กำเนิดใหม่คุณหนูใหญ่ขยันเชือด

กำเนิดใหม่คุณหนูใหญ่ขยันเชือด

NovelHall

5.0
ความคิดเห็น
ชม
30
บท

มหาพิภพไร้สิ้นคุณธรรม วิถีมารจึงก่อเกิด อดีตนางมารร้ายจุติใหม่ในร่างคุณหนูปัญญาอ่อน ท่ามกลางสังคมอันเน่าเฟะ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะตัดสินทุกอย่าง! และจากนี้นางก็พร้อมบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง!

บทที่ 1 หวนคืนจากหลุมศพ

บทที่1 หวนคืนจากหลุมศพ

ในยุคสมัยนี้ที่คนดีหาได้ยากนัก และกลับกลายเป็นคนเลวที่ยิ่งทำชั่วก็ยิ่งเรืองอำนาจ หนึ่งในทรชนแห่งยุคมืดทมิฬที่สุดบนผืนพิภพ อิสตรีผู้ไร้มนุษยธรรมและเลือดเย็นอำมหิตสุดแสน กระทั่งแค่เอ่ยขานนามนั้น ก็สามารถทำให้ผู้คนขนหัวลุกและหน้าถอดสีได้ นามที่ว่าก็หาใช่ใดอื่น นอกเสียจากเย่หลาน – ปรมาจารย์นอกรีตผู้ฝึกปรือวิถีมารจนบรรลุ

แต่ทว่า... เพียงหนึ่งเดือนก่อนหน้ากลับได้ยินข่าวใหญ่ชนิดสั่นสะเทือนไปทั่วผืนพิภพ!

นางมารผู้นั้น...สิ้นชีพลงแล้ว!

เมื่อไต่ถามถึงสาเหตุการตาย กล่าวกันว่า นางได้กระทำการอุกอาจขัดต่อวิถีสวรรค์ เลือกเดินในเส้นทางนอกรีต จนเหล่าผู้อาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มิอาจทานทน!

.....

หนึ่งเดือนให้หลัง

ณ ทวีปชิงชาง จักรวรรดิหนานอวิ๋น

สุสานร้าง นอกอาณาเขตเมืองหนิงอัน...

“ปัง! ปัง! ปัง!”

“พวกเจ้าเร่งมือเข้า! รีบๆตอกตะปูโลงให้แน่น อย่าได้เหลือช่องให้นังปัญญาอ่อนด้านในคลานหนีออกมาได้เป็นอันขาด!”

อิสตรีน้อยนางหนึ่งยืนกำกับอยู่ไม่ไกล เผยแสดงท่าทีหยิ่งผยองเกินแปดส่วน กำลังสั่งการบรรดาบ่าวไพร่ที่สวมใส่ชุดรับใช้ จิกหัวสั่งการด้วยท่าทางกดขี่

“คุณหนูรองโปรดวางใจเถิด บ่าวทุบกระทืบแขนขาของนังนั่นเสียจนหักสะบั้นหมดสิ้นแล้ว อีกทั้งได้สั่งการให้คนกรอกยาสลบใส่ปากมันจนหมดซอง! รับรองว่ากว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ เกรงว่าคงถูกดินที่กลบฝังถล่มทับลงมาจนขาดอากาศหายใจไปเสียก่อน ต่อให้จะพยายามคิดหนีสักเพียงใด ย่อมไม่สามารถทำได้!”

บ่าวรับใช้ผู้นั้นที่ขานตอบก็คือพ่อบ้านเฉินแห่งจวนตระกูลเย่

ส่วนอิสตรีน้อยผู้หยิ่งผยองที่ว่าก็หาใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณหนูรองแห่งตระกูลเย่ – เย่เยวี่ยอวี่

ยามเอ่ยถึง ‘นังนั่น’ ในโลงศพ ความเกลียดชังปนสมเพชในเนื้อเสียงล้วนเปล่งปรากฏออกมาอย่างไม่มีปิดบัง รวมไปถึงบ่าวไพร่รอบข้างเองก็ไม่ต่างกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเย่เยวี่ยอวี่ ครั้นพบเห็นตะปูดอกแล้วดอกเหล่าที่ถูกตอกลงบนฝาโลงอย่างแน่นหนา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ยิ่งบานสะพรั่ง

“นังเอ๋อโง่งมปัญญาอ่อน! นังสวะไร้ค่า! ช่างหาญกล้าเพียงใดจึงได้บังอาจหมายปองท่านพี่เฉิน! เสแสร้งทำเป็นแกล้งล้มลงต่อหน้าต่อตาเขา แล้วยังเป็นฝ่ายยื่นมือให้เขาจับประคองขึ้นมาอีก! ช่างหาเรื่องตายโดยแท้!”

แววตาของเย่เยวี่ยอวี่ฉายชัดเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต หากเพ่งพินิศให้ลึกลงไป ย่อมค้นพบเงาแห่งริษยาอันมืดทมิฬสุดขั้วซุกซ่อนอยู่

แต่ทว่า.... นางกับพ่อบ้านนั้นหารู้ไม่ บทสนทนาทั้งหมดล้วนไหลเข้าสู่โสตประสาทของใครคนใดคนหนึ่งเสียแล้ว–

ภายในโลงศพ

ร่างอิสตรีนอนแข็งค้างอยู่เนิ่นนา เสี้ยวอึดใจพลันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางความเงียบงันทั้งมวล!

เฉพาะภาพฉากยามนี้ ผู้ใดพบเห็นล้วนต้องตกตะลึงตาค้าง!

นัยน์ตาสีดำที่ปกติแล้วควรมีข้างละหนึ่ง แต่ทว่าทันทีที่นางลืมตาขึ้น กลับปรากฏเป็นสองที่กำลังทับซ้อนกันอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นัยน์ตาสีดำคู่นั้นพลันประกบเข้าหากัน กลับคืนสู่สภาพที่กลายเป็นหนี่งเดียวดังเดิม

ด้านในโลงศพไม้ปิดทึบมืดมิด เย่หลานค่อยๆแสยะยิ้มมุมปากอย่างแผ่วเบา

“เย่หลาน... ตระกูลเย่... แซ่นามเดียวกับข้า ทว่ากลับเป็นเพียงเศษสวะไร้ค่าที่ถูกผู้คนใต้หล้าสาปแช่งรังแก มันช่าง...น่าขันยิ่งนัก...”

แต่เริ่มเดิมที นางมั่นใจเหลือเกินว่าตนคงต้องสิ้นชีพไปแล้วเป็นแน่แท้ แต่กลับไม่คิดไม่ฝันเลยแม้แต่น้อยว่าหนึ่งเดือนให้หลัง ดวงวิญญาณของตนจะกลับมาถือกำเนิดใหม่ในร่างของอิสตรีโง่เขลา ที่สติปัญญาไม่เต็มและมีชื่อแซ่เดียวกันกับนาง!

ครั้นคิดได้เช่นนั้น รอยยิ้มที่ฉาบชโลมใบหน้าของเย่หลานกลับยิ่งทวีรังสีอำมหิตเข้มข้นกว่าเดิม

“ไอ้พวกเฒ่าขี้ขลาดน่าตายบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น... โลภในพลังจนคิดชั่ว รวมหัวกันใส่ร้ายใช้กลลวงใส่ข้า!! เช่นนั้นก็จงล้างคอรอไว้เถิด!”

“วันใดที่ข้าเย่หลานผู้นี้หวนคืนสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อีกครา วันนั้นย่อมต้องเป็นวันตายของพวกเจ้า!!”

แต่ก่อนอื่น ดูท่าคงจะต้องสะสางพวกขยะชั้นต่ำไม่กี่ตัวข้างนอกนี้เสียก่อน...

ยามนี้ บรรดาบ่าวไพร่ทั้งหลายต่างก็กำลังช่วยกันคนแบกโลงโยนลงไปในหลุม แต่เพิ่งจะทิ้งโลงศพลงไปได้ไม่นาน ด้านในนั้นก็พลันมีเสียงทุบโลงกระหน่ำดังขึ้นไม่หยุดยั้ง

“ปัง! ปัง! ....ปังๆๆๆๆๆ!!!”

บ่าวไพร่เหล่านั้นต่างพากันสะดุ้งเฮือกขวัญกระเจิงอย่างหนัก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความแตกตื่น

“อะ...อันใดกัน? หรือว่านังปัญญาอ่อนนั่นจะฟื้นแล้วกระมัง?”

เบื้องหลัง เย่เยวี่ยอวี่ที่เห็นกลุ่มคนตรงหน้าพากันยืนนิ่งแข็งทื่อเช่นนั้น นางจึงรีบรุดเข้าไปดุด่าเสียยกใหญ่

“ชักช้ากันเสียจริง! เจ้าพวกบ่าวไพร่ไร้ประโยชน์! ถอยออกไปให้หมด!”

นางผลักไสบ่าวไพร่ที่ขวางทางทิ้งไปเยี่ยงผักปลากด้วยความรำคาญ ทว่าจังหวะที่รุดไปถึงแถวหน้า เสียงทุบโลงอีกหนึ่งชุดใหญ่ก็พลันดังสั่นขึ้นเป็นคำรบสองจากก้นหลุม ทำเอาตัวนางเองถึงกับสะดุ้งเฮือกฉับพลัน

และแล้ว...นางก็เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“มิใช่ว่านาง...จะฟื้นคืนสติแล้วรึ?”

คิดได้ดั่งว่า นางจึงรีบหันขวับไปเบื้องหลังทันควัน พร้อมกับตวาดเสียงดังลั่น

“พ่อบ้านเฉิน! นี่เจ้าทำบ้าอันใด? ไหนเจ้าว่ากรอกยาสลบใส่ปากนางแล้วมิใช่รึ? ไฉนเล่านังนั่นจึงได้ฟื้นคืนสติเร็วนัก?!”

พ่อบ้านเฉินรีบตบเท้าขึ้นหน้า ครั้นได้ยินเสียงทุบโลงดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาถึงกับถอดสี รีบเอ่ยปากอธิบายทันใด

“คะ-คง...คงเป็นเพราะพวกบ่าวไพร่ใต้อาณัติพากันเกียจคร้านสันหลังยาวขอรับ! บ่าวสั่งให้จับตัวนางมากรอกยา แต่คงทำทำได้เพียงครึ่งๆกลางๆแล้วก็ละทิ้ง! ภายหลังเสร็จจากเรื่องนี้ รับรองว่าบ่าวจะรีบกลับไปสั่งสอนพวกมันให้เข็ดหลาบ!”

“แต่คุณหนูรองโปรดวางใจเถิด นังปัญญาอ่อนนี่ถูกหักแขนหักขาทิ้งจนหมดแล้ว ต่อให้ฟื้นคืนสติขึ้นมาย่อมมิอาจหนีไปไหนได้ ยามนี้คงนอนเป็นผักอยู่ในโลง ทำได้อย่างมากก็แค่โขกศีรษะสร้างเสียงอึกทึกเท่านั้น”

“ทุกคน! รีบช่วยกันถมดินกลบให้แน่นหนาเร็วเข้า อย่าปล่อยให้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาอีก!”

เย่เยวี่ยอวี่แค่นเสียงพ่นผ่านลำคอดัง ‘หึ’ อย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะตวาดทิ้งท้ายว่า

“ยังจะมัวพูดมากไร้สาระอยู่อีก! รีบจัดการฝังมันให้ตายเสียโดยเร็ว!”

แต่แล้ว สาวใช้นามว่าชิงหงที่ติดตามมาเบื้องหลัง เห็นท่าไม่ดีนักจึงเอ่ยเตือนอย่างลังเลว่า

“แต่คุณหนูรองเจ้าคะ... หากเรื่องนี้หลุดไปถึงหูนายท่านขึ้นมา เกรงว่า...”

เย่เยวี่ยอวี่หันขวับทันใด ตวัดดวงตาเฉียบคมแฝงรังสีน่าสะพรึงแวววับจ้องเขม็งใส่นาง พลางพ่นเสียงที่ฟังดูตลกขบขันขึ้นว่า

“หากพวกเจ้าไม่พูด ท่านพ่อจะรู้ได้อย่างไรเล่า? หรือต่อให้ท่านพ่อจะล่วงรู้ความจริงในภายหลัง ถึงตอนนั้นนังเย่หลานก็คงจะถูกฝังตายทั้งเป็นไปนานแล้ว ไยเล่าที่ท่านพ่อจะต้องลงโทษข้าเพียงเพราะสวะโง่งมนางหนึ่ง?”

ชิวหงตรึกตรองอย่างลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่คิดโต้แย้งขัดคอใดๆผู้เป็นนายอีก อนึ่ง ตัวนางเองย่อมไม่ต้องการเอาชีวิตที่มีค่าของตนเข้าแลกเพื่อเศษสวะผู้หนึ่ง

บ่าวไพร่ทั้งหลายที่ได้รับคำสั่ง ต่างก็พากันเร่งมือหยิบจอบเสียมกลับขึ้นมาขุดดดินเพื่อฝังกลบต่อโดยเร็ว

“ปัง! ปัง! ปังๆๆๆๆ!!!....”

เสียงทุบโลงจากด้านในยังคงดังกระหึ่มไม่หยุดหย่อน

เย่เยวี่ยอวี่ทนฟังนานเข้าก็เริ่มหงุดหงิดรำคาญขึ้นเป็นเท่าทวี ท้ายที่สุดมิอาจทนต่อไปได้ไหว จึงหันไปหยิบหินก้อนใหญ่แถวนั้นขว้างอัดใส่โลงเสียงดัง ‘ปัง!’ พร้อมกับเสียงคำรามสาปส่งว่า

“หยุดเสียที! ขืนเจ้ายังกล้าเคาะโลงอีกเพียงครั้งเดียว ข้าจะสั่งบ่าวไพร่ให้ใช้ดาบใช้มีดเจาะแทงทะลุไปทั่วทั้งโลง ทำให้ร่างของเจ้ารั่วพรุนตายทั้งเป็นอย่างอเนจอนาถ!”

ฉับพลันนั้นเอง เสียงทุบโลงจากภายในจึงได้ขาดหายไป นับแต่นั้นก็เงียบสงัดประหนึ่งมิมีผู้ใดอยู่ภายในเลยทีเดียว

เย่เยวี่ยอวี่หลงเข้าใจไปว่า ฝ่ายนั้นท่าจะกลัวคำขู่ของตนจนขี้ขึ้นสมอง บัดนี้ได้ทีจึงแสยะยิ้มเหยียดกว้างอีกครา ก่อนจะถ่มถุยน้ำลายใส่โลงพร้อมเอ่ยวาจาดูแคลน

“นังสวะเอ๊ย!”

นางหมุนกายกลับไปหาพวกบ่าวไพร่ เชิดคางสูงเสียดกำชับเสียงกร้าวสั่งการว่า

“เร่งมือให้ไว จะต้องถมดินให้แน่นหนา! ห้ามปล่อยให้นังนั่นมีโอกาสแม้แต่จะดิ้นรนโผล่หัวขึ้นมาบนผืนดินได้แม้สักนิด! เข้าใจกันดีแล้วหรือไม่?!”

แต่ถึงอย่างนั้น บรรดาบ่าวไพร่เหล่านั้นต่างพากันยืนแน่นิ่งราวต้องมนต์สะกด ดวงตาของแต่ละคนเบิกโพลงจนแทบถลนหลุดจากเบ้า สีหน้าดูแตกตื่นสุดขีด!

มือที่กำจอบกำเสียมไว้พลันปล่อยให้ร่วงกราวตกลงบนพื้นโดยไม่รู้ตัว จนเกิดเสียง ‘ตึง!’ ดังระงมไปทั่ว

ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็คือเบื้องหน้าหรือข้างหลังของเย่เยวี่ยอวี่ในยามนี้นั่นเอง...

สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนล้วนฉายแววตื่นตระหนกและหวาดกลัวเกินพรรณนา

เย่เยวี่ยอวี่เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น มิวายตวาดใส่บ่าวไพร่อีกระลอก

“อันใด? มัวทำสีหน้าพิลึกพิลั่นจ้องหน้าข้าอยู่ด้วยเหตุใด? รีบเร่งมือฝังมันเร็วเข้า!!”

แต่ใครเล่าจะรู้ วาจาเพิ่งหลุดพ่นออกจากปากไป แต่ชิวหงกลับกรีดร้องเสียงหลงแทรกสวนขึ้นทันควัน น้ำเสียงแหลมแสบแก้วหูของนางเต็มไปด้วยความผวาหวาดกลัวสุดขีด!

“ผะ-ผี! ผี!!”

พ่อบ้านเฉินเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน ใบหน้าถอดสีซีดเผือด เนื้อตัวสั่นระริกชี้นิ้วตั้งตรงไปทางด้านหลังของเย่เยวี่ยอวี่

“คะ...คุณหนูรอง...ข้างหลัง...ข้างหลังท่าน...!!”

เย่เยวี่อวี่ยังมิทราบว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้น แววตาจึงฉายความงุนงงสงสัย ค่อยๆหันศีรษะย้อนกลับไปมองพร้อมกับบ่นพึมพำ

“ผีบ้าผีบออันใด? ด้านหลังข้าน่ะรึมี...”

วาจาคำบ่นนั้นยังมิทันจบประโยค เสียงของนางก็พลันดับลงกลางคัน!

เพราะเบื้องหลังของนางในยามนี้ แท้จริงแล้วคือสุสานรกร้างเก่าแก่ ซากศพไร้หลุมฝังจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกทิ้งเกลื่นกลาดตามผืนดิน จู่ๆก็ทยอยลุกขึ้นและกำลังเดินโงนเงนเข้ามา!

บางร่างศพไร้หัว บางร่างแขนขาถูกตัดไม่ขาดดีจึงห้อยโตงเตง

ซ้ำบางร่างยังเน่าเฟะเต็มไปด้วยหนอนเน่าชอนไช

และบางร่างก็ไม่เหลือเนื้อหนัง หากแต่เป็นเพียงโครงกระดูกผุพังเดินได้!

พวกผีห่าทั้งหลายโผล่ขึ้นมาจากกลางกองซากศพรกร้าง กระทั่งขุดตัวเองขึ้นมาจากใต้ผืนดินก็ยังมีให้เห็น!

ทั้งหมดล้วนเปล่งเสียงร้องระงมดัง ‘ฮืออ...ฮู้วว...’ แหบพร่าแต่ช่างโหยหวนชวนขนหัวลุกยิ่งนัก ศพแล้วศพเล่าพากันเดินโซเซเข้ามาหาเย่เยวี่ยอวี่และบ่าวไพร่ทีละก้าว...

“กรี๊ดดดด!!”

“ผ-ผี...ผี!! นี่มันอันใด? นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน!?”

เย่เยวี่ยอวี่พลันฟื้นสติฉับพลัน หวิดเสียขวัญถึงขั้นสติแตกกระเจิง ได้แต่ร้องเสียงสั่นเทาพร้อมกับคู่เท้าที่ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ทันระวังตัว จึงได้เผลอเหยียบเข้ากับจอบที่ตกอยู่บนพื้นอย่างมิตั้งใจ ร่างทั้งร่างจึงล้มกลิ้งหน้าคะมำติดดิน สิ้นท่าอย่างน่าอับอาย

“หนี! รีบหนีเร็วเข้า!!”

พ่อบ้านเฉินและบ่าวไพร่ต่างพากันเร่งหมุนกายเพื่อหนีเอาชีวิตรอด ทว่าในเสี้ยวพริบตาขณะนั้นเอง เบื้องหลังที่หันไปก็พลันปรากฏเงาของซากศพที่พากันลุกขึ้นขวางทางไว้!

ใช่แล้ว เพราะที่นี่คือสุสานร้าง ย่อมต้องมีศพเกลื่อนกลาดทั่วสารทิศ จึงหาใช่เรื่องแปลกไม่

ซากศพจำนวนมากมายทยอยเดินโงนเงนเข้ามาไม่หยุดหย่อน ไม่นานเกินรอ ฝูงซากศพเดินได้เกินคนานับก็ตรงเข้าปิดล้อมเย่เยวี่ยอวี่และบ่าวไพร่ไว้ทั่วทุกทิศ!

“อ๊ากกก!! ไสหัวไปซะ! ไสหัวไปให้หมด!!”

ปรากฏว่าพ่อบ้านเฉินเป็นคนแรกที่สติแตก มือไม้สั่นระริกไร้เรี่ยวแรงเกินควบคุม เจ้าตัวรีบแย่งจอบด้ามหนึ่งมาจากมือบ่าวไพร่ใกล้ตัว แล้วกวัดแกว่งฟาดฟันเข้าใส่เหล่าซากศพเดินได้อย่างสุดกำลัง ปากก็พลางกรีดร้องคลุ้มคลั่งเยี่ยงคนบ้าเสียสติ

ทว่าพ่อบ้านเฉินพุ่งกระโจนออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ซากศพเดินได้รอบด้านกว่าเจ็ดถึงแปดตัวก็พลันกระโจนรุมเข้ามาพร้อมกัน พวกมันเปิดปากเน่าเฟะฉีกกว้าง เผยให้เห็นบ่อเลือดและเขี้ยวฟัน ประหนึ่งว่าพร้อมที่จะกัดกระชากทุกสรรพสิ่ง จากนั้น พวกมันก็เริ่มรุมทึ้งฉีกกัดเนื้อหนังบนร่างของพ่อบ้านเฉินอย่างบ้าคลั่ง

“อ๊ากกกก!! มะ-...ไม่!! อย่า! อย่ากินข้า! อย่าาา!!!”

พ่อบ้านเฉินกระเสือกกระสนดิ้นรนอย่างสุดกำลังเพื่อหวังเอาชีวิตรอด แต่ทว่าทุกกลับไร้ผลอย่างสิ้นเชิง ในฐานะคนธรรมดาไร้พลังปราณยุทธ์ ท่ามกลางฝูงศพเดินได้นับหลายชีวิตที่บ้าคลั่งทั้งหมด ล้วนเป็นการกระทำที่สูญเปล่า!

ผ่านไปชั่วครู่ เสียงกรีดร้องโหยหวนของเขาก็พลันถูกกลบหายในชั่วพริบตา เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงเขมือบกัดดัง ‘ก๊อบแกร็บ’ จากเหล่าซากศพที่กำลังรุมกัดกินเนื้อสด น้ำเลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นเป็นวงใหญ่

เย่เยวี่ยอวี่และบ่าวไพร่ที่เห็นเหตุการณ์สุดสยองต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ต่างก็พากันตกใจสุดขีดจนแทบจิตใจแตกสลายตายทั้งเป็น ทุกคนล้วนผวาหวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

สาวใช้นามหงนางนั้นพลันหน้าซีดเผือด ร่างกายเพรียวบางสั่นสะท้านขวัญกระเจิงไปถึงภายใน ท้ายสุดมิอาจทนต่อภาพฉากแห่งความสยดสยองอย่างที่สุดตรงหน้าได้ จึงได้แต่โก่งตัวงอพ่นอาเจียนออกมาเสียงดัง ‘แหวะะ!!’

สุดท้ายแล้ว ทุกคนล้วนถูกซากศพเดินได้นับร้อยร่างไล่ต้อนรายล้อม จนต้องถอยไปชิดติดขอบหลุมด้านหลัง ต่างคนต่างพากันยืนนิ่งตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้นหิน จะขยับเขยื้อนสักนิดยังมิหาญกล้าที่จะทำ

ขณะที่เย่เยวี่ยอวี่และบ่าวไพร่ยังครุ่นคิดหาทางรอดไม่ออกว่า จะจัดการเยี่ยงไรกับซากศพมหาภัยพันธุ์นี้ดี ทันใดนั้นเอง ก็พลันปรากฏซากศพเดินได้ในสภาพสมบูรณ์อยู่ฝูงหนึ่ง ค่อยๆเดินไต่ไปหาโลงศพที่อยู่ในหลุมดินลึกซึ่งกักขังเย่หลานไว้

ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่า... พวกมันกลับรวมพลังระดมเรี่ยวแรงมหาศาล ช่วยกันงัดถอนตะปูนับยี่สิบตัวที่ปิดผนึกอยู่บนฝาโลงทิ้งไปด้วยมือเปล่า!

ภายใต้ห้วงภวังค์แห่งความเงียบสงัดอันแสนสะพรึงนั้น–

พลันปราฎฝ่ามือสีขาวเปื้อนเปรอะไปด้วยคราบเลือดโผล่ออกมา และได้คว้าจับขอบโลงไว้แน่นหนับ เสียง ‘ปัง!’ดังสะท้อนกังวานกึกก้องไปทั่วทั้งสุสานร้าง...

อ่านต่อ

หนังสืออื่นๆ ของ NovelHall

ข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือที่คุณอาจชอบ

แฟนเก่าอย่าหวง(ก้าง)18+

แฟนเก่าอย่าหวง(ก้าง)18+

ซีไซต์
5.0

ก็เลิกกันไปแล้ว ไม่รักกันแล้ว ไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง ขุนพลแฟนเก่าของนาเดียพยายามเข้าใกล้เธอเหมือนมีเจตนาแอบแฝง นาเดียไม่ไว้ใจเขาทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้พบหน้า เธอพยายามถอยห่าง เขาพยายามรุกคืบ และการกระทำนั้นทำให้เธอเริ่มสั่นคลอนลงทุกวัน เขายังทำตัวเป็นหมาหวงก้าง และระรานคนไปทั่ว ผู้ชายเฮ็งซวยที่เลิกกันไปหลายปีแล้วกำลังทำให้เธอเจอกับเรื่องยุ่งเหยิงที่ยิ่งแก้ก็เหมือนยิ่งพันตัวเธอจนติดหนึบกับเขา คำแนะนำ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นนะคะ หากชื่นชอบรบกวนผู้อ่านทุกท่านกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ และซื่อในเว็บหรือแอนดรอยจะราคาถูกกว่า แอปเปิ้ลนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

ทะลุมิติมาเป็นบุตรสาวหญิงหม้าย

l3oonm@
5.0

จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง

มาชาวีร์
4.8

หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

ทางเดินใหม่ของหัวใจ

Viv Thauer
5.0

เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”

บท
อ่านเลย
ดาวน์โหลดหนังสือ
กำเนิดใหม่คุณหนูใหญ่ขยันเชือด
1

บทที่ 1 หวนคืนจากหลุมศพ

05/11/2025

2

บทที่ 2 เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ !

05/11/2025

3

บทที่ 3 รูปโฉมอันน่าอัศจรรย์ตา

05/11/2025

4

บทที่ 4 สามวันสามคืนเต็ม

05/11/2025

5

บทที่ 5 บ่าวไพร่ชั่วโฉดรังแกเจ้านาย (1)

05/11/2025

6

บทที่ 6 บ่าวไพร่ชั่วโฉดรังแกเจ้านาย (2)

05/11/2025

7

บทที่ 7 เอาล่ะ ผู้ใดกันแน่คือเศษสวะ (1)

05/11/2025

8

บทที่ 8 เอาล่ะ ผู้ใดกันแน่คือเศษสวะ (2)

05/11/2025

9

บทที่ 9 สะเทือนไปทั่วสามพิภพ!

05/11/2025

10

บทที่ 10 ไปนำตัวนางมาพบข้าเดี๋ยวนี้!

05/11/2025

11

บทที่ 11 แค่คิดดอกเบี้ย ผิดนักรึไง

05/11/2025

12

บทที่ 12 จับจ่ายซื้อทาส

05/11/2025

13

บทที่ 13 การเลือกสรร

07/11/2025

14

บทที่ 14 พิธีกำเนิดหุ่นเชิดศพ

07/11/2025

15

บทที่ 15 สองไพ่ตายใบสำคัญ

07/11/2025

16

บทที่ 16 เงินดีผีคุ้ม

08/11/2025

17

บทที่ 17 กลับจวนตระกูลเย่

08/11/2025

18

บทที่ 18 ข้าไม่เชื่อ! เป็นไปไม่ได้!!

08/11/2025

19

บทที่ 19 ต้องชิงฆ่าเย่หลานก่อน!

09/11/2025

20

บทที่ 20 ตราประทับสัญญาทาสแห่งดวงหทัย

09/11/2025

21

บทที่ 21 กายวิญญาณวารี

09/11/2025

22

บทที่ 22 ผู้ใดอยู่ในห้องเจ้า

10/11/2025

23

บทที่ 23 ศพระดับเซียนยุทธ์

10/11/2025

24

บทที่ 24 เรื่องมาหาถึงที่!

10/11/2025

25

บทที่ 25 รีบขอโทษคุณชายเหอเฉินซะ! (1)

11/11/2025

26

บทที่ 26 รีบขอโทษคุณชานเหอเฉินซะ! (2)

11/11/2025

27

บทที่ 27 จงมาเป็นสาวใช้ของข้า (1)

11/11/2025

28

บทที่ 28 จงมาเป็นสาวใช้ของข้า (2)

12/11/2025

29

บทที่ 29 มั่นใจนักก็จงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน!

12/11/2025

30

บทที่ 30 ถึงคราชำระบัญชีระหว่างเราแล้วกระมัง

12/11/2025