเนื้อหวงตัวกับพลอยด้วย ทีสาว ๆ คนอื่น" "สาวคนอื่นทำไม" เพชรทำเสียงดุ ก่อนจะกลัดกระดุมเสื้อจนเสร็จ เพชรเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์คนดัง มีทั้งอิทธิพล อำนาจ และความร่ำรวย แต่ยังไร้คู่ชีวิต เพราะต้องช่วยบิดาและพี่ชายทำงานตั้งแต่เด็ก เพชรจึงไม่คิดหาใครมาเคียงข้าง เนื่องจากกลัวว่าหากรักใครไปแล้ว จะทำให้อีกฝ่ายเกิดอันตรายได้ เพราะมีคู่แข่งทางธุรกิจมากมาย "แนวนิยาย "นิยาย Girl Love/Yuri รักโรแมนติก น่ารัก หวานซึ้งตรึงใจ"

เมียเถื่อนของคมฉกรรจ์

เมียเถื่อนของคมฉกรรจ์

โรแมนติก

5.0

โปรย เมียเถื่อนของคมฉกรรจ์ เพราะเธอต้องเข้าพิธีแต่งงานกับชายอื่นเพื่อช่วยเหลือบิดามารดา ทั้ง ๆ ที่เธอรักคมฉกรรจ์เหลือเกิน เธอจึงจุดไฟความแค้นขึ้นมาในตัวเขา เขาลักพาตัวเธอในคืนวันแต่งงานทำให้เธอเป็นเมียเถื่อนของเขา ตัวอย่างบางช่วงบางตอน... คีตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เธอเพิ่งเสียตัวเป็นครั้งแรก โดนจัดหนักจากอดีตแฟนหนุ่มที่ลักพาตัวเธอมาจากงานแต่งงาน "ตื่นแล้วเหรอ" น้ำเสียงเย็นชาของคมฉกรรจ์ทำให้เธอต้องเม้มปากเข้าหากัน คีตาไม่ตอบ แต่เธอกอดตัวเองเอาไว้ด้วยความหนาว ดึงผ้าห่มมาปิดบังเรือนร่างและเลื่อนมือไปหยิบเสื้อผ้าที่โดนกระชากออกไปจากตัว พบว่ามันขาดวิ่นจนหมดแล้ว เธอกัดปากตัวเองก่อนจะเหลือบมองคนตัวโตด้วยดวงตาแดงก่ำ "ไม่ต้องใส่หรอก เดี๋ยวจะเอาอีกหลายๆ รอบ" เขาเดินเข้ามาหาก่อนจะกระชากเสื้อผ้าออกไปจากมือน้อยของเธอ "พี่คม" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ทำสีหน้าแบบนี้อยากกลับไปหาเจ้าบ่าวของเธออย่างนั้นเหรอ แต่เสียใจด้วยนะ ป่านนี้มันคงรู้แล้วล่ะว่า มันไม่มีทางได้ตัวเธอ" "พี่คมทำถึงขนาดนี้ เพลงจะมีหน้ากลับไปได้อีกเหรอคะ" เธอมองเขาแล้วน้ำตาซึม "เสียใจขนาดนี้เลยเหรอที่ตกเป็นของพี่" "พี่คมย่ำยีกันขนาดนี้ จะให้เพลงนั่งยิ้มนั่งหัวเราะเหรอคะ" "ก็แล้วเธอผิดสัญญาไปแต่งงานกับไอ้ชเยศก่อนทำไมกันล่ะ" "พ่อกับแม่กำลังลำบาก เพลงต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ พี่ก็รู้ว่าเพลงรอไม่ได้" "เพราะไอ้หมอนั่นมันมีเงินมากกว่าต่างหากล่ะ" "ไม่ใช่นะจ้ะ แต่เพราะหนี้สินของพ่อแม่รอไม่ได้จริงๆ เพลงเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณเชน" "เรียกมันเสียสนิทสนม ไม่เรียกมันว่าพี่เชนไปเลยล่ะ" เขาประชด หมอนั่นกวนบาทาเขาจริง ๆ เคยมีเรื่องชกต่อยกันมาแล้ว "ทำไมต้องประชดเพลงด้วย" คีตามองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ "ก็ดีที่ไม่อยากแต่งงานกับมัน พี่สืบรู้มาว่าพ่อแม่ของเธอไม่ได้เป็นหนี้จริงๆ แต่ที่ทำไปทั้งหมดเป็นการเล่นละครบีบบังคับให้เธอแต่งงานกับหมอนั่น" "จริงเหรอจ๊ะ" "จริงสิ" "พี่รู้อย่างนี้ก็ยังจะทำแบบนี้อีกเหรอจ๊ะ" "ไม่ทำแบบนี้เธอก็เป็นเมียหมอนั่นน่ะสิ ไม่ต้องกังวลไป พ่อแม่เธอไม่โดนทวงหนี้หรอก" "พี่รักเพลงจริงหรือเปล่าจ๊ะ" "ทำไม" "พี่ทำแบบนี้เพลงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไหนจะพ่อกับแม่อีก" "ถ้าไม่ทำแบบนี้ เพลงก็ต้องเป็นของมัน พี่ไม่ยอม" เขาลุกจากที่นั่งผิงไฟอยู่มาหาเธอ คีตาถอยหนี คมฉกรรจ์ก็ดึงรั้งเธอมาหา "พี่คมจะทำอะไรคะ" เธอเอ่ยถามปากคอสั่น แนวนิยาย นิยายรักโรแมนติกโรมานซ์ หวานซึ้งตรึงใจ จบแบบสุขนิยม ไม่มีนอกกาย ไม่มีนอกใจ พระนางมีความรักที่มั่นคง

คลั่งรักสาวน้อยสิบแปด

คลั่งรักสาวน้อยสิบแปด

โรแมนติก

5.0

เขารักเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่เพราะความเข้าใจผิดทำให้เขาร้ายกาจกับเธอ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน "ไม่ต้องทำท่ารังเกียจฉันขนาดนั้นก็ได้ เพราะฉันก็ไม่ได้พิศวาสผู้หญิงสำส่อนแบบเธอหรอก" เธอหันขวับไปมองเขา ก็ได้เห็นแต่สายตาดูถูกเหยียดหยามของเขา "พี่หมายความว่ายังไงคะ" เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เธอไปสำส่อนอะไรกับใครตอนไหน "อย่าแกล้งทำเป็นไขสือหน่อยเลย กับฉันทำเป็นสะดีดสะดิ้ง ทีกับผู้ชายคนอื่นเธอร่าน" "พี่ช้าง" เธอหลุดอุทานออกมาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะโดนเขาด่าเช่นนี้ แต่เธอไม่อยากเสวนากับคนพาล เห็นว่าฝนเริ่มซา เลยคิดว่าจะกลับบ้านตัวเอง ยังไงก็เปียกอยู่แล้ว เปียกอีกนิดก็คงไม่เป็นไร "จะรีบไปไหนล่ะ" คเชนทร์ตามมากระชากแขนของพิมพ์แก้วเอาไว้ เธอตกใจสะบัดหนีแต่ไม่หลุด "กับฉันทำไมทำท่ารังเกียจแบบนี้ หรือแกล้งทำเป็นดีดดิ้นเล่นตัวโก่งค่าตัว" เขารั้งเธอมากอดรัดเอาไว้แนบอก พิมพ์แก้วตกใจกับการกระทำป่าเถื่อนของเขา "ฉันก็แมนทั้งแท่ง เงินก็มีเต็มกระเป๋า รับรองว่าลีลาเด็ดไม่แพ้ผู้ชายคนไหน เธอไม่สนเหรอ" เขาพูดจาอย่างคุกคาม "หยาบคายร้ายกาจที่สุด นี่ปล่อยนะ ถึงแก้วจะร่านยังไง แต่รู้เอาไว้ว่าไม่ร่านกับพี่แน่นอน ฉันจะนอนกับผู้ชายทุกคนบนโลกยกเว้นพี่" "อย่างนั้นเหรอ" เขาจูบเธออย่างดุเดือด พิมพ์แก้วดิ้นรนผลักไส ก่อนจะตบหน้าเขาฉาดใหญ่ ทำให้ใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบ เธอเตรียมหนีแต่เขากระชากแขนเธอเอาไว้ ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บจนหน้าชาไปหมด เขาใช้ลิ้นดุนดันกระพุ่งแก้มเอาไว้ ก่อนที่จะจับเธอแบกขึ้นบ่าพาเข้าไปในกระท่อมหลังน้อย "นี่ปล่อยนะ คนบ้าป่าเถื่อน" เธอหวีดร้อง รู้สึกมึนหัวไปหมด เขาโถมกายเข้าหา ทาบทับเธอเอาไว้ทั้งตัว "ไม่ปล่อย" เขาตอบอย่างยียวน ก่อนจะซุกใบหน้าเข้าหา ขบเม้มซอกคอเนียนละเอียดของเธอไม่ยอมละห่าง "ปล่อยแก้วนะ" พิมพ์แก้วดิ้นหนี แต่ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของเขาได้ เขากระชากเสื้อผ้าเปียกชื้นของเธอออกไปจากร่าง พิมพ์แก้วหวีดร้องเสียงหลง ใจหายวาบ ไม่คิดว่าจะเสียท่าเขาขนาดนี้ ไม่คิดด้วยว่าคเชนทร์จะป่าเถื่อนกับเธอถึงเพียงนี้ เธอยกมือขึ้นกอดอก อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่เคยมีใครได้เห็นนวลเนื้อขาวผ่องใต้ร่มผ้าของเธอมาก่อน "ว้าย! ปล่อยนะ" พิมพ์แก้วดิ้นหนีเขาก็ตามมาทาบทับ ใช้มือหนากดมือเล็กไปกับเตียงไม้ขนาดกลาง "อย่านะคะพี่ช้าง" "อื้อ" เสียงประท้วงของเธอหายเข้าไปในลำคอเมื่อเขาก้มลงมาจุมพิต ริมฝีปากแสนหวานอย่างดูดดื่ม เธอพยายามเบี่ยงหลบ เขาก็ใช้มือหนาจับปลายคางสวยเอาไว้ บังคับให้เธอเผยอปากรับจูบเขา มือหนาอีกข้างรวบมือเธอขึ้นเหนือศีรษะเพื่อล็อกเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอใช้มือประทุษร้ายเขาได้ ยิ่งเธอดิ้น เขาก็ยิ่งอยากเอาชนะ จัดการกระชากกางเกงผ้าด้านล่างของเธอออก หัวใจของพิมพ์แก้วหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม "พี่ช้างอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ" "กับคนอื่นเธอยอม แต่กับฉันเธอไม่ยอม" "แก้วสกปรกสำส่อนก็อย่าเอาตัวเองมาเกลือกกลั๊วกับแก้วเลยค่ะ" "ยอมรับแล้วสินะว่าตัวเองสกปรก ก็ดีเอามัน ๆ ไม่ต้องถนอมมาก" เขาหยิบเครื่องป้องกันมาสวมใส่ก่อนจะแยกเรียวขาของเธอออก

หนังสือที่คุณอาจชอบ

มนตร์พิศวาสอสูร

มนตร์พิศวาสอสูร

อัญญาณี
5.0

บัณฑิตาหนีการคลุมถุงชนมาไกลถึงกรุงลอนดอน คิดว่าจะรอดพ้นจากการถูกบังคับ แต่โชคชะตากลับเล่นตลกกับหล่อน เมื่อมาเจอ “ผู้ชายในคืนนั้น” คืนที่เธอสูญเสียพรหมจรรย์ เขาพันธนาการหล่อนไว้ด้วยความสิเน่หาอันเร่าร้อน “คุณจำผมไม่ได้เหรอ” คำถามชายหนุ่มตรงหน้าเรียกความสงสัยให้บัณฑิตามากว่า ตนเคยเจอเขาด้วยหรือ หล่อนใช้ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยคิดทบทวนว่า เคยเจอเขาหรือไม่ “ไม่ ฉันไม่เคยเจอคุณ” “อ้อ...ผมลืมไป คุณจำผมไม่ได้ แต่ผมจำคุณได้ดี” คำพูดของเขายิ่งทำให้บัณฑิตางงหนักขึ้น “ผมคือผู้ชายคืนนั้นไง ผู้ชายที่ได้ความสาวของคุณ” เหยื่อติดกับแล้ว ราชสีห์หนุ่มไม่มีวันปล่อยหล่อนเด็ดขาด...

พระชายาสารพัดพิษ

พระชายาสารพัดพิษ

เกาะครีต
5.0

"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ