ในเมื่อเขาเมินเธอก็พร้อมทำทุกวิถีทางให้เขาหันมารักเธอ
จันทร์เจ้ากำลังนั่งวาดรูปขนมไทยที่ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงามอยู่ด้านหน้า คุณยายเทียนหอมก็เดินมาหาหลานสาวด้วยรอยยิ้ม
“หลานสาวของยายฝีมือดีจริง ๆ เลย” คุณยายเอ่ยชมหลานสาวคนสวย
“คุณยายมีอะไรให้หนูรับใช้หรือเปล่าคะ” คนเอ่ยถามยิ้มหวานส่งกลับไปให้
“ใครจะกล้าไปใช้เรายายตัวแสบ”
“เดี๋ยวนี้หนูกลายเป็นยายตัวแสบของคุณยายไปแล้วเหรอคะ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ถึงเป็นยายตัวแสบยายก็รักจ้ะ”
“คุณยายมีอะไรหรือเปล่าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
“วันนี้คุณย่าดารินของหลานชวนไปกินข้าวด้วยกันจ้ะ”
“แน่ะ คุณย่าดารินมาเป็นของหนูตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ เป็นของพี่รัฐต่างหาก” เขาหมายถึงทรงรัฐคู่หมั้นของเธอ
เธอไม่อยากหมั้นกับเขาหรอก แต่ผู้ใหญ่จับหมั้นกันตั้งแต่เด็ก เธอคิดว่าโตขึ้นจะถอนหมั้นกับเขาและแยกย้ายไปมีคนรักของตัวเอง แต่พอโตขึ้นก็คิดว่าคงจะไม่แต่งงานเพราะชอบชีวิตโสดมากกว่า
“เอาล่ะจ้ะ เย็นนี้เราเปลี่ยนสถานที่ไปกินข้าวบ้านคุณย่าดารินกัน”
“ค่ะคุณยาย” บ้านของคุณยายเทียนหอมใกล้กับคุณย่าดารินและทั้งสองก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เล็ก จึงมีความผูกพันแน่นแฟ้น ถึงขนาดว่าจับเธอกับทรงรัฐหมั้นกัน
เธอเรียนจบมัธยมปลายโรงเรียนหญิงล้วนก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ในขณะที่ทรงรัฐเรียนโรงเรียนชายล้วน เขาเรียนจบมัธยมหกก็ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายปี เรียนจบแล้วก็ทำงานที่โน่นและเรียนต่อปริญญาโท ใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นอีกหลายปี เธอคิดว่าป่านนี้เขาคงมีคนรู้ใจไปแล้วล่ะ ดังนั้นการยกเลิกแต่งงานในครั้งนี้เขาเองก็คงเห็นด้วยกับเธอ
ตอนเย็นคุณยายให้สาวใช้นำอาหารจากที่บ้านไปด้วย อาหารมากมายทำให้จันทร์เจ้ามองด้วยความสงสัย เป็นปกติว่ามากินข้าวบ้านของคุณย่าดาริน คุณยายก็มักจะนำอาหารและขนมหวานรวมถึงผลไม้ไปฝากอีกฝ่ายด้วย แต่มันก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ ทำเอาเธอสงสัยว่าที่บ้านคุณย่าดารินมีแขกหรืออย่างไรกัน
สองยายหลานชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนสองคนคุยกัน ในขณะที่สาวใช้ลำเลียงอาหารเข้าไปไว้ในห้องครัวของคุณย่าดารินด้วยความคุ้นเคย
“ผมอยากถอนหมั้นกับจันทร์เจ้าครับคุณย่า”
“ทำไมล่ะจ๊ะ หนูจันทร์เจ้าไม่ดีตรงไหน”
“ไม่ดีทุกตรงครับ หน้าตาขี้เหร่ อ้วนก็อ้วน แถมยังนิสัยไม่ดีอีก”
อีตานี่ กล้าว่าเธอถึงขนาดนี้เชียวหรือ จันทร์เจ้าทำท่าจะเข้าไปจัดการ แต่คุณยายรีบดึงแขนเอาไว้
“เขาด่าว่าหนูนิสัยไม่ดีนะคะคุณยาย”
“ก็ตอนเด็กเราชอบไปแกล้งพี่เขานี่นา”
“คุณยายเข้าข้างเขาเหรอคะ”
“ยายพูดไปตามจริง” ประโยคของคุณยายทำให้จันทร์เจ้ากอดอกอย่างงอน ๆ แต่ก็ยืนฟังว่าทรงรัฐจะพูด
อะไรกับคุณย่าของเขาต่อ
“ตอนนั้นน้องยังเด็ก” คุณย่าดารินพูดกับหลานชายอย่างใจเย็น
“ไม่เด็กแล้วนะครับ ตอนเรียนมัธยมปลายยายตัวแสบนั่นก็ยังไม่รู้ความ ไม่ใช่แค่ผม เธอชอบแกล้งคนอื่น
ด้วยครับ ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ผมไม่มีวันแต่งงานกับเธอหรอกครับ” ประโยคของทรงรัฐทำให้จันทร์เจ้าหันมาหาผู้เป็นยาย
“ดูเขาพูดสิคะคุณยาย งั้นเราถอนหมั้นไปเลยค่ะ เราอย่าให้เขามาดูถูกเราถึงขนาดนี้นะคะคุณยาย”
“เราไม่ต้องมายุยาย ไม่อยากหมั้น จะถอนหมั้นก็ได้นะ ยายไม่ได้บังคับเรา แต่เราเป็นคนสัญญากับยายเองว่าถ้าไม่แต่งกับพ่อรัฐ เราจะหาหลานเขยที่ดีกว่ามาแต่งงานแทน”
“คุณยายนี่ความจำเป็นเลิศดีจังเลยนะคะ” จันทร์เจ้าประชด จริง ๆ ถ้ารู้ว่าคุณยายไม่ได้บังคับตั้งแต่แรก แล้วให้ถอนหมั้นกันง่าย ๆ เธอคงไม่ไปบอกว่าจะหาหลานเขยที่ดีกว่าทรงรัฐมาให้ท่านหรอก
ปากไวแท้ ๆ นี่ล่ะหนาเขาบอกว่าคำพูดเป็นนาย พูดไปแล้วจะกลับคำก็กลายเป็นคนกลับกลอกไป
“แต่พูดไปพูดมาพ่อรัฐเขาก็ดูถูกหลานสาวของยายเกินไป งั้นก็ถอนหมั้นกันไปเลย เราก็สวยรวยเก่ง ไม่เห็นต้องง้อผู้ชายเลย”
“จริงด้วยค่ะคุณยาย”
“แต่หลานสาวของยายจะโดนนินทาหรือเปล่าว่าผู้ชายถอนหมั้น เขาไม่เอาเราน่ะ”
“ช่างเถอะค่ะคุณยาย เราไม่ได้ขอข้าวใครกินเสียหน่อย ใครจะนินทาก็ช่างหัวมันค่ะ”
“ใช่จ้ะ”
“แต่เขากล้าดียังไงมาหาว่าหนูนิสัยไม่ดี” จันทร์เจ้ารู้สึกหงุดหงิดตรงนี้แหละ
“แล้วหนูจะเอายังไงคะ”
“ถ้าต้องถอนหมั้นหรือใครต้องทิ้งใครสักคนมันต้องเป็นหนูสิคะ ไม่ใช่เขา หนูไม่ยอมหรอก”
“นั่นน่ะสิ” คุณยายแกล้งเออออห่อหมก ก่อนจะยุต่อ
“มีผู้ชายมาชอบมาจีบหนูตั้งมากมาย หนูยังไม่เอาเลย เขามีสิทธิ์อะไรมาบอกไม่เอาหนู ต้องหนูสิเป็นคนบอกว่าไม่เอาเขา” เธอพูดอย่างหงุดหงิด
“หลานสาวของยายเสน่ห์แรงหัวกะไดบ้านไม่แห้ง ยายเองก็โกรธนัก มาดูถูกกันถึงขนาดนี้ ถึงไม่แต่งงานกับเขาก็ใช่ว่าจะขายไม่ออก”
“ดังนั้นหนูจะไม่ยอมถอนหมั้นง่าย ๆ ค่ะ”
“ดีจ้ะ อ้าว... ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ” คุณยายเห็นด้วยก่อนจะแกล้งอุทานออกมา
หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN
ข้อมูลเพิ่มเติม