Login to MeghaBook
icon 0
icon เติมเงิน
rightIcon
icon ประวัติการอ่าน
rightIcon
icon ออกจากระบบ
rightIcon
icon ดาวน์โหลดแอป
rightIcon
รอยกัดอันตราย คุณแวมไพร์ที่รัก

รอยกัดอันตราย คุณแวมไพร์ที่รัก

หวัง ลี่หยาง

5.0
ความคิดเห็น
ชม
11
บท

กลิ่นเลือดที่หอมหวานเย้ายวนนั่น เธอต้องตกเป็นผู้รับใช้โลหิตของฉัน “ ตลอดไป ”

บทที่ 1 การพบเจอ

ทั่วทั้งดินแดนถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด การต่อสู้แก่งแย่งเพื่อที่จะได้เป็นผู้ครอบครองดินแดนของทั้ง 2 เผ่าพันธุ์นั้นมีมานานหลายสิบปี และแล้ววันตัดสินชี้ชะตาในวันนี้ก็มาถึง เหล่าแวมไพร์ทั้งหลายสามารถเอาชนะการต่อสู้อันแสนยาวนานนี้ได้ พวกมนุษย์จึงต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์นับตั้งแต่นั้นมา

หลายชีวิตต้องหนีเอาตัวรอด หากหนีไม่พ้นก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะมาเยือนพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หากใครที่คิดจะหลบหนีและถูกจับได้ พวกแวมไพร์ก็จะลงมือฆ่าได้อย่างเลือดเย็น

“รีบหนี รีบหนีเดี๋ยวนี้!!!”

“หนีเร็ว....วิ่งเร็ว!!”

สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังหลบลูกหนีตาย จากการถูกเหล่าแวมไพร์ไล่ล่า ทั้งคู่วิ่งหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตไปจนถึงโกดังเก็บของเก่าๆ แห่งหนึ่ง หญิงสาวอุ้มลูกสาวและลูกชายของเธอบรรจงวางลงไว้ภายในโกดัง และใช้สิ่งของที่อยู่ภายในนั้นบังกายลูกของเธอเอาไว้

“ลูกทั้งสองฟังแม่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด”

“แล้วแม่กับพ่อล่ะคะ”

เด็กหญิงเอ่ยถามผู้เป็นแม่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่กำลังจะลุกขึ้นเดินไปจากเธอและน้องชายที่นั่งกอดกันกลมตัวสั่นงันงกอย่างหวาดผวา

“ไม่ต้องถามแล้ว ดูแลน้องให้ดี และห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด”

“ที่รักช่วยป้องกันไว้ เร็วเข้า!! พวกแวมไพร์กำลังจะทลายกำแพงเข้ามาได้แล้ว!!”

เสียงผู้เป็นสามีดังขึ้น หญิงสาวรีบปิดประตูห้องนั้น เธอวิ่งออกมาสมทบกับสามี สองมือจับไม้หน้าสามท่อนหนึ่งไว้แน่นเผื่อเป็นสิ่งป้องกันตัว เธอหันกลับไปด้านหลังอีกครั้ง สายตามองไปที่ประตูที่ถูกปิดทึบด้วยความห่วงหาอาวรณ์

“ขอโทษนะ แต่ลูกทั้งสองคนจะต้องมีชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตที่เหลือแทนพ่อกับแม่ด้วยนะลูก”

“พวกแกจะทำอะไร!! ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก พวกแวมไพร์สกปรก”

เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อพวกแวมไพร์นักล่าพังทลายกำแพงเข้ามาได้สำเร็จ เขายกไม้ท่อนใหญ่ขึ้นมาป้องด้านหน้า ต่อให้ชีวิตนี้ต้องตาย ขอเพียงได้ปกป้องบุตรและภรรยาผู้เป็นที่รักก็เพียงพอแล้ว

--- เอือกกก!!! ---

---กรี๊ดดด!!!---

มีดดาบยาวถูกฟาดฟันลงไป ทุกอย่างถูกฉายให้เห็นผ่านดวงตาของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่แอบมองผ่านรูขนาดเล็กภายในห้องที่หลบซ่อนตัว ทั้งพ่อและแม่ถูกมีดดาบยาวฟาดฟันจนเลือดสาดกระเซ็นและล้มลงแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตา เด็กหญิงรีบเอามือเล็กปิดปากตัวเองและน้องชายวัย 4 ขวบเอาไว้แน่นเพราะเกรงว่าจะเผลอร้องออกมาจนพวกแวมไพร์นักล่าตามเข้ามาเจอ

“นี่เรา...ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว....”

หญิงสาววัย 18 ปี สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางห้องเรียนภายในมหาวิทยาลัยประจำเมือง เธอเผลอหลับไปในช่วงพักกลางวันด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหาเงินมาเพื่อรักษาน้องชายที่ป่วยเป็นโรคร้ายที่ยากจะรักษา

“ไอรีน” เด็กสาวที่กำพร้าพ่อแม่ เธอและน้องชายได้รับการอุปการะจากคุณป้าใจดีท่านหนึ่ง เธอเป็นมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ชีวิตในแต่ละวันของเธอนั้นต้องอดทนทำงานหาเงินเพื่อนำมารักษาอาการเจ็บป่วยของน้องชาย และยังต้องทนเป็นเบี้ยล่างของพวกแวมไพร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี่อีกด้วย

“พวกเธอรู้ไหม ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของฉันคือได้เป็นผู้รับใช้โลหิตให้แก่เจ้าชาย”

“เลือดของเธอ รสชาติคงจะแย่น่าดู เจ้าชายน่าจะดื่มไม่ลงหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมห้องดังขึ้น ภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลเคลล็อกก์ ถูกปกครองโดยเจ้าชายคิงส์ ผู้ซึ่งเป็นแวมไพร์หนุ่มหล่อ ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย และเขาได้มอบหมายให้น้องชายของเขาอย่างเจ้าชายไคน์ ปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้

เมืองนี้มีทั้งมนุษย์และแวมไพร์อาศัยอยู่ร่วมกัน พวกมนุษย์ต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้แก่เหล่าแวมไพร์อยู่เสมอ หากใครที่ขัดขืนหรือต่อต้านก็จะถูกทำร้ายอย่างทารุณและเลือดเย็น ในมหาวิทยาลัยประจำเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน

ไอรีนนั่งฟังเพื่อนร่วมห้องของเธอพูดคุยกันก็รู้สึกขยะแขยง เธอเกลียดพวกแวมไพร์ชนิดที่ตายก็ไม่เผาผี หากเลือกได้เธอก็คงไม่เรียนที่นี่ให้ถูกข่มเหงหรอก แต่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้คือความใฝ่ฝันทั้งหมดของน้องชายที่เธอรักที่ตอนนี้ป่วยเป็นโรคร้าย กำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทั้งชีวิตของเธอเหลือแค่น้องชายเพียงคนเดียวแล้ว เธอต้องเรียนให้จบจากที่นี่ให้ได้เพื่อสานฝันของน้องชายให้สำเร็จ

ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ พวกแวมไพร์มักจะรังแกมนุษย์ผู้อ่อนแออยู่เสมอ ไอรีนเข้าใจสิ่งนี้ดีเพราะเธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกรังแกกดขี่ไม่เว้นแต่ละวัน เธอไม่เข้าใจผู้หญิงพวกนั้นเสียจริง พวกแวมไพร์มีอะไรดีทำไมผู้หญิงเหล่านี้ถึงกับยอมมอบกายถวายชีวิตให้ขนาดนั้น

“นี่เธอ! เอานี่ไปส่งที่ห้องชมรมศิลปะหน่อยสิ ให้ไวล่ะ”

เสียงของเพื่อนชายร่วมห้องคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะโยนเอกสารกองโตใส่มือเธอโดยไม่รอฟังคำตอบ ไอรีนรับเอกสารนั้นอย่างจำยอมและเดินตรงไปที่ห้องชมรมศิลปะแต่โดยดี ถึงเธออยากจะปฏิเสธแค่ไหน แต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธออกไป เพราะการที่ตกเป็นเป้าของเหล่าแวมไพร์นั้นมันช่างน่ากลัว

“ทำไมต้องเป็นฉันที่โดนกดขี่รังแกอยู่ร่ำไป”

เธอตัดพ้อด้วยความน้อยใจในโชคชะตา เธออยากจะเข้มแข็งและกล้าต่อต้านพวกแวมไพร์เหล่านี้ แต่เธอก็กลัว กลัวว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะต้องลงเอยเหมือนพ่อและแม่ของเธอเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ประตูห้องชมรมศิลปะถูกเปิดออกเล็กน้อย คนตัวเล็กยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปภายในห้องนั้น เธอกลับได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ เธอแอบดูก็เห็นว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งล้มลงและแน่นิ่งไป ตามมาด้วยคำพูดของใครบางคน

“ไม่ได้เรื่อง!! หึ!”

“ไคน์” เจ้าชายผู้ปกครองมหาวิทยาลัยแห่งนี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวคนไหน รสชาติเลือดสาวของพวกเธอเหล่านั้นก็ช่างไม่ถูกปากเขาเอาเสียเลย ไม่มีความหอมหวาน นอกเสียจากรสขมและฝาดเต็มลิ้น แวมไพร์หนุ่มหล่อร่างสูงยกมือขึ้นปาดเลือดที่เลอะริมฝีปากออกอย่างใจเย็น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่หน้าประตูห้อง

“เธอคนนั้น เข้ามานี่!!...”

---ปึ้ง!!!---

คนตัวเล็กรีบปิดประตูเสียงดังปึ้งด้วยความตกใจ เธอรีบวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิต เอกสารที่ถืออยู่ในมือหล่นกระจัดกระจายไปตามรายทาง

“เขาเป็นแวมไพร์!! ทำไมฉันต้องมาเห็นภาพที่น่าขยะแขยงแบบนี้ด้วย”

เธอวิ่งโดยที่ไม่ดูทางเบื้องหน้าเลยว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่หรือไม่ ไม่นานก็วิ่งไปชนเข้ากับเสาต้นใหญ่และล้มลง

“ฉันเรียกเธอ เธอกล้าหนีฉันเหรอ? หึ! ช่างกล้านัก”

ผู้ที่ตามออกมาจากห้องชมรมศิลปะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเมื่อเขาเอื้อมมือไปจับไหล่คนตัวเล็กและบีบมันอย่างรุนแรง

“โอ๊ย!!! ปล่อยฉันนะ...ปล่อย”

เธอพยายามขัดขืนและสะบัดมือหนานั้นออกแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด

“เสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างนั้นเหรอ แบบเธอก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นที่รอถ่างขาพร้อมมอบทั้งเลือดและร่างกายให้ฉันหรอก หึ!! แต่ก็นะลองเปลี่ยนมาเป็นแบบสาวที่ดูไร้เดียงสาบ้างก็คงไม่เลว”

สิ้นเสียงนั้น ร่างสูงก็เอื้อมมือไปจับมือข้อเล็กไว้แน่น เขายกข้อมือเล็กขึ้นมาพร้อมกับใช้ลิ้นร้อนเลียไปตามฝ่ามือนั้น ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับขนลุกซู่เมื่อโดนสัมผัส

“อื้ม...กลิ่นกายของเธอไม่เลวเลยนี่...หอม กลิ่นหอมนี่มัน...”

แวมไพร์หนุ่มค่อยๆ ลูบไล้ไปตามเรียวขาขาว มือหนาลากไล่ไปจนรุกล้ำเข้าไปใต้กระโปรงพีชสั้นที่เธอสวมใส่

“ยะ...หยุดนะ!!”

“หึ!! ผู้หญิงเช่นเธอควรจะขอบคุณฉันมากกว่านะ ที่ทำให้เธอเป็นผู้โชคดีที่ถูกฉันเลือกในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็พร้อมยอมพลีร่างกายให้ฉันอยู่แล้ว อย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลยน่า”

ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา สายตาของเธอประสานเข้ากับดวงตาสีเขียวที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีแดง พลันความคิดนึกถึงอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็โลดแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง

ภาพแวมไพร์นักล่าเนื้อตัวเปือดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่ลงมือสังหารผู้เป็นพ่อและแม่ของเธอโลดแล่นเข้ามายังโสตประสาท แววตาสีแดงก่ำนั้นช่างไม่ต่างกันกับแววตาที่เธอเห็นในตอนนั้นเลย

“ปล่อย!! เอามือที่น่าขยะแขยงของนายออกไปนะ!!”

---เพี๊ยะ!!!---

ฝ่ามือเล็กฟาดลงไปที่ใบหน้าหล่อคมอย่างรุนแรงจนเล็บยาวของเธอไปบาดแก้มของแวมไพร์หนุ่มจนมีเลือดไหลซิบออกมา ไคน์ยกมือขึ้นปาดเลือดบนแก้มนั้นช้าๆ เขายกยิ้มจนเห็นเขี้ยวอันแหลมคม แววตาที่แดงก่ำปรากฎขึ้นอีกครั้ง

“หึ!! แรงเยอะดีนี่ ดีเลย!! ยินดีด้วยสาวน้อย เธอทำให้ฉันโมโหสำเร็จแล้ว เป็นของฉันดีๆไม่ชอบสินะ”

มือหนาฉุดกระชากแขนเรียวของคนตัวเล็กให้เดินตามเขาไป ไม่ว่าเธอจะขัดขืนต่อต้านเพียงใดแต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดนั้นก็ไม่สามารถสู้แรงของเจ้าชายแวมไพร์อย่างเจ้าชายไคน์ได้เลย

“ตามมานี่!!! เธออยากลองดีกับฉันใช่ไหม ได้สิ ได้เลย!!”

เขาตะคอกเสียงดังพร้อมยื้อยุดฉุดกระชากคนตัวเล็กด้วยความรุนแรง ไคน์ลากเธอออกมาที่ริมระเบียงใหญ่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ท่ามกลางสายตาของนักศึกษามากมายที่เป็นทั้งมนุษย์และแวมพร์ เสียงอันทรงพลังก็ประกาศกร้าวขึ้น

“ทุกคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จงฟังฉันให้ดี!! นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผู้หญิงคนนี้คือศัตรูของฉัน และถือเป็นศัตรูของทุกคนเช่นกัน ทุกคนสามารถทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจ ฉันอนุญาต”

สิ้นเสียงมือหนาก็ปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ ร่างบางเล็กล้มทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำสีใสรินไหลออกมาจากดวงตาอันน่าสงสารของไอรีน เหตุใดเธอต้องโชคร้ายมาเจอกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วย เมื่อไหร่โชคชะตาจะเห็นใจให้ชีวิตเธอได้พบเจอเรื่องที่ดีและคนที่ดีเหมือนคนอื่นเขาสักที

“ผู้หญิงคนนั้นกล้าล่วงเกินเจ้าชายของเราขนาดนี้เลยเหรอ”

“หึ!! ใช่ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง สิ่งที่ฉันตอบแทนคืนให้เธอนั้นถือว่าสมควรแล้ว”

ไคน์ตอบกลับบาร์รอน ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้ติดตามที่สามารถจัดการทุกปัญหาและทุกเรื่องแทนเขาได้

“นายไม่ทำรุนแรงไปหน่อยเหรอ”

บาร์รอนยังคงเอ่ยถามขึ้น สำหรับเขาแล้วสิ่งที่เจ้าชายไคน์ทำไปนั้นก็ดูรุนแรงมากเกินไป เทียบกับมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นเพียงแค่หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลย

“สิ่งที่ฉันทำกับยัยนั่น ก็มาจากผลจากการกระทำของเธอไม่ใช่หรือไง เธอท้าทายฉันและเธอยังกล้าทำร้ายฉัน หึ!”

ไอรินเดินโซซัดโซเซลงมาจากระเบียงใหญ่ ตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง ระหว่างทางที่เดินนั้นเธอโดนข้าวของปาเข้ามาโดนตัวไม่หยุด เหล่านักเรียนนักศึกษาทั้งที่เป็นแวมไพร์และมนุษย์เหมือนกันต่างลงมือกับเธอตามคำสั่งของเจ้าชาย

หากไม่ใช่เพียงเพราะต้องทำเพื่อน้องชาย และหากมีที่ให้สามารถหลบหนีไปได้ เธอก็คงไม่ต้องมาทนอยู่ในสถานที่ที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเช่นนี้ ตั้งแต่ที่มนุษย์ต่อสู้พ่ายแพ้ในวันนั้น ทุกคนก็ต้องตกเป็นของเล่นของเหล่าแวมไพร์ หากใครอยู่เป็นและยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายก็จะสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนแห่งนี้

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ หวัง ลี่หยาง

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สุดแค้นแสนหื่น

สุดแค้นแสนหื่น

กาสะลอง
5.0

“อ๊อย... ” หล่อนร้องคราง เมื่อหนวดเคราสากระคาย ปักทิ่มลงบนผิวเนื้ออ่อนๆ ของทรวงอก ทำเอาเส้นขนลุกซู่ สองเต้าขยับยก หัวนมชูชันรับเคราแข็งปักทิ่มลงมาไม่ยั้ง แอ่นสองเต้าสู้ริมฝีปากของพ่อเลี้ยงดามพ์ ครอบลงมาดูดเลียลนลานหิวกระหาย “อูย... สะ... เสียว... ” เดือนฉายเม้มริมฝีปากแน่น ปลายลิ้นร้อนผ่าวของ พ่อเลี้ยงตวัดรัวรวบหัวนม เลียกินรอบวงป้านหัวนมสลับไปมาทั้งสองข้าง ขณะที่กึ่งกลางกายของหล่อนกำลังโดนนิ้วยาว กระแทกยัดเข้าใส่รูเสียงดังพลั่กๆ น้ำหล่อลื่นทะลักออกมาอาบเลื่อมลำนิ้วของเขา “นมก็เต่งตึง... ร่องก็ฟิตแน่นดีเหลือเกินเดือนจ๋า... อ๊า ดูสิ... น้ำเยิ้มออกมาแล้ว” สีหน้าของพ่อเลี้ยงบ่งบอกความสะใจ ที่เห็นอารมณ์ของหล่อนกระเจิดกระเจิง ก็ใครจะทนไหว โดนหนักขนาดนี้ ไม่อ่อนระทวยก็เกินไป เพราะว่าพ่อเลี้ยงจอมหื่นจู่โจมทั้งหัวนมและร่องสวาทของหล่อนไปพร้อมกัน

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

ที่แท้เป็นคุณหนูตัวจริง

Nadia Lada
5.0

เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"

ประกาศหาแฟน

ประกาศหาแฟน

Mathe Hackett
5.0

คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

หลินซือเยว่ผู้นี้ มีสามชะตาในคราเดียว

มาชาวีร์
5.0

หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

คุณท่าน คุณนายมาหาอีกแล้ว

Thacher
5.0

ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ