คู่หมั้นเลือกรักเก่า ฉันวิวาห์ฟ้าแลบ

คู่หมั้นเลือกรักเก่า ฉันวิวาห์ฟ้าแลบ

Calix Vector

5.0
ความคิดเห็น
86
ชม
22
บท

ก่อนแต่งงานสามวัน ซวี่โม่เพิ่งจะรู้ว่าแฟนที่คบกันมาสามปีกำลังเตรียมงานแต่งงานกับเพื่อนสนิทในวัยเยาว์ “ลิ่งอี๋ถูกวินิจฉัยว่าเป็นอัลไซเมอร์ ความปรารถนาสุดท้ายในชีวิตก็คือไดุ้เป็นภรรยาของผมสักครั้งตอนที่ยังมีสติอยู่” “งานแต่งงานของเรายกเลิกไปก่อน รอเธอลืมผมไปสนิทแล้ว ผมจะกลับมาแต่งงานกับคุณนะครับ” เมื่อซวี่โม่รู้ความจริง ก็สงบนิ่งไม่ร้องไห้โวยวาย เธอโทรหาเบอร์ที่ไม่ได้ติดต่อกันมาสามปีเบอร์นั้น “พี่คะ ฉันตกลงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฟู่ ยอมแต่งงานกับทายาทผู้เย็นชาไร้หัวใจของตระกูลฟู่คนนั้นค่ะ” “อีกสามวัน ให้เขามารับตัวเจ้าสาวได้เลยค่ะ”

บทที่ 1

หลังจากค่ำคืนที่เร่าร้อน ซ่งจินหยูนั่งพิงหัวเตียงแล้วจุดซิการ์ขึ้นสูบ “งานแต่งของเรา เลื่อนออกไปก่อนเถอะ” งานแต่งถูกกำหนดไว้ในอีกสามวันข้างหน้า

ซวี่โม่ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

“หลิงอี้ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ ความปรารถนาเดียวของเธอคือการได้เป็นภรรยาของฉันในช่วงที่เธอยังมีสติอยู่” ซวี่โม่เงียบ ห้องที่เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ

ซ่งจินหยูไม่พอใจในความเงียบของเธอ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “แค่เลื่อนงานแต่งออกไปชั่วคราวเท่านั้น

” “รอจนกว่าเธอจะลืมฉันไปหมดแล้ว

ฉันจะกลับมาแต่งงานกับเธอ” “อีกอย่าง ฉันกับเธอแค่ทำตามสัญญาแต่งงานที่มีอยู่ นี่เป็นสิ่งที่เธอติดค้างหลิงอี้” เขาพูดอย่างสงบ ราวกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สำคัญ ซวี่โม่ก้มหน้า ยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง เขาพูดถูก ตำแหน่งภรรยาของซ่งนั้นเดิมทีเป็นของซวี่หลิงอี้

เธอกับซ่งจินหยูรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ครอบครัวทั้งสองได้จัดการให้พวกเขาหมั้นหมายกันตั้งแต่เล็ก

แต่ต่อมาซวี่หลิงอี้ได้ตกหลุมรักนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวต่างชาติ และวิ่งตามความรักแท้ไปยังต่างประเทศ

สัญญาแต่งงานของทั้งสองครอบครัวจึงกลายเป็นเรื่องตลก

เธอยังจำครั้งแรกที่เจอซ่งจินหยูได้

ตอนนั้นซวี่โม่แอบหนีออกจากบ้านโดยพี่ชาย เธอสวยและมีเงินติดตัวไม่น้อย

ไม่นานก็ถูกคนไม่หวังดีจ้องจะทำร้าย

ซ่งจินหยูมาปรากฏตัวเหมือนฮีโร่มาช่วยเธอไว้

ซวี่โม่ตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

ถึงขนาดท้าทายพี่ชายและปฏิเสธการแต่งงานที่ถูกจัดไว้

แม้รู้ว่าซ่งจินหยูเคยมีสัญญาแต่งงานมาก่อน เธอได้ยืนยันซ้ำหลายครั้งว่ามันถูกยกเลิกไปแล้ว

แต่ตอนนี้ซ่งจินหยูกลับบอกว่าจะทำตามสัญญาแต่งงาน “แล้วฉันจะทำยังไง?” ซ่งจินหยูถอนหายใจ

ลูบหัวเธอเพื่อปลอบโยน “โรคนี้เกิดขึ้นเร็วมาก

ฉันกับหลิงอี้แต่งงานกันแบบมีชื่อแต่ไร้ชีวิตคู่จะไม่ยืดเยื้อยาวนานนัก

” “ซวี่โม่ เธออย่าเอาแต่คิดเล็กคิดน้อย” น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนทำให้ซวี่โม่รู้สึกเจ็บปวด

“ฉันจะถามเธออีกครั้งเดียว

แน่ใจว่าจะยกเลิกงานแต่งงานไหม?” ซ่งจินหยูพยักหน้า “ตกลง ฉันยอมรับ” เขาประหลาดใจที่ซวี่โม่ยอมรับได้อย่างง่ายดาย

เพิ่งจะเริ่มพูดก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น

คนที่โทรมาไม่รู้พูดอะไร

เขาหยิบเสื้อผ้าข้างกายขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็วและเตรียมออกไป

ก่อนออกยังไม่ลืมที่จะจูบหน้าผากของซวี่โม่ “มีเรื่องด่วนที่บริษัท รอฉันกลับมา”

ซ่งจินหยูเพิ่งออกไป โทรศัพท์ก็มีข้อความแปลกๆ เข้ามาหลายข้อความ

ปกติซวี่โม่ไม่เคยสนใจข้อความก่อกวนเหล่านี้ แต่วันนี้กลับกดเข้าไปดู

ภาพถ่ายบนเตียงที่ใกล้ชิดปรากฏขึ้นทันที

เธอจำซ่งจินหยูที่เธอรักมากว่า 3 ปีได้ทันทีจากไฝแดงบนกระดูกไหปลาร้าของเขา

เมื่อเลื่อนดูต่อไปไม่ใช่แค่ภาพถ่าย ยังมีคลิปวิดีโออีกด้วย

เธอเปิดวิดีโอด้วยความเจ็บปวด เสียงครางที่รุนแรงและเต็มไปด้วยความรักทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกมีดบาดใจ

ในวิดีโอสุดท้าย ซ่งจินหยูกอดเด็กหญิงตัวเล็กอายุสามขวบด้วยเสียงอ่อนโยน

“เย่วเย่วฟังคำแม่ดีๆ รอพ่อกลับมาจะเอาของขวัญมาให้ดีไหม?” ผู้หญิงโอบเอวซ่งจินหยูด้วยความไม่อยากจากไป

เสียงแห่งความรักยังคงดังอยู่ ซวี่โม่รู้สึกคลื่นไส้ รีบเปิดโทรศัพท์ดูตำแหน่ง เธอและซ่งจินหยูมีแอปพลิเคชันที่ติดตั้งไว้ในโทรศัพท์ สามารถดูตำแหน่งของกันและกันได้ตลอดเวลา

หลังจากซ่งจินหยูออกจากบ้าน เขาไม่ได้ไปที่บริษัท แต่เปลี่ยนเส้นทางไปที่บ้านแต่งงานของพวกเขา

เมื่อเธอเปิดกล้องวงจรปิดที่บ้านแต่งงานก็พบว่า ซวี่หลิงอี้พาเด็กหญิงตัวเล็กมาอยู่ในบ้านแต่งงานของเธอ “ขอโทษนะ

ถ้าไม่ใช่เพราะเย่วเย่วอยากเจอคุณ ฉันคงไม่โทรมารบกวนคุณในตอนนี้” “เรื่องงานแต่ง ถ้าคุณซวี่ไม่อยากก็ไม่เป็นไร

” “การได้อยู่กับคุณในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ฉันพอใจแล้ว” “ฉันขอแค่คุณซวี่ดูแลเย่วเย่วให้ดีในอนาคต” ซ่งจินหยูโอบเธอแน่นด้วยความรัก “คุณคลอดลูกสาวให้ฉัน ฉันควรให้สถานะกับคุณ” “ซวี่โม่ตกลงแล้ว” “ไม่ต้องห่วง สามวันหลังจากนี้ ฉันจะแต่งงานกับคุณ” ซวี่โม่รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย

เลื่อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดต่อไป

ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งในบ้านแต่งงาน ห้องนอน ห้องครัว ระเบียง แม้แต่ในสวนก็มีร่องรอยของพวกเขา

ซวี่หลิงอี้รู้ถึงการมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว

เธอมักจะมองกล้องด้วยการท้าทายและส่งเสียงดังในขณะที่ซ่งจินหยูโอบกอดเธอด้วยความรัก

วิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่มีความคมชัดสูงนั้นมีผลกระทบมากกว่าภาพถ่ายและคลิปวิดีโอเหล่านั้น

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไร้ความรู้สึก

โทรหาพี่ชาย “พี่ ฉันตกลงแต่งงานกับครอบครัวฝู่ แต่งงานกับทายาทที่เย็นชาและไร้ความรู้สึกของครอบครัวฝู่” “สามวันหลังจากนี้ ให้เขามารับตัวเจ้าสาว”

อ่านต่อ

หนังสือที่คุณอาจชอบ

ทางใหม่ เริ่มใหม่

ทางใหม่ เริ่มใหม่

Beckett Grey
4.5

ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...

คุณนายยอมหย่าแล้ว

คุณนายยอมหย่าแล้ว

Calv Momose
4.9

หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"

รักซ้ำรอย

รักซ้ำรอย

มาชาวีร์
4.9

“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)

ถึงป๋าดุ(ดัน)หนูก็ไหว

ถึงป๋าดุ(ดัน)หนูก็ไหว

ผลิกา(เลอบัว)
5.0

เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

ภรรยาห้าตำลึงเงิน

จิ้งจอกสะท้านหม้อไฟ
5.0

คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

จาก ภรรยาผู้ถูกทอดทิ้ง สู่ ทายาทหญิงผู้ทรงอำนาจ

Gavin
5.0

ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ