สามีของเธอป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต เธอไปส่งไป๋เยว่กวงไปคลอดลูก

สามีของเธอป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต เธอไปส่งไป๋เยว่กวงไปคลอดลูก

Harrison

5.0
ความคิดเห็น
ชม
10
บท

วันวาเลนไทน์ ฉันถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย เหลือเวลาไม่ถึงเดือน ในขณะที่ฉันตกอยู่ในความสับสนและหวาดกลัว ป๋อซือเหนียนแสดงสีหน้าเจ็บปวดและคุกเข่าตรงหน้าฉัน “ซวงซวง ขอโทษนะ ฉันตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่น” เขาสัญญากับฉันอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่เคยทรยศต่อการแต่งงานของเรา จิตใจและจิตวิญญาณมีความเข้าใจกัน ฉันกับเธอคนนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์ทางกาย ฉันจะไม่เปลี่ยนความรู้สึกและคำสัญญาที่มีต่อเธอ ฉันจะทำหน้าที่สามีเสมอไป ” ฉันบีบเอกสารผลการตรวจให้พูดคำว่า "ดี" ด้วยเสียงแหบ ๆ “ฉันยอมให้พวกเธอได้อยู่ด้วยกัน” ป๋อซือเหนียนตกใจและหวาดกลัว เขากอดฉันไว้ “ซวงซวง อย่าไปจากฉันเลย ฉันรักเธอคนนั้น แต่ฉันรักเธอมากกว่า อย่าโกรธฉัน และอย่าทำเรื่องทะเลาะกับฉัน” ฉันยิ้มออกมาพร้อมความเจ็บปวด “ไม่หรอก” คนที่กำลังจะตายไม่มีอะไรให้ร้องไห้หรือโวยวายอีกแล้ว

บทที่ 1

วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ของจีน ฉันถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนที่จะมีชีวิตอยู่

ขณะที่ฉันกำลังจมอยู่กับความมืดมนและความหวาดกลัว ป๋อซือเหนียนก็ทำหน้าตาทุกข์ทรมาน คุกเข่าลงตรงหน้าฉัน

“ซวงซวง ขอโทษนะ ฉันตกหลุมรักผู้หญิงอีกคนหนึ่งแล้ว ”

เขาพูดอย่างจริงจัง พร้อมให้คำมั่นสัญญา

“ฉันไม่ได้ทรยศต่อการแต่งงานของเรา เรามีความผูกพันทางใจ ฉันกับเธอคนนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์ทางร่างกาย ความรู้สึกและคำมั่นที่ฉันมีต่อเธอจะไม่เปลี่ยนไป ฉันจะทำหน้าที่สามีต่อไปเสมอ

” ฉันกำแน่นรายงานการวินิจฉัย พยายามบีบคำออกมาจากลำคอว่า

“ตกลง…ฉันยกให้พวกเธอก็แล้วกัน”

ป๋อซือเหนียนตกใจและตื่นตระหนก รีบโอบฉันแน่น

“ซวงซวง อย่าทิ้งฉันนะ ฉันรักเธอคนนั้น แต่ฉันรักเธอมากกว่า อย่าโกรธฉันเลย อย่าทะเลาะกับฉันนะ”

ฉันยิ้มเจื่อนๆ ออกมา

“ไม่หรอก”

คนที่กำลังจะตายแล้ว ไม่มีอะไรต้องร้องไห้ฟูมฟายอีก

ป๋อซือเหนียนโล่งอก จับมือที่เย็นเฉียบของฉันไว้แน่น

“ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ อีกแล้วใช่ไหม กระเพาะไม่สบายอีกแล้วหรือเปล่า ”

ความปวดบิดในท้องกลับมาเล่นงานอีกครั้ง

ฉันอยากบอกเขาว่าฉันเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ฉันกำลังจะตายแล้ว

ถึงเขายังห่วงใยฉัน แต่ฉันกลับเห็นได้ชัดว่าใจเขาลอยไปที่อื่นแล้ว

“คุณมีอะไรอยากบอกฉันอีกหรือเปล่า”

สายตาของเขาหลบเลี่ยง ไม่มองหน้าฉัน ก้มมองปลายเท้าตัวเอง ตะกุกตะกักไม่พูดออกมา

ฉันสูดหายใจลึก

“พูดมาเถอะ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว ”

ป๋อซือเหนียนเอ่ยอย่างลังเล เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่กลับดังเหมือนฟ้าผ่าในหูฉัน

“เซียวเซียวท้องได้เก้าเดือนแล้ว ”

สมองฉันอื้อไปหมด

เขารีบพูดแก้ตัวอย่างลนลาน

“ฉันกับเซียวเซียวไม่ได้มีอะไรทางร่างกาย เด็กคนนั้นเกิดจากการใช้เทคโนโลยีช่วยในการมีลูก”

กลัวฉันจะรับไม่ไหว เขาจึงพยายามอธิบายด้วยเหตุผลที่มีช่องโหว่มากมาย

“ซวงซวง เธอเคยอยากมีลูกมาตลอด แต่เพราะร่างกายเลยไม่สามารถมีได้ พอเซียวเซียวคลอดแล้ว เราสองคนก็จะเลี้ยงเด็กด้วยกัน เด็กจะเรียกเธอว่าแม่ เขาก็เป็นลูกของเราเหมือนกัน”

ฉันนั่งนิ่งมองริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงของเขา เสียงหึ่งดังในหูจนจับความหมายแทบไม่ได้

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ในแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความลำบากใจของเขา ฉันได้ยินเสียงของตัวเอง

“ตกลง”

ป๋อซือเหนียนชะงักไป ก่อนจะตื่นเต้นดีใจ รีบกอดฉันแน่น น้ำตาแห่งความจริงใจเอ่อออกมาจากดวงตา

“ซวงซวง ขอบคุณนะ”

เขากอดฉันแรงมาก จนกระเพาะถูกกดดัน กลิ่นเลือดผสมกรดในกระเพาะลอยขึ้นมาถึงลำคอ

ฉันรีบหันหน้าหนี ลุ้นว่าป๋อซือเหนียนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของฉันหรือไม่

เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอก โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร

แต่เวลานี้เขามัวแต่มีความสุข แววตาที่ดำลึกของเขาส่องประกายที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

“เซียวเซียวเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ฉันมั่นใจว่าเมื่อเธอได้เจอ เธอก็จะชอบเธอเหมือนกัน!”

หัวใจฉันเต้นช้าลงครึ่งจังหวะ ยิ้มทั้งขมขื่นทั้งโล่งใจ

ใจของเขาไม่ได้อยู่กับฉันมานานแล้ว วันที่ฉันจากไป เขาคงไม่เสียใจนัก

จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ป๋อซือเหนียนรีบไปเปิดประตูด้วยท่าทีร้อนรน

เธอเพิ่งก้มลง เขาก็รีบคุกเข่าครึ่งตัวช่วยเธอถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ

ทันทีที่เข้ามา เธอก็ทรุดตัวลงคำนับตรงหน้าฉัน

“พี่คะ ขอโทษนะ”

ป๋อซือเหนียนก็คำนับตามไปด้วย รีบพูดปกป้องเธอ

“ซวงซวง นี่คือเซียวเซียว ความผิดเป็นของฉันเอง ฉันห้ามใจไม่ได้เลยเผลอไปใกล้ชิดกับเธอ”

ตรงอกฉันเจ็บราวกับถูกทุบ ความเจ็บปวดในกระเพาะถูกกลบลงไปทันที

เห็นทั้งคู่คำนับต่อหน้าฉัน ภายในใจฉันกลับแวบผ่านความรู้สึกประหลาดที่บอกไม่ถูก ทั้งอึดอัด ทั้งคันคะเยอ ทั้งเจ็บแปลกๆ

พูดตามตรง ถ้าป๋อซือเหนียนไม่ใช่สามีของฉัน ฉันคงคิดว่าพวกเขาคู่ควรกันจริงๆ

เธอมีผมดำยาวเป็นลอน ริมฝีปากแดงสด บุคลิกสดใส แม้ท้องโตนูนก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์

สองคนที่คำนับตรงหน้าฉัน เหมือนคู่รักที่ถูกครอบครัวกีดกันแต่ก็ยังอยากอยู่ด้วยกัน

แต่หนึ่งคือสามีที่รักกันมาสิบปี อีกหนึ่งคือคนที่เขาเผลอใจไปหา

ฉันกดกลืนรสเลือดคาวในลำคอ พยายามจะเอื้อมมือพยุงเซียวเซียวขึ้น

“เธอตั้งครรภ์อยู่ พื้นเย็น ระยะคลอดก็คงใกล้แล้ว ถ้าไม่รังเกียจ ก็มาพักอยู่ที่นี่เถอะ ป๋อซือเหนียนจะได้ดูแลเธอง่ายขึ้น”

พอพูดออกไป ฉันกลับรู้สึกโล่งใจ

ฉันเหลือเวลาไม่มากแล้ว ส่วนในท้องของเซียวเซียวกำลังมีชีวิตใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก ฉันควรหลีกทางให้แล้ว

“ไม่ต้องหรอก”

ป๋อซือเหนียนรีบประคองเธอขึ้นมา ระวังปกป้องทั้งตัวเธอและท้องที่โต

หัวใจฉันถูกบาดเจ็บอีกครั้ง ความปวดบิดในท้องพุ่งกลับมาอีก

เซียวเซียวมองเขาอย่างตัดพ้อ แต่หันมาหาฉันด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ไม่กล้าสบตา

“พี่คะ ฉันรู้ว่าพูดขอโทษแค่ไหนก็ไม่พอ ถ้าพี่ไม่รังเกียจ ขอให้ฉันได้โอกาสชดใช้บ้าง”

แววตาเธอเปล่งประกาย ด้วยความจริงใจที่สุด

“ซือเหนียนบอกว่าพี่สุขภาพไม่ดี กระเพาะก็ไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก ฉันเคยเรียนโภชนาการมา อาจช่วยดูแลกระเพาะให้พี่ดีขึ้นได้ ”

ความปวดร้อนในกระเพาะทวีความรุนแรง ฉันทนไม่ไหวแล้ว รีบเอามือปิดปากปิดจมูก วิ่งโซเซเข้าไปในห้องน้ำ

ฉันกอดโถส้วม ไอพ่นเลือดออกมาเป็นสาย กรดในกระเพาะเผาลำคอจนแสบ

ไหล่ฉันถูกสัมผัสด้วยความอบอุ่น เสียงห่วงใยดังขึ้นเหนือหัว

“ซวงซวง เธอเป็นอะไรรึเปล่า”

ฉันรีบเช็ดปาก กดชักโครกอย่างร้อนรน แต่ดันเสียการทำงานในเวลานี้

ป๋อซือเหนียนปากก็บอกว่าห่วง แต่สายตาเขาไม่เคยละไปจากเงาร่างที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

ฉันโล่งใจที่เขาไม่สังเกตเห็น

ไม่รู้ทำไม ฉันถึงกลัวเหลือเกินว่าเขาจะรู้ว่าฉันกำลังจะตาย

ฉันกดความขมขื่นในใจไว้ หยิบสัญญาหย่าที่เตรียมไว้ล่วงหน้า หลอกให้เขาเซ็น

“อีกหนึ่งเดือน ลูกของพวกเธอจะเกิดแล้ว นี่คือของขวัญแต่งงานให้”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

สัญญารักลวงใจ

สัญญารักลวงใจ

Gorden Barros
5.0

เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ