เพื่อลากคอแก๊งนรกเข้าตาราง ฉันยอมเอาตัวเข้าแลก ยอมกัดฟันปล่อยให้ไอ้โรคจิตลูบไล้ต้นขาและล้วงมือเข้ามาใต้กระโปรงบนรถเมล์เพื่อเก็บหลักฐาน ฉันคิดว่าตัวเองเป็น 'ผู้ล่า' ที่กำลังต้อนแกะเข้ากรง แต่ทันทีที่สับกุญแจมือคนร้าย โลกทั้งใบกลับมืดดับลงพร้อมกับถุงดำที่คลุมหัว เมื่อลืมตาตื่นขึ้นในโกดังค้ามนุษย์ ฉันถึงได้รู้ความจริงที่น่าสะอิดสะเอียน ไอ้โง่ที่ฉันจับเป็นแค่เหยื่อล่อ ส่วนบอสใหญ่ตัวจริงคือ 'พชร' ชายหนุ่มมาดดีที่ยืนมองฉันถูกย่ำยีมาตลอดโดยไม่คิดจะช่วย เขารู้อยู่เต็มอกว่าฉันเป็นตำรวจ แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ เพื่อสนุกกับการปั่นหัวฉันเล่น วินาทีที่ฉันฉวยโอกาสเอามีดจ่อคอหอยเขา เขากลับไม่สะทกสะท้าน แถมยังยื่นหน้าเข้ามากระซิบด้วยแววตาโรคจิต "รู้ไหม... การได้มองตำรวจหญิงผู้มั่นใจ ค่อยๆ เดินลงนรกที่ฉันสร้างไว้ มันเร้าใจยิ่งกว่าตอนเห็นเธอถูกลวนลามซะอีก"
เพื่อลากคอแก๊งนรกเข้าตาราง ฉันยอมเอาตัวเข้าแลก ยอมกัดฟันปล่อยให้ไอ้โรคจิตลูบไล้ต้นขาและล้วงมือเข้ามาใต้กระโปรงบนรถเมล์เพื่อเก็บหลักฐาน
ฉันคิดว่าตัวเองเป็น 'ผู้ล่า' ที่กำลังต้อนแกะเข้ากรง แต่ทันทีที่สับกุญแจมือคนร้าย โลกทั้งใบกลับมืดดับลงพร้อมกับถุงดำที่คลุมหัว
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นในโกดังค้ามนุษย์ ฉันถึงได้รู้ความจริงที่น่าสะอิดสะเอียน
ไอ้โง่ที่ฉันจับเป็นแค่เหยื่อล่อ ส่วนบอสใหญ่ตัวจริงคือ 'พชร' ชายหนุ่มมาดดีที่ยืนมองฉันถูกย่ำยีมาตลอดโดยไม่คิดจะช่วย
เขารู้อยู่เต็มอกว่าฉันเป็นตำรวจ แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ เพื่อสนุกกับการปั่นหัวฉันเล่น
วินาทีที่ฉันฉวยโอกาสเอามีดจ่อคอหอยเขา เขากลับไม่สะทกสะท้าน แถมยังยื่นหน้าเข้ามากระซิบด้วยแววตาโรคจิต
"รู้ไหม... การได้มองตำรวจหญิงผู้มั่นใจ ค่อยๆ เดินลงนรกที่ฉันสร้างไว้ มันเร้าใจยิ่งกว่าตอนเห็นเธอถูกลวนลามซะอีก"
บทที่ 1
สารวัตรรวิ (เมีย) POV
มือหยาบกร้านลูบไล้ขึ้นมาตามต้นขาของฉัน สัมผัสเย็นเยือกที่กระตุ้นให้เส้นขนทั่วร่างลุกชัน ความรู้สึกตกใจปะทะเข้ากับฉันอย่างจังจนลมหายใจสะดุด ความหวาดกลัวที่รุนแรงจนน่าคลื่นไส้แล่นพล่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย ฉันรู้สึกเหมือนถูกย่ำยี ทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉันพยายามจะขยับตัวออกห่าง แต่กลับไม่รู้ว่าคนที่กำลังลวนลามฉันอยู่คือใคร ความรู้สึกไร้ที่พึ่งถาโถมเข้ามา ความวิตกกังวลทำให้หัวใจเต้นรัวจนเจ็บหน้าอก ฉันตัวสั่นเทาไปหมดราวกับใบไม้ที่ถูกลมพายุพัดแรงๆ
เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นข้างหู "อย่าร้องนะคนสวย ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอไม่มีที่ยืนในสังคม" คำขู่นั้นเย็นชาจนฉันรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง ความสิ้นหวังกัดกินจิตใจฉันอย่างโหดร้าย และลางร้ายที่น่ากลัวก็ฉายชัดขึ้นมาในสมอง
อากาศในรถเมล์ร้อนอบอ้าวและชื้นราวกับป่าดงดิบ มันทำให้ฉันอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมและซอกคอ
ฉันเพิ่งจะขึ้นรถเมล์มาทั้งที่เสื้อผ้ายังเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนที่เพิ่งจะซาไปเมื่อไม่นานมานี้ ความเหนอะหนะของเสื้อผ้าที่ติดผิวทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายตัวตั้งแต่แรก
กลิ่นอับของเหงื่อไคลผสมกับกลิ่นน้ำหอมฉุนๆ ลอยอบอวลไปทั่วรถเมล์ ฉันยืนเบียดเสียดอยู่ตรงกลางรถ โดยมีผู้คนรายล้อมจนแทบไม่มีพื้นที่ส่วนตัว
บางครั้งหยดน้ำฝนที่กระเซ็นเข้ามาทางหน้าต่างก็ทำให้ฉันรู้สึกเย็นวาบไปชั่วขณะ มันเป็นความรู้สึกผ่อนคลายเพียงชั่วครู่ก่อนที่ความอึดอัดจะกลับมาอีกครั้ง
ฉันพยายามปรับท่าทางเพื่อให้เสื้อผ้าที่เปียกชื้นไม่แนบเนื้อจนเกินไป ความหงุดหงิดแล่นขึ้นมาเล็กน้อยกับความไม่สบายตัวนี้
สายตาของฉันกวาดมองไปรอบๆ รถเมล์อย่างระแวดระวัง ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกถึงการสัมผัสที่แปลกประหลาด มันเบาบางจนเกือบจะคิดว่าตัวเองคิดไปเอง
ฉันก้มลงมองทันทีที่รู้สึกถึงสัมผัส ซึ่งก็พบว่าเป็นเพียงกระเป๋าถือของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พยายามบอกตัวเองว่าฉันคงจะคิดมากไปเอง
ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำลงมาที่หน้าผาก ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ตลอดเวลา
รถเมล์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ผู้คนยังคงเบียดเสียดกันแน่น ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับพื้นที่ที่จำกัด และพยายามขยับตัวถอยหลังให้มีช่องว่างมากขึ้น
แต่การถอยหลังของฉันกลับทำให้เท้าไปเหยียบรองเท้าหนังของใครบางคนเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฉันยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็รีบเอ่ยคำขอโทษทันทีด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุด
ทันใดนั้นรถเมล์ก็เบรกกะทันหันอย่างแรงจนตัวฉันเซไปข้างหน้า
ร่างกายของฉันถูกแรงเหวี่ยงเหวี่ยงไปชนกับประตูรถเมล์อย่างแรง จนรู้สึกเจ็บไปหมด
ขณะที่ฉันกำลังจะทรงตัวให้มั่นคงอีกครั้ง มืออุ่นๆ ข้างหนึ่งก็สัมผัสเข้าที่ต้นขาของฉันอย่างจัง ความตกใจแล่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกไม่สบายใจ
ฉันหันขวับไปมองทันที แต่กลับไม่เห็นมีใครที่น่าสงสัย ผู้คนรอบข้างยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่กับโลกส่วนตัวของตัวเอง
ฉันพบว่าด้านหลังของฉันมีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังตั้งใจเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่เท่านั้น ความรู้สึกโล่งใจเพียงชั่วครู่ทำให้ฉันเข้าใจผิดว่าปลอดภัยแล้ว
แต่สัมผัสที่ต้นขายังคงอยู่ มือที่หยาบกร้านยังคงลูบไล้ขึ้นลงอย่างช้าๆ จนฉันรู้สึกคันยุบยิบ ความรู้สึกขยะแขยงและความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
หัวใจของฉันเต้นรัวเร็วขึ้นราวกับกลองรบ สัมผัสที่ต้นขาเริ่มรุนแรงขึ้น และฉันก็เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง ความหวาดกลัวที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทำให้ร่างกายของฉันเริ่มแข็งทื่อ
ฉันรู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกลวนลามบนรถเมล์สาธารณะ ความรู้สึกช็อกทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับฉันได้ ความโกรธปะทุขึ้นมาในใจอย่างรุนแรง
ฉันพยายามจะปัดมือของอีกฝ่ายออกไป แต่กลับถูกผลักให้แผ่นหลังแนบติดกับประตูรถเมล์อย่างแน่นหนา ฉันรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดอยู่ข้างหูทำให้ฉันขนลุกซู่ ความรู้สึกขยะแขยงปะปนกับความกลัว ทำให้ท้องของฉันปั่นป่วนไปหมด
"หยุดนะ" ฉันพยายามพูดออกไป แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับสั่นเครือจนแทบไม่ได้ยิน
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ มือของเขาก็สอดเข้ามาใต้กระโปรงของฉันอย่างรวดเร็ว ความตกใจทำให้ฉันตัวแข็งทื่ออีกครั้ง ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจฉันอย่างสมบูรณ์
ฉันพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ถูกมือใหญ่ปิดปากไว้อย่างรวดเร็ว ความตื่นตระหนกทำให้ฉันหายใจไม่ออก
นิ้วของเขากดลงบนริมฝีปากและลิ้นของฉันอย่างแรง ความรู้สึกขยะแขยงทำให้ฉันอยากอาเจียน ฉันรู้สึกไร้ค่าและไร้อำนาจอย่างที่สุด
ฉันไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ชัดเจน มีเพียงเสียงอู้อี้ที่เล็ดลอดออกมาจากลำคอ ความผิดหวังและความสิ้นหวังกัดกินหัวใจฉันอย่างช้าๆ
ฉันมองไม่เห็นหน้าของคนที่กำลังลวนลามฉันอยู่ ทำให้ความกลัวยิ่งทวีคูณ ฉันพยายามมองหาความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเลย
ร่างกายของฉันสั่นเทิ้มไปหมดด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ความตกใจทำให้ฉันแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น
น้ำตาแห่งความอับอายไหลอาบแก้มอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ร่างกายยังคงสั่นเทาไม่หยุด ฉันปรารถนาให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็วที่สุด
ในใจของฉันเต็มไปด้วยความสับสน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับฉันได้
สายตาของฉันกวาดมองออกไปนอกหน้าต่างรถเมล์ ผู้คนที่เดินอยู่บนถนนดูเหมือนจะจ้องมองมาที่ฉันอย่างตัดสิน ฉันรู้สึกอับอายราวกับถูกเปลือยเปล่าต่อหน้าสาธารณชน
ขาของฉันสั่นจนแทบจะยืนไม่ไหว ความอับอายที่รุนแรงทำให้ฉันอยากจะหลบซ่อนตัวจากสายตาของทุกคน
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ มันเหมือนฝันร้ายที่กลายเป็นจริง และความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตของฉันก็ถูกทำลายลงในพริบตา
ทันใดนั้นสายตาของฉันก็ปะทะเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉัน พริบตาหนึ่งฉันรู้สึกถึงความหวัง
ฉันพยายามใช้สายตาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่เขากลับผิวปากอย่างไม่สนใจ แล้วหันหน้าหนีไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความรู้สึกถูกหักหลังและความสิ้นหวังถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
ผู้โดยสารทุกคนในรถเมล์ต่างถอยห่างจากฉันไปหนึ่งก้าว ราวกับว่าฉันเป็นตัวประหลาดที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง
ฉันรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างพิจารณา ราวกับว่าพวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ความอับอายทำให้ฉันอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้
ฉันส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง ความรู้สึกไร้ที่พึ่งทำให้ฉันยอมจำนนต่อสถานการณ์
"ฉันจะทำตามทุกอย่างที่นายต้องการ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ" ฉันเอ่ยเสียงเบาอย่างสิ้นหวัง มันเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากส่วนลึกของจิตใจที่แตกร้าว
ทันทีที่ฉันพูดจบ รถเมล์ก็ชะลอความเร็วลงและค่อยๆ จอดสนิท
ความรู้สึกโล่งใจเพียงชั่วครู่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ด้วยความว่างเปล่าที่น่ากลัว
ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว
เสียงของผู้โดยสารที่อยู่ด้านหลังเร่งให้ฉันลงจากรถ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม
จิตใจของฉันว่างเปล่า เสียงหึ่งๆ ยังคงดังก้องอยู่ในหู คำขู่ของเขาที่กระซิบข้างหูก่อนจากไปยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง
"อย่าลืมนะคนสวย ถ้าไม่อยากให้รูปเธอว่อนเน็ต พรุ่งนี้ฉันจะรอเธออยู่ที่เดิม" คำขู่นั้นยิ่งทำให้ความสิ้นหวังของฉันลึกซึ้งขึ้น มันเป็นคำขู่ที่ทำให้ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ
หนังสืออื่นๆ ของ Gavin
ข้อมูลเพิ่มเติม