คู่หมั้นไร้เสน่หา

คู่หมั้นไร้เสน่หา

B.J.BEN

5.0
ความคิดเห็น
ชม
15
บท

เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’

บทที่ 1 1

1

เสียงส้นรองเท้าดังเป็นจังหวะอย่างมั่นคงบนพื้นหินอ่อนสะอาดตาของตึกสำนักงานใหญ่อัครเมธากรุ๊ป

หญิงสาวในชุดสูทเรียบหรูก้าวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย

ลลิน สิริการเวช สูดลมหายใจลึก ๆ พลางมองโลโก้ของบริษัทที่ประดับอยู่บนผนังด้วยหัวใจเต้นรัว วันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา หากเป็นวันที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะ เลขาฯ ส่วนตัวของกวิน อัครเมธากุล

เขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารรับช่วงต่อกิจการต่อจากคุณปู่ที่ปลดเกษียณตัวเองเรียบร้อยแล้ว

เขาคือคู่หมั้นที่ไม่เคยเจอหน้ากับเธอเลย วันนี้หากไม่ใช่เพราะปู่ของเขา เธอก็คงไม่ได้มาทำงานเป็นเลขาของเขา

เธอคิดว่าเขาคงไม่อยากแต่งงานกับเธอ เพราะเธอเองก็คิดแบบนั้น ไม่อยากแต่งงานกับเขาเช่นกัน หากไม่เพราะมารดาป่วยหนักต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและมีค่าใช้จ่ายสูง เธอคงไม่มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

บิดามีภรรยาใหม่ รับเข้ามาแทนที่มารดาพร้อมลูกใหม่หน้าตาเฉย ท่านหลงเมียใหม่ลูกใหม่จนลืมเธอกับแม่ไปจนหมด ถ้าไม่เพราะธุรกิจที่บ้านมีปัญหาและปู่ของเขากับตาของเธอไม่ได้สัญญาหมั้นหมายในครั้งนี้ และต้องให้ครอบครัวเมธากุลของกวินช่วยเหลือ ท่านคงไม่ส่งเธอมาทำงานกับเขาเพื่อสานความสัมพันธ์การแต่งงานในครั้งนี้

“คุณลลินใช่ไหมคะ เชิญขึ้นไปชั้น 35 เลยค่ะ ท่านประธานรออยู่แล้ว” พนักงานต้อนรับเอ่ยเสียงนุ่มนวลอย่างมีมารยาท หญิงสาวพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปยังลิฟต์ด้วยท่าทีสงบ แต่ในใจกลับปั่นป่วน ตื่นเต้นน่ะสิ ไม่เคยเจอหน้าคู่หมั้นจริง ๆ เลยสักครั้ง เธออยากรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกับเธอ

ถ้าบิดาไม่ยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลมารดาเธอคงไม่ทำแบบนี้ คงมาขอถอนหมั้นกับเขาไปแล้ว เพราะหากบิดาตัดเงินค่ารักษาไปก็เท่ากับว่าปล่อยให้มารดาของเธอตาย

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เธอเดินอย่างมั่นคงไปที่ห้องของเขา ก่อนจะเคาะเบา ๆ เมื่อได้รับคำเอ่ยอนุญาต บานประตูหน้าห้องประธานก็ถูกผลักเบา ๆ ด้วยมือเรียวของเธอ ภายในห้องทำงานใหญ่โตกว้างขวาง เย็นเฉียบด้วยอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศและ...สายตาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้สีเข้ม

เขาเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร ใบหน้าคมคายไร้รอยยิ้ม ดวงตาคมดุและสุดแสนจะเย็นชา

นี่เหรอ กวิน อัครเมธากุล คู่หมั้นของเธอ

แค่เห็นแว็บแรกก็สัมผัสได้ถึงความไม่อยากญาติดีของเขาที่มีต่อเธอ

“คุณมาช้า” น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเธอ

“ตั้งแต่วันนี้คุณคือเลขาฯ ส่วนตัวของผม แต่ขอให้รู้ไว้ ว่าผมไม่ต้องการคุณแต่แรก ที่คุณเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ก็เพราะเส้นสาย”

“คะ” เธออุทาน หน้าเหวอเล็กน้อยที่โดนกล่าวหาว่าใช้เส้นสาย

“หรือไม่จริง คุณใช้เส้นสายของคุณปู่ให้ท่านฝากเข้ามาทำงานที่นี่”

“ฉันไม่ได้”

“โต๊ะทำงานของคุณอยู่ข้างนอก ถ้าไม่มีอะไรก็เชิญ ถ้าผมไม่เรียกก็ไม่ต้องเสนอตัวเองเข้ามาในห้อง รบกวนการทำงานของผม”

“ฉันไม่ได้” เธอจะพูดซ้ำ บอกว่าไม่ได้ใช้เส้นสายเข้ามาทำงาน แต่เพราะปู่ของเขาต่างหากไปขอพ่อของเธอให้เธอมาทำงานในตำแหน่งเลขาของเขาเพื่อช่วยเหลือเขา

“คุณไม่จำเป็นต้องอธิบาย ผมไม่สนใจ” ชายหนุ่มพูดแทรกเสียงเรียบ ยังไม่ทันให้เธอได้พูดจบประโยค น้ำเสียงเยือกเย็นเกินกว่าจะหาเศษเสี้ยวของไมตรี ทำเอาลลิลพยายามตั้งสติระงับจิตใจเอาไว้ที่จะไม่ต่อว่าเขาออกมา คนอะไรไม่ฟังอะไรกันเลย

ไร้เหตุผลสิ้นดี!

“ย้ำว่าโต๊ะของคุณจะอยู่ด้านนอก ติดผนังทางขวา ไม่ต้องเข้ามาในห้องนี้ ถ้าผมไม่เรียก เข้าใจไหม”

“เข้าใจค่ะ” ใครจะอยากเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผีดิบอย่างเขากัน ชิ! นึกว่าหล่อ รวยนักหรือไง

“งั้นขอตัวก่อนนะคะ” เธอหมุนตัวออกจากห้องไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง ดีแล้วที่เขาไม่สนใจเธอ เพราะ

เธอก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่ รอให้มารดาแข็งแรงกว่านี้ เธอถอนหมั้นแน่!

เธอคิดว่าเขาจะเป็นคนที่มีเหตุผลกว่านี้ แต่สุดท้ายก็หลงเชื่อข่าวลือเสียหายที่น้องสาวจอมมารยาและเมียน้อยใจร้ายใส่สีตีไข่ ปล่อยข่าวลือให้เธอเป็นคนเสียหาย สำส่อน มั่วผู้ชาย คบไม่เลือก

และทำตัวเหลวไหลเที่ยวกลางคืนทุกวัน

คนก็เชื่อกันไปเป็นตุเป็นตะ คนเดี๋ยวนี้จิตใจต่ำทรามฟังความข้างเดียวและไม่มีสติกันจริง ๆ

ลลิลมองเอกสารกองสุดท้ายแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ เสร็จสักที เธอจะได้กลับบ้านแล้ว รู้สึกดีใจจนอยากจะกรีดร้อง

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสียงประตูรถปิดลงเบา ๆ ลลินเดินตรงเข้าประตูรั้วบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอาศัยอยู่ตั้งแต่เด็ก

บ้านสีขาวสไตล์ยุโรปหลังงามในย่านหรูดูเงียบเหงาและอึมครึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ธุรกิจของบิดาเริ่มมีปัญหาด้านการเงิน และที่เห็นว่าอยู่ดีในตอนนี้ก็แค่ภายนอกเท่านั้น น่าจะใช้คำว่ารวยแต่เปลือกก็ไม่ผิด

เธอผลักประตูเข้าไปด้านใน พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

วันนี้เป็นวันแรกที่เธอทำงานที่บริษัทอัครเมธากรุ๊ป ในตำแหน่งเลขาฯ ของประธานบริษัทคนใหม่ กวิน อัครเมธากุล แถมเขาก็ยังเป็นคู่หมั้นของเธอด้วย เธอรู้สึกว่ามันก็หนักหนากว่าที่เธอคิดไว้มาก

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ B.J.BEN

ข้อมูลเพิ่มเติม
นิยายชุด เจ้าสาวส้มหล่นของท่านประธานพันล้าน

นิยายชุด เจ้าสาวส้มหล่นของท่านประธานพันล้าน

โรแมนติก

5.0

1. เจ้าสาวส้มหล่นของท่านประธานพันล้าน เธอ…หญิงสาวธรรมดาผู้มีหัวใจกล้าหาญ อาสากู้ภัย ช่วยชีวิตชายแปลกหน้ากลางเหตุอุบัติเหตุโดยไม่รู้เลยว่า…เขา คือประธานหนุ่มพันล้าน ผู้เย็นชา สุขุม และเป็นชายที่เธอจะต้องผูกพันไปตลอดชีวิต ค่ำคืนหนึ่งที่ผับ…เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทำให้ชีวิตของทั้งสองพันเกี่ยวกันแน่น จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่ไม่อาจย้อนกลับ จาก "ประธานผู้ทรงอิทธิพล" กลายมาเป็น "คนรัก" ที่พร้อมดูแลเธอและครอบครัว จากหญิงสาวธรรมดา กลายเป็น "ภรรยาส้มหล่น" ที่หัวใจของเขายกให้ทั้งดวง แต่เส้นทางนี้ไม่ได้มีเพียงความหวาน ยังมีไฟริษยา ความแค้น และบททดสอบมากมายรออยู่ข้างหน้า ความรักของเขาและเธอจะก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปได้หรือไม่ มาร่วมลุ้นไปกับเรื่องราวสุดฟินจิกหมอนที่ทั้งหวาน ซึ้ง เข้มข้น และอบอุ่นหัวใจ 2. หลงใหล เขาหลงรักเธอตั้งแต่วันแรกที่เห็น...จากเด็กสาวผู้ยิ้มสดใสผู้รับทุนการศึกษา กลายเป็นหญิงสาวแสนอบอุ่นที่เข้ามาเติมเต็มหัวใจของเขาในรีสอร์ทกลางขุนเขา ธาวิน ชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทผู้แอบมอบทุนให้เธอมานานแรมปี นลินฉัตร หญิงสาวธรรมดาที่ไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายคนหนึ่งแอบมองเธอมาตลอดด้วยความรัก เมื่อโชคชะตาพาให้ทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้ง ในสถานที่ที่โอบล้อมด้วยสายหมอกและกลิ่นดอกไม้ หัวใจสองดวงที่เคยห่างไกล... กลับเต้นเป็นจังหวะเดียวกันอีกครั้งอย่างอบอุ่นและอ่อนหวาน บางที... ความรักที่แท้จริงอาจไม่ต้องการคำสัญญาใหญ่โต แค่ใครสักคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเข้าใจ และมอบ "รีสอร์ทกลางใจ" ไว้ให้ดูแล... ตลอดชีวิต 3. เพลิงพ่ายรัก เมื่อ "เพลิงฟ้า" ชายหนุ่มผู้เย็นชาและเคยผิดหวังจากความรัก ต้องมาเจอกับ "รดา" พยาบาลสาวแสนซื่อ ที่คุณย่าของเขารับเข้ามาดูแลในบ้าน เพียงแรกพบสบตา เขากลับจดจำเธอได้ในฐานะ "ผู้หญิงของเพื่อน" หญิงสาวที่เขาเคยเชื่อว่าเสแสร้งและหวังจับคนรวย! ความเข้าใจผิดในวันนั้น กลายเป็น "เพลิงแค้น" ที่เขาเผาตัวเองให้มืดมิด แต่ยิ่งได้ใกล้ ยิ่งได้เห็น เขากลับพบว่าเธอไม่ใช่อย่างที่คิด เธอคือคนที่มีหัวใจอ่อนโยน ซื่อสัตย์ และยอมเสียสละเพื่อคนอื่นจนหมดสิ้น จากความรังเกียจ กลายเป็นความห่วงหา จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความรักที่ไม่อาจปฏิเสธ เมื่อหัวใจของเพลิงฟ้า "พ่าย" ให้กับผู้หญิงที่เขาเคยดูแคลน ความรักจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางเงาแห่ง

ซีรีส์เจ้าสาวเกาะสวาท

ซีรีส์เจ้าสาวเกาะสวาท

โรแมนติก

5.0

บนเกาะเงียบสงบที่ทอดตัวอยู่กลางทะเลใต้ คือพื้นที่ต้องห้ามของความปรารถนาที่ไม่มีใครล่วงรู้... สิบปีที่เขาเฝ้ารอนับจากวันที่ส่งเธอไปเรียนในเมือง ด้วยเงื่อนไขที่ไม่มีใครรู้ สิบปีที่ไฟราคะสุมอยู่ในใจของ "นายหัวคณิน" ผู้ชายที่เธอเคยเรียกว่า พ่อเพื่อน และเมื่อ "ไหมแก้ว" หวนกลับคืนสู่เกาะที่เคยจากไป เธอไม่อาจคาดคิดเลยว่าตัวเองไม่ได้กลับมาในฐานะ ลูกสาวของคนรู้จัก แต่กลับถูกเรียกว่า "เจ้าสาวที่เขาเลี้ยงไว้เพื่อเป็นของเขาเพียงคนเดียว" ระหว่างคำว่าบุญคุณ กับความปรารถนาอันร้อนแรง ระหว่างคำว่าเจ้าของ กับความรักที่ถูกปลูกฝังผ่านวันเวลา เธอจะหนี... หรือจะยอมจำนนให้หัวใจและร่างกายถูกผูกไว้กับผู้ชายที่รักเธอจนยอมทิ้งทั้งโลกเพื่อแลกกับแค่เธอเพียงคนเดียว...

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวน้อยของสามีพิการ

มาชาวีร์
4.8

เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที

พระชายาของข้าคนเดียว

พระชายาของข้าคนเดียว

Daryl Tudge
5.0

เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

การจากลาครั้งที่เก้าสิบเก้า

การจากลาครั้งที่เก้าสิบเก้า

Gavin
5.0

ครั้งที่เก้าสิบเก้าที่ ‘เจต’ ทำให้ฉันใจสลาย คือครั้งสุดท้ายของเรา เราสองคนเคยเป็นคู่รักดาวเด่นของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา อนาคตของเราถูกวางแผนไว้อย่างสวยหรูว่าจะเข้าเรียนที่จุฬาฯ ด้วยกัน แต่แล้วในช่วงปีสุดท้ายของม.ปลาย เขากลับไปหลงรักผู้หญิงคนใหม่ที่ชื่อ ‘แคท’ เรื่องราวความรักของเรากลายเป็นละครน้ำเน่าราคาถูกที่น่าเบื่อหน่าย เต็มไปด้วยการทรยศของเขาและการขู่ว่าจะเลิกอย่างไร้ความหมายของฉัน ในงานเลี้ยงจบการศึกษา แคท ‘บังเอิญ’ ดึงฉันตกลงไปในสระว่ายน้ำกับเธอ เจตกระโดดลงไปช่วยโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เขากลับว่ายผ่านฉันที่กำลังตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดไปอย่างไม่ใยดี แล้วโอบแขนรอบตัวแคทก่อนจะพาเธอขึ้นจากสระอย่างปลอดภัย ขณะที่เขาช่วยพยุงเธอขึ้นจากสระ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ เขาหันกลับมามองฉันที่ตัวสั่นเทา มาสคาร่าไหลเป็นทางสีดำอาบแก้ม “ชีวิตเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำในสระที่ฉันกำลังจะจมดิ่งลงไป คืนนั้นเอง บางสิ่งในตัวฉันก็แตกสลายลงอย่างสมบูรณ์ ฉันกลับบ้าน เปิดโน้ตบุ๊ก และคลิกปุ่มยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ ไม่ใช่ที่จุฬาฯ กับเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คนละฟากฝั่งของกรุงเทพฯ

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี

มาชาวีร์
4.5

เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ